ตอนที่ 32 เสาหลักของบ้าน

‘วีรบุรุษ’ จ้าวเหวินเทาตื่นขึ้นมาตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันรุ่งขึ้น

เย่ฉูฉู่กังวลเล็กน้อย จึงกล่าวว่า “นี่ยังมืดอยู่เลยนะคะ”

“ภรรยา คุณนอนต่อเถอะ ผมอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็ก หลับตาเดินยังได้เลย อีกอย่างท้องฟ้าก็เป็นแบบนี้แหละ ผมเดินสักพักก็มองเห็นทางแล้ว” จ้าวเหวินเทากล่าวขณะสวมเสื้อผ้า

“เดี๋ยวคุณไปซื้อของกินในเมืองสักหน่อยนะคะ คูปองฉันใส่ไว้ในกระเป๋าให้คุณแล้ว” เย่ฉูฉู่กล่าว

จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ครับ ผมรู้แล้ว คุณนอนต่อเถอะ นี่ยังเช้าอยู่เลย”

เขาแปรงฟันเสร็จก็ออกจากบ้าน

วันนี้เป็นวันแรกที่เขาเดินทางมาทางฝั่งโรงฆ่าสัตว์ เขาย่อมไม่ต้องการให้เกิดข้อผิดพลาด ดังนั้นจึงออกมาในช่วงเวลาที่ท้องฟ้ายังคงเป็นสีเทาอึมครึมอยู่

ท้องฟ้ายังคงเป็นสีเทา แต่เวลากลับสายแล้ว ไช่ซื่อหู่ได้เตรียมของเสร็จเรียบร้อย เมื่อเห็นว่าเขามาช้าขนาดนี้จึงกล่าวว่า “เหวินเทา นายยังขาดจักรยานนะ”

“ผมรู้ ผมให้พี่สาวรวบรวมคูปองให้แล้ว ขอแค่มีคูปองก็ซื้อได้แล้วล่ะครับ!” จ้าวเหวินเทากล่าว

ไช่ซื่อหู่ไม่ได้กล่าวอะไร เขาหยิบเนื้อชั้นสามจำนวน 4 ชั่งออกมา จ้าวเหวินเทามีดวงตาเป็นประกาย เขาคิดว่านำมาให้เขาสัก 2-3 ชั่งก็นับว่าไม่เลวแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะมีถึง 4 ชั่ง เขาทำการคำนวณเงินโดยไม่กล่าวอะไรให้มากความ

“รีบไปเถอะ ยังไม่สายเกินไปที่จะเข้าเมืองตอนนี้” ไช่ซื่อหู่กล่าว

“ถึงจะช้าหน่อยก็ไม่กลัว เนื้อนี้มีเหรอจะขายไม่ออก?” จ้าวเหวินเทากล่าว

“ถ้าเจอคนรู้จักจะทำยังไง?” ไช่ซื่อหู่ยังคงกังวลเล็กน้อย จึงถามออกมาหนึ่งประโยค

“ยังต้องพูดอะไรอีก ผมก็จะบอกว่าเข้าเมืองไปหาพี่สาวของผมไง จะเอาเนื้อไปให้พวกหลาน ๆ สักหน่อยไม่ได้เลยเหรอ?” จ้าวเหวินเทากล่าว

ไช่ซื่อหู่จึงโล่งใจพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ก็เยอะขนาดนี้แล้ว หลังจากนี้ฉันจะพยายามหามาให้มากขึ้นอีกหน่อย”

จ้าวเหวินเทาบอกลาเขา จากนั้นก็หิ้วถุงกระสอบเข้าเมืองไป

เนื่องจากพี่สาวทั้งสองของเขาแต่งงานเข้าเมืองแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าเมืองบ่อย ๆ แต่จ้าวเหวินเทาก็จำทางได้อย่างชัดเจน

ครั้งนี้เขาไม่ได้ไปฝั่งถนนอันซิ่ง เนื้อแบบนี้จะขายที่ถนนอันซิ่งได้อย่างไรกัน? อีกอย่างเนื้อที่เขาได้มาก็ยังไม่ทราบแหล่งที่มาอย่างแน่ชัด อาจเกิดปัญหาได้ง่าย ๆ ดังนั้นจึงไม่ไปดีกว่า

เขาเลือกแหล่งที่อยู่อาศัย จากนั้นก็เลือกค้าขายกับหญิงชราเหล่านั้นโดยเฉพาะ

ก็แค่เนื้อไม่กี่ชั่ง เขาซื้อมาจากไช่ซื่อหู่ในราคา 5.40 เหมาต่อหนึ่งชั่ง และเขาขายออกไปได้ในราคา 8.60 เหมา ดังนั้นหนึ่งชั่งจึงได้กำไร 3.20 เหมา

ทั้งยังรับคูปองด้วย จะเป็นคูปองอะไรก็ได้ เขาต้องการทั้งหมด

ใช้เวลาไม่นาน เขาก็ขายเนื้อไม่กี่ชั่งนี้จนหมดเกลี้ยง

เขาได้รับคูปองอาหารมา 4 ใบ พร้อมกับเงินอีก 1.28 หยวน!

สิ่งนี้ทำให้จ้าวเหวินเทาดวงตาเป็นประกาย เขารู้สึกว่างานนี้ไม่ยากลำบากอะไรเลย!

ตอนที่เขามาซื้อซาลาเปาเนื้อที่ร้านอาหารของรัฐบาลเขาก็แอบอาลัยอาวรณ์ เขาอยากได้หมั่นโถวสองลูกและซาลาเปาหนึ่งลูก ซาลาเปาถูกห่อด้วยกระดาษไข จากนั้นก็เก็บไว้ด้านในกระเป๋าเสื้อเพื่อนำกลับไปให้ภรรยาของเขารับประทาน ส่วนตนเองรับประทานหมั่นโถว เขารับประทานไปพลางก็เดินไปยังบ้านของพี่สาวห้าที่อยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองไปพลาง

แต่เมื่อเขามาถึงก็พบว่าพี่สาวห้าของเขาได้ออกไปทำงานแล้ว

จ้าวเหวินเทาไม่มีทางเลือก จึงไปหาพี่สาวห้าของเขาที่ฝั่งโรงงานยาสีฟัน

พี่สาวห้าจ้าวกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ทำไมถึงเข้าเมืองตั้งแต่เช้าล่ะ กินอะไรมาหรือยัง?”

“ผมกินแล้วครับ พี่สาวห้า ผมมาถามเรื่องจักรยาน มีข่าวอะไรบ้างไหม?” จ้าวเหวินเทากล่าว

“มันจะเร็วขนาดนี้ได้ยังไงกัน” พี่สาวห้าจ้าวกล่าว “เธอไม่ต้องรีบร้อน ฉันจะไปถามมาให้ อีกสองวันพี่เขยของเธอก็กลับมาแล้ว เขามีเส้นสายเยอะ เดี๋ยวให้เขาช่วยหาให้นะ”

“ได้เลย” จ้าวเหวินเทาพยักหน้า

“เอาไปซื้อซาลาเปาเนื้อกินสิ” พี่สาวห้าจ้าวให้เงินและคูปองกับเขา

จ้าวเหวินเทาอยากรับไว้ แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ภรรยาของเขากล่าว เขาจึงลังเลและผลักกลับไป “พี่สาวห้า ครอบครัวของพวกเราแยกบ้านกันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ผมพอจะมีเงินอยู่ครับ”

“ทำไมถึงแยกบ้านเร็วขนาดนี้?” พี่สาวห้าจ้าวอดไม่ได้ที่จะพูด

“เรื่องนี้ไว้ค่อยคุย พี่สาวห้ากลับไปทำงานก่อนเถอะ ผมจะขึ้นไปหาพี่สาวใหญ่แล้ว” จ้าวเหวินเทากล่าว

“งั้นตอนเที่ยงมากินข้าวที่บ้านไหม?” พี่สาวห้าจ้าวกล่าว

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมไปหาพี่สาวใหญ่แล้วก็จะกลับเลย” จ้าวเหวินเทากล่าว

พี่สาวห้าจ้าวยังคงยัดเงินและคูปองให้กับเขา และย้ำให้เขาไปหาอะไรกิน ห้ามกลับไปโดยที่ท้องยังหิวอยู่

จ้าวเหวินเทาจึงรับไว้ พี่สาวห้าเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวย จึงไม่ต้องเกรงใจหล่อนมากนัก

ข้อแรกพี่เขยห้าวิ่งรถและมีเงินเดือนที่สูงมาก ส่วนอีกข้อคือมีน้ำมันให้ใช้ นอกจากนี้พี่สาวห้าของเขาก็มีเงินเดือนเป็นของตัวเอง ครอบครัวจึงเปี่ยมล้นด้วยความสุข

แน่นอนว่า เขาทราบดีว่าพี่สาวห้ารักเขา

จ้าวเหวินเทามาเยี่ยมเยียนพี่สาวใหญ่จ้าวของเขาทางฝั่งนี้ด้วยตัวเอง

วันนี้พี่สาวใหญ่จ้าวอยู่บ้าน ทั้งยังมีหลานสาวชื่อเยว่เยว่อีกคนหนึ่งด้วย

“น้องหก?” เมื่อเห็นจ้าวเหวินเทา พี่สาวใหญ่จ้าวก็รีบถามด้วยความดีใจเป็นอย่างมากว่า “ทำไมถึงเข้าเมืองตอนนี้ล่ะ? กินอะไรมาหรือยัง พี่จะไปเอาอะไรร้อน ๆ มาให้กินดีไหม?”

“ไม่ต้องครับ ผมกินมาแล้ว เมื่อกี้เพิ่งไปหาพี่สาวห้ามา พี่สาวห้าให้เงินและคูปองกับผมด้วย” จ้าวเหวินเทายิ้ม “ผมมาเพื่อมาบอกกับพี่สาวใหญ่ว่า พวกเราแยกบ้านกันแล้วนะ เพิ่งแยกบ้านเมื่อวานนี้เอง”

พี่สาวใหญ่รีบพูดด้วยความตกใจว่า “เกิดอะไรขึ้น? ที่บ้านก็อยู่ด้วยกันดี ๆ ทำไมถึงแยกบ้านกันล่ะ? หรือว่าภรรยาของเธอทะเลาะกับพวกพี่สะใภ้?”

“ใช่ที่ไหนกันล่ะครับ ภรรยาของผมนิสัยอย่างกับกระต่าย อ่อนแอยิ่งกว่าอะไร เธอจะไปทะเลาะกับพวกพี่สะใภ้ได้ยังไง?” จ้าวเหวินเทาปฏิเสธ

พี่สาวใหญ่จ้าวชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “เธอเป็นคนบอกกับฉันว่าภรรยาของเธอจัดการได้ยากไม่ใช่เหรอ?”

จ้าวเหวินเทาเคยบ่นให้พี่สาวทั้งสองของเขาฟังตอนเข้าเมืองว่าภรรยาของเขาจู้จี้จุกจิกกับเขามาก แถมยังเป็นคนน่ารำคาญด้วย

เมื่อมองย้อนกลับไป จ้าวเหวินเทาจึงกระแอมไอพลางกล่าว “เรื่องพวกนั้นก็ผ่านไปแล้ว ภรรยาของผมตอนนี้ทำตัวดีมาก ที่แยกบ้านไม่ใช่เพราะภรรยาของผมหรอก เป็นเพราะผมเองก็แต่งงานแล้ว พี่สามกับพี่สะใภ้สี่ต่างก็ไม่ชอบขี้หน้าผม พวกเขาคิดว่าผมเอาเปรียบ รู้สึกว่าผมกับภรรยาเลี้ยงไปก็เสียข้าวสุก เพราะเอาแต่พึ่งพาพวกเขา เลยแยกบ้านกันไปเลย ผมก็อยากเห็นเหมือนกันว่าหลังจากแยกบ้านแล้วใครจะมีชีวิตดีที่สุด!”

พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าวอย่างเป็นกังวล “แล้วเธอกับฉูฉู่จะทำยังไงต่อ? แยกบ้านกันแล้ว ถ้ามีลูกหลังจากนี้ใครจะเลี้ยง?”

“ก็ต้องเป็นภรรยาของผมอยู่แล้วครับ” จ้าวเหวินเทากล่าว

พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าว “ภรรยาของเธอเลี้ยง? ถ้าภรรยาของเธอเลี้ยงลูกแล้วจะไปทำงานยังไง? จะให้พึ่งพาเธอคนเดียวเหรอ?”

“แหงสิ ผมเป็นเสาหลักของบ้านนะ ถ้าไม่พึ่งพาผมแล้วจะให้ไปพึ่งใคร?” จ้าวเหวินเทายอมรับ

พี่สาวใหญ่จ้าวมองน้องของตนเองคนนี้ อายุของเขาห่างจากหล่อน 14 ปี หล่อนแต่งงานตอนอายุ 18 ปี ตอนนั้นน้องชายของหล่อนคนนี้เพิ่งจะ 4 ขวบเอง

แม้ว่าปีนี้เขาจะอายุ 20 ปี แต่งงานแต่งการและเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ในใจของหล่อนก็ยังมองว่าเขาเป็นน้องชายคนเล็กอยู่ดี

“ถ้าต้องพึ่งพาเธอคนเดียว ฉันคิดว่าพวกเธอสองคนคงได้เลี้ยงลูกแบบอด ๆ อยาก ๆ แน่นอน” พี่สาวใหญ่จ้าวพูดตามความจริง

จ้าวเหวินเทากล่าว “พี่สาวห้าบอกกับผมว่าฝั่งถนนอันซิ่งสามารถค้าขายได้ ถึงตอนนั้นผมจะขนของเข้ามาขายในเมือง แบบนั้นก็สามารถหาเงินได้แล้วไม่ใช่เหรอครับ?”

“เธอจะไปค้าขายเหรอ?” พี่สาวใหญ่จ้าวอดไม่ได้ที่จะพูด

“ทำไมล่ะ พี่สาวใหญ่ดูถูกการค้าขายเหรอ?” จ้าวเหวินเทาเห็นสีหน้าของหล่อนเปลี่ยนไป จึงกล่าวออกมา

……………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

น้องชายเก่ง พึ่งพาตัวเองได้ พี่สาวใหญ่ไม่ต้องห่วงนะคะ

ไหหม่า(海馬)