มู่เฉียนซีแสดงสีหน้าเย็นชา กล่าวว่า “พวกเจ้าจะเป็นจะตายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า ? อย่างไรเสียวันนี้อวิ๋นซินหรานก็ต้องตาย!”

ศิษย์สำนักตานจี้ได้ยินนางกล่าวคำขาด ต่างก็ตกใจ มือไม้สั่นขาอ่อนไปหมด

— ตุบ! —

เจ้าสำนักตานจี้คุกเข่าลงกับพื้น เขากล่าวขอร้องอ้อนวอนอย่างไม่สนภาพลักษณ์ศักดิ์ศรีใด ๆ แล้ว “ได้โปรดเถิดผู้นำตระกูลมู่ หากเจ้าฆ่าเขา ศิษย์นับพันของสำนักตานจี้ต้องตายไปด้วยเป็นแน่ ได้โปรดเถิด… ได้โปรด…”

“ใช่ ท่านผู้นำตระกูลมู่ การช่วยชีวิตคนนั้นนับว่าเป็นบุญกุศลยิ่งกว่าสร้างอาราม ท่านผู้นำตระกูลมู่โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถิด”

มู่เฉียนซีไม่อยากจะสนใจ นางยังคงกล่าวอย่างเย็นชา “ต้องขอโทษด้วย บังเอิญว่าข้ามิได้ใจบุญเยี่ยงนั้น ข้ารู้เพียงว่าใครที่คิดร้ายต่อฆ่า มันผู้นั้นต้องชดใช้ร้อยเท่าพันเท่า”

สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง คิดไม่ถึงเลยว่าสำนักตานจี้ที่เป็นสำนักนิกายอันดับหนึ่งแห่งแคว้นจื่อเยี่ยจะมาถึงจุดที่ศิษย์ในสำนักวางยาพิษคนทั้งสำนักเช่นนี้

แต่เรื่องนี้จะโทษผู้ใดได้! ต้องโทษคนอำมหิตจิตใจต่ำช้าอย่างอวิ๋นซินหราน หรือว่าโทษพวกเขาเองที่มีตาแต่หามีแววไม่

เบื้องหลังเขามียอดฝีมือผู้ลึกลับ หากเก็บอวิ๋นซินหรานเอาไว้มีหวังต้องเกิดหายนะเป็นแน่ ทว่าในตอนนี้นั้น มู่เฉียนซีไม่ได้ลงมือฆ่าเขาในทันที นางกล่าวถามขึ้นมา “อวิ๋นซินหราน ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังเจ้า ?”

อวิ๋นซินหรานหายใจรวยริน อาการเขาร่อแร่เต็มที ไม่ได้เปล่งเสียงพูดอะไรออกมาสักคำ

— ฟึ่บ! —

เข็มยาของมู่เฉียนซีพุ่งปักร่างอวิ๋นซินหราน ความเจ็บปวดช่วยกระตุ้นประสาทของเขา นางกล่าวถามอีกครั้ง “อวิ๋นซินหราน หากเจ้าอยากตายโดยไม่ทุกข์ทรมานมากไปกว่านี้ เจ้าก็จงบอกข้ามา”

“ต่อให้ทุกข์ทรมานกว่านี้ข้าก็ทนได้!” แม้ว่าอวิ๋นซินหรานจะถึงคราจนตรอก ทว่าเขาก็ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ

มู่เฉียนซีหงุดหงิดใจนัก นางตะคอก “เช่นนั้นเจ้าก็ลองสิ่งนี้ดู!” ว่าจบนางแทงเข็มยาสะกดจิตที่มีฤทธิ์ทำให้คนบอกข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ยานี้ของนางจัดได้ว่ารุนแรง แต่นางต้องตกใจ อวิ๋นซินหรานยังคงฝืนทน ไม่ยอมพูดอะไรออกมา

มิใช่ว่ายาสะกดจิตของนางไม่ได้ผลแต่อย่างใด ทว่าอวิ๋นซินหรานควบคุมมันได้ดียิ่งนัก ครั้นแล้วมู่เฉียนซีจึงกล่าวขึ้น “ในเมื่อเจ้าไม่รู้อะไรเลย เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ควรมีชีวิตอยู่อีกต่อไป”

เมื่อเห็นว่ามู่เฉียนซีกำลังจะจบชีวิตอวิ๋นซินหรานด้วยเข็มยา ทันใดนั้นอวิ๋นคุนตะโกนขึ้นว่า “ผู้นำตระกูลมู่ได้โปรดอย่าเลย! ขอเพียงแค่เจ้าไว้ชีวิตอวิ๋นซินหราน นับจากนี้ต่อไปทุกชีวิตของสำนักตานจี้จะเป็นของเจ้า”

“ใช่! ท่านผู้นำตระกูลมู่ ขอเพียงไว้ชีวิตพวกเรา นับจากนี้ต่อไปทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับท่าน ท่านชี้วัวเป็นวัว ชี้ม้าเป็นม้าแล้วแต่ท่านเลย”

พวกเขาเกรงกลัวความตายจริง ๆ  ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขากลัวโดนกู่พิษของอวิ๋นซินหรานกัดกินพวกเขาเป็นอย่างมาก  พวกเขายอมแม้กระทั่งขายอิสระของตนเองในหลังจากนี้เพื่อแลกกับการได้ใช้ครึ่งชีวิตในวัยหลังอย่างคนเป็นมนุษย์ ตอนนี้พวกเขาต้องการเพียงเอาตัวให้รอดก่อน

อวิ๋นซินหรานหัวเราะเยาะก่อนจะกล่าว “เหอะ ๆ ๆ มู่เฉียนซี ข้อเสนอของสำนักตานจี้ช่างยั่วยวนใจยิ่งนัก ข้าว่าเจ้าคงฆ่าข้าไม่ลงแล้ว”

ขอเพียงแค่เขายังมีลมหายใจอยู่ เขาต้องได้รับความช่วยเหลือแน่ ถึงตอนนั้นแก้แค้นในอีกสิบปีก็ยังไม่สาย

มู่เฉียนซี “มู่อี เฝ้ามันเอาไว้” นางเว้นจังหวะครู่หนึ่ง หันไปมองตานคุนและพวกก่อนจะกล่าวว่า “พวกเจ้าแน่ใจรึว่าหากข้าไว้ชีวิตพวกเจ้า พวกเจ้าจะยอมเป็นข้ารับใช้ให้แก่ข้า”

“พวกข้ามั่นใจ” ตานคุนรีบกล่าว  เพื่อความอยู่รอด แม้จะต้องไปเป็นข้ารับใช้นาง พวกเขาก็ยอม

มู่เฉียนซี “แต่สำนักตานจี้ของพวกเจ้าไม่มีความน่าเชื่อถือ พวกเจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อพวกเจ้ารึ ?”

ตานคุน “ผู้นำตระกูลมู่ หมอปีศาจคอยสนับสนุนตระกูลมู่อยู่เบื้องหลังมิใช่หรอกหรือ ? ขอเพียงเจ้าไว้ชีวิตพวกเรา ต่อไปหากเจ้าใคร่จะวางยาพิษพวกข้าก็ย่อมทำได้อย่างง่ายดาย”

มู่เฉียนซีหัวเราะคิกคัก กล่าวว่า “เจ้าช่างสมกับเป็นเจ้าสำนักตานจี้ยิ่งนัก รู้จักต่อรองด้วยเหตุผล เอาล่ะ นี่เป็นความปรารถนาของพวกเจ้าเอง ข้าไม่ได้บีบบังคับแต่อย่างใด”

ตานคุนผงะไปครู่หนึ่ง เหตุใดเขาถึงได้รู้สึกถึงความตายที่อยู่ตรงหน้าเร็วเช่นนี้ ในเวลานั้นเอง เข็มยาเข็มหนึ่งพุ่งไปปักตรงหัวใจของตานคุน  เขามองมู่เฉียนซีด้วยความไม่อยากจะเชื่อสายตา

“ผะ… ผู้นำตระกูลมู่ เจ้า… เหตุใดถึงได้ฆ่าข้า ?!”

มู่เฉียนซีโบกมือพลางกล่าวว่า “ข้าฆ่าเจ้ารึ ? เจ้าดูสิว่าตอนนี้เจ้ายังมีชีวิตรอดอยู่หรือไม่ ?”

‘ยังไม่ตาย! ข้ายังไม่ตาย!’ ตานคุนผงะไปครู่หนึ่ง  เขารู้สึกได้ว่ากู่พิษภายในร่างกายกำลังขยับ ช่างน่าขนลุกยิ่งนัก!

มู่เฉียนซี “ตัดมือของเจ้าเสียสิ แล้วกู่พิษนั่นจะคลานออกมาเอง คงไม่ต้องให้ข้าลงมือตัดมือให้เจ้าหรอกนะ”

ด้วยความกลัวกู่พิษ ตานคุนลงมือตัดมือตัวเอง จากนั้นกู่พิษที่น่าขยะแขยงพุ่งออกมาจากร่างเขาทันที แค่เพียงคิดว่ากู่พิษที่น่าขยะแขยงนี้อยู่ในกายของเขา เขาก็แทบจะโก่งคออาเจียนออกมา

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเด็ดขาด นางตัดสินใจแล้ว “ใครที่ยอมรับใช้ตระกูลมู่ยืนขึ้น ข้าจะแก้พิษให้พวกเจ้า ส่วนคนที่ไม่ยอมก็เตรียมตัวตายไปพร้อมอวิ๋นซินหรานได้เลย”

แน่นอนว่าพวกเขายังไม่อยากตาย ทุกคนยอมยืนขึ้นแต่โดยดี

เมื่อยาของนางไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา พวกเขาก็ทำเฉกเช่นเดียวกันกับตานคุน นั่นคือตัดมือ ปล่อยให้กู่พิษออกมาจากร่างกาย

มู่เฉียนซีสะบัดมือ “เอาล่ะ ภารกิจเสร็จสิ้น อวิ๋นซินหราน เจ้าไร้ประโยชน์ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว”

อวิ๋นซินหรานตะโกนขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว “มู่เฉียนซี เจ้าแก้กู่พิษให้พวกมันได้ เจ้า…”

มู่เฉียนซียืดอกภาคภูมิใจ “อวิ๋นซินหราน เจ้าเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น เหตุใดเจ้าถึงไม่ไปแก้แค้นกับหมอปีศาจผู้ที่คอยสนับสนุนตระกูลมู่อยู่เบื้องหลังล่ะ เล่นพิษกับหมอปีศาจ เหอะ! เจ้าช่างอ่อนหัดนัก”

มู่เฉียนซีโบกมือ กล่าวว่า “เสี่ยวหง ถึงเวลาส่งเขาลงนรกแล้ว”

เสี่ยวหงกระโดดออกมา มันหัวเราะชอบอกชอบใจ “ฮ่า ๆ ๆ ได้เลยนายท่าน มันผู้นี้โดนแมลงกัดแทะเนื้อในจนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว อยู่ไปก็ทรมานเปล่า ๆ ข้าใจดีจะช่วยปลดปล่อยให้มันเป็นอิสระเอง”

“อ๊าก!” เปลวไฟสีแดงฉานพุ่งเข้าหุ้มร่างอวิ๋นซินหราน เสียงกรีดร้องของอวิ๋นซินหรานดังก้อง ผู้ที่ได้ยินเสียงเขาต่างขนพองสยองเกล้า

เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “มู่เฉียนซี เจ้ากล้าฆ่าข้า เจ้าจะต้องไม่ตายดีแน่!”

“ข้า… อวิ๋นซินหรานจะไปรอเจ้าในนรก เจ้าคิดว่าตระกูลมู่ของเจ้าเก่งกาจนักรึ ? อีกไม่นานเจ้าจะต้องพบกับหายนะ และเจ้าก็จะต้องตามข้าลงไปในนรก” น้ำเสียงของอวิ๋นซินหรานนั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น จากนั้นไม่นาน เปลวไฟอันแดงฉานเป่าร่างของเขาจนมอดไหม้ไม่เหลือซาก

มู่เฉียนซีเหลือบไปมองตานคุนกับพวกและกล่าวว่า “จัดการอวิ๋นซินหรานเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นเรามาคุยเรื่องของเรากันดีกว่า”

ตานคุน “ทุกอย่างเป็นไปตามคำสั่งของท่านผู้นำตระกูลมู่ขอรับ!”

ทว่าในขณะเดียวกันนั้น มีคนขัดขึ้นมา  ท่านผู้เฒ่าสามกล่าวขึ้นว่า “ท่านเจ้าสำนัก สำนักตานจี้ของพวกเราเป็นสำนักนิกายอันดับหนึ่งแห่งแคว้นจื่อเยี่ย หากเราพยายามทุ่มเทแรงกายแรงใจไปด้วยกัน สำนักตานจี้ของเราจะต้องเป็นสำนักนิกายที่ใหญ่ที่สุดในใต้หล้านี้ ท่านเจ้าสำนักจะยอมก้มหัวรับใช้ตระกูลเล็ก ๆ เช่นนี้ได้เยี่ยงไร ข้าคนหนึ่งที่ไม่ยอม!”

“หากเจ้าสำนักยอมเป็นข้ารับใช้ตระกูลมู่ ข้าจะนำศิษย์ทั้งหมดของข้าออกจากสำนักตานจี้และไปตั้งสำนักใหม่”

ท่านผู้เฒ่าสี่ยืนขึ้น แสดงท่าทีต่อต้านออกมา

ในเมื่ออวิ๋นซินหรานก็ตายไปแล้ว อีกอย่าง พวกเขาก็ได้ถูกช่วยเหลือแก้พิษกู่สำเร็จ ได้ชีวิตกลับคืนมา เหตุใดจึงต้องยอมอ่อนข้อให้กับนางเด็กโอหังผู้นี้ด้วย

มู่เฉียนซีกวาดสายตามองไปที่ท่านผู้เฒ่าสามและท่านผู้เฒ่าสี่ จากนั้นกล่าวเสียงเยียบเย็น “ตาเฒ่าทั้งสอง พวกเจ้าคิดจะถีบหัวส่งข้ารึ ?”

มู่อีโกรธเกรี้ยว “พวกเจ้าหัวหงอกแล้วแท้ ๆ ยังกลับกลอกเช่นนี้ หากไม่ได้ท่านผู้นำตระกูลของข้า พวกเจ้าคงจะกลายเป็นหุ่นเชิดให้อวิ๋นซินหรานไปแล้ว  หากไม่ได้ท่านผู้นำตระกูลของข้าแก้พิษให้ พวกเจ้าก็คงจะตายไปพร้อมกับอวิ๋นซินหราน”

“เมื่อครู่ตะโกนขอร้องอ้อนวอนให้ไว้ชีวิต ยอมทุกอย่าง ชี้วัวเป็นวัว ชี้ม้าเป็นม้า มายามนี้แก้พิษได้แล้วกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ข้าไม่คิดเลยว่าตาแก่อย่างพวกเจ้าจะหน้าด้านหน้าทนยิ่งกว่ากำแพงเมืองเสียอีก”

ท่านผู้เฒ่าสามและท่านผู้เฒ่าสี่กล่าว “แล้วเจ้ามีปัญหาอะไรรึ ? ข้ายอมรับว่าพวกเจ้าแข็งแกร่ง แต่ถึงอย่างไรวันนี้พวกข้าก็จะไป พวกเจ้าห้ามไม่ได้!”

มู่เฉียนซีมองพวกเขา ใบหน้านางเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

“ลำพองตนกันเกินไปแล้วพวกผู้เฒ่าโง่ คิดว่าจะหนีไปได้ง่าย ๆ รึ ?”

.