ตอนที่ 182: ไม่กลัว
หลังจากที่กระบี่ของเจี้ยนเฉินส่องแสงแวววาว คนสามคนที่อยู่ด้านหลังของกลุ่มที่เข้ามา คอของพวกเขาถูกแทงด้วยปลายแหลมของกระบี่
ในเวลาเดียวกัน คนอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้ร่างของเจี้ยนเฉินก็เริ่มกวัดแกว่งอาวุธเซียนของพวกเขาพร้อมด้วยพลังเซียนขณะที่พวกเขาพยายามเฉือนเขา
แม้ว่าจะมีอาวุธเซียนเฉือนมาทางเขา เขาก็ไม่ได้เหลียวหลังไปดูสักครั้งเดียว ราวกับว่าเขามีตาอยู่ด้านหลัง เขาเอียงร่างกายเล็กน้อยเพื่อหลบอาวุธจะกำลังพุ่งเข้ามาหาเขา
“ปัง ! “
ไม่มีอาวุธเซียนชิ้นใดที่โจมตีโดนเจี้ยนเฉิน เนื่องจากเป้าหมายของพวกเขาคือเจี้ยนเฉิน อาวุธเซียนแต่ละชิ้นจึงชนกันในกลางอากาศและสะท้อนเสียงของโลหะ ในขณะที่อาวุธต่าง ๆ มากมายปะทะเข้าหากัน ปริมาณของพลังงานจึงวนเวียนอยู่ในอากาศ
ดวงตาของเจียนเฉินเปล่งประกายอย่างฉับพลันในขณะที่เขาใช้ประโยชน์จากอาวุธเซียนที่หยุดนิ่ง ในพริบตากระบี่วายุโปรยก็เปล่งแสงสลัวซึ่งปกคลุมทุกคนที่อยู่ใกล้เคียง อาวุธเซียนส่องแสงและปลายของมันก็มีปราณรวมอยู่ มันคล้ายกับเคียวของยมทูต เมื่อใช้แต่ละครั้งที่ใบมีดบินไปถึงลำคอของแต่ละคนและโจมตีอย่างรุนแรงจนทำให้เลือดไหลออกมาจากบาดแผล.
ในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ถึงอึดใจ เซียนผู้เชี่ยวชาญอีกประมาณ 10 คนเสียชีวิตด้วยมือของเจี้ยนเฉิน เห็นเจตนาฆ่าฟันได้ชัดเจนในแววตาของเจี้ยนเฉิน ในขณะที่กระบี่วายุโปรยเปล่งแสงสีเงินอีกครั้งและปราณกระบี่ก็ทวีความรุนแรงขึ้น. ในขณะที่เจี้ยนเฉินกำลังจะฆ่าคนต่อไป เสียงก็ดังขึ้นมาว่า
” ช้าก่อน !”
จากนั้นทุกคนที่กำลังพุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉินก็หยุดลงทันที ในเวลาเดียวกัน คนที่เจี้ยนเฉินเพิ่งแทงคอก็ล้มลงกับพื้น
” ช่างเป็นกระบี่ที่รวดเร็วเสียจริง ! “
” เป็นกระบี่ที่เร็วจนน่าทึ่ง”
………
ภายในกลุ่มมีบุรุษที่ประหลาดใจจำนวนมาก ในหมู่พวกเขามีเซียนผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่สามารถเห็นกระบี่ของเจี้ยนเฉิน อย่างไรก็ตามถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ตกใจกับความเร็วดุจสายฟ้าที่เจี้ยนเฉินแสดง พวกเขาทุกคนรู้ว่าเมื่อต่อสู้กับกระบี่ที่รวดเร็ว พวกเขาจะต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ มิฉะนั้นพวกเขาจะเสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิต
เมื่อมาถึงจุดนี้ เซียนระดับสูงหลายคนที่ดูถูกเจี้ยนเฉินในตอนต้นมีความเห็นที่ต่างออกไปในตอนนี้ พวกเขาเห็นว่าเขาเป็นคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับที่เท่าเทียมกัน.
ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ นอกเหนือจากเซียนผู้เชี่ยวชาญที่นอนอยู่บนพื้น ใบหน้าของเซียนผู้เชี่ยวชาญทุกคนเป็นสีเทาเมื่อพวกเขาเริ่มจริงจัง ในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้น พวกเขาเห็นเพียงแสงสีขาวขุ่นของกระบี่ของเจี้ยนเฉินส่องสว่าง แต่ไม่เห็นการตายของสหายพวกเขา
มือขวาของเจี้ยนเฉินถือกระบี่ขณะที่เขายืนอยู่เหนือร่างพร้อมด้วยเลือดซึ่งหยดลงมาจากปลายกระบี่ เขาจ้องมองทุกคนรอบตัวอย่างเย็นชาและพูดว่า “หากพวกเจ้าต้องการขโมยแกนอสูรจากข้า มันคงไม่ง่ายอย่างที่พวกเจ้าคิด อย่างน้อยที่สุด ข้าจะทำให้ทุกคนต้องชดใช้อย่างใหญ่หลวงสำหรับการกระทำครั้งนี้”
คำพูดของเจี้ยนเฉินไม่ได้ทำให้เซียนผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงคนใดรู้สึกตื่นตกใจ ภายในกลุ่มบุรุษ 100 คนนี้ มีเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษมากมายหลายคน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เชื่อในคำพูดเพ้อเจ้อที่มาจากเจี้ยนเฉิน
แม้ว่าคำพูดของเจี้ยนเฉินดูเหมือนว่าจะทำให้ประสาทหลอนเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีใครพูดตอบโต้เลย แม้แต่เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษก็ไม่พูดอะไร สำหรับเซียนผู้เชี่ยวชาญที่นอนอยู่แทบเท้าของเจี้ยนเฉินเป็นข้อพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของเขา
” ฮะ ฮะ ฮ่า ..”
ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ด้านบนเริ่มปรบมือพร้อมด้วยรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า “วู่หยุน เจ้าเก่งมาก ข้าไม่คิดเลยว่าตัวเองจะได้ชมภาพที่น่าทึ่ง มันช่างน่าชื่นชม น่าชื่นชมจริง ๆ “
เจี้ยนเฉินกลับมายิ้ม แต่ไม่ตอบเขา “ทุกคน พวกเจ้ายังต้องการที่จะปล้นข้าอีกหรือไม่ ? “
ขณะที่เจี้ยนเฉินพูดจบ ชายวัยกลางคนที่มีสีหน้ามืดมนก็พูดขึ้นมาว่า อืม อย่าคิดว่าเพราะเจ้ามีพละกำลัง เจ้าจะสามารถทำให้ทุกคนเชื่อฟังได้ วู่หยุน แม้ว่าเจ้าได้ฆ่าสมาชิกตระกูลยู่หลานของข้าไป ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าถ้าเจ้าไม่มอบแกนอสูรให้ข้า เจ้าจะไม่รอดชีวิตออกไปจากที่นี่”
“วู่หยุน แม้ว่าตระกูลมู่เทียนของเราหลายคนจะต้องตายด้วยน้ำมือของเจ้า พวกเขาก็เป็นสมาชิกที่โดดเด่นของตระกูลและได้รับการสนับสนุนจากผู้นำตระกูล หากเจ้าไม่ชดใช้ค่าเสียหายในวันนี้ ก็คงยากที่จะยุติเรื่องนี้ลงได้ ผู้นำตระกูลของเราคงไม่ยอมง่าย ๆ “
เมื่อได้ยินชายสองคนนั้นพูด ทุกคนเห็นว่าเป็นจังหวะที่ดี ไม่มีใครรู้สึกถึงความจำเป็นที่จะต้องล่าถอย แม้ความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินจะทำให้พวกเขาประหลาดใจ แม้ว่าพวกเขาจะยังรู้สึกว่าพวกเขาจำเป็นต้องเฝ้าระวังตาไม่กระพริบ สุดท้ายแล้วแกนอสูรระดับ 5 ก็เป็นก็เป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจทุกคน ตอนนี้ปัญหาเดียวก็คือมีหลายกลุ่มที่เข้ามาเกี่ยวข้องมากเกินไปและมีแกนอสูรระดับ 5 เพียง 2 อันทำให้ไม่สามารถแบ่งสรรปันส่วนได้ แม้ทุกคนจะตระหนักถึงความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินแต่ก็ไม่มีใครกลัวผลที่จะตามมา
เจี้ยนเฉินรับรู้ได้ถึงอันตรายที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ เขาเข้าใจแล้วว่าคงจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ไม่ได้ เขาแค่นหัวเราะเย็นชาและเอ่ยว่า “มันเป็นเช่นนี้สินะ อย่างนั้นข้าก็ชดใช้ค่าเสียหายให้พวกเจ้าเอง” กระบี่วายุโปรยระเบิดด้วยแสงสีเงินขณะที่ปราณกระบี่หลอมรวมเข้ากับอากาศโดยรอบของกลุ่มผู้คนในระยะ 10 เมตร ทุกคนรู้สึกถึงความรู้สึกแสบร้อนที่ผิวของพวกเขาทันทีราวกับว่ามีคมกระบี่จำนวนมากกดทับกับผิวหนังของพวกเขา
เท้าของเจี้ยนเฉินกระทืบลงบนพื้นขณะที่เขาเหินขึ้นฟ้าด้วยความเร็วของปีศาจ ระยะทาง 10 เมตรที่แยกเขาและคนข้างหน้าใกล้มาก เมื่อเขามาถึงด้านหน้าของกลุ่มตระกูลยู่หลาน เขากวัดแกว่งกระบี่วายุโปรย เขารวบรวมปราณกระบี่และส่งปราณกระบี่ไปยังกลุ่มคนตรงหน้า
ตระกูลยู่หลานเป็นกลุ่มที่เจี้ยนเฉินไม่ชอบอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจะเป็นกลุ่มคนแรกที่เขาจะกำจัด
” ทุกคน ระวังตัว ! ” ผู้นำตระกูลยู่หลานร้องออกมา ทันใดนั้นกระบี่ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา ในความว่างเปล่าที่เป็นมีปราณกระบี่มากมาย เขาก็วาดกระบี่ของเขาและแทงมันไปข้างหน้า
“ปัง ! “
เสียงกระทบดังขึ้นในอากาศขณะที่กระบี่ที่เรียวยาวของผู้นำปรากฏขึ้นภายในปราณกระบี่ของเจี้ยนเฉินและปะทะกัน ทันใดนั้นคลื่นกระแทกที่รุนแรงก็ระเบิดจากอาวุธเซียน 2 ชิ้นในแนวโค้งที่มองเห็นและทุบทั้งสองฝั่งของพื้นที่อย่างรุนแรง ทันใดนั้นกำแพงหินก็เริ่มสั่นสะเทือนก่อนที่ฝุ่นละอองจะปลิวว่อนและบินขึ้นไปในอากาศ
เมื่ออาวุธเซียนสองชิ้นปะทะกัน เจี้ยนเฉินก็เรียกอาวุธของเขาทันทีและหมุนไปรอบ ๆ บนพื้นด้วยความเร็วสูง ครู่หนึ่งเขาหลบกระบวนท่าที่สองของชายคนนั้น
กลุ่มตระกูลยู่หลานทั้งหมดได้เตรียมการเผชิญหน้ากับเจี้ยนเฉินที่ว่องไว คนที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งมีพลังเซียนเล็ดลอดออกมาจากมือยืนอยู่ข้างหน้าทุกคน พวกเขาเรียกอาวุธเซียนออกมาและพุ่งเข้าใส่เจี้ยนเฉิน
เพียงไม่กี่วินาทีหลังจากที่อาวุธเซียนถูกเหวี่ยงออกไป แสงสีเงินก็กระพริบและแทงเข้าไปในลำคอของพวกเขาโดยที่พวกเขาไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา