— ตูม! ตูม! ตูม! —
ร่างของผู้เฒ่าเหล่านั้นล้มลงไปกับพื้น ปากของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวไม่พอ ร่างของพวกเขายังกระตุกตาม ๆ กัน
“ผู้นำตระกูลมู่ เจ้า…”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างสะใจ “พวกเจ้าเป็นคนบอกข้าเองว่าให้ข้าวางยาเพื่อควบคุมพวกเจ้าได้ เพราะฉะนั้นตอนที่ข้าแก้พิษให้พวกเจ้า ข้าฉีดยาพิษเข้าไปด้วย เพียงแต่พวกเจ้าไหวพริบยอดแย่จึงไม่ทันสังเกตเห็นเอง”
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “ว่าอย่างไรล่ะ ? ณ ตอนนี้พวกเจ้ายังคิดจะถีบหัวส่งข้าอีกหรือไม่ ?”
ตานคุนลอบพึมพำ ‘ในดินแดนแห่งความลับ คราก่อนก็ได้เห็นแล้วว่าผู้นำตระกูลมู่นางนี้ฉลาดหลักแหลมเพียงใด นางไม่มีทางให้ผู้อื่นได้มีโอกาสถีบหัวนางส่งเป็นแน่ เคราะห์ดีแท้ ๆ ที่ข้าไม่ได้คิดทรยศนาง’
ท่านผู้เฒ่าเหล่านั้นช่างโชคร้ายนักที่ตัดสินใจเพิกเฉยต่อนาง ถึงได้ตกอยู่ในสภาพเลวร้าย
ท่านผู้เฒ่าสาม “ผู้นำตระกูลมู่ พวกข้ามิบังอาจแล้ว”
“ชะ… ใช่ ท่านผู้นำตระกูลมู่ พวกเราเพียงแค่หยอกเย้าเจ้าเล่น ๆ เพียงเท่านั้น” ท่านผู้เฒ่าสี่กล่าวสำทับ
พวกเขาคิดที่จะจากไปอยู่รอมร่อ ใครเลยจะฉุกคิดทันว่านางเด็กโอหังผู้นี้จะตลบหลัง ทำให้พวกเขายากที่จะถอนตัว
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นมา “พวกเจ้าคิดว่าข้าจะใช้นกสองหัวอย่างพวกเจ้าทำการใหญ่เช่นนั้นหรือ ? คนกลับกลอกเช่นพวกเจ้า ให้เป็นข้ารับใช้ย่อมเหมาะสมที่สุดแล้ว หากใช้ให้ทำการอย่างอื่น มีหวังพลาดไม่เป็นท่า”
ท่านผู้เฒ่าสามและท่านผู้เฒ่าสี่กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ท่านผู้นำตระกูลมู่ พวกเรารู้ผิดชอบชั่วดีแล้ว ได้โปรดอภัยให้พวกเราอีกสักครั้งเถอะ”
“ท่านผู้นำตระกูลมู่ นับจากนี้ไปพวกข้าจะจงรักภักดีต่อท่าน ได้โปรดให้โอกาสอีกสักครั้ง…”
ตานคุนถอนหายใจอย่างละเหี่ยเพลียจิต “เฮ้อ… ท่านผู้นำตระกูลมู่ ท่านจะจัดการอย่างไรกับคนเหล่านี้หรือขอรับ ?”
มู่เฉียนซี “ทำลายการฝึก ทำลายเส้นลมปราณ ไล่ออกจากสำนักตานจี้ให้พวกเขาทำลายตัวเอง”
ตานคุนได้ยินเช่นนี้ถึงกับผงะไป “เอ่อ… นั่นมัน…”
อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นคนในสำนักตานจี้ด้วยกัน ทำลายการฝึกของพวกเขาก็ว่าร้ายแรงแล้ว จะให้ทำลายเส้นลมปราณเพื่อไม่ให้พวกเขาได้ฝึกอีกต่อไป ช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก
มู่เฉียนซีไม่สนใจ “ทำไมรึ ? หากเจ้าไม่พอใจที่ข้าตัดสินใจจัดการเช่นนี้ เจ้าจะให้เสี่ยวหงพ่นเปลวไฟเผาให้สิ้นซากไปเสียเลยก็ย่อมได้”
ตานคุนตะโกนเรียกข้ารับใช้ “พวกเจ้ามานี่ นำตัวท่านผู้เฒ่าสามกับท่านผู้เฒ่าสี่ไปทำลายพลังและเส้นลมปราณ แล้วขับไล่ออกจากสำนักตานจี้”
คนอย่างพวกเขาถือว่ามีโชคดีอยู่ในความโชคร้ายที่ยังมีชีวิตรอด ผลของการไม่รู้จักวางตัวของผู้เฒ่าสามและผู้เฒ่าสี่ประจักษ์ให้เห็นเป็นตัวอย่างแก่ผู้ที่ยังเหลืออยู่ การที่ผู้เฒ่าทั้งสองทำให้ท่านผู้นำตระกูลมู่ไม่พอใจ ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เกิดจากการกระทำของพวกเขาเอง
“ขอรับ”
ลำดับต่อมาท่านผู้เฒ่าใหญ่กำลังจะลอบย่องออกไป มู่เฉียนซีเหลือบไปเห็น กล่าวติดตลกเข้าใส่ “ผู้เฒ่าใหญ่ เจ้าก็คิดว่าเจ้าจะหนีรอดไปได้หรือ ?”
“ผู้เฒ่าใหญ่! ข้าไว้วางใจเจ้ามาโดยตลอด แต่เจ้ากลับคิดคบกับศิษย์ของเจ้าเพื่อทำร้ายข้า” ตานคุนกล่าวด้วยความโกรธ
— ตุบ! —
ท่านผู้เฒ่าใหญ่คุกเข่าลงกับพื้น “ท่านเจ้าสำนัก ตัวข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าอวิ๋นซินหรานจะโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้ ข้าถูกเขาบีบบังคับ ท่านเจ้าสำนัก ท่านต้องเชื่อข้า”
มู่เฉียนซี “ตานคุณ เรื่องจัดการคนในสำนักข้าจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้า เวลานี้จัดเตรียมสถานที่เงียบสงบให้ข้าได้พักผ่อนด้วย ส่วนเจ้าก็ค่อย ๆ จัดการคนในสำนักไป แต่อย่าให้ล่าช้ามากนัก”
“ขอรับ” ตานคุนตอบรับ
เจ้าสำนักตานจี้อย่างตานคุน ถือว่าเป็นบุคคลที่พอจะมีวิสัยทัศน์อยู่บ้าง เขาจัดเตรียมสถานที่ให้มู่เฉียนซีได้ดีมาก อีกทั้งข้าง ๆ ยังเป็นสวนสมุนไพรวิญญาณด้วย
สมุนไพรวิญญาณเหล่านี้เพาะปลูกขึ้นมาอย่างพิถีพิถันที่สุด มู่เฉียนซีรวบรวมสมุนไพรวิญญาณบางส่วนที่นางไม่มีเอาไว้ในพื้นที่ของนาง
ตานคุนเป็นเจ้าสำนักตานจี้มาหลายสิบปี เขาจัดการเรื่องราวทุกอย่างอย่างเด็ดขาด ที่ผ่านมาได้จัดการกับคนในสำนักทั้งหมด สุดท้ายก็เหลือไว้เพียงแค่คนที่เชื่อฟังและจงรักภักดีต่อเขาเท่านั้น
เช้าวันต่อมา ตานคุนรายงานสถานการณ์ทุกอย่างกับมู่เฉียนซี เมื่อมู่เฉียนซีฟังจบ นางกล่าวขึ้นว่า “ถึงอย่างไรเจ้าก็ยังคงเป็นเจ้าสำนักตานจี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องประกาศให้คนอื่นรู้ว่าเจ้ายอมจำนนให้แก่ข้า”
“ขอรับ”
“ต่อไปข้าจะเปิดหอหมอปีศาจขึ้นอีก ส่วนเจ้าก็คัดเลือกศิษย์ฝีมือดี ๆ ไปให้ข้า”
“ขอรับ”
จากนั้น มู่เฉียนซีแนะนำตานคุนตั้งแต่เรื่องการการบ่มเพาะสมุนไพรวิญญาณตลอดไปจนถึงการฝึกศิษย์ในสำนักปรุงยา ทั้งหมดนี้นางอธิบายให้ตานคุนฟังอย่างชัดเจน
เวลานี้ในหัวของตานคุนก็มีวิสัยทัศน์ที่ดี เรื่องหลัก ๆ ที่เขาต้องทำคือพัฒนาหอหมอปีศาจ ส่วนเรื่องพัฒนาสำนักนิกายอันดับหนึ่ง นิกายที่ยิ่งใหญ่นั้นเป็นเรื่องรอง …ในอนาคตพวกเขาจะต้องพึ่งพาหอหมอปีศาจเป็นหลัก เช่นนี้ต่อไปสำนักของพวกเขาก็จะยิ่งใหญ่ไปเองในแผ่นดินเซี่ยโจว
มู่เฉียนซีกล่าว “ทุกอย่างที่ข้าได้พูดไป เจ้าจำได้ใช่หรือไม่ ?”
“จำได้ขอรับ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ดี เช่นนั้นข้าต้องขอตัวกลับไปพักผ่อน”
ตานคุนกล่าวขึ้น “ท่านผู้นำตระกูล สูตรยาวิญญาณข้าจะ… ข้าจะให้คนนำไปให้ท่านที่จวน”
ถึงอย่างไรสำนักตานจี้ทั้งสำนักก็อยู่ในมือนางแล้ว เหตุใดยังต้องนำเอาสูตรยาระดับสี่นั่นให้กับนางอีก ?
มู่เฉียนซีกล่าว “สูตรยาระดับสี่ เวลานี้ข้ายังไม่ต้องการ ข้ามีสูตรยาอยู่ เอ้า รับไปเสียสิ เก็บเอาไว้ศึกษาและฝึกอบรมศิษย์ให้ดีเถอะ ต่อไปในอนาคตหอหมอปีศาจจะต้องใช้ยาเหล่านี้”
ตานคุนอ้าปากค้าง เบิกตากว้างดวงตาแทบถลนออกมา “สูตรยา… มันมีมากเหลือคณานับเช่นนี้เลยหรือขอรับ ?”
“สูตรยาระดับสี่ สูตรยาระดับห้า สูตรยาระดับหก…”
สำนักตานจี้ของเขามีเพียงสูตรยาระดับสี่อันถือว่าเป็นสูตยาที่ล้ำค่ามากแล้ว ไม่คาดคิดว่าผู้นำตระกูลมู่จะยื่นสูตรยาระดับสูง ๆ เป็นกำมือเช่นนี้ให้กับเขา
เมื่อก่อนเขาเคยได้ยินมาว่าตระกูลมู่นั้นร่ำรวย ผู้นำตระกูลมู่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย นางสิ้นเปลืองเงินทองไปกับวัตถุภายนอก ทว่านางใจกว้างมอบสูตรยาล้ำค่าเหล่านี้ให้เขาหรือนี่!
ตานคุนเกิดความรู้สึกว่านับจากนี้ต่อไป เขาต้องทำดีกับท่านผู้นำตระกลมู่ให้มาก ๆ ต่อไปไม่ว่าจะเป็นสูตรยา ยาวิญญาณ หรือจะเป็นอาวุธวิญญาณก็คงจะไม่ขัดสนเป็นแน่
หลังจากที่จัดการเรื่องที่สำนักตานจี้เสร็จสิ้น มู่เฉียนซีนำองครักษ์เงาตระกูลมู่กลับจวน
“ท่านผู้นำตระกูล นายท่านสามมีคำสั่งว่าหากท่านผู้นำกลับมาถึงจวนแล้ว ให้ไปหานายท่านสามที่เรือนอวู่โยวสักครู่ขอรับ”
“ได้” มู่เฉียนซีตอบรับ นางมุ่งหน้าไปที่เรือนอวู่โยว
เมื่อไปถึงเรือนอวู่โยว มู่อวู่ซวงผู้นั่งอยู่บนรถเข็นค่อย ๆ ออกมาหานางอย่างช้า ๆ พลางกล่าว “ซีเอ๋อร์ กลับมาแล้วหรือ ?”
มู่เฉียนซีพยักหน้า “ข้ากลับมาแล้วท่านอาเล็ก ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ”
“ซีเอ๋อร์มัวแต่ยุ่งทุกวี่ทุกวัน ลืมวันสำคัญไปแล้วใช่หรือไม่ ?”
“วันสำคัญรึเจ้าคะ ? ที่จวนจะมีวันสำคัญอะไรหรือเจ้าคะท่านอาเล็ก ?” มู่เฉียนซีฉงนสงสัย นางคิดไปคิดมา จากนั้นก็กล่าวขึ้นว่า “หรือว่าใกล้จะถึงวันเกิดของท่านอาแล้ว ? เช่นนั้นข้าจะรีบเตรียมของขวัญที่ดีที่สุดให้กับท่านอา”
มู่อวู่ซวงยิ้มอ่อนโยน “ไม่ใช่วันเกิดข้า แต่เป็นวันเกิดของซีเอ๋อร์เองต่างหากเล่า ซีเอ๋อร์ เจ้าจะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว”
มู่เฉียนซีครุ่นคิด นางจำวันเกิดตนเองมิได้ คงจะเป็นอย่างเช่นที่ท่านอาว่า นางจะอายุสิบหกปี ในบ้านเมืองของนาง อายุสิบหกปีถือว่ากำลังจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว
มู่อวู่ซวง “ซีเอ๋อร์กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ช่างน่าเสียดายยิ่งนักที่มีเพียงข้าผู้เป็นอาที่ได้อยู่กับหลาน พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ และพี่รองไม่ได้อยู่ด้วย ซีเอ๋อร์ เจ้าเสียใจหรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีเม้มปากเล็กน้อย จากนั้นกล่าวขึ้น “ท่านอา ข้ามู่เฉียนซีมิใช่เด็ก ๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้คนทั้งครอบครัวมาอวยพรวันเกิดให้”
มู่อวู่ซวงยิ้ม กล่าวว่า “ซีเอ๋อร์เป็นเจ้าหญิงที่ล้ำค่าที่สุดของตระกูลเรา วันเกิดปีนี้ของซีเอ๋อร์ ข้าจัดเตรียมให้ซีเอ๋อร์เรียบร้อยแล้ว หากมีโอกาสได้กลับไป ข้าจะให้พี่ใหญ่จัดให้ซีเอ๋อร์อีกสักรอบ ให้ยิ่งใหญ่เลยเป็นเช่นไร ?”
ดวงตามู่เฉียนซีเปล่งประกายเล็กน้อย “ท่านอา… กลับไป… กลับไปที่ไหนรึ ? ”
วันเกิดอายุสิบหก… วันที่ถือว่านางจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเป็นทางการ หรือว่าท่านอาเล็กจะเปิดเผยเรื่องบางอย่างกับนาง
.