“…”
ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งจัตุรัสภายในคราเดียว เมื่อได้ยินสามคำสุดท้าย พวกเขาก็แทบจะระลึกขึ้นได้ในทันทีว่าแท้จริงแล้วจุดประสงค์ที่พวกเขามาในวันนี้คืออะไร
แต่ถึงกระนั้น สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องการในตอนนี้เวลานี้ คือการได้ฟังจี้อี้ร้องเพลงตลอดไป
“สำหรับฉัน ‘โตวซื่ออ้าย’ (รักทั้งสิ้น) มีความหมายกับฉันมากจริงๆ แต่ว่าฉันดันทำมันหลุดมือไป เป็นเพราะฉันรักษามันไว้ไม่ดีเอง…”
คล้ายว่าเธอกำลังนึกถึงบางสิ่ง จู่ๆ หยาดน้ำตาก็พลันร่วงรินลงมาอีกครั้ง เสียงสะอื้นไห้ทำเอาคนฟังเจ็บร้าวไปทั้งใจ
“ไม่ว่าพวกคุณจะเชื่อหรือไม่ แต่ต่อไปนี้ต่างหาก ที่เป็น ‘โตวซื่ออ้าย’ ฉบับออริจินอล ขอให้ทุกท่านอดทนในช่วงไม่กี่อึดใจสุดท้ายนี้ ฟังฉันร้องมันออกมาจนจบด้วยเถอะค่ะ จี้อี้…ขอขอบคุณเป็นอย่างสูง…”
เสียงตะโกนเชียร์ถูกส่งขึ้นมาจากเบื้องล่างของเวที!
“ร้องเลย! ร้องเลย! ร้องต่อไปเรื่อยๆ นะ!”
“ร้องเลย สู้ๆ ฉันอยู่ข้างเธอ!”
“จี้อี้! จี้อี้! จี้อี้!!”
ไม่ว่าทุกคนในซิงเฉินกั๋วจี้ที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ หรือติดตามผ่านหน้าจอ ต่างก็กำลังจับตามองจี้อี้ด้วยหัวใจระทึก!
อีกไม่นานคอนเสิร์ตก็จะจบลงแล้ว และนั่นคือนาทีชี้ชะตาที่สำคัญที่สุดของบริษัทของพวกเขา
จะเป็นความสำเร็จที่นำพามาซึ่งความรุ่งโรจน์อันไร้ขีดจำกัด หรือ จะล้มเหลวไม่เป็นท่า!
จี้อี้ยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าทิ้ง เครื่องสำอางที่ถูกเติมแต่งอย่างงดงาม บัดนี้เลอะเลือนไปบ้างแล้ว เส้นผมสีแดงคล้ายกลีบดอกบัวที่ปรกอยู่บนแผ่นหลังแทบจะห่อหุ้มร่างผอมบางของเธอเอาไว้ได้ทั้งร่าง!
ดูๆ ไปแล้วก็เป็นความงดงามที่คละเคล้าไปด้วยความโศกเศร้าและเงียบงัน
จี้อี้เชิดหน้าขึ้นอีกครั้ง พลางสูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนก้มหน้าลงมองเปียโนตรงหน้า
ตอนที่ 492 รักทั้งสิ้น (2)
จี้อี้เชิดหน้าขึ้นอีกครั้งพลางสูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนก้มหน้าลงมองเปียโนตรงหน้า
เสียงเชียร์เบื้องหน้าค่อยๆ สงบลง ผู้ชมจ้องมองไปยังจี้อี้อย่างเงียบเชียบและรอคอย
หลังจากที่ความเงียบสิ้นสุดลง เสียงใสๆ จากเปียโนก็ถูกร้อยเรียงขึ้นเป็นบทเพลงเพลงหนึ่ง ดังก้องไปทั้งจัตุรัสอิ๋นเหออันกว้างใหญ่
คงเป็นเพราะการแสดงก่อนหน้านี้ น้ำเสียงอันไพเราะของจี้อี้จึงฟังดูแหบพร่าไปสักเล็กน้อย แต่เสียงในลำคอที่เป็นเช่นนี้กลับช่วยเสริมอารมณ์ของบทเพลงนี้ให้ยิ่งเข้มข้นขึ้น!
ลืมตาขึ้นมา บรรยากาศก็เดือดพล่านแปรปรวน
ทันใดนั้นฉันก็ได้รู้ซึ้งในหลายๆ สิ่ง
หากพูดถึงความฝัน ตื่นขึ้นมาวูบหนึ่งก็พลันสลายไป
โลกใบนี้ก็เป็นแค่กองขี้เถ้าที่เงียบสงบ
เคยซ่อนอยู่ท่ามกลางทะเลผู้คนนับพันล้าน
เพราะคำว่ารักจึงถูกผลักดันให้ก้าวออกมา
ฉันขอไม่มาก เพียงแค่เวลาสักสองสามนาที
ให้ฉันได้กล่าวคำขอบคุณในใจออกมาดังๆ
รัก คือสถานีแรกของฉัน
รัก ชี้นำทางให้กับฉัน
รัก ไม่ห่างกายแม้คืบเดียว
ฝ่าความเลือนรางไปพร้อมกัน
ก้าวมาจนถึงเวทีที่ตะวันกำลังส่องอำไพ
ความกล้าหาญที่เคยเปียกปอนด้วยหยาดฝน
ความอบอุ่นที่คุณเคยมอบให้
ทุกสิ่งล้วนมาจาก
รัก คือสถานีแรกของวันข้างหน้า
รัก สอนให้ฉันเปิดผนึกความฝันออกมา
รัก ต้องการให้ฉันเชิดหน้าขึ้นมา
แม้นเป็นเพียงดาราที่โรยแรงที่สุดบนท้องนภา
ก็มีสิทธิ์จะช่วงชิงความเจิดจ้าที่งดงามเหนือกว่าใคร
รัก ต้องการให้ฉันเชิดหน้าขึ้นมา
แม้นเป็นเพียงดาราที่โรยแรงที่สุดบนท้องนภา
ก็มีสิทธิ์จะช่วงชิงความเจิดจ้าที่งดงามเหนือกว่าใคร
……
ทั้งบทเพลงบาดลึกถึงหัวใจ จี้อี้เล่นเปียโน พลางขับขานบทเพลงออกมาจากทุกห้วงความรู้สึกที่มี
สิ่งที่บทเพลงนี้สื่อออกมานั้นมากมายเกินคณา ราวกับว่าใครคนหนึ่งจมดิ่งอยู่ในความมืดมิดมาช้านาน เธอนึกว่าตนเองนั้นโดดเดี่ยวและสับสนวุ่นวาย ทว่าเธอไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าแท้จริงแล้วตนถูกโอบล้อมไว้ด้วยความอบอุ่นอันไร้เสียงนั้นอยู่เสมอมา เพียงแค่เธอไม่เคยสังเกตเห็นมันเลยเท่านั้นเอง ต่อมาถึงเพิ่งจะตระหนักได้ในเดี๋ยวนั้น…
ระหว่างนั้น ความรู้สึกเสียดายและหน่ายใจต่อตัวเองในอดีต อารมณ์ปรารถนาและความใฝ่ฝันในอนาคตได้ถูกจี้อี้ขับขานออกมาผ่านโทนเสียงสูงอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ทั้งยังแฝงไปด้วยความซาบซึ้งที่ยิ่งใหญ่มหาศาลยิ่งขึ้น เพียงแต่ว่าใครๆ ก็ไม่อาจรับรู้ได้ว่าความรักที่ซาบซึ้งตรึงใจเช่นนี้แท้จริงแล้วมีที่มาจากไหนกันแน่!
ในที่สุดบทเพลงนี้ก็ได้สิ้นสุดลง ตัวโน้ตตัวสุดท้ายของเปียโนจบลง
ทั้งงานถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน
มือของจี้อี้ยังคงประทับอยู่บนแป้นเปียโน ใบหน้าเธอผินขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคู่นั้นปิดลงพร้อมกับหยาดน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาอีกครั้ง
หลังจากที่ความเงียบผ่านพ้นไป ท่ามกลางผู้คนสามหมื่นคนที่อยู่เบื้องล่างก็เกิดการเคลื่อนไหวขึ้นมาเล็กน้อย
“ร้องไห้ทำไมนะ”
“เอ๊ะ? เธอด้วย!”
“…”
กว่าทุกคนจะรู้สึกตัว ก็พบว่าใบหน้าของพวกเขาได้ถูกชโลมไปด้วยหยาดน้ำตาไปแล้ว
บางคนถึงกับสะอื้นจนได้ยินเสียงไปแล้วด้วยซ้ำ
“เวอร์ชั่นของเฉินเชียนโหรวเพราะมากก็จริง แต่ฉันกลับชอบเวอร์ชั่นนี้มากกว่า ทำไงดี”
“ฉันด้วย! ชอบมากจริงๆ นะ!”
“เวอร์ชั่นนี้ซึ้งสุดๆ น้ำตาฉันไหลไม่หยุดเลย…”
ทุกคนต่างก็กำลังปาดน้ำตากันเงียบๆ ความซาบซึ้งกินใจเปี่ยมล้นขึ้นในอก ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็ไม่อาจสลัดมันทิ้งได้!
และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ จอภาพขนาดยักษ์บนเวทีก็ได้สว่างวาบขึ้นมา!
ฝูงชนหันไปให้ความสนใจกันอย่างพร้อมเพรียง
สิ่งที่ถูกถ่ายทอดผ่านจอขนาดยักษ์นั้นก็คือคลิปวีดีโอที่เฉินฝานซิงขอให้ก๊อปปี้ให้กับเธอไปก่อนหน้านี้
ภาพตรงหน้าคือแม่ของจี้อี้ เป็นช่วงขณะที่นางฟ้าแม่ทูนหัวแห่งวงการดนตรีอย่างซื่อซือซินกำลังป่วยติดเตียง
จี้อี้คอยปรนนิบัติพัดวีอยู่รอบเตียงไม่ห่าง ทั้งนวดกาย หวีผม ป้อนอาหาร ป้อนน้ำ…
จนกระทั่งผู้เป็นแม่หลับสนิทไปแล้ว เธอจึงฟุบตัวลงกับเตียงคนไข้และคว้ามือผู้เป็นแม่ขึ้นมาจับเอาไว้แน่น พลางปิดใบหน้าและปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอย่างเงียบเชียบ
เพราะเกรงว่าจะไปรบกวนผู้เป็นแม่ที่กำลังหลับใหลอยู่ เธอจึงกัดริมฝีปากเอาไว้แน่น สะกดกลั้นเสียงร้องของตัวเองไม่ให้เล็ดลอดออกมา ทว่าก็ยังคงได้ยินเสียงสะอื้นไห้ที่แว่วออกมายามพลั้งเผลอ