ตอนที่ 283 สังหารมังกรปีศาจ

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

พวกอันหลินพุ่งออกจากม่านแบ่งแดนอย่างตาลีตาเหลือก จ้องอุโมงค์ม่านแบ่งแดนด้านหลังด้วยความพรั่นพรึง

ยังดีที่ภูตผีข้ามอุโมงค์นี้ไม่ได้ ทำให้พวกเขาต่างก็โล่งอกไปตามๆ กัน

“สหายอันหลิน ไม่ทราบว่าเจ้าสนใจอยากจะมาพูดคุยกันที่วังมังกรสักหน่อยหรือไม่” ชื่ออูสงบจิตสงบใจแล้วเชิญชวนด้วยความจริงใจ

“ขอบคุณในน้ำใจของสหายชื่ออู ข้ายังมีธุระต้องไปจัดการอีกนิดหน่อย วันหลังค่อยไปเยือน” อันหลินไม่ได้พูดตามมารยาทเท่านั้น แต่อีกสักระยะต้องไปที่วังมังกรจริงๆ

หยินอวี่เห็นท่าทางของอันหลินก็อ้ำๆ อึ้งๆ ในใจคิดว่าชายคนนี้เป็นนักพรตมนุษย์ เกรงว่าทำธุระเสร็จก็คงกลับแดนจิ่วโจวแล้ว ต่อไปผู้คนมากหน้าหลายตา เมื่อจากลาคงจะไม่ได้พบกันอีก

อารมณ์ที่ห่อเหี่ยวเพิ่งทะลักออกมา จู่ๆ นางก็นึกถึงเหตุผลอะไรบางอย่าง นัยน์ตาคู่งามลุกวาว พูดขึ้นมาว่า “อันหลิน เจ้าบอกว่าจะอ่านตำราทฤษฎีควอนตัมไม่ใช่หรือ มาที่วังมังกรสิ ข้าจะสอนเจ้า!”

อันหลินชะงัก เขาเกือบลืมเรื่องนี้ไปเสียแล้ว

“ได้เลย รอข้าเสร็จธุระ อีกไม่เกินครึ่งเดือน ข้าจะไปที่วังมังกร” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม

หยินอวี่โล่งใจไปเปราะหนึ่ง พูดอย่างยิ้มแย้มว่า “อืม งั้นข้าจะรอเจ้านะ”

ชื่ออูมองอันหลินสลับกับมองหยินอวี่แล้วย่นคิ้วน้อยๆ

เขาเพียงแค่ถามตามมารยาทไม่กี่คำ เจ้านี่จะมาวังมังกรจริงๆ หรือ

สุดท้ายทั้งสองกลุ่มก็บอกลากันและกัน

อันหลินเข้าสู่การเดินทางรวบรวมวัตถุดิบต่อไป

พวกเขาได้ผลึกหินน้ำแข็งบนเกาะน้ำค้างสวรรค์

เจอกระดูกไฟรกร้างที่ปากปล่องภูเขาไฟมังกรบินแห่งแดนร้อยเผ่า

ทุกอย่างราบรื่นเป็นอย่างมาก

ปกติแล้ววัตถุดิบเหล่านี้มักจะเจริบเติบโตในสภาพแวดล้อมพิเศษบางอย่าง ขอเพียงสภาพแวดล้อมแห่งนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ผ่านการหล่อเลี้ยงของพลังงานฟ้าดินและพลังตะวันจันทรา ผ่านไปหนึ่งหมื่นปีก็งอกเงยอีกครั้งได้เช่นกัน

ยาชนิดสุดท้ายชื่อว่า หญ้าขาว เจริญเติบโตอยู่บนเกาะเล็กๆ ที่ปกคลุมไปด้วยหมอกขาว

“รู้สึกว่าที่นั่นจะอันตรายมากเลยนะ เคยมีจอมปีศาจตนหนึ่งอยู่ นั่นมันผู้แข็งแกร่งที่ปกครองแดนปีศาจทะเล ตอนนั้นเสิ่นอิงมีพลังกึ่งหวนสู่ความว่างเปล่า ยังเกือบจะตายอยู่ที่นั่น สุดท้ายนางก็ใช้เคล็ดวิชาและค่ายกลนับไม่ถ้วน กว่าจะผนึกปีศาจตนนั้นไว้ที่เกาะแห่งนั้น…” อันหลินจ้องวัตถุดิบอย่างสุดท้ายในใบรายการด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม

ความจริงแล้วที่นั่นก็อยู่ในเจ็ดแดนภูตผี เป็นเกาะเล็กๆ ที่พสุธาส่องแสงสีม่วง

“ไม่เป็นไร จอมปีศาจถูกผนึก ไม่มีการเคลื่อนไหวร่วมหมื่นปีแล้ว แม้เกาะแห่งนั้นจะพิเศษ แต่ต่อให้ปีศาจทะเลระดับจักรพรรดิแห่งเจ็ดแดนภูตผีอยู่รวมกัน พวกเราสู้ไม่ไหวก็หนีได้นี่นา โฮ่ง!” ต้าไป๋พูดอย่างไม่ยี่หระ

พลังต่อสู้ของพวกเขาในตอนนี้ บอกตามตรงไม่ด้อยไปกว่าผู้แข็งแกร่งระดับแปลงจิตแล้ว

ต่อให้สู้ไม่ได้ การเอาตัวรอดก็ไม่ใช่ปัญหา

“ก็ได้ พวกเราออกเดินทาง ไปเกาะปีศาจกันเถอะ!” อันหลินเงยหน้ามองท้องทะเลที่เวิ้งว้าง ตัดสินใจในท้ายที่สุด

เกาะปีศาจอยู่ในเขตหมอกขาวของเจ็ดแดนภูตผี ยากลึกหยั่งถึง คนทั่วไปไม่รู้เลยว่ามีเกาะแห่งนี้อยู่

พวกเขาเองก็เพิ่งรับรู้ถึงการมีอยู่ของเกาะแห่งนี้จากความทรงจำของเสิ่นอิงเช่นกัน แต่แม้จะเป็นแบบนี้ พิกัดที่พวกเขารู้กลับเลือนราง ต้องค่อยๆ ค้นหาตำแหน่งที่ชัดเจน

พวกอันหลินไปซื้อเข็มทิศสามเทพที่เมืองริมทะเลในจักรวรรดิมุกดา

พวกเขาตั้งใจซื้อเข็มทิศนี่เป็นพิเศษเพื่อป้องกันพวกเขาหลงทางในม่านหมอก สามารถมองข้ามสนามแม่เหล็กและการรบกวนของพลังงานอื่นๆ ได้ วิเคราะห์ทิศทางได้แม่นยำอย่างยิ่ง

ขณะที่ทุกคนกำลังเตรียมตัวจะเคลื่อนไหวนั้น พลันมีร่างดำทะมึนมโหฬารเหาะมาแต่ไกล

“เอ๊ะ ทำไมกลิ่นอายถึงได้คุ้นเคยนัก” อันหลินย่นคิ้ว

“ตอนที่อยู่ในเมืองริ้วคลื่นก่อนหน้านี้ จักรพรรดิปีศาจเหล่านั้นก็มีกลิ่นแบบนี้เหมือนกัน…” นัยน์ตาของเจ้าอัปลักษณ์เย็นเยียบ เอ่ยอย่างเชื่องช้า

ไม่นานทุกคนก็เห็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ไกลโพ้นอย่างชัดเจน มันเป็นมังกรเพลิงที่มีลำตัวยาวหลายสิบจั้ง

บนหลังของมังกรยักษ์ตัวนี้มีปีกสามคู่ เหาะเหินได้รวดเร็วยิ่ง!

มันเพิ่งบินเข้ากำแพงเมือง ประคำสีม่วงที่อยู่ตรงหน้าก็ระเบิดลำแสงเจิดจ้า

ตูม! แรงดูดที่น่ากลัวอย่างมหันต์แผ่ออกมาจากประคำ

ไม่ว่าจะเป็นพลทหารไข่มุก หรือเป็นเหล่าชาวไข่มุกบนท้องถนน ต่างก็ถูกแรงดูดที่ยิ่งใหญ่ดูดให้ลอยไปหาประคำสีม่วง

ทันใดนั้น ชาวไข่มุกในเมืองก็ตกอยู่ในความหวาดกลัวและจลาจล

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

“ไม่นะ ไยข้าถึงควบคุมร่างกายไม่ได้! ช่วยด้วย!”

“ปล่อยข้า อย่าจับข้า!”

ไข่มุกนับไม่ถ้วนลอยขึ้นฟ้า ตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างหวาดผวา ร้องไห้โหยหวน

ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเหลือเกิน เร็วจนไข่มุกเหล่านี้ต้านทานไม่ได้ไม่พอ ถึงขั้นว่าถูกดูดขึ้นฟ้าโดยที่ไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ

หลังมังกรเพลิงทลายแนวป้องกันของกำแพงเมืองแล้ว ก็ใช้อิทธิฤทธิ์ดูดชาวไข่มุกเข้าไปในประคำกักเก็บ

“หึๆ ๆ…สู้ไม่ได้แม้แต่นิด…”

“สหายสี่ตนนั้นดวงไม่ดีเอง มิเช่นนั้นเมืองแบบนี้ จัดการร้อยเมืองก็ไม่มีปัญหา”

มังกรเพลิงฉวัดเฉวียนอยู่กลางนภา ใบหน้ามีแต่รอยยิ้มเย้ยหยัน

ไม่กี่อึดใจสั้นๆ มันก็รวบรวมชาวไข่มุกได้นับพันตนแล้ว

“เจ้าคิดว่าตัวเองโชคดีมากหรือ!”

จู่ๆ ก็มีเสียงของผู้ชายแว่วมา

มังกรเพลิงเงยหน้ามอง เห็นชายคนหนึ่งกำลังพุ่งมาทางมันด้วยความดุดัน

“เอ๊ะ มีนักพรตมนุษย์หล่อเลี้ยงวิญญาณกล้าออกโรงเสียด้วย ไม่กลัวตายหรือ”

มังกรเพลิงอ้าปาก เปลวไฟสีแดงที่ร้อนระอุก็พุ่งทะลักออกจากปากของมันอย่างมหาศาล ม้วนตัวไปหาอันหลินอย่างมืดฟ้ามัวดิน ทิ้งวงโคจรทำลายล้างสีแดงเป็นทาง

เปลวไฟสีแดงท่วมท้นร่างของชายหนุ่ม แต่มังกรปีศาจไม่เห็นภาพที่พวกเขากลายเป็นเถ้าธุลี

ก้อนอิฐสีดำขนาดใหญ่พุ่งทะลุเปลวไฟ ชายถือกระบี่ปรากฏตัวไม่ไกลจากมันอีกครั้ง ความเร็วไม่ลดลงเลย

มังกรปีศาจเห็นชายถือกระบี่ เห็นสุนัขยักษ์และวานร พลันก็เบิกตากว้าง

มันนึกถึงนักพรตมนุษย์ที่ปีศาจผีเสื้อกล่าวถึง ข้างกายนี่มันหมากับลิงไม่ใช่หรือไง!

หนี!

มังกรปีศาจไม่แม้แต่จะคิด รีบเก็บประคำกักเก็บทันใด ปีกสามคู่ระเบิดพายุเพลิง หันหลังแล้วหนีทันที!

ฟิ้ว! มังกรปีศาจแหวกอากาศประหนึ่งฝนดาวตก หนีไปทางทะเลที่ไกลโพ้น

มันมีระดับพลังยุทธ์เพียงแปลงจิตขั้นกลางเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ย่อมไม่มั่นใจถึงขั้นประมือกับวิปริตที่ผีเสื้อปีศาจกล่าวถึง

แต่หากพูดถึงความเร็วในการหลบหนี มันกลับมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม

ขอเพียงข้ากางปีกคู่ คู่ต่อสู้ที่ต่ำกว่าระดับหวนสู่ความว่างเปล่าจะเห็นแค่ก้นของข้าเท่านั้น!

อิทธิฤทธิ์ของประคำกักเก็บสูญสิ้น ไข่มุกนับพันตัวบนเวหาเริ่มตกลงสู่พสุธา เมื่อไร้ซึ่งแรงดูด

เหล่าไข่มุกกรีดร้องอีกครั้ง หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงเป็นคดีไข่มุกทั้งน้อยใหญ่หล่นกระทบจานหยกแล้ว![1]

“พี่อัน ไข่มุกเหล่านี้เรามาจัดการกันเถอะ!”

ต้าไป๋ปล่อยพายุหมุน แผ่คลุมไปทั่วฟ้าดิน ให้พลังลอยขึ้นแก่เหล่าไข่มุก

เจ้าอัปลักษณ์ก็ใช้คาถายกเมฆ รับไข่มุกเหล่านั้นไว้

แม้อันหลินจะถูกการหลบหนีอย่างเด็ดขาดของมังกรปีศาจทำเอาใจลอยไปชั่วครู่ แต่ความเร็วของเขากลับไม่ลดลงเลย ปล่อยต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ออกมาพร้อมกัน

ปีกวายุ!

กระบวนท่าที่หก กระบี่แห่งสายลม!

อันหลินใช้ความเร็วเป็นสองเท่า ทำให้ความเร็วพุ่งทะยาน

แม้ความเร็วของต๋าอีกับต๋าเอ้อร์จะสู้มังกรเพลิงที่อยู่ห่างออกไปไม่ได้ แต่กลับเปิดปากปืนใหญ่ทั้งหมดในพริบตา ปล่อยการโจมตีทุกทางที่จะสกัดการหลบหนีของมังกรปีศาจได้

ขีปนาวุธสะกดรอย ระเบิดแสงอาทิตย์ โซ่อะตอม…

การโจมตีของต๋าอีกับต๋าเอ้อร์โหมกระหน่ำเข้ามา

มังกรเพลิงก็ไม่กล้าดูแคลน ทำได้แค่หลบหลีกกลางเวหา

ตูมๆ ๆ…

กลางนภา มีพลุเพลิงสว่างไสวระเบิดลูกแล้วลูกเล่า

มังกรปีศาจพุ่งออกจากเปลวไฟอย่างทุลักทุเล ความเร็วถูกหน่วงเหนี่ยวไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยังสามารถสร้างระยะห่างกับเหล่ากันดั้มได้ “ฟู่…โชคดีที่ข้าหนังหนา…”

“ให้ตายสิ เกลียดอะไรได้อย่างนั้นจริงๆ…”

“หนทางคืนชีพให้ท่านผู้วิเศษช่างเต็มไปด้วยอุปสรรค”

ขณะที่มังกรปีศาจคิดว่าจะเอาชีวิตรอดได้แล้วนั้น ลำคอก็พลันเย็นวาบ ลำแสงสีแดงทะลวงร่างของมัน

มังกรปีศาจถูกโจมตีอย่างแรง หันหลังมองชายที่ยืนอยู่ข้างหลังมันด้วยความหวาดผวา

ดวงตาของชายคนนั้นขาวโพลน ชักกระบี่พิชิตมารสีดำออกมา แทงไปที่หลังของมันนับสิบกว่าครั้ง ทุกคราล้วนสกัดจุดเปลี่ยนถ่ายพลังปราณของมัน

เพียงชั่วพริบตา พลังปราณของมังกรปีศาจหยุดทำงาน แม้แต่เขตอาคมก็ถูกทลาย ร่างกายดิ่งลงพสุธาอย่างไร้เรี่ยวแรง

มันจ้องผู้ชายคนนั้นด้วยสีหน้าที่มีแต่ความกลัว ในใจคิดเพียงอย่างเดียวว่า

‘ความเร็วที่ไร้เทียมทานของข้า ถูกนักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณคนหนึ่งไล่ตามจนทันงั้นหรือ’

[1] มุกหล่นกระทบจานหยก เป็นสำนวนที่เปรียบเปรยถึงเสียงที่ไพเราะเสนาะหู