ตอนที่ 722 ปีศาจอุทกภัยคืออะไร

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

เล่นกันไปหลายตาหลิวเหมยก็เริ่มเอามือนวดขมับพลางบ่น

 

 

“เมื่อกี้ถ้าฉันทิ้งใบนั้นก็คงดี พี่สะใภ้ชนะอีกแล้ว”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเอามือผลักหลิวเหมยเบาๆพลางยิ้ม “พี่น่ะไม่ชอบแพ้ โปรดอภัย”

 

 

อาเหม็ดพอเห็นภาพตรงหน้าแอบคิดในใจ สุ่ยเซียนกับเสี่ยวเชี่ยนอยู่ด้วยกัน ผู้หญิงสองคนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง คนหนึ่งมีทรัพย์สมบัติมหาศาล อีกคนมีสมองที่ชาญฉลาดเกินใคร ถ้าตอนแรกเขาเลือกเสี่ยวเชี่ยนเป็นเป้าหมายแทนสุ่ยเซียน เขาจะมีสภาพถูกกระทำแบบตอนนี้หรือเปล่า

 

 

ถึงเสี่ยวเชี่ยนไม่รวยเท่าสุ่ยเซียน แต่ผู้หญิงแบบนี้ถ้ามาอยู่กับเขาก็เหมือนติดปีกให้เสือไหม ถ้าตอนแรกเขาเลือกลงมือกับเสี่ยวเชี่ยน เธอจะเลือกเขาหรือเสี่ยวเฉียง

 

 

อาเหม็ดตกอยู่ในห้วงแห่งความสับสน เขากำลังครุ่นคิดว่าตัวเองต้องการผู้หญิงแบบไหนกันแน่

 

 

“หากคนๆหนึ่งมีคำว่าถ้าปรากฏขึ้นในสมองก็หมายความว่าคนๆนั้นได้แพ้แล้ว คนที่ไร้ความสามารถในการแก้ปัญหาถึงได้นึกถึงคำว่าถ้า คำโกหกที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ก็คือคำว่า ‘ถ้า’”

 

 

อวี๋หมิงหลางทำเหมือนตอบหลิวเหมย แต่สายตากลับมองอาเหม็ด เขาพูดเสียดสี

 

 

ไอ้อาเหม็ดนี่หน้าด้านเหลือเกิน ยังจะคิดอีกเหรอว่าเอาคนไหนดี หึหึ ไม่ให้สักคนโว้ย เมียเป็นของเขา ผู้หญิงของเมียก็คือของเมีย—ถุย ถูกเมียล้างสมองละ ผู้หญิงของเมียเป็นของจูขี้บ่นต่างหาก อวี๋หมิงหลางสบตากับอาเหม็ดที่ถูกเขาอ่านใจออก จากนั้นเขาก็ยกนิ้วกลางให้…

 

 

อาเหม็ดที่กำลังคิดอะไรเพลินๆพอได้ยินอวี๋หมิงหลางพูดจาเสียดสีกับยกนิ้วกลางให้ก็โมโหขึ้นมาทันที

 

 

ผู้ชายคนนี้กำลังประกาศสงครามกับเขา

 

 

“พวกผู้หญิงเล่นไพ่กัน พวกเรามาสู้กันสักตั้งไหม”

 

 

ถ้าไม่ติดว่าสู้อวี๋หมิงหลางไม่ได้อาเหม็ดก็อยากตะโกนออกไปมากว่า เอาดิ

 

 

แต่เขาเคยลิ้มรสหมัดของอวี๋หมิงหลางไปแล้ว เลยไม่กล้ารับปากส่งเดช ครั้นแล้วเขาจึง หึ ออกมาแล้วเบือนหน้าหนี

 

 

“อ้อ ไม่กล้า น้องชายก็ยังเป็นน้องชายอยู่วันยังค่ำ”

 

 

“ตะกร้าก็คือตะกร้า” เสี่ยวเชี่ยนที่กำลังเล่นไพ่อยู่แบ่งสมาธิฟังทางนี้ด้วย เธอคิดว่าอวี๋หมิงหลางเล่นเกมต่อกลอนเพี้ยนๆกับเธอ เธอจึงเล่นไพ่พลางตอบเขาไปด้วย

 

 

“เมียจ๋า ระวังคำพูด เป็นสาวเป็นนาง” อวี๋หมิงหลางหัวเราะพลางพูด อีกทั้งยังเอามือไปขยี้ผมเสี่ยวเชี่ยนเล่นด้วยความเอ็นดู

 

 

“ฉันหมายถึงตะกร้าใส่ของ มีปัญหาอะไรเหรอ” เสี่ยวเชี่ยนแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา

 

 

“ไม่โทษที่เมียจ๋าไม่เข้าใจหรอก เมียผมเป็นคนมีการศึกษา มีมารยาทแถมยังอ่อนโยน คงไม่เข้าใจคำที่แฝงความหยาบคายพวกนี้ คำๆนี้ก็เหมือนความหมายแฝงของคำว่าน้องชาย หมายถึงอวัยวะเพศของผู้ชายเหมือนกัน ต่อไปเมียจ๋าอย่าพูดอีกนะ”

 

 

“ปลอมมาก…” สุ่ยเซียนทนฟังต่อไปไม่ไหว

 

 

เธอแน่ใจว่าสองคนนี้รวมหัวกันแกล้งคนอื่นอีกแล้ว อาเหม็ดที่น่าสงสาร

 

 

ตามคาด อาเหม็ดอึ้งขนาดหนัก

 

 

ก่อนหน้านี้เสี่ยวเชี่ยนพูดถึงคำๆนี้ที่เหมือนจะมีความหมายอื่นอยู่บ่อยๆ อาเหม็ดไม่ค่อยเข้าใจความหมายเท่าไร แถมยังถูกเธอล้างสมอง แต่เขาไม่คิดเลยว่า เขาหนีคำว่าbasketที่ตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะใช้มันแล้ว แต่กลับหนีคำว่าน้องชายไม่ได้

 

 

ไม่มีทางหนีจากคมมีดอันอ่อนโยนของเจ๊เชี่ยนได้เลย

 

 

“ความหมายของน้องชายคือ—” อาเหม็ดช็อคหนัก

 

 

“อย่าคิดไปในทางไม่ดี” ถึงปากอวี๋หมิงหลางจะพูดแบบนั้น แต่สีหน้าคล้ายกับพูดว่า ใช่ ที่นายคิดน่ะถูกแล้ว

 

 

ถูกเรียกแบบนั้นมาทั้งวัน อาเหม็ดรู้สึกเหมือนตัวเองใกล้จะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว เขาอยากเข้าไปตั๊นหน้าอวี๋หมิงหลางสักที ถ้าเขาสู้อวี๋หมิงหลางได้ล่ะก็

 

 

เก็บความโกรธแค้นเอาไว้ อาเหม็ดเดินออกไปด้วยความโมโห อวี๋หมิงหลางมองตามด้วยสายตาดูถูก ฝีมือแค่นี้คิดจะมายุ่งกับเมียชาวบ้าน หึหึ

 

 

รู้สึกได้ว่าเสี่ยวเชี่ยนมองมา อวี๋หมิงหลางจึงหันไป คิ้วที่ขมวดกันค่อยๆคลายออก

 

 

“มีอะไรเหรอ”

 

 

“ฉันคิดว่าคนเราต้องมีการเปรียบเทียบ เทียบกับเขานายดูโตมากกว่าจริงๆ”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนชื่นชมอวี๋หมิงหลางจากใจจริง แต่กลับได้ยินเขา หึ ออกมา “เอาผมไปเทียบกับเขา คุณคิดจะดูถูกสติปัญญาของผมใช่ไหม”

 

 

“ต้นกล้าก็มีวันที่จะเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ ตอนนี้เขาเป็นแบบนี้ใช่ว่าจะเป็นแบบนี้ไปตลอด ตอนนี้นายเป็นแบบนี้ไม่แน่อีกสิบกว่าปีให้หลังนายอาจกลายเป็นผู้ชายที่เงียบขรึมพูดน้อยก็ได้”

 

 

“หาว่าผมพูดมากเหรอ” พี่หลางเริ่มไม่พอใจ

 

 

เสี่ยวเชี่ยนลูบใบหน้าเขาแล้วไม่พูดอะไรอีก

 

 

เคยผ่านอนาคตแล้วมาดูตอนนี้ อยู่ๆเสี่ยวเชี่ยนก็อยากรู้ว่า อีกสิบกว่าปีให้หลังจะเกิดอะไรขึ้น อะไรที่ทำให้อาเหม็ดที่ดูไร้เดียงสาในตอนนี้กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลระดับโลก แล้วอะไรที่ทำให้อวี๋หมิงหลางที่แข็งนอกอ่อนในกลายเป็นคนที่เงียบขรึมไปได้

 

 

สุ่ยเซียนมองท่าทางของอวี๋มิงหลางกับเสี่ยวเชี่ยน จากนั้นก็วางไพ่ลงแล้วคิดหนัก

 

 

“ไม่ต้องเป็นห่วง เขาไม่มีความสามารถถึงขนาดกล้าลงมือกับผมหรอก คุณอยู่ที่นี่ปลอดภัยแน่นอน” อวี๋หมิงหลางมองสุ่ยเซียนออก จึงพูดในสิ่งที่สุ่ยเซียนกำลังกังวล

 

 

สุ่ยเซียนถลึงตาใส่แล้วชี้ที่หู เพื่อบอกว่าอาเหม็ดอาจดักฟังอยู่นะ

 

 

“เกินระยะที่จะได้ยินแล้ว เขาใช้เครื่องดักฟังแบบที่ต้องปรับช่องรับคลื่น ใช้ได้ในระยะ120เมตรถึง150เมตร จากความเร็วที่เขาเดินเพราะขาเจ็บ ตอนนี้เกินระยะไปแล้วล่ะ”

 

 

“นายรู้หมดเลยเหรอ” สุ่ยเซียนรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก นับตั้งแต่เสี่ยวเชี่ยนส่งสัญญาณบอกเธอว่าเธอถูกคนดักฟัง เธอก็อึดอัดมาตลอด ไม่มีใครชอบการถูกสะกดรอยตามติดตลอดเวลาแบบนี้หรอก

 

 

“ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น ผมจะดูแลคุณเอง” นี่คือเรื่องที่จูขี้บ่นฝากฝังอวี๋หมิงหลางไว้ เขาจะต้องทำอย่างเต็มที่แน่นอน

 

 

จากมุมของเสี่ยวเชี่ยน นี่คือพี่น้องของเธอ จากมุมของอวี๋หมิงหลาง นี่คือแฟนของจูขี้บ่น เขารับปากจูขี้บ่นไว้ว่าจะปกป้องสุ่ยเซียนเขาก็ย่อมต้องรักษาสัญญานี้

 

 

“ที่แท้ที่พวกเธอสองคนพยายามยั่วโมโหเขาก็เพราะต้องการไล่ให้เขาออกไปเหรอ มิน่าล่ะ” สุ่ยเซียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมความเข้าขากันของเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลาง ไม่ต้องเตี๊ยมกันก่อนก็เดาได้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร ความรู้สึกนี้ก็เหมือนกับตอนที่สุ่ยเซียนเจอสองคนนี้อยู่ด้วยกันครั้งแรก ตอนนั้นสองคนนี้รับส่งมุกกันได้โดยไม่ต้องมีการเตรียมล่วงหน้า แกล้งต้าหลงเข้าขากันดีมาก

 

 

“หลิวเหมย ไปเฝ้าหน่อย อย่าให้ใครเข้ามา พี่มีเรื่องจะพูดกับสุ่ยเซียน—จริงสิ เอาโทรศัพท์ไปด้วยนะ”

 

 

อวี๋หมิงหลางให้หลิวเหมยออกไป ในขณะที่คุยธุระกับสุ่ยเซียนอยู่นั้น พี่หลางผู้แสนรอบคอบก็ไม่ได้ลืมนับเวลา เขามองนาฬิกา ทางหม่าลุ่ยน่าจะปรึกษาพ่อแม่เสร็จแล้วใกล้โทรหาหลิวเหมยแล้ว

 

 

อวี๋หมิงหลางคุยกับสุ่ยเซียนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

 

 

“ครั้งนี้ผมมาด้วยเหตุผลสองข้อ หนึ่งคือเบื้องบนมอบหมายภารกิจชื่อปีศาจอุทกภัยให้ผม ต่อจากนี้ต้องการความร่วมมือจากคุณ”

 

 

“ปีศาจอุทกภัย…” สุ่ยเซียนนึกถึงภาพตอนที่อาเหม็ดถูกเสี่ยวเชี่ยนเล่นงาน เหมือนหมาป่ากับลูกแกะไม่มีผิด หมาป่าคือเสี่ยวเชี่ยน อาเหม็ดคือลูกแกะ คนแบบนี้เหมาะกับชื่อปีศาจอุทกภัยแล้วเหรอ