ตอนที่ 471 เธอ “กำเริบ” อีกแล้ว!
“ไม่เข้าใจไม่เป็นไร ครั้งหน้าฉันจะสอนให้…”
เผยอวี้เฉิงพึมพำ
จากนั้นเขาหยิบมือถือของหญิงสาวปลดล็อคด้วยลายนิ้วมือแล้วใช้มือถือหลินเยียนส่งข้อความให้เขา
[คุณเผย ปลายสัปดาห์นี้ว่างไหมคะ? อยากไปเดทกับคุณจัง]
…
เช้าวันถัดมา
ขณะที่หลินเยียนตื่นขึ้นมา เห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงแล้ว
เนื่องจากเพิ่งจะตื่น หลินเยียนยังงัวเงียอยู่ พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้ว เธอสะดุ้งลุกขึ้นมาทันที
แย่แล้ว!
เมื่อคืนเธอ ‘กำเริบ’ อีกแล้ว!
อย่าบอกว่าเธอจะทำอะไรประหลาดอีกแล้วนะ?
หลินเยียนลุกขึ้นด้วยความลนลาน เธอสำรวจรอบห้องก่อนเพื่อดูว่าจะมีเบาะแสอะไรไหม
ทุกอย่างที่อยู่ในห้องยังเป็นเหมือนเดิมทุกประการ…
นอกจาก…ขนมบนโต๊ะหายไปไหนหมด? เหลือแค่ถุงพลาสติก…
หลินเยียนเห็นขนมบนโต๊ะถูกกินจนเกลี้ยง ถึงกับต้องตะลึง
เมื่อคืนเธอไม่ได้กินเยอะขนาดนี้หนิ ทำไมตอนนี้โดนกินจนเกลี้ยงเลยล่ะ?
บ้าเอ้ย อย่าบอกว่า…พวกนี้เข้าท้องเธอไปหมดแล้วนะ?
บัดซบ! จะให้เธออ้วนตายหรือไง!
เกิดอะไรขึ้น? ครั้งนี้ไม่มีการกระทำบ้าบอคอแตก แต่เป็นการกินอาหารอย่างบ้าคลั่งเนี่ยนะ?
หลินเยียนตรวจดูอีกครั้ง พบว่าขนมถูกกินจนเกลี้ยงจริงๆ
ห้องของเธอนั้น ไม่ว่าจะเผยอวี้เฉิงหรือเผยหนานซวี่ล้วนแต่ไม่เข้ามาโดยถือวิสาสะ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้ามาแอบกินขนม
ดังนั้นมีแค่ความเป็นไปได้ทางเดียว ขนมพวกนี้เธอเป็นคนกิน
แค่คิดว่าต้องลดแคลพวกนี้อย่างเหน็ดเหนื่อย หลินเยียนแทบจะทรุดลงพื้น
อ้อ เผยอวี้เฉิง…
ประเด็นคือเผยอวี้เฉิงโดนเธอทำอะไรหรือเปล่า?
หลินเยียนแอบออกจากห้อง จะรีบไปเช็คดูสักหน่อย
เพิ่งจะออกมาจากห้อง เสียง ‘เอี๊ยด’ ดังขึ้น ประตูห้องนอนข้างๆ เปิดออกพอดี เผยอวี้เฉิงเดินออกมาจากในห้อง
“แฮ่กๆ ฮาย คุณเผย อรุณสวัสดิ์ค่ะ…” หลินเยียนด้อมๆ มองๆ อยู่รีบเกร็งตัวตรง ตั้งสติแล้วทักทายกับเขา
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณหลิน” เผยอวี้เฉิงยิ้มแล้วเอ่ยปากขึ้น
สังเกตสีหน้าของเผยอวี้เฉิงแล้ว เหมือนไม่อะไรที่ผิดปกติไป
น่าจะไม่มีอะไรหรอกมั้ง?
ผ่านไปสักพัก หลินเยียนไตร่ตรองคำพูดแล้วถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “ คือว่าคุณเผย…เมื่อคืน…มีเกิดอะไรขึ้นเป็นพิเศษไหมคะ?”
เผยอวี้เฉิงมองไปทางหญิงสาวด้วยสีหน้าปกติ “ที่เธอพูดหมายถึงอะไรเหรอ?’
หลินเยียนเกาหัว “อ๋า? ไม่มีอะไร! ไม่มีอะไรค่ะ…ฉันแค่ถามดู ถามไปงั้นแหละค่ะ…จะถามว่าเมื่อคืนฉันไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ ใช่ไหม?”
“ไม่มีนะ” เผยอวี้เฉิงเอ่ยปากขึ้น
หลินเยียนได้ยินแล้วค่อยยังโล่งอกหน่อย แต่ได้ยินเผยอวี้เฉิงพูดขึ้นอีกครั้ง “นอกเสียจาก…”
“นอกจาก…? นอกจากอะไรคะ?” สีหน้าหลินเยียนเกร็งขึ้นมาทันที
เผยอวี้เฉิง “เธอจำไม่ได้แล้วเหรอ?”
หลินเยียนตกใจไปกว่าเดิม “จำอะไรได้?’
เผยอวี้เฉิง “เมื่อคืนเธอส่งข้อความมาให้ฉัน”
“อะไรนะ?” หลินเยียนปวดหัวขึ้นมาทันที เธอรีบหยิบมือถือออกมาดู
บ้าเอ้ย! เธอว่าแล้วเชียว! เธอต้องสร้างเรื่องอะไรไว้แน่ๆ !
ดึกดื่นแบบนั้นเธอไปส่งอะไรให้เขาล่ะ!
หลินเยียนเปิดหน้าข้อความขึ้นด้วยความรีบลน จากนั้นเห็นว่าเมื่อคืนเธอส่งข้อความให้เผยอวี้เฉิงจริงด้วย
เนื้อหาข้อความคือ [คุณเผย ปลายสัปดาห์นี้ว่างไหมคะ? อยากไปเดทกับคุณจัง]
หลินเยียน “…”
ตอนที่ 472 มีความสัมพันธ์เป็นอะไรกับคุณ
หลินเยียนแทบไม่อยากจะมองข้อความนี้ต่อไป
ดูคำว่า ‘จัง’ ที่ทั้งน่ารักทั้งมุ้งมิ้งแล้ว ไม่อยากจะพูดอะไรต่อไปอีกเลย
ข้อความเสี่ยวๆ แบบนี้ เธอเป็นคนส่งจริงเหรอ
เธอ! ไม่! เชื่อ! หรอก!
เผยอวี้เฉิงเอ่ยปากขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ช่วงปลายสัปดาห์ฉันจะหาเวลาว่างให้เธอ”
ภายในใจหลินเยียนน้ำตาไหลเป็นทางแต่ยังต้องทำสีหน้าเหมือนดีใจ “เหอๆ ดี…ดีเลยค่ะ! เยี่ยมไปเลย…”
บ้าไปแล้วจริงๆ!
หรือว่านี่คือความคิดที่แท้จริงจากก้นบึ้งหัวใจของเธอ? เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง!
……
หลินเยียนมาถึงคฤหาสน์ตระกูลเฮ่อด้วยอารมณ์หนักหน่วงตามเวลานัด มั่วซูอวิ๋นและอวิ๋นเซวียนก็มาถึงพอดี
นายผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนยืนต้อนรับอยู่หน้าประตู
“วันนี้มาเร็วดีนี่’
หลินเยียนเพิ่งจะลงจากรถก็เห็นมั่วซูอวิ๋นและเฮ่อติ้งคุนกำลังคุยอะไรกันอยู่
“ไอดอล เข้าร่วมทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อช่างมีความสุขจริงๆ ได้เจอคุณได้ทุกวันเลยน่ะ’
สายตามั่วซูอวิ๋นมองไปทางหลินเยียนแล้วหัวเราะพลันพูดขึ้น
“พี่สาว…”
อวิ๋นเซวียนที่อยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นกับหลินเยียน
“เสี่ยวเยียน คนมาครบแล้ว เข้าไปคุยข้างในกันเถอะ” นายผู้เฒ่าพูดขึ้น
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว พวกหลินเยียนไม่ได้พูดอะไรต่อ ต่างเดินเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลเฮ่อพร้อมกัน
วันนี้ไม่มีลูกทีมคนไหนอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเฮ่อ มีแค่สองพ่อลูกเฮ่อสยงและเฮ่อเล่อเฟิง
เมื่อเห็นมั่วซูอวิ๋นแล้ว สีหน้าของสองพ่อลูกเฮ่อสยงแลดูบึ้งตึงขึ้นมา
ทั้งสองคนไม่คิดเลยว่าในเวลาอันสั้นแบบนี้ หลินเยียนจะหามือโปรมาได้จริงๆ อีกทั้งเขายังตอบตกลงจะเข้าร่วมทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อด้วย
การลองสนามในคืนนั้นก็บ่งบอกให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว ถึงแม้สองพ่อลูกเฮ่อสยงและเฮ่อหมิงไข่จะไม่ชอบใจแค่ไหน แต่ตอนนี้ก็พูดอะไรเยอะไม่ได้แล้ว
“สวัสดีครับกัปตันมั่ว!”
เห็นหน้ามั่วซูอวิ๋นแล้ว เฮ่อเล่อเฟิงรีบลุกขึ้นทำการทักทายมั่วซูอวิ๋น
“นี่ลูกพี่ลูกน้องฉัน เฮ่อเล่อเฟิง” หลินเยียนแนะนำให้มั่วซูอวิ๋นรู้จัก
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว มั่วซูอวิ๋นพยักหน้าตอบรับ สายตามองไปยังเฮ่อเล่อเฟิงยิ้มแล้วพูดขึ้น “น้องเล่อเฟิง พี่สาวนายหลินเยียนเล่าให้ฉันฟังอยู่บ่อยๆ ว่าทักษะการแข่งรถของนายห่วยแตกมาก”
สิ้นเสียงมั่วซูอวิ๋น ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าต่างชะงักไปเป็นแถว รวมถึงหลินเยียนเองก็อึ้งอยู่กับที่
ไอ้มั่วซูอวิ๋นนี่…พูดตรงไปหรือเปล่าเนี่ย
ถึงแม้ทักษะการแข่งรถของเฮ่อเล่อเฟิงจะแย่จริง แต่เขามีทัศนคติที่พอใช้ได้ อีกทั้งยังกล้าที่จะยอมรับตัวเอง
จุดด้อยเยอะ แต่ข้อดีก็มองข้ามไม่ได้
ขณะนี้ สีหน้าเฮ่อเล่อเฟิงดูทำตัวไม่ถูก เขาชำเลืองมองหลินเยียนแล้วหันไปมองมั่วซูอวิ๋นอีกครั้ง “ครับ จริงๆ พี่เยียนพูดไม่ผิด ทักษะการแข่งรถของผมห่วยจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าทีมรถเป็นของตระกูลตัวเอง ผมคิดว่าผมเองก็คงจะเป็นนักแข่งรถมืออาชีพไม่ได้ ผมต้องเรียนรู้จากกัปตันอีกเยอะครับ”
ทันใดนั้น มั่วซูอวิ๋นหัวเราะเบาๆ “น้องเล่อเฟิง งั้นนายต้องตั้งใจกว่านี้นะ ในเมื่อฉันเป็นกัปตันของทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อแล้วก็ต้องรับผิดชอบไว้ ก่อนหน้านั้นฉันเคยคุยกับพี่สาวนายว่าฉันจะสอนนายด้วยตัวเอง ถ้าตอนนั้นนายยังทำให้ฉันพอใจไม่ได้ ถึงตอนนั้นฉันไม่ยอมปล่อยนายไปแข่งหรอกนะ’
ได้ยินมั่วซูอวิ๋นพูดแล้ว แววตาเฮ่อเล่อเฟิงเปล่งประกายขึ้น “กัปตันฝึกผมเอง…ดีจังเลยครับ กัปตันไม่ต้องห่วง ผมจะตั้งใจเรียนแน่นอน”
“กัปตันเหรอ” เฮ่อหมิงไข่ที่อยู่ข้างๆ หัวเราะด้วยความเย็นชา “กัปตันของทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อคือฉัน ต่อให้นายเข้ามา อย่างมากก็เป็นได้แค่รองกัปตันแหละ”
“อ๋อ รองกัปตันงั้นเหรอ”
ได้ยินที่เฮ่อหมิงไข่พูดแล้ว มั่วซูอวิ๋นมองไปทางหลินเยียนแล้วพูดขึ้น “ไอดอลครับ ไก่กาในทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อคนนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับคุณเหรอครับ”