ตอนที่ 316

เสน่ห์คมดาบ

“ไม่มีหรอก เราจัดการได้ การประชุมครั้งนี้เราต้องเป็นผู้นำแบบผูกขาดแน่นอน ฮ่าๆ” อัลทิสเงยหน้าขึ้นและหัวเราะอย่างมีชัย

ชีอ้าวชวางมองท่าทางภาคภูมิใจของอัลทิสแล้วรู้สึกละอายเล็กน้อย

“เจ้ามาด้วยเรื่องนี้หรือ ไม่มีอะไรต้องช่วยเหลือหรอก ไปๆๆ ไปเลี้ยงอาหารข้า” อัลทิสพูดด้วยรอยยิ้มแล้วยื่นแขนไปโอบไหล่ของชีอ้าวชวางและพาเดินไป

สายตาของจินเหยียนจ้องไปที่ไหล่ของชีอ้าวชวางอย่างฟาดฟันแต่อัลทิสไม่ได้รับรู้เลย เขายังคงเดินออกไปพร้อมกับชีอ้าวชวางอย่างมีความสุข

จินเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็เงียบแล้วเดินตามไป

บนชั้นสองของโรงแรม ทารีน่าจ้องไปที่แผ่นหลังของชีอ้าวชวางด้านล่างที่เดินออกไปจากประตูด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอาวรณ์

หลังจากกินข้าวกับอัลทิสแล้ว ชีอ้าวชวางก็พาจินเหยียนกลับไปที่โรงแรมดวงดาวแล้วให้พนักงานจัดที่พักให้จินเหยียนซึ่งเป็นห้องที่อยู่ไม่ไกลจากชีอ้าวชวาง

พอตกกลางคืน โจนาธานและไดทันส์ก็กลับมา เห็นประตูของชีอ้าวชวางปิดอยู่ พวกเขาทั้งสองก็ไม่ไปรบกวนแล้วแยกย้ายเข้าห้องของตัวเองไป

ชีอ้าวชวางกำลังนอนอยู่บนเตียง มองผ้าม่านสวยงามอย่างตื่นเต้นและมีความสุข ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้พบกับจินเหยียนในวันนี้ ความอบอุ่นและความสบายใจที่เกิดขึ้นอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย

มีจินเหยียนอยู่ที่นี่ด้วย ช่างดีจริงๆ…

ชีอ้าวชวางหลับตาลงอย่างพึงพอใจและหลับไปช้าๆ

ในตอนกลางคืน แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง สภาพแวดล้อมโดยรอบก็เงียบลง

ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ ที่หน้าเตียงของชีอ้าวชวางที่กำลังหลับอยู่ ร่างนั้นยืนมองใบหน้าที่สงบของชีอ้าวชวางที่กำลังหลับอยู่อย่างเงียบงัน

“เฮ้อ…” เสียงถอนหายใจแผ่วเบาออกมาจากปากของชายผู้นี้ ในเสียงนั้นเจือด้วยความเศร้าที่อธิบายไม่ถูกอยู่

ทันใดนั้น คนที่อยู่ข้างเตียงก็ขมวดคิ้วเหลือบมองไปที่ประตูห้องและหายตัวไปในทันทีราวกับว่าเขาไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน

ร่างนั้นหายไปแล้ว ภายในห้องก็ยังคงเงียบเช่นเดิม ชีอ้าวชวางก็หลับสนิท ไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีใครเข้ามา

ที่นอกเมือง ร่างสองร่างกำลังไล่ตามกันไปโดยรักษาระยะห่างอย่างคงที่จนกระทั่งเข้าสู่ป่าลึก

ในที่สุด คนที่อยู่ข้างหน้าก็หยุด แต่ไม่หันกลับไปมอง

จินเหยียนที่กำลังไล่ตามอยู่ก็หยุดและมองคนข้างหน้าเขาอย่างแน่วแน่แล้วก็นิ่งเงียบเช่นกัน

“เจ้าตามมาทำไม?” ประโยคนี้ออกมาจากปากชายข้างหน้าเบาๆ

“เจ้าเป็นใคร?” จินเหยียนขมวดคิ้วจ้องไปที่คนตรงหน้า

“เป็นใครมันสำคัญมากหรือ?” คนตรงหน้าถาม

จินเหยียนเงียบไป

“ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อนาง” ชายคนนั้นพูด

“ข้ารู้” จินเหยียนยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ในทางกลับกัน กลับมีความเป็นห่วงอยู่ด้วย” จินเหยียนพูดความสงสัยในใจออกมา ผู้ชายคนนี้คือใคร? ทำไมทัศนคติที่มีต่อคุณหนูจึงแปลกเช่นนี้?

“นั่นก็พอแล้วไม่ใช่หรือ ตอนนี้พวกเจ้าอย่าเพิ่งไปยุ่งกับสถาบันดวงดาว ข้าจะจัดการเอง พวกเจ้าจะเข้าใจเองเมื่อถึงเวลา ถึงตอนนั้นแล้วพวกเจ้าค่อนลงมือมันก็ยังไม่สายเกินไปหรอก” คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าพูดช้าๆ

“เจ้านี่เอง! เจ้าคือคนลึกลับที่คุณหนูพูดถึง!” จินเหยียนประหลาดใจ “เจ้าที่เกือบจะทำลายหอคอยดวงดาวในตอนนั้นหรือ?!” จินเหยียนตกใจ ไม่แปลกใจเลยที่ความแข็งแกร่งของคนผู้นี้ไม่อาจหยั่งรู้ได้ หากไม่ใช่เพราะจิตวิญญาณของเขาลอกออกจนเฉียบแหลมกว่าปกติก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะค้นพบว่าอีกฝ่ายยืนอยู่ในห้องนอนของคุณหนู และการไล่ล่าเมื่อกี้ก็เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่ ไม่เช่นนั้นคงตามไม่ทันหรอก เขามาหยุดอยู่ที่นี่และรอแบบนี้ มีอะไรจะบอกหรือไม่นะ?

“ใช่ มันผ่านไปนานแล้ว” ชายลึกลับพูดเบาๆ “หอคอยดวงดาวจะต้องถูกทำลาย”

“ทำไม?” หัวใจของจินเหยียนบีบแน่น เห็นได้ชัดเลยว่าชายลึกลับตรงหน้าเขารู้เบื้องลึกบางอย่าง แต่เรื่องนั้นมันคืออะไรล่ะ?

“สุดท้ายแล้วเจ้าจะได้รู้เอง ก่อนจะถึงตอนนั้น ปกป้องนางให้ดี” หลังจากที่ชายลึกลับพูดทั้งหมดนี้จบ ร่างของเขาก็หายวับไปในอากาศ มีเพียงลมเย็นที่พัดมาอย่างแผ่วเบาและใบไม้ที่ปลิวกระทบกันเท่านั้น

จินเหยียนก้าวไปข้างหน้าอย่างกระวนกระวายใจ เขาไม่รู้สึกถึงลมหายใจของชายลึกลับอีกต่อไปแล้ว

เขาคือใครกันแน่?

ทำไมถึงเป็นห่วงคุณหนูขนาดนี้?

ทำไมถึงมีความรู้สึกเดจาวูนะ?

เดจาวู? ทำไมเขาถึงคิดเรื่องไร้สาระแบบนี้นะ?!

จินเหยียนยืนอยู่ในป่าเป็นเวลานาน จากนั้นก็ค่อยๆ ถอยกลับพร้อมกับความสงสัยในใจ

เช้าวันรุ่งขึ้น เสียงนกร้องดังเข้ามาในห้อง และแสงแดดก็ส่องลงมาทางหน้าต่าง ชีอ้าวชวางค่อยๆลืมตาขึ้นมองผ้าม่านเตียงที่สวยงามบนหัวของนาง จากนั้นก็หาวและลุกขึ้นอย่างช้าๆ

ทันใดนั้นก็มีเสียงมาจากข้างนอกประตู

“เจ้าคือใคร?”

ดูเหมือนว่าจะเป็นเสียงของไดทันส์นะ

หัวใจของชีอ้าวชวางบีบแน่น ทันใดนั้นก็จำได้ว่าเมื่อคืนจินเหยียนยังไม่ได้เจอกับไดทันส์และโจนาธานเลย ไดทันส์เองก็มีนิสัยที่ค่อนข้างแปลก เขาอาจจะขัดแย้งกับจินเหยียนได้

ชีอ้าวชวางรีบลุกจากเตียงและเปิดประตูออกไป แล้วก็ได้เห็นไดทันส์ที่มีใบหน้าเคร่งขรึม

จินเหยียนยืนนิ่งอยู่เงียบๆ ข้างประตูของชีอ้าวชวางด้วยสีหน้าเย็นชา จินเหยียนไม่ตอบคำของไดทันส์เลย

“ไดทันส์” ชีอ้าวชวางเรียก

“ชีอ้าวชวาง คนนี้คือใคร? เขาคอยเฝ้าประตูเจ้าอยู่” ไดทันส์ขมวดคิ้ว

“เขาเป็นผู้ติดตามของข้า ชื่อจินเหยียน” ชีอ้าวชวางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วแนะนำตามที่จินเหยียนเคยพูด

“ผู้ติดตามหรือ? อ้อ” หลังจากได้ฟัง สีหน้าของไดทันส์ก็อ่อนลง สิ่งที่คนชื่อจินเหยียนทำเมื่อครู่นี้ก็ดูเป็นผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์อยู่

“หาว…” โจนาธานบิดขี้เกียจแล้วเดินหาวออกมาจากห้อง เมื่อเขาลืมตาขึ้นเห็นทั้งสามคน เขาก็ตกตะลึง

“พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน? เห้ย นี่ใคร?” โจนาธานมองไปที่จินเหยียนด้วยความสับสน

“ผู้ติดตามของชีอ้าวชวาง” ไดทันส์ตอบอย่างแผ่วเบา “เอาเถอะ เราไปกินข้าวกัน จะได้ถือโอกาสไปดูแผนผังของสถานที่ด้วย”

จินเหยียนยืนเงียบอยู่ข้างๆ

โจนาธานเหลือบมองไดทันส์อย่างสงสัยและก็มองไปที่จินเหยียน

“ข้าไปล้างหน้าก่อน” ชีอ้าวชวางหันหลังเดินเข้าห้องไป

“เช่นนั้นเราไปรอเจ้าที่ร้านอาหาร” โจนาธานบอก

“อื้ม”

ไดทันส์และโจนาธานเดินออกไป จินเหยียนก็ก้มหน้าเอามือกอดอกแล้วยืนพิงอยู่ที่ข้างๆ ประตูของชีอ้าวชวางรออยู่เงียบๆ

ไดทันส์เหลือบมองจินเหยียนจากระยะไกลอย่างครุ่นคิด

ที่โต๊ะอาหาร โจนาธานหรี่ตาและเคี้ยวอาหารด้วยท่าทางสบายๆ แต่ไม่รู้เลยว่ากินอะไรอยู่

ไดทันส์กำลังกินอาหารเช้าอย่างเงียบๆ แต่หางตาของเขามองไปทางชีอ้าวชวาง

จินเหยียนยืนอยู่ข้างหลังชีอ้าวชวางแล้วรินชาร้อนให้ชีอ้าวชวางอย่างเป็นธรรมชาติ กลิ่นหอมของดอกกุหลาบนั้นทำให้รู้สึกมึนเมาได้เลย

มันคือชากุหลาบ

ชีอ้าวชวางเงยหน้าขึ้นมองจินเหยียนและยิ้มอย่างรู้ทัน

บนใบหน้าที่เย็นชาของจินเหยียนก็มีรอยยิ้มจางๆ เช่นกัน หลังจากเทชาแล้ว จินเหยียนก็เดินกลับไปยืนด้านหลังชีอ้าวชวางอย่างเงียบงัน

ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของไดทันส์ และสายตาเขาก็ดูจมดิ่งไปเล็กน้อย

หลังอาหารเช้า ทุกคนก็เตรียมไปที่สนามศิลปะการต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดทางตะวันตกของเมือง ที่นั่นเป็นสถานที่จัดการแข่งขันของผู้มีความสามารถ

ทั้งสามขึ้นรถม้า จินเหยียนไปนั่งข้างคนขับโดยที่ยังคงไม่พูดอะไรเช่นเดิม

ที่สนามศิลปะการต่อสู้ มีคนเข้ามาต้อนรับทันทีที่รถม้าหยุด ทั้งสามคนเดินไปข้างหน้า และจินเหยียนก็เดินตามหลังอย่างเงียบๆ เมื่อมองไปรอบๆ สถานที่ โจนาธานก็หาวอย่างเบื่อหน่าย ไดทันส์มองทุกอย่างอย่างว่างเปล่า มองไม่ออกเลยว่าเขาคิดอะไรอยู่

“โจนาธาน เจ้าไปคุยกับผู้รับผิดชอบสถานที่หน่อยสิ ทางนั้น…”

“ชีอ้าวชวาง เจ้าก็ไปดูด้วยแล้วให้โจนาธานอธิบายให้เจ้าฟัง” ไดทันส์สั่ง

“อื้ม” ทั้งสองพยักหน้า ชีอ้าวชวางกำลังจะตามโจนาธานไป จากนั้นจินเหยียนก็จะก้าวตามไป

“นอกจากทูตของสถาบันดวงดาวแล้ว ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปทั้งนั้น” เสียงเย็นเยียบของไดทันส์เอ่ยขึ้น

จินเหยียนหันไปมองที่ไดทันส์เล็กน้อย แต่ไดทันส์ก็ยังคงท่าทางเย็นชาไม่แสดงออกอะไรเช่นเคย

ชีอ้าวชวางมองจินเหยียนและยิ้มเล็กน้อย “จินเหยียน ไม่เป็นไรหรอก รอข้าอยู่ที่นี่ เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”

จินเหยียนพยักหน้า “ครับ นายน้อย”

หลังจากที่โจนาธานและชีอ้าวชวางไปแล้ว ไดทันส์ก็ละสายตาและค่อยๆ หันไปหาจินเหยียน

จินเหยียนค่อยๆ เงยหน้าขึ้นเผชิญหน้ากับดวงตาที่เย็นชาของไดทันส์

“เจ้าระวังตัวไว้ ถ้าเจ้าทำให้ชีอ้าวชวางเสียสมาธิ ข้าจะฆ่าเจ้า” ไดทันส์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา แค่เห็นความเย็นชาในสายตาก็ชัดเจนแล้ว ผู้ติดตามคนนี้จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น และความรู้สึกระหว่างชีอ้าวชวางกับชายคนนี้ก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ มีสิ่งหนึ่งที่ไดทันส์มั่นใจคือชีอ้าวชวางห่วงใยผู้ชายคนนี้มาก หากชายผู้นี้เข้าไปพัวพันให้ชีอ้าวชวางทำอะไร แน่นอนว่าเขาจะกำจัดชายผู้นี้โดยไม่ลังเลเลย!

จินเหยียนยิ้มและพูดเบาๆ “ความสัมพันธ์ของเจ้ากับนายน้อยของข้าเป็นอย่างไร?”

ไดทันส์อึ้งไปครู่หนึ่งแล้วก็ก้มหน้าลง “เขาเป็นคนเดียวที่ข้ายอมรับ”

“แล้วเขายอมรับเจ้าหรือไม่?” รอยยิ้มที่ไร้สาระปรากฏขึ้นที่มุมปากของจินเหยียน

ไดทันส์ยิ้มเย็น “เจ้าไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้” ในความเข้าใจของไดทันส์ ชีอ้าวชวางต้องยอมรับเขาอยู่แล้ว

“เจ้ารู้หรือไม่ว่านายน้อยต้องการอะไรมากที่สุด? เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมนายน้อยต้องก้าวเข้าสู่มิติสูญสลาย? เจ้าคิดว่านายน้อยเป็นคนที่เดินบนเส้นทางเดียวกับเจ้าจริงๆ หรือ?” รอยยิ้มน่าขำปรากฏขึ้นที่มุมปากของจินเหยียนอย่างเห็นได้ชัด

เวลาต่อมา ก็มีพลังขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่จินเหยียน กลิ่นอายสังหารอันน่าสยดสยองที่ไม่มีที่สิ้นสุดก็ปกคลุมร่างกายของจินเหยียน ร่องรอยเลือดก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นจากใบหน้าที่หล่อเหลาของจินเหยียนและไหลลงมาอย่างไร้เสียง

แต่จินเหยียนกลับไม่ตอบสนองอะไร รอยยิ้มเยาะเย้ยจางๆ ก็ยังคงอยู่บนใบหน้าของเขาเช่นเดิม

ทั้งสองคนมองหน้ากันแบบไม่มีใครหลบเลี่ยงเลย

“พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน?” เสียงของชีอ้าวชวางดังมาอย่างกังวลจากในระยะไกล