ตอนที่ 265 อันดับที่หนึ่งและสองของเมืองมาจากห้องเดียวกัน

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

คุณครูที่อยู่ในห้องสำนักงานต่างจ้องไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่กะพริบตา

รวมถึงหลี่อ้ายหรง

“อาจารย์เกา นายคิดว่าฉินหร่านจากห้องนายครั้งนี้จะสอบได้คะแนนเท่าไหร่” มีคนถามเกาหยาง

เกาหยางก็ไม่รู้ว่าคะแนนวิชาฟิสิกส์ของฉินหร่านจะเป็นเช่นไร

ฟิสิกส์ครั้งนี้ยากถึงขนาดนี้ สวีเหยากวงที่เก่งวิทยาศาสตร์ยังได้เพียงสองร้อยเก้าสิบเอ็ดคะแนน และคะแนนพานหมิงเย่ว์เองยังไม่ถึงสองร้อยแปดสิบเสียด้วยซ้ำ เกาหยางนิ่งเงียบอยู่ช่วงครู่ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “น่าจะพอๆ กับสวีเหยากวงล่ะมั้ง”

เกาหยางคาดเดาตามทั่วไป น่าจะอยู่ราวๆ เจ็ดร้อยสามสิบคะแนน ไม่เช่นนั้นแล้วคะแนนก็คงไม่ถูกค้างไว้

คะแนนวิชาฟิสิกส์ของฉินหร่านคงไม่ได้แย่ขนาดนั้น

“เด็กสองคนนี้ของห้องคุณ…” อาจารย์คนอื่นเงียบไปชั่วครู่ ไม่มีใครคิดบอกว่าเกาหยางขี้โม้ “ตั้งใจจะเหมาสามอันดับแรกเลยหรือ”

ไม่มีการเพิ่มคะแนนใดๆ ก็สามารถสอบได้เจ็ดร้อยสามสิบคะแนน ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้จริงๆ

ทันทีที่เขาพูดเช่นนั้นจบ คะแนนบรรทัดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนหน้าเว็บไซต์ที่จอคอมพิวเตอร์

ผู้สอบ: ฉินหร่าน

ภาษาจีน: 147

คณิตศาสตร์: 150

ภาษาอังกฤษ: 150

วิทยาศาสตร์: 300

คะแนนรวม: 747

อันดับระดับเมือง: 1

แม้แต่เกาหยางเองก็อึ้ง เมื่อครู่ตอนที่คะแนนของสวีเหยากวงออก ก็ทำให้คนในสำนักงานต้องตะลึงทีหนึ่งแล้ว คราวนี้เมื่อคะแนนของฉินหร่านออก คนอื่นต่างพากันนิ่งงัน ในห้องสำนักงานแม้แต่เสียงพูดหยอกเกาหยางก็ไม่มี คนที่พูดไปเมื่อกี้นี้งงนิ่ง ก่อนหันไปหาเกาหยาง “อาจารย์เกา เมื่อกี้คุณบอกว่าเจ็ด…เจ็ดร้อยสามสิบ”

นี่มันเจ็ดร้อยสามสิบตรงไหนกัน

เกาหยางอ้าปาก แต่ก็พูดอะไรไม่ออก มือสองข้างที่ทิ้งอยู่ข้างตัวสั่นเทา

เมื่อครู่นับว่าเขาได้ประเมินลูกศิษย์ของตนสูงเกินพอแล้ว ใครจะไปนึกว่า เธอจะมาปล่อยระเบิดเขาเช่นนี้!

นอกจากวิชาภาษาจีน ที่เหลือทั้งหมดล้วนได้คะแนนเต็ม!

คนหนึ่งอันดับที่หนึ่งของเมือง อีกคนหนึ่งอันดับที่สองของเมือง  อีกคนก็อันดับที่ห้าของเมือง ทั้งหมดล้วนมาจากโรงเรียนเดียวกัน โดยเฉพาะอันดับที่หนึ่งและสองของเมืองยังเรียนห้องเดียวกันอีก แถมยังไม่มีการเพิ่มคะแนน คนหนึ่งเจ็ดร้อยสามสิบสอง คนหนึ่งเจ็ดร้อยสี่สิบเจ็ด ผู้คนทั้งหลายพอจะคาดการณ์ได้ว่า…

เหิงชวนของพวกเขาคราวนี้ ดังเป็นพลุแตกแน่

ในมือหลี่อ้ายหรงยังคงถือใบถือใบคะแนนของห้องตัวเอง ลำดับคะแนนดูจากการจัดลำดับของเมืองก็พอจะรู้

นักเรียนห้องพวกเขาทั้งหมดหกสิบคน นอกจากเมิ่งซินหรานแล้ว ที่เหลืออีกห้าสิบเก้าคนล้วนแต่อยู่ในเจ็ดหมื่นคนแรก เมื่อเทียบกับอัตราส่วนกับที่ผ่านมา ผู้ที่ผ่านเจ็ดหมื่นคนแรกล้วนสามารถผ่านการคัดเลือก

ยี่สิบอันดับแรกของห้องหนึ่งล้วนอยู่ในอันดับหนึ่งหมื่นคนแรกของเมือง คะแนนผ่านเกณฑ์มาหนึ่งร้อยคะแนน การเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำก็ไม่ใช่ปัญหา อย่างไรเสียห้องหนึ่งก็เป็นแหล่งรวมหัวกะทิ

ในฐานะครูภาษาอังกฤษ เรื่องที่สองที่เธอใส่ใจก็คือคะแนนภาษาอังกฤษ

หัวข้อในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยครั้งนี้ถือว่าค่อนข้างยากมาก ส่วนการฟังภาษาอังกฤษ ตัวหลี่อ้ายหรงเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสอบผ่านได้หรือไม่ คะแนนหนึ่งร้อยสี่สิบหกของพานหมิงเย่ว์นับว่าเกินความคาดหมายอยู่มาก

คนที่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบคะแนนไปมีไม่ถึงสิบคน

แต่สวีเหยากวงและฉินหร่านคะแนนถึงหนึ่งร้อยห้าสิบ!

คะแนนสอบของสองคนนี้เกินที่เธอคาดการณ์เอาไว้เป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้เหล่าคุณครูในโรงเรียนต่างก็พูดถึงทั้งสามคนในระดับเดียวกัน แต่พานหมิงเย่ว์ได้รับการเพิ่มคะแนน ฉะนั้นคะแนนโดยพื้นฐานแล้วเทียบกับทั้งสองคนไม่ได้เลย!

หลี่อ้ายหรงวิ่งไปที่คอมพิวเตอร์ ดูคะแนนที่เจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์บันทึกไว้ แววตาเหม่อลอย

เธอไม่อยากเห็นสายตาคุณครูคนอื่นแล้ว

มีเพียงความคิดเดียวที่ดังกึกก้องอยู่ในหัว…คราวนี้เธอ แม้แต่ความหวังครั้งสุดท้ายก็ไม่เหลือแล้ว

อันดับที่หนึ่งและอันดับที่สองของเมืองล้วนแต่มาจากห้องเก้า อันดับที่ห้าของเมืองจากห้องของเธอเทียบอะไรไม่ติดเลย…

อย่าว่าแต่คุณครูดีเด่น แม้แต่เรื่องวิชาการเมื่อสอบกลางภาคปีที่แล้วยังถูกภาคทัณฑ์เอาไว้ก่อน รอหลังสอบปลายภาคค่อยชำระตัดสินอีกที

เกาหยางไม่ได้ใส่ใจความคิดของคนอื่น ตอนนี้คะแนนห้องของเขาก็ครบแล้ว เขาให้ชายหนุ่มผู้ดูแลข้อมูลสั่งพิมพ์คะแนนออกมา

สำหรับคะแนนรายวิชา เขาค่อยจัดระเบียบแล้วส่งให้กับครูแต่ละหมวด

ส่วนครูคนอื่นก็มุงล้อมกันเข้ามาดูคะแนนของห้องเก้า

ได้เห็นดังนั้น ต่างคนก็มองหน้ากันไปมา

“อาจารย์เกา ห้องคุณนี่…ห้าอันดับแรกล้วนอยู่ในลำดับหนึ่งพันคนแรกของเมือง”

หลินซือหรานอันดับที่เก้าสิบเอ็ด เซี่ยงหว่านโจวอันดับที่เก้าสิบห้า เฉียวเซิงอันดับที่หนึ่งร้อยแปดสิบเอ็ด

อย่าว่าแต่ห้าอันดับแรก นักเรียนในลำดับถัดๆ มาแต่ละคนคะแนนนับว่าไม่น้อยกันเลยทีเดียว

ประเมินตามอัตราส่วนของนักเรียนที่เข้าร่วมสอบทั้งหมดสี่แสนคน ห้องของเกาหยางได้กลายเป็นที่จับตามองของเมือง อีกทั้งยังมีถึงยี่สิบคน จำนวนคนมากขนาดนี้สำหรับห้องหนึ่งอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่สำหรับห้องเก้า…ห้องที่แสนจะธรรมดา…

เกาหยางมองจากด้านหน้าไปด้านหลังรอบหนึ่ง ความปลาบปลื้มยินดีบนใบหน้ายิ่งชัดเจนมากขึ้น เขารู้สึกดีใจแทนเหล่านักเรียนในห้องของตน

ได้ยินเสียงของเหล่าอาจารย์ที่อยู่ด้านข้าง เขาก็ยิ้มขึ้นมา “ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณฉินหร่าน ที่เธอให้เลคเชอร์จำนวนไม่น้อยกับเพื่อนร่วมชั้น ได้ยินว่าในจำนวนนั้นมีเลคเชอร์ของซ่งลี่ว์ถิงด้วย ซ่งลี่ว์ถิงทุกคนรู้จักใช่ไหม เขาก็คือระดับจอหงวนของประเทศปีที่แล้ว เด็กห้องเก้าเวลาเล่นก็เล่นจริงจัง แต่หนึ่งปีมานี้ก็ขยันตั้งใจมาโดยตลอด ได้คะแนนเช่นนี้มา ผมเองก็รู้สึกภาคภูมิใจแทนพวกเขาจริงๆ”

คำพูดนี้ อาจารย์คนอื่นได้ยิน ก็รู้สึกเซ็งขึ้นมา

ซ่งลี่ว์ถิง พวกเขาจะไม่รู้จักได้อย่างไร

ปีที่แล้วอวิ๋นเฉิงมีระดับจอหงวนประจำเมือง สื่อแต่ละสำนักต่างประโคมข่าวกันอย่างบ้าคลั่ง ทั้งเมืองอวิ๋นเฉิงต่างรู้สึกภาคภูมิใจ ใครจะไปคิดว่าระดับจอหงวนของปีที่แล้วกับจอหงวนของปีนี้จะรู้จักกัน

เป็นโชคของเกาหยาง แค่สุ่มคว้านักเรียนมาสักคน ก็ล้วนแต่ออกมาดีขนาดนี้

โชคแบบนี้อาจารย์ท่านอื่นเหมือนจะไม่มี

อาจารย์ประจำชั้นต่างสนใจคะแนนของนักเรียนในห้อง ทำใจยอมรับนักเรียนซ้ำชั้นแถมวีรกรรมสุดแสบเอาของห้องตัวเอง ถึงแม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะไม่ได้ปากคอเราะรายเหมือนกับหลี่อ้ายหรง แต่ก็ไม่ได้ยอมรับอย่างจริงใจ

หลี่อ้ายหรงยืนอยู่คนเดียวในมุม รู้สึกโกรธจนลำไส้ปั่นป่วนแทบบิดเป็นเกลียว หากครูใหญ่สวีตอนแรกไม่ได้คิดจะยัดฉินหร่านเข้าในห้องหนึ่ง ลี่อ้ายหรงคงไม่หัวเสียถึงเพียงนี้

แต่ครูใหญ่สวีตอนแรกจะให้ฉินหร่านอยู่ห้องของพวกเธอ แต่เป็นเธอที่ปฏิเสธฉินหร่านออกไป ครึ่งปีก่อนเธอยังพออ้างเหตุผลที่ว่าวิชาวิทยาศาสตร์ไม่ดีมาทำให้ตัวเองเฉยชาได้ แต่ตอนนี้กลางฝ่ามือหลี่อ้ายหรงจิกจนแทบเลือดซึม…

เมื่อรีเฟรชคะแนนฉินหร่านและสวีเหยากวงแล้ว โทรศัพท์ของสำนักงานศึกษาธิการเหิงชวนก็ดังลั่นแทบระเบิด

ในเวลานี้ ฉินหร่าน! อันดับหนึ่งของเมือง! เจ็ดร้อยสี่สิบเจ็ดคะแนน!  โรงเรียนมัธยมใหญ่แห่งต่างๆ อีกทั้งสื่อมวลชนต่างโหมประกาศกันราวกับพลุระเบิด!

**

กลางเมืองอวิ๋นเฉิง

ฉินหร่านวางสายเกาหยาง นอนต่อสักครู่แล้วลุกขึ้นมา

เข้าใกล้เดือนเจ็ด อากาศไม่นับว่าร้อนอะไรมากนัก แต่ก็อุณหภูมิไม่ต่ำ เธออาบน้ำแล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดสีขาว

นอนหลับไปตื่นหนึ่ง เธอก็ลืมเรื่องตรวจคะแนนไปเสียสนิท ก้าวขาเดินไปชั้นล่าง

“คุณหนูฉินหร่าน คุณตื่นแล้วหรือครับ” ชั้นล่างมีเพียงซือลี่หมิงที่กำลังคุยกับคนใช้ เห็นฉินหร่านเดินลงมา ก็รีบหันหลังกลับมา “นายท่านออกไปรับคนกับพวกพ่อบ้านแล้ว”

คนรับใช้รีบไปจุดเตาที่ห้องครัวเพื่ออุ่นอาหารเช้าก่อนยกออกมา

“รับคนเหรอ” ฉินหร่านนั่งที่โต๊ะอาหาร บอกขอบคุณคนใช้ แล้วมองไปยังซือลี่หมิง

บุคคลสำคัญคนไหนที่ให้พวกเขาไปรับกัน

ซือลี่หมิงเกาหัว แล้วก็ส่ายหน้า “ไม่ทราบเหมือนกันครับ พวกเขาไม่ได้บอก”

ฉินหร่านนั่งไขว่ห้าง แล้วกินอาหารอย่างเชื่องช้า ไม่ได้ถามอะไรต่อ

“ฉินเสี่ยวหร่าน เธอตื่นเช้าจัง” ชั้นบน ลู่จ้าวอิ่งเองกำลังหาว ชุดนอนยังสวมอยู่บนตัว “เดี๋ยวจะเล่นอีกไหม”

เขานึกถึงเรื่องนี้ขึ้นได้ จากนั้นก็มองไปที่ฉินหร่าน แววตาเป็นประกาย “ฉันเองก็อยากขึ้นระดับสามดาว”

ฉินหร่านมองไปที่เขาทีหนึ่ง สีหน้าเรียบเฉย “เดี๋ยวค่อยว่ากัน”

ลู่จ้าวอิ่งหยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาเฉียวเซิง

แล้วถามเขาว่าจะเล่นเกมไหม

แต่ไหนแต่ไรเฉียวเซิงแค่เรียกก็รับคำทันที

วันนี้เขาถามอยู่ตั้งนานเฉียวเซิงก็ไม่ได้ให้คำตอบ ราวกับว่าอารมณ์เขากำลังถูกอะไรตรึงเอาไว้

“ไก่ผัดเผ็ด…” ลู่จ้าวอิ่งพึมพำขึ้นเสียงเบา

เธอคุยเรื่องการเล่นเกมกับลู่จ้าวอิ่ง จนลืมเรื่องที่เกาหยางให้เธอไปตรวจสอบคะแนน

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ในรถลีมูซีนคันยาวที่อยู่ไม่ไกลจากประตูใหญ่

เฉิงมู่เป็นคนขับรถ เฉิงเจวี้ยนนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ ที่นั่งแถวหลังถัดไปหลังจากนั้นจึงเป็นพ่อบ้านเฉิงและนายท่านเฉิง

พ่อบ้านเฉิงหยิบสมุดเล่มน้อยออกมา แล้วเปิดดูกำหนดการ “อวิ๋นเฉิงมีโบราณสถานอยู่ห้าแห่ง ในนั้นมีอยู่สองแห่งที่ยังไม่ได้รับการบุกเบิกขุดค้น อยู่ที่ตำบลหนิงไห่ อีกสามแห่งอยู่ในเมือง ผมช่วยวางแผนให้ท่านแล้วครับ….”

พ่อบ้านเฉิงพล่าม

นายท่านเฉิงที่อยู่ด้านข้างราวกับไม่ได้ใส่ใจฟัง เขาท่าทีเคร่งขรึม นั่งอยู่อย่างภูมิฐาน ใบหน้าดูสุขุมเคร่งขรึม

พ่อบ้านเฉิงพูดจบรอบหนึ่ง เห็นนายท่านไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ก็นิ่งไปชั่วครู่ “นายท่านครับ?”

รถขับวิ่งเลียบไปตามทางเล็กมุ่งไปทางประตูคฤหาสน์

“อืม” นายท่านเฉิงมองเขาหนึ่งที แล้วพูดอย่างเลื่อนลอยว่า “นายพูดมีเหตุผล”

พ่อบ้านตระกูลเฉิง “…” ผมถามว่าพรุ่งนี้ท่านจะไปเที่ยวที่ไหนต่างหากล่ะครับ!

แต่พ่อบ้านเฉิงเป็นถึงระดับหัวกะทิ เขาหุบสมุดปิดลง รู้สึกได้ว่านายท่านในเวลานี้คงอาจจะไม่ได้ใส่ใจว่าพรุ่งนี้จะไปที่ไหนกันแน่

ที่นั่งข้างคนขับ เฉิงเจวี้ยนดูเหมือนกำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือ

นายท่านเฉิงอดทนมาตลอดทาง ในที่สุดก็ทนต่อไม่ไหว

เขาเอียงศีรษะเล็กน้อย แล้วถามพ่อบ้านเบาๆ  “เอ่อ คือ…”

พ่อบ้านเฉิงก้มศีรษะอย่างนอบน้อม “คุณหนูฉินยังนอนอยู่ครับ เมื่อวานนายน้อยลู่มาหาเธอเพื่อเล่นเกมโดยเฉพาะ วันนี้วันผลคะแนนออก ผมก็เลยไม่ได้ให้คุณชายปลุกคุณหนูฉิน เกรงว่าเธอจะเสียใจ”

“ฉันถามนายเรื่องเด็กคนนั้นแล้วหรือไง” นายท่านเฉิงตีหน้านิ่ง ทำทีพูดขึ้นเสียงเคร่ง

พ่อบ้านตระกูลเฉิง “…”

ผ่านไปอีกสักครู่หนึ่ง รถก็จอดลง

นายท่านเฉิงกระแอมหนึ่งที ยังคงตีสีหน้าเคร่งขรึม “ฉันได้ยินมาว่าเธอมีความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ ฝีมือนับว่าเก่งกาจเลยทีเดียว น่าจะชอบสาขาวิชาคอมพิวเตอร์มั้งนะ”

เขาเองก็ได้ติดต่อกับเพื่อนที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวง ยอมจ่ายเงินไปเป็นจำนวนไม่น้อย รวมทั้งห้องแล็บทดลองอีกห้องหนึ่ง เพื่อแลกกับการมีรายชื่อในสาขาวิชาคอมพิวเตอร์

เด็กคนนั้นเกิดมาแม้จะแย่อยู่หน่อย เมื่อเข้าเมืองหลวงแล้ว ยังต้องประสบกับเรื่องราวนานาไม่ขาดสาย เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยเมืองหลวงก็อาจจะได้ไปห้องแล็บทดลอง อย่างน้อยก็เป็นหลักประกันให้กับเธอสักหน่อย

อย่างไรเสีย ในสายตาของนายท่านเฉิง มีเพียงสิ่งที่มีอยู่ในกำมือถึงจะเป็นพลังที่แท้จริง