ตอนที่ 181: 1 ต่อ 10
ตอนนี้สถานการณ์ได้ทวีความรุนแรงขึ้น เจี้ยนเฉินรู้ว่านอกเหนือจากการค้นตัว ไม่มีทางอื่นที่พวกเขาจะเชื่อเขา และหากพวกเขาค้นตัวเขา พวกเขาก็จะค้นเข็มขัดมิติของเขาด้วย ซึ่งเขาจะไม่มีทางยอมให้มันเกิดขึ้น ! โดยไม่นับรวมแกนอสูรระดับ 5 อีก 2 ชิ้นที่ถูกเก็บไว้อย่างมิดชิดในเข็มขัดมิติ หากพวกเขาค้นเจอแหวนมิติ, แกนอสูรระดับ 4 , และเหรียญม่วงจำนวนมาก จิตใจของทุกคนที่นี่มีแต่ความคิดชั่วร้าย
เจี้ยนเฉินรู้ดีว่าการปิดบังความจริงคงไม่ได้ผลในตอนนี้ เขาไม่กลัวใครที่นี่.
เขามองไปรอบ ๆ ตัวเอง มองดูคนที่แข็งแกร่งจำนวนมากที่สามารถจับเขาได้อย่างง่ายดาย เขาปลดปล่อยปราณออกมาจำนวนมากและเริ่มหัวเราะ “เนื่องจากทุกคนคิดออกแล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป พวกเจ้าพูดถูก แกนอสูรระดับ 5 อยู่ที่ข้า แต่ข้ามีแกนอสูร 2 ชิ้นเท่านั้น แต่มีคนจำนวนมากอยู่ที่นี่ ทุกคนวางแผนที่จะแบ่งปันแกนอสูรกันอย่างไร ? “
คำพูดของเจี้ยนเฉินทำให้ทุกคนเริ่มลังเล สัตว์อสูรระดับ 5 นั้นมีค่ามาก แต่แกนอสูรระดับ 5 นั้นมีค่ามากยิ่งกว่าอย่างแน่นอน ไม่มีใครยอมแพ้ง่าย ๆ พวกเขารู้ดีแก่ใจว่ามีแกนอสูรระดับ 5 เพียง 2 อันเท่านั้น และมีกลุ่มคนที่มีอิทธิพลที่แตกต่างกันอย่างน้อย 10 กลุ่มที่นี่ แต่ละกลุ่มมีพลังอำนาจที่เทียบเท่ากัน ดังนั้นการแบ่งแกนอสูร 2 อันในหมู่พวกเขาจะเป็นปัญหาใหญ่
ในช่วงเวลาหนึ่ง บรรยากาศรอบ ๆ เจี้ยนเฉินก็แปลกไป สายตาของทุกคนที่เพิ่งดีใจเริ่มสงบลง แต่ละคนมีแววตาที่โหดร้าย
อย่างไรก็ตามบรรยากาศนี้ไม่ได้เกิดขึ้นนานนัก มีเสียงผู้อาวุโสทำลายความเงียบขึ้นมาว่า “วู่หยุน ปัญหาเรื่องการแบ่งแกนอสูรเป็นสิ่งที่เราจะพูดคุยกันในภายหลัง เราไม่จำเป็นต้องกังวลเลย สำหรับตอนนี้ เจ้าเพียงแค่มอบแกนอสูรระดับ 5 ออกมา”
เจี้ยนเฉินหันไปหาคนที่พูด เขาเห็นชายสวมเสื้อคลุมสีขาวที่ค่อนข้างสั้น เขาเอื้อมมือไปที่อกของเจี้ยนเฉิน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอย แต่ภายใต้ริ้วรอยเหล่านั้นก็เผยให้เห็นดวงตาที่ส่องประกายสดใส
เสียงของผู้อาวุโสค่อนข้างสงบ แต่ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขานั้นมีเจตนามุ่งร้าย เจี้ยนเฉินแค่นหัวเราะเย็นชาออกมาขณะที่เขาตอบว่า “ผู้อาวุโส ข้าขออภัย แต่ข้าจะเก็บแกนอสูรระดับ 5 ทั้งสองนี้ไว้ มันไม่ใช่ของที่ข้าจะขาย ! ” เจี้ยนเฉินย้ำประโยคสุดท้ายโดยไม่ลังเล เขาไม่เปิดช่องให้เจรจาเพิ่มเติม
เมื่อทุกคนได้ยินว่าเจี้ยนเฉินไม่ขายแกนอสูร สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปและจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยสายตาที่เย็นชา หลายคนที่ไม่ใส่ใจที่จะปกปิดเจตนาชั่วร้ายอีกต่อไป หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่ามีกลุ่มที่มีอิทธิพลมากกว่า 10 กลุ่มกำลังมุ่งเป้าไปที่แกนอสูรระดับ 5 พร้อมกันซึ่งทำให้สถานการณ์มีความซับซ้อนมากขึ้น คนเหล่านี้อาจจะไม่ใส่ใจที่จะพูดกับเจี้ยนเฉินอย่างสุภาพ พวกเขาคงจะเริ่มใช้กำลังไปนานแล้ว การใช้เงินเพื่อซื้อแกนอสูรระดับ 5 ไม่ใช่ความตั้งใจแต่แรกเริ่มของพวกเขาอยู่แล้ว
“วู่หยุน แกนอสูรระดับ 5 ทั้งสองอันนั้นจะทำให้เจ้าเดือดร้อนหากเจ้ายังครอบครองมัน และมันอาจเป็นสาเหตุให้เจ้าต้องจบชีวิตลง เจ้าควรเลือกอย่างระมัดระวัง” ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีทองซึ่งดูเหมือนจะอายุประมาณ 30 ปีกล่าว ชายหนุ่มคนนี้มาจากตระกูลมู่เทียน
“ถูกต้อง วู่หยุน เจ้าไม่คู่ควรที่จะครอบครองแกนอสูรระดับ 5 เจ้าควรขายมันให้เรา” สมาชิกตระกูลเจียลู่พูด
หลังจากนั้นไม่นานทุก ๆ ตระกูลก็เริ่มเรียกร้องให้เจี้ยนเฉินขายแกนอสูรแต่ไม่มีใครพูดถึงราคา
เจี้ยนเฉินรู้ดีว่ามูลค่าของแกนอสูรระดับ 5 นั้นมากเพียงใด เนื่องจากเขามีเหรียญม่วงนับหมื่นเหรียญในเข็มขัดมิติของเขา เขาจึงไม่ขาดแคลนเงิน ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการขายมันอย่างแน่นอน
เจี้ยนเฉินป้องมือเข้าด้วยกันเป็นเชิงขออภัย ท่านทั้งหลาย ข้าขออภัยจริง ๆ ข้าจะไม่ขายแกนอสูร ข้ามีเรื่องสำคัญต้องทำ ข้าขอตัวอำลา” หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินจึงหันหน้าไปทางหน้ากำลังเตรียมตัวเดินออกไปอย่างสบาย ๆ และไร้กังวล แต่เขาก็เตรียมพร้อมที่จะโจมตีในทุกวินาที
“หืมม เจ้าปฏิเสธที่จะดื่มสุรามงคลกลับชมชอบดื่มสุราจับกรอก เจ้าต้องโดนลงโทษ ! “
การกระทำของเจี้ยนเฉินทำให้หลายคนโกรธแค้น และในทันทีทันใดนั้นเซียนผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็พุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉิน พยายามจับตัวเขา
การเคลื่อนไหวของคนเหล่านี้เปรียบเสมือนการจุดชนวนระเบิด ช่วงเวลาที่พวกเขากระโจนเข้าหาเจี้ยนเฉิน ผู้คนจากแต่ละตระกูลก็ทำตามพวกเขาทันที บางคนพุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉิน ในขณะที่บางคนปิดกั้นคนอื่น ๆ และพยายามที่จะขโมยแกนอสูรจากเจี้ยนเฉิน
ในเวลานี้ ทุกคนรู้แก่ใจว่าถ้าพวกเขาต้องการแกนอสูรระดับ 5 วิธีที่ดีที่สุดในการได้มาคือขโมยมันจากเจี้ยนเฉิน เซียนระดับสูงหลายคนได้เห็นแล้วว่าพลังของเจี้ยนเฉินนั้นอยู่ที่ระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงเท่านั้น สำหรับตระกูลต่าง ๆ ความแข็งแกร่งระดับประเภทนี้ถือว่า ธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กังวลเลย
เมื่อเจี้ยนเฉินเห็นผู้คนมุ่งหน้ามาทางเขา เขาแค่นเสียงเย็นชาและเผยให้เห็นความโหดเหี้ยมในแววตาของเขา แม้พวกเขาเหล่านี้จะมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลซึ่งมีอำนาจหนุนหลัง และเป็นกลุ่มที่ไม่มีใครควรล่วงเกิน แต่หากเขาปล่อยให้คนเหล่านี้รังแกเขาโดยที่เขาไม่ตอบโต้ เขาก็ไม่ควรชื่อเจี้ยนเฉิน เขาไม่ใช่คนที่กลัวเรื่องเดือดร้อน
กระบี่วายุโปรยสีเงินของเขาปรากฏขึ้นทันทีในมือขวาของเขาในขณะที่มันส่องแสงสีเงิน ไม่นานมันก็บินไปราวกับสายฟ้าพุ่งไปหาผู้คนที่กระโจนเข้าใส่เขา
เนื่องจากความรวดเร็วของกระบี่ คนเหล่านั้นที่อยู่ในระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญจึงไม่คาดว่ากระบี่ของเขาจะพุ่งเข้าใส่พวกเขาด้วยความเร็วที่ไม่สามารถมองเห็นได้ พวกเขาแทบจะไม่สามารถมองเห็นกระบี่ เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาตอบโต้ กระบี่วายุโปรยได้เจาะคอของพวกเขาไปอย่างโหดเหี้ยมแล้ว ไม่มีใครที่สามารถหลบเลี่ยงได้เลยแม้แต่คนเดียว
หลังจากที่เขาเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงแล้ว ความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ศัตรูที่เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญทุกคนไม่มีใครหลบการโจมตีของเขาได้นอกจากว่าพวกเขาจะมีพลังเซียนธาตุลม
ในพริบตาเดียว เซียนผู้เชี่ยวชาญก็ตายด้วยกระบี่ของเจี้ยนเฉิน ด้วยการแสดงความสามารถในการต่อสู้อย่างฉับพลันนี้ คนที่ต้องการปล้นแกนอสูรจากเจี้ยนเฉินต่างก็พากันหน้าซีดด้วยความตกใจก่อนที่จะเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น พวกเขาถืออาวุธเซียนไว้ด้านหน้าและค่อย ๆ เข้าไปหาเจี้ยนเฉินอย่างระมัดระวัง
หลังจากฆ่าคนไปหลายคน เจี้ยนเฉินยังคงเดินหน้าต่อไป เท้าของเขาก้าวข้ามพื้นด้วยความเร็วราวกับภูตผีขณะที่เขาหายตัวไปจากสายตา ครั้งต่อไปที่เขาปรากฏตัวอีกครั้ง เขาก็อยู่ห่างจากที่เดิมไป 3 เมตร และวิ่งไปหาคนที่อยู่ไกลที่สุดซึ่งต้องการขโมยแกนอสูรจากเขา