ตอนที่ 489 คงมีสักวันหนึ่ง และมันจะเกิดขึ้นจริงในสักวันหนึ่ง
ท่วงทำนองที่รวดเร็วเช่นนี้เข้ากันได้ดีกับเนื้อเพลง นาทีเดียวกันกับที่อารมณ์ของทุกคนกำลังพลุ่งพล่าน คันชั่งในใจของพวกเขาก็เปลี่ยนแปลงไปโดยที่พวกเขาก็ไม่ทันรู้ตัว!
เสียงก่นด่าในคราแรกของคนเหล่านั้นถูกฝังกลบลงไป นาทีนี้ทุกคนโอนอ่อนไปกับบทเพลงฮึกเหิมและโยกกายไปตามจังหวะดนตรีอย่างพอใจ!
พวกเขายังคงกู่ร้องเช่นเก่า แต่ทว่าเป็นการระบายถึงเลือดในกายของตัวเองที่กำลังเดือดพล่านอยู่ในตอนนี้ นาทีนี้!
“ต่อจากนี้ ฉันจะก้าวต่อไปอย่างกล้าหาญและไม่ย่อท้อ
ต้องมีสักวันที่ พวกคุณจะหันกลับมามองฉันใหม่
ฉันจะสยายปีกออกแล้วโบยบินอย่างอิสระ
นี่คือชีวิตของฉัน คอยดูเอาเถอะ ว่ามันจะต้องมีสักวัน
สักวันหนึ่ง ต้องมีสักวันหนึ่ง คงจะมีสักวันหนึ่ง และมันจะเกิดขึ้นจริงในสักวันหนึ่ง…”
จี้อี้จดจ่ออยู่กับการแสดงบนเวที ระบายทุกห้วงอารมณ์ที่สั่งสมอยู่ในอกให้หลั่งไหลออกมาผ่านเสียงเพลงของเธอ
แม้ร่างกายจะผ่ายผอมและบอบบางเช่นนั้น ทว่าน้ำเสียงกลับทรงพลังและชวนหลงใหลจนน่าตกใจ
เสียงเพลงที่หนักแน่นค่อยๆ เบาลง ดนตรีเองก็ค่อยๆ ราบเรียบลง
ราวกับว่าท่อน ‘สักวันหนึ่ง ต้องมีสักวันหนึ่ง คงจะมีสักวันหนึ่ง และมันจะเกิดขึ้นจริงในสักวันหนึ่ง’ ยังคงกังวานอยู่ไม่คลาย ก่อนที่สุดท้ายท่วงทำนองจะค่อยๆ ช้าลง และเสียงทุ้มก็ค่อยๆ เลือนหายไปอย่างเชื่องช้า…
จี้อี้ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เธอข่มตาแน่น ร่างผอมบางสั่นสะท้าน หน้าอกสะท้อนขึ้นลงหนักหน่วงเนื่องจากการออกแรง
แม้ว่าเสียงจะจางลงไปแล้ว แต่ฝูงชนเบื้องล่างเวทียังคงรู้สึกว่าท่อนที่ร้องว่า ‘สักวันหนึ่ง ต้องมีสักวันหนึ่ง คงจะมีสักวันหนึ่ง และมันจะเกิดขึ้นจริงในสักวันหนึ่ง’ ยังกึกก้องอยู่ในสมองของพวกเขาอย่างไม่รู้จบ!
บนเวทีเงียบสงัด ผู้คนสามหมื่นกว่าคนเบื้องล่างก็เงียบสนิท ทั้งจัตุรัสอิ๋นเหอถูกปกคลุมด้วยความเงียบภายในเสี้ยวนาที
เนิ่นนานกว่าที่จี้อี้จะค่อยๆ ขยับเปลือกตาเปิดขึ้น เธอยกมือขึ้นมาจับไมค์คล้องหู สูดสายใจเข้าจนเต็มปอดแล้วเอ่ยขึ้นว่า
“ฉันไม่เคยสนว่าใครจะตั้งคำถามเรื่องนิสัยรวมถึงเรื่องอื่นๆ ของฉันว่ายังไง แต่สิ่งเดียวที่ฉันไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเลยก็คือการที่ทุกคนตั้งข้อสงสัยกับเพลงของฉัน ฉันมันโง่สิ้นดี ที่ไม่รู้ว่าควรจะอธิบายให้ทุกๆ คนกระจ่างได้ยังไง ฉันเชื่อค่ะว่า ต่อหน้าบุคคลผู้หลงใหลในเสียงเพลงอย่างพวกคุณ มีเพียงเสียงเพลงเท่านั้นที่อธิบายทุกสิ่งได้ ฉันรู้ดีว่าทุกคนยังคงคับข้องใจในตัวฉันอยู่ แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว ก็ขอให้ทุกคนช่วยฟังกันต่อไปด้วยเถอะนะคะ ขณะเดียวกัน ก็เป็นการให้โอกาสครั้งสุดท้ายกับฉัน โอกาสที่ฉันจะได้ร้องเพลง โอกาสที่ฉันจะได้พิสูจน์ตัวเอง…ขอบคุณทุกคนมากค่ะ!”
เสียงของจี้อี้เคล้าไปด้วยเสียงสะอื้นและเสียงหอบหายใจ เธอโน้มลงโค้งคำนับอย่างสุดซึ้งไปยังหน้าเวทีหนึ่งครั้ง!
ผู้คนด้านล่างเวทีหลุดจากภวังค์ บ้างก็อึ้งตะลึง บ้างก็ผลักกันมองหน้ากันไปมา พวกเขาอยากจะยึดมั่นในความคิดของตนและจงเกลียดจงชังเธอต่อไป ทว่าพวกเขาไร้หนทางจะปฏิเสธความจริงใจและความกระตือรือร้นที่มีต่อเสียงดนตรีที่จี้อี้เพิ่งจะแสดงให้ได้ประจักษ์ไปเมื่อครู่!
คล้อยหลังจากที่ความเงียบงันเข้าปกคลุม…
“ฉันเชื่อเธอ! จี้อี้ สู้ๆ นะ!”
“ร้องต่อไป จี้อี้!”
“สู้ๆ!”
“สู้ๆ!”
ในที่สุด เสียงกู่ร้องที่เปล่งออกมาจากหัวใจของใครคนหนึ่ง ก็เรียกกำลังใจและเสียงเชียร์จากผู้คนได้อย่างล้นหลาม!
ดวงตาของจี้อี้เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างไม่อาจห้าม เธอยกมือขึ้นปิดปากข่มใจตัวเองเอาไว้ไม่ให้ปล่อยโฮออกมา!
ฉีน่าที่ซ่อนอยู่ตรงทางเข้ามาโดยตลอด เมื่อได้เห็นว่าผู้ชมค่อยๆ เปล่งเสียงเชียร์ออกมาอย่างไม่ขาดสาย เธอก็ระบายยิ้มออกมาทั้งน้ำตา!
เฉินฝานซิงพรูลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ภายในกรอบตาเองก็มีประกายแสงพร่างพราวออกมาเช่นกัน
ป๋อจิ่งชวนช้อนคางเธอขึ้นมา เมื่อเห็นประกายจากหยาดน้ำในดวงตาของเธอ หัวใจก็พลอยกระตุกเบาๆ
“ปลื้มใจขนาดนั้นเชียว หืม?”
เฉินฝานซิงกัดริมฝีปาก แนบใบหน้าเข้าหาอ้อมกอดของเขา
และอินรุ่ยเจวี๋ยที่อยู่ข้างๆ กันก็คว้าผ้าเช็ดหน้าที่ไหนก็ไม่รู้ขึ้นมากัดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดพลางจับจ้องไปยังจอภาพ!
ตอนที่ 490 เปลืองน้ำตา
และอินรุ่ยเจวี๋ยที่อยู่ข้างๆ กันก็คว้าผ้าเช็ดหน้าที่ไหนก็ไม่รู้ขึ้นมากัดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดพลางจับจ้องไปยังจอภาพ!
“ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะ แม่สาวน้อย!”
“แงๆ แง น่าสงสาร…”
“…”
เฉินเชียนโหรวและหลินสื่อเจียที่ติดตามการถ่ายทอดสดมาตลอด กำลังข่มร่างกายสั่นสะท้านของตัวเองไว้และจ้องไปยังจอภาพโดยไม่พูดจา
หลินสื่อเจียถึงกับเสียความมั่นใจและความอวดดีก่อนหน้าไป ไวน์ในมือถูกวางลงบนโต๊ะน้ำชาไปแล้ว เขานั่งยืดหลังตรง จดจ้องไปยังจี้อี้อย่างไม่อยากเชื่อสายตา
ปฏิเสธไม่ได้ว่าสองเพลงนี้ของจี้อี้ทำให้เขาเริ่มหวาดหวั่นขึ้นมา
และในตอนนั้นเอง จี้อี้ก็ก้มศีรษะระงับอารมณ์ของตนไว้ก่อนจะหันไปหากล้องแล้วพูดว่า
“ต่อไปจะเป็นเพลง ‘ร่างเฟ่ยเหยี่ยนเล่ย’ (เปลืองน้ำตา)! ขอบคุณค่ะ!”
เสียงนั้นสิ้นสุดลงท่ามกลางเสียงเชียร์ ดนตรีจังหวะช้าๆ ก็ดังขึ้นมา…
นายถูกฝึกให้โกหกมาเป็นอย่างดีถูกไหม
ไม่มีใครสอนหรือว่าหลังขโมยกินเสร็จให้หัดเช็ดปากเสียบ้าง
……
มันรู้สึกเหมือนจู่ๆ เส้นประสาทในหัวก็ขาดสะบั้น
ไม่ว่าจะด้วยความแสนดีหรือความโง่เขลาก็เถอะ
แต่ทุกอย่างมันก็เดินทางมาถึงขีดสุดแล้ว
รักนายมันเสียเวลา เกลียดนายมันเปลืองน้ำตา
ให้เชื่อในสัญญาของนาย ฉันยอม
เชื่อว่าในโลกใบนี้มีผียังดีเสียกว่า
ตอนนายแสร้งทำเป็นน่าเห็นใจถึงขั้นยอมบีบน้ำตาออกมา
คิดจะดึงฉันกลับไป นายชักจะโลกสวยไปสักหน่อยแล้วละ
วันพรุ่งนี้ยังรอฉันอยู่ นายช่วยอย่างมาเกะกะ
……
หากจะถามว่าเพลงไหนที่ทำให้เฉินฝานซิงพอจะเดาออกว่าจี้อี้เคยชอบหลินสื่อเจียล่ะก็ ก็คงต้องเป็นเพลงนี้อย่างไม่ต้องสงสัย เนื้อเพลงบ่งบอกออกมาชัดเจนเสียยิ่งกว่าอะไร
หลินสื่อเจียเองก็สัมผัสได้ถึงเรื่องนี้ แต่ทว่าท่อนหนึ่งในเพลงที่ว่า ‘ให้เชื่อนาย ฉันยอมเชื่อว่าในโลกนี้มีผียังดีเสียกว่า’ กลับทำให้เขารับรู้ได้เพียงความอัปยศ
ผู้ชมบางส่วนด้านล่างเวทีเองก็เหมือนจะได้กลิ่นบางสิ่ง ใครที่เข้าใจหัวอกของจี้อี้แม้เพียงแต่น้อยนิดก็รับรู้ได้ว่าความรู้สึกของเธอว่างเปล่าเพียงไหน เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ตอนนี้คนที่พวกเขาพอจะนึกออกก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือหลินสื่อเจีย!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ในหัวใจของพวกเขา หลินสื่อเจียก็ได้กลายเป็นผู้ชายเส็งเคร็งคนหนึ่งไปในทันที เรื่องที่ว่าจี้อี้ ‘คัดลอกผลงาน’ จะต้องมีเงื่อนงำอะไรแน่ๆ!
คนแล้วคนเล่าที่ค่อยๆ รู้สึกตัว แค่คิดก็รู้แล้ว ผู้คนมหาศาลนับสามหมื่นคนเบื้องล่างเวที การแพร่กระจายจึงเป็นไปอย่างรวดเร็วอย่าบอกใคร แรงสนับสนุนของจี้อี้เองก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นทุกชั่วขณะ
หนึ่งบทเพลงตัดใจ ได้รับเสียงกู่ร้องชอบใจจากเบื้องล่างของเวทีอย่างล้นหลาม!
“ยอมเชื่อว่าในโลกนี้มีผีเสียยังดีกว่า ให้ตายยังไงก็ไม่ขอเชื่อลมปากผู้ชาย!”
“ไปตายซะ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย”
“จี้อี้สู้เขา!”
จี้อี้กลับทำเพียงโค้งตัวคำนับอีกครั้ง หลังจากที่เธอร้องเพลงขึ้นมาอีกหลายเพลงนั้น ฝูงชนที่หวังจะมาโห่ไล่ในคราแรก บัดนี้กลับนึกเสียดายที่ตนไม่ได้ซื้อแท่งไฟที่วางขายอยู่ด้านนอกเข้ามาด้วย จะได้เอามาส่งเสียงเชียร์ให้กับคอนเสิร์ตที่สุดยอดแบบนี้!
แต่ทว่าพวกเขาบางคนก็เริ่มหยิบมือถือกันขึ้นมา และปรับแต่งสีที่หน้าจอก่อนจะชูมันขึ้นเหนือศีรษะ!
เบื้องล่างเวทีที่มืดมิดในคราแรก ค่อยๆ พร่างพรายไปด้วยแสงไฟหลากสีสันจากโทรศัพท์มือถือ
จุดประสงค์ที่พวกเขามากันที่นี่คืออะไรน่ะหรือ
ไม่รู้สิ!
รู้เพียงแค่พวกเขาถูกดึงดูดด้วยบทเพลงของจี้อี้อย่างบ้าคลั่งและพ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบ!
นอกจาก เพลงร็อกแอนด์โรล เพลงปลอบประโลม เพลงรัก จี้อี้ยังขับร้องเพลงแนวโบราณมาอีกหนึ่งบทเพลง
“จี้อี้เจ๋งสุดยอดไปเลย เพลงทุกแนวเธอแสดงออกมาได้เพอร์เฟคไปหมด!”
“เพลงของเธอมีเสน่ห์สุดๆ แถมเนื้อเพลงฉันเองก็โคตรชอบเลย มีเอกลักษณ์มากๆ!”
“ใครบอกว่าเธอไม่เอาไหนนี่ มันซุปเปอร์สตาร์แห่งวงการดนตรีที่ในอนาคตชัดๆ!”
เมื่อเห็นสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นในคอนเสิร์ต สีหน้าของเฉินเชียนโหรวก็ย่ำแย่และซีดขาวจนสุดจะบรรยาย
เจียงหรงหรงเองก็สีหน้าถมึงทึงไม่แพ้กัน เธอหันขวับไปหาเฉินเชียนโหรวก่อนจะมุ่นคิ้วถาม
“เพลงพวกนี้จี้อี้แต่งเองเหรอ”
เฉินเชียนโหรวชะงักไปก่อนจะส่ายหน้า “หนูก็ไม่แน่ใจค่ะ”