เจ้าสาว ผู้แสนเลอค่า ผู้น่าสงสาร ของ ท่านเทรมอนต์ บทที่ 72 การเดินทางอย่างกะทันหัน

มาร์คเข้าใจผิดว่าเธอระส่ำระส่ายเพระาความหวัง ความโกรธในดวงตาของเขาเผาไหม้รุนแรงยิ่งขึ้น เขากำมือแน่นก่อนที่จะคลายออกอย่างเงียบ ๆ อีกครั้ง ในท้ายที่สุดเขาก็ออกไปและกระแทกประตูข้างหลังเขา

ในขณะที่รถของเขาขับออกไปจาก คฤหาสน์ เทรมอนต์ แอเรียนก็นั่งลงบนพื้นที่เย็นโดยพิงหลังกับข้างเตียง เธอกอดขาของเธอและฝังใบหน้าของเธอไว้ระหว่างหัวเข่า บางทีนั่นอาจจะทำให้ความเดียวดายของเธอหายไป…

สามวันต่อมาแมรี่กลับมาแล้ว “แอริ ทำไมนายท่านถึงเลือกไปทำธุระในช่วงส่งท้ายปีเก่า? เธอไม่ลองชักชวนให้เขาหยุดพักงานสักหน่อยล่ะ? ตอนนี้เธอคงรู้สึกเหงาที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวสินะ”

แอเรียนนั่งบนโซฟาและไม่ตอบกลับเธอ ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น มันเป็นข้อความทักทายจากเอริกและโบนัสวันหยุดที่แนบมาด้วย

แอเรียนไม่ได้รับเงิน เธอเพียงตอบเขาด้วยอิโมติคอนหน้ายิ้มและแนบใบลาออก เธอหันกลับไปมองนิตยสารในมือ จะมีนิทรรศการศิลปะที่ เมือง อายาเช่ ในวันพรุ่งนี้ เธออยากไปและได้ตัดสินใจแล้ว ท้ายที่สุดแล้วเราควรสัมผัสประสบการณ์การเดินทางแบบกะทันหันอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต

เมื่อแอเรียนจากไป เธอเพียงแต่บอกกับแมรี่ว่าเธอกำลังจะไปเที่ยวสักสองสามวัน แมรี่บอกให้เธอสนุกกับการเดินทางและไม่พูดอะไรอีก

แอเรียนไม่ได้มีเสื้อผ้ามากมาย เพียงสองชุด กระเป๋าเดินทางใบเดียวก็เกินพอที่จะใส่สัมภาระทั้งหมดของเธอได้แล้ว ด้วยเหตุนี้เธอจึงทิ้งสัมภาระของเธอเกือบทั้งหมดไว้

เมื่อเธอขึ้นรถเธอก็ปิดโทรศัพท์มือถือ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเดินทางคนเดียวอย่างที่เธอพอใจ สิ่งที่เธอต้องการคือสัมผัสกับอิสระในการไล่ตามสิ่งที่เธอชอบ ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการให้ใครมารบกวน นอกจากนี้มาร์คก็จะไม่ตามหาเธออยู่ดี…

ตอนที่เธอไปถึง อายาเช่ มันเป็นเวลาเกือบสองทุ่ม แอเรียนเช็คอินที่โรงแรมและนอนหลับพักผ่อน เมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาตีสามแล้ว เธอหยิบนิตยสารที่มีรายละเอียดของนิทรรศการศิลปะออกมาและเริ่มวางแผนคร่าว ๆ ผลงานของศิลปินที่เธอชื่นชอบจะอยู่ที่นั่น การลาออกของเธอเป็นการตัดสินใจอย่างกะทันหันเพราะเธอต้องการเริ่มทำในสิ่งที่เธอชอบ ท้ายที่สุดชีวิตก็สั้นและเธอไม่อยากให้มันจบลงด้วยความเสียใจ

หลังจากรุ่งสาง แอเรียนก็ตรงไปที่นิทรรศการศิลปะและใช้เวลาทั้งวันที่นั่น ความหลงใหลในการวาดภาพของเธอกลับมาอีกครั้งและลุกโชนอย่างรุนแรง

อายาเช่ ไม่เหมือนเมืองหลวง อากาศที่นี่ดีกว่าในช่วงฤดูหนาวและถนนก็มีชีวิตชีวามากในตอนกลางคืนเช่นกัน เมื่อถึงเวลาที่แอเรียนกลับมาที่โรงแรมหลังจากช็อปปิ้งก็เป็นเวลาเกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว

ขณะที่แอเรียนปิดประตูห้องความเหนื่อยล้าก็ถาโถมเข้ามาแทบจะในทันที

แม้เธอจะอ่อนเพลีย แต่เธอก็ยังคงอาบน้ำเป็นนิสัยมานานหลายปี ทันทีที่เธอนอนลงบนเตียงก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น มันจะถูกต้องมากกว่าถ้าจะพูดว่ามันดูเหมือนมีคนชนประตูมากกว่าที่จะเคาะประตู

แอเรียนรู้สึกกลัวเล็กน้อยเมื่อเดินเข้าไปใกล้ประตู “ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ?” เธอถามเบา ๆ

อีกด้านหนึ่งของประตูที่ไม่มีการเคลื่อนไหว เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเปิดเครื่องเผื่อว่าจะต้องโทรหาตำรวจได้ทุกเมื่อ การแจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับนับไม่ถ้วนจากมาร์คเด้งขึ้นบนหน้าจอทันที

แอเรียนไม่คาดคิดว่าเขาจะมาตามหาเธอ เธอโทรกลับด้วยความร้อนรน แต่เสียงเรียกเข้าที่เธอไม่สามารถจะคุ้นเคยไปมากกว่านี้เเล้วดังขึ้นอีกด้านหนึ่งของประตู มันเป็นเสียงเรียกเข้าที่มาร์คใช้

แอเรียนเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับพายุก่อนที่จะเปิดประตู แทนที่จะเป็นพายุ กลับเป็นร่างสูงของมาร์คปรากฏต่อหน้าเธอ เธอถูกเขาดึงเข้าไปกอดอย่างแน่น ในอ้อมแขนของเขา เธอสามารถรู้สึกได้ถึงความร้อนและความอ่อนแอจากร่างกายเขา

“คุณ… คิดว่าผมจะหาคุณไม่เจอเหรอ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนล้าซึ่งปราศจากอำนาจตามปกติของเขา

“คุณเป็นอะไรไป?” แอเรียนพยายามแบกรับน้ำหนักของเขาและเกือบจะสูญเสียการทรงตัวของเธอ

มาร์คไม่ตอบสนองเธอ แต่แขนของเขาค่อย ๆ เลื่อนออกจากเธอ

แอเรียนตื่นตระหนก เธอกัดฟันแน่นขณะที่ช่วยเขาไปที่เตียง ขาของเธอสั่นทุกย่างก้าว เมื่อพวกเขาเกือบจะถึงเตียงในที่สุดเธอก็เสียหลักล้มลงบนเตียงไปพร้อมกับเขา