ตอนที่ 33 มีจักรยานแล้ว

พี่สาวใหญ่จ้าวรีบกล่าวว่า “พี่ไม่ได้ดูถูกการค้าขายหรอก แต่คนอื่นอาจจะดูถูกไง ถ้านาย…”

“ถ้าผมไม่มีเงินคนอื่นถึงจะดูถูก แต่ถ้าผมหาเงินและสร้างบ้านอิฐในหมู่บ้านได้สักหลัง ใครจะมาดูถูกผมล่ะครับ?” จ้าวเหวินเทาพูดอย่างไม่แยแส

พี่สาวใหญ่จ้าวถึงกับสะอึก สิ่งที่เขาพูดมันก็ถูก

“แต่ระยะทางไปกลับไกลซะขนาดนี้” พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าว

“ดังนั้นผมก็เลยให้พี่สาวห้าช่วยเก็บคูปองให้ผมไว้ซื้อจักรยานสักคันไงครับ” จ้าวเหวินเทากล่าว

พี่สาวใหญ่จ้าวรู้สึกกังวลเล็กน้อย น้องชายของหล่อนคนนี้ยังไม่ทันได้หาเงิน ก็ใช้เงินซื้อจักรยานแล้ว ต้องใช้เงินเท่าไรกัน?

“น้องชายลูกสะใภ้มาเหรอ” แม่เฒ่าหวังเอ่ยถามพร้อมกับแบกตะกร้าเข้ามา

“คุณป้ากลับมาแล้วเหรอครับ” จ้าวเหวินเทากล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นไข่ไก่ในตะกร้าของนางจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ทำไมคุณป้าถึงยังหาซื้อไข่ไก่ได้ล่ะ? หาซื้อมาจากที่ไหนเหรอครับ ถั่วงอกนี้ก็ดูอ่อนมากเลย”

“ฉันเจอคนขายอยู่ด้านนอก เห็นว่าไม่เลวก็เลยซื้อมา” แม่เฒ่าหวังกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เธออยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันก่อนสิ เดี๋ยวให้พี่สาวใหญ่ของเธอผัดไข่ให้กินสักจาน!”

“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมนั่งสักพักก็กลับแล้ว” จ้าวเหวินเทากล่าว

“เมื่อกี้ฉันได้ยินเรื่องจักรยาน อยากจะยืมจักรยานเหรอ? จักรยานที่บ้านถูกลุงของเธอใช้ขี่ไปทำงานแล้วล่ะ” แม่เฒ่าหวังกล่าว

“เปล่าครับ ผมว่าจะซื้อสักคัน” จ้าวเหวินเทากล่าว

“ซื้อสักคัน? ทำไมจู่ ๆ ถึงอยากซื้อจักรยานล่ะ?” แม่เฒ่าหวังกล่าวอย่างไม่เข้าใจ

“ผมจะเอาของมาขายในเมืองครับ ถ้าไม่มีจักรยานคงไม่ค่อยสะดวกเท่าไร แต่ผมขอให้พี่สาวห้าช่วยเก็บคูปองอุตสาหกรรมไว้แล้ว ถ้ามีคันที่เหมาะสมก็จะซื้อเลย” จ้าวเหวินเทากล่าว

แม่เฒ่าหวังได้ยินดังนั้นจึงกล่าวว่า “ของใหม่มันแพงมากเลยนะ ต้องใช้คูปองอุตสาหกรรมอย่างน้อยหลายสิบใบ หาซื้อได้ยากเชียวล่ะ!”

“เปล่าครับ ถ้ามีรถมือสอง ผมก็เอา” จ้าวเหวินเทากล่าว

“รถมือสองก็เอาเหรอ? ถ้างั้นบ้านเหล่าเฉินมีอยู่หนึ่งคัน เก่าหน่อย แต่ก็ทนมากเลยนะ สามารถใช้งานได้!” แม่เฒ่าหวังรีบกล่าวโดยพลันทันที

จ้าวเหวินเทาต้องการแค่สนทนากับนางเฉย ๆ ไม่คิดว่านางจะมีทางออกให้

“จักรยานคันนั้นถูกกฎหมายไหมครับ?” จ้าวเหวินเทารีบถาม

“ทำไมจะไม่ถูกกฎหมายล่ะ เหล่าเฉินสามซื้อมาตอนแต่งงานเมื่อห้าปีที่แล้ว ปีนี้จะย้ายไปอยู่ห้องเดี่ยว เลยไม่ได้ใช้จักรยานแล้ว ห้องเดี่ยวกับโรงงานอยู่ห่างแค่ 10 นาทีเอง เดินไปก็ได้ เขาก็เลยอยากขายจักรยาน!” แม่เฒ่าหวังกล่าว

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอคะ? ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลย” พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าว

“เขาเพิ่งบอกว่าต้องการขายเมื่อกี้นี้เอง ฉันบังเอิญได้ยินมาจากทางฝั่งนั้น ยังแนะนำให้ป้าของเธอที่กำลังจะไปซื้อไข่ไก่ให้รีบไปดูอยู่เลย” แม่เฒ่าหวังกล่าว

“ราคาเท่าไรครับ?” จ้าวเหวินเทาไม่สนใจเรื่องไข่ไก่ เขารีบถามอย่างรวดเร็ว

“เป็นจักรยานตราหงส์น่ะ ได้ยินว่าตอนที่ซื้อมาราคา 150 หยวน แต่ใช้มาห้าปีแล้ว เมื่อกี้เห็นบอกว่าไม่เอาคูปองแต่ขอในราคาหนึ่งร้อยหยวน” แม่เฒ่าหวังกล่าว

“แพงขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าวขึ้นมาอย่างฉับพลัน

“ก็ต้องไปต่อรองราคาดูก่อนสิ เธอเอาเงินมาหรือเปล่าล่ะ?” แม่เฒ่าหวังถามเขา

“ผมไม่ได้เอามาครับ แต่คุณป้าวางใจได้ ผมแยกบ้านแล้ว ได้เงินมา 175 หยวน พี่สาวใหญ่ช่วยออกให้ผมก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะเข้าเมืองเอาเงินมาคืน!” จ้าวเหวินเทากล่าวฉับพลัน

“เธอมองพวกเราเป็นคนนอกเกินไปแล้ว ใครจะไม่เคยเจอเหตุฉุกเฉินบ้าง? เรื่องนี้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เดี๋ยวจ่ายให้ก่อน งั้นก็ให้พี่สาวใหญ่ของเธอพาเธอไปถามดู จักรยานคันนั้นไม่เลวเลยจริง ๆ!” แม่เฒ่าหวังยิ้มตาหยี สร้างความประทับใจได้เป็นอย่างดี

“คุณแม่ทำธุระก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันพาเหวินเทาไปถามสักครู่” พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าว

“เอาเงินไปด้วย ตกลงเสร็จแล้วก็จ่ายเงินเลย อย่าไปรอให้คนอื่นได้ข่าวแล้วมาแย่งล่ะ” แม่เฒ่าหวังกล่าว

พี่สาวใหญ่จ้าวเข้าไปหยิบเงินแล้วพาน้องชายของหล่อนไปบ้านเหล่าเฉิน

เขาต้องการขายจักรยานจริง ๆ โดยเสนอราคาอยู่ที่ 100 หยวน หลังจากต่อรองราคา สุดท้ายก็จบลงที่ 90 หยวน ได้ลดลงไปอีก 10 หยวน

นี่คงเป็นเพราะเห็นว่าเป็นคนจากบ้านใกล้เรือนเคียง

พี่สาวใหญ่จ้าวขอใบเสร็จจากเหล่าเฉินสาม นับว่าการซื้อขายเสร็จสมบูรณ์แล้ว

จ้าวเหวินเทาเข็นจักรยานของตัวเอง ภายในใจรู้สึกได้ถึงความปิติจนแทบทนไม่ไหว รู้สึกดีใจจนตัวเกือบจะลอยได้อยู่แล้ว

เขาเองก็กลายเป็นคนมีจักรยานขี่แล้ว!

“พี่สาวใหญ่ วันพรุ่งนี้ผมยังต้องเข้าเมือง เดี๋ยวเอาเงินมาให้นะ!” จ้าวเหวินเทากล่าว

พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าว “นายจะค้าขายจริง ๆ เหรอ?”

“ยังต้องพูดอีกเหรอครับ ผมซื้อจักรยานแล้วนะ” จ้าวเหวินเทากล่าว

พี่สาวใหญ่จ้าวจึงถาม “งั้นนายจะขายอะไร?”

“เยอะแยะจะตายไป ก็พวกของที่ว่ายอยู่ในน้ำ วิ่งอยู่ในป่าไง จะไปเอาของที่ในเมืองมีอยู่แล้วทำไมล่ะครับ?” จ้าวเหวินเทากล่าว

พี่สาวใหญ่จ้าวจะกล่าวอะไรได้อีก? เขามั่นใจมากขนาดนี้แล้ว ทั้งยังไม่กลัวว่าจะอายคนอื่นด้วย

พี่สาวใหญ่จ้าวจึงไม่กล่าวอะไรอีก

“ผมจะไปบอกพี่สาวห้าก่อน พี่สาวใหญ่กลับไปเถอะ” จ้าวเหวินเทากล่าว

“รีบขนาดนั้นเลยเหรอ กินข้าวเที่ยงก่อนสิแล้วค่อยไป?” พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าว

“พี่ยังมีลูกอีกสี่คนที่ต้องเลี้ยงดูนะ ผมจะไปกินข้าวบ้านพี่ได้ไง” จ้าวเหวินเทาโบกมือ เขาบอกลาพี่สาวใหญ่ และปั่นจักรยานจากไป

แม่เฒ่าหวังคอยอยู่ที่บ้าน เมื่อเห็นลูกสะใภ้กลับมาคนเดียวจึงอดถามไม่ได้ว่า “น้องชายเธอล่ะ?”

“ไปหาพี่สาวห้าของเขาแล้วค่ะ” พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าว

“ไม่อยู่กินข้าวด้วยกันเหรอ เมื่อวานที่เอาอาหารมาให้ก็ไม่ได้กิน” แม่เฒ่าหวังกล่าว

พี่สาวใหญ่จ้าวพูดไม่ได้ว่าน้องชายของหล่อนกังวลว่าจะถูกครอบครัวฝ่ายสามีของหล่อนดูถูกจึงไม่อยู่กินข้าวด้วย

แม่เฒ่าหวังกระซิบ “น้องชายของเธอ เขาจะค้าขายจริง ๆ เหรอ?”

พี่สาวใหญ่จ้าวถอนหายใจกล่าว “ไม่รู้ว่าเขาไปฟังใครมาน่ะค่ะ ถึงได้มีความคิดริเริ่มอยากจะค้าขาย”

“ฉันเห็นว่าความคิดของน้องชายของเธอก็ไม่เลวเลยนะ เธอดูไข่ไก่กับถั่วงอกที่ฉันซื้อมาสิ แย่งกันดุเดือดมาก!” แม่เฒ่าหวังกล่าว

“จริงเหรอคะ?” พี่สาวใหญ่จ้าวถาม

“ก็จริงน่ะสิ พวกกลุ่มสหกรณ์จำหน่ายเครื่องบริโภคอุปโภคอืดอาดยืดยาดยิ่งกว่าอะไร ถามอะไรก็ไม่ตอบ น้องชายของเธอมีนิสัยร่าเริงมาก คุยกับใครก็ได้ ถ้าเขาต้องการค้าขายต้องมีคนแย่งกันซื้อแน่นอน!” แม่เฒ่าหวังกล่าว

พี่สาวใหญ่จ้าวหัวเราะ หล่อนถอนหายใจเล็กน้อยและกล่าวว่า “ครอบครัวก็แยกบ้านกันแล้ว เจ้าหกเองก็ไม่ชอบทำนา ก็คงได้แค่ลองดูล่ะค่ะ”

“เธอไม่ต้องห่วงหรอก ฉันว่าน้องชายของเธอเป็นคนคิดเป็น อนาคตไม่เลวร้ายอยู่แล้ว ทำไม่ไหวจริง ๆ ก็กลับไปเก็บแต้มค่าแรงเหมือนเดิมก็ได้เหมือนกันนั่นแหละ” แม่เฒ่าหวังกล่าว

พี่สาวใหญ่จ้าวพยักหน้า ซึ่งพี่สาวใหญ่นั้นนิสัยเหมือนกับแม่ ตรงที่มักจะกังวลอยู่เสมอ

จ้าวเหวินเทาไม่ได้กังวลเรื่องนี้ หลังจากที่เขามาบอกพี่สาวห้าที่โรงงานยาสีฟันเสร็จ เขาก็ปั่นจักรยานเที่ยวเตร่ที่ถนนอันซิ่งอีกรอบ ซึ่งที่นี่ดูคึกคักมาก เขามองดูพวกหัวไชเท้า ผักกาดขาว และถั่วงอก ของเหล่านี้ต่างถูกคนจำนวนมากแย่งกันซื้อ ถ้าเขาเอาถั่วงอกมาขาย มันคงจะไม่เลวร้ายอย่างแน่นอนถูกไหม?

จ้าวเหวินเทาดีใจอย่างยิ่ง เขารู้สึกว่าช่วงเวลาดี ๆ ของเขาและภรรยาจะมาถึงเร็ว ๆ นี้แล้ว เขาขี่จักรยานไปห้างสรรพสินค้าและซื้อครีมโหยวอี้ที่มาใหม่ให้ภรรยาของเขาหนึ่งกล่อง จ้าวเหวินเทาไม่เคยซื้อของแบบนี้มาก่อน จึงไม่คิดว่ามันจะแพงขนาดนี้

แม้ว่าราคาแพงแต่เขาก็ซื้อ ภรรยาของเขาสนับสนุนอาชีพของเขามากขนาดนี้ แค่ซื้อครีมโหยวอี้ให้เธอเพียงกล่องเดียวเขาจะลังเลได้อย่างไรกัน?

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พี่เทาได้จักรยานมาขี่แล้ว ต่อไปเหลือแค่หาของมาขายแล้วสินะ

ไหหม่า(海馬)