ตอนที่ 34 เย่ฉูฉู่ผู้น่าสงสาร

จ้าวเหวินเทาปั่นจักรยานโต้ลมอยู่บนถนนระหว่างทางกลับบ้าน เขารู้สึกราวกับถึงบ้านภายในพริบตาเดียว

เมื่อเขาขี่จักรยานกลับมา ก็ถูกเพื่อนบ้านพากันเข้ามาถามไถ่ว่าจักรยานคันนี้ได้มาจากที่ไหน? เพราะนี่ไม่ใช่จักรยานของหัวหน้าหมู่บ้าน

“ไม่ใช่จักรยานของหัวหน้าหมู่บ้านอยู่แล้ว ของหัวหน้าหมู่บ้านเป็นยี่ห้อพิราบบิน ของฉันเป็นยี่ห้อหงส์เชียวนะ!” จ้าวเหวินเทากล่าวอย่างภาคภูมิใจ

“พวกเรารู้แล้ว แต่นายไปเอาจักรยานมาจากไหน?” เหล่าฟางสามที่อยู่ข้างบ้านกล่าว

เขาเป็นลูกชายคนที่สามของแม่เฒ่าฟางที่เย่ฉูฉู่ไปแลกไข่ด้วย อยู่ข้างบ้านนี้เอง

“นี่เป็นจักรยานมือสองของฉัน พี่สาวใหญ่ช่วยเป็นธุระซื้อให้” จ้าวเหวินเทากล่าว

“หา!” ทุกคนถึงกับประหลาดใจ ปรากฏว่าซื้อจักรยานมาจริง ๆ เหรอ? จึงทยอยถามถึงราคาว่าได้มาในราคาเท่าไร?

จ้าวเหวินเทากล่าวตามความจริง ทำให้ทุกคนต่างพากันตกตะลึงอย่างอดไม่ได้

พี่สามจ้าวที่อยู่ในกลุ่มฝูงชนเห็นแล้วก็อดเบ้ปากไม่ได้ นายทำอะไรให้มันพอตัวหน่อยเถอะ เงินร้อยกว่าหยวนนั่นดูสิว่านายจะใช้ได้อีกสักกี่วัน เพิ่งจะแยกบ้านก็ใช้เงินแบบนี้แล้ว!

พี่รองจ้าวรู้สึกร้อนใจ รีบดึงน้องหกเข้ามาคุยในบ้าน จากนั้นจึงกล่าวว่า “น้องหก ทำไมนายถึงซื้อจักรยานคันนี้? พวกเราจะใช้มันทำอะไรบ้าง นายใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินไปหรือเปล่า?”

“ผมก็ซื้อมาใช้ไง ใครบอกว่าผมซื้อมาเล่น ๆ ล่ะ” จ้าวเหวินเทากลอกตามองบนพลางกล่าว

วันนี้พี่สี่จ้าวและพี่สะใภ้สี่จ้าวพาซานหยาและซื่อหยาไปบ้านแม่ยาย ไม่ได้อยู่บ้าน ดังนั้นจึงไม่ได้ออกมาดูความวุ่นวายนี้

แต่คนที่เหลือต่างออกมาดูกันหมด

ครั้นได้เห็นจักรยานคันนี้ก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะพูดอย่างไร

แม้แต่คุณพ่อจ้าวยังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ลูกชายคนนี้ใช้เงินเก่งเกินไปแล้ว คนชนบทจะซื้อจักรยานไปทำไมกัน

“น้องสามีหก นายซื้อจักรยานมาทำไมเนี่ย?” เมื่อเทียบกับสายตาเย็นชาของพี่สะใภ้รองจ้าว พี่สะใภ้สามจ้าวกลับถามออกไปตรง ๆ

“ผมจะเอาสินค้าจากในนาไปขายในเมือง” จ้าวเหวินเทากล่าวอย่างใจเย็น

ในเมื่อเรื่องนี้ไม่สามารถปิดบังได้แล้ว ก็ไม่ต้องปิดบังอีกต่อไป เขาจึงกล่าวออกมาตรง ๆ

เมื่อประโยคนี้หลุดออกมาจากปาก ทุกคนต่างก็ตกใจ คนอื่น ๆ ที่เข้ามาดูความวุ่นวายก็ตกใจเช่นกัน จ้าวเหวินเทาตั้งใจจะขายเก็งกำไร?

“ขายเก็งกำไรอะไรกัน เราคุยกันก็ต้องว่ากันด้วยเรื่องมโนธรรม บ้านเราเป็นชาวนายากจนมาหกชั่วอายุคน มีภูมิหลังทางครอบครัวที่ดีนะ!” จ้าวเหวินเทากล่าว

“นายเข้าเมืองไปขายของ ไม่กลัวถูกทหารอาสาจับหรือไง?” คนหนึ่งถามขึ้น

จ้าวเหวินเทานิ่งสงบเป็นอย่างมาก “จับเจิบอะไรกันล่ะ ฉันไม่ได้ไปขายที่อื่นสักหน่อย ฉันไปขายบนถนนที่นายอำเภอกำหนดไว้ ฝั่งนั้นมีตลาดเสรี ของที่ขายทั้งหมดก็เป็นผลิตภัณฑ์จากไร่นาของพวกเรา ทั้งหมดเป็นของสุจริต ไม่มีของผิดกฎหมายเลยสักนิด!”

“แล้วได้เงินเท่าไรล่ะ?” เหล่าหวังสามถาม

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าขายได้เท่าไร ฉันยังไม่เคยขายเลย เพราะแบบนี้จึงเตรียมตัวจะไปลองขายดูไง” จ้าวเหวินเทากล่าว

คำพูดนี้ไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย ยังไม่เคยลอง และไม่รู้ว่าตลาดเป็นแบบไหน ก็ใช้เงินจำนวนมากซื้อจักรยานเสียแล้ว?

ถ้าลองทำแล้วไม่ได้ผลขึ้นมา เงินก็ไม่ได้ แล้วจะทำอย่างไร?

“ทำยังไง? ก็ช่างมันสิ!” จ้าวเหวินเทาหัวเราะเสียงดัง

ทุกคนเห็นท่าทางไม่คิดมากแบบนี้ของเขา จึงนึกเหนื่อยใจแทนลูกสาวตระกูลเย่ ตระกูลเย่มีชื่อเสียงที่ดี ผู้หญิงแบบนั้นต้องมาแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้ เกรงว่าคงจะมีปัญหาในภายภาคหน้าแล้วสิ?

เย่ฉูฉู่กำลังเย็บผ้านวมอยู่กับเฮ่อซงจือ แม่สามีของเธอได้มาคุยกับเธอเมื่อเช้า ว่าการดำรงชีวิตต้องใช้เวลายาวนาน ไม่ใช่แค่วันสองวัน หรือเดือนสองเดือน นี่คือการใช้ชีวิตทั้งชีวิตเลยนะ

ดังนั้นด้านการกินอยู่ ต้องวางแผนอย่างรอบคอบจึงจะดี

เย่ฉูฉู่รู้ว่าแม่สามีของเธอเป็นห่วงพวกเธอทั้งสอง ดังนั้นจึงไม่ได้ใจร้อน และตั้งใจฟังคำกล่าวของแม่สามี

แต่เมื่อกล่าวตามความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เธอไม่คิดว่าตัวเองฟุ่มเฟือยจริง ๆ

รับประทานบะหมี่และหมั่นโถวก็นับเป็นการฟุ่มเฟือยแล้วเหรอ? เธอรู้ว่าตัวเองและแม่สามีมีช่องว่างระหว่างวัยอยู่ ดังนั้นสิ่งที่แม่สามีกล่าวเธอจึงรับฟังทั้งหมด

เธอยังมีการวางแผนในใจมากมาย จึงโยนไปหาเหวินเทาโดยตรง

บอกว่าไม่ง่ายเลยที่จะพูดคุยกับเหวินเทา บอกว่าเขาเป็นหัวหน้าครอบครัว ก็ต้องให้เขารับประทานอาหารดี ๆ เพื่อบำรุงเยอะ ๆ อยู่แล้ว

แม่สามีมองเธอด้วยความพึงพอใจ จากนั้นเธอจึงกล่าวอีกครั้งว่าในอนาคตต้องวางแผนอย่างรอบคอบ แต่เหวินเทาใช้เงินเก่งมาก เกรงว่าจะไม่ฟังเธอ

และเธอก็ยังเป็นภรรยา จะไปทะเลาะกับหัวหน้าครอบครัวได้อย่างไรกัน?

แม่สามีของเธอยิ่งพอใจเข้าไปใหญ่ จากนั้นจึงสนับสนุนให้เธอไม่ต้องตามใจเหวินเทา ให้ทำตัวเข้มแข็งขึ้นอีกหน่อยถึงจะดี

เธอบอกว่าตนไม่สามารถเข้มแข็งได้ เพราะแค่เห็นเหวินเทาเธอก็ใจอ่อนแล้ว ท้ายที่สุดแม่สามีของเธอจึงหมดทางเลือก บอกว่าเย่ฉูฉู่ใจอ่อนเกินไป หลังจากนี้นางจะเป็นคนจับตาดูเหวินเทาเอง เพื่อไม่ให้เขาใช้จ่ายเงินสุ่มสี่สุ่มห้า!

เมื่อเย่ฉูฉู่ได้ยินพี่สะใภ้ใหญ่คนหนึ่งในหมู่บ้านบอกเธอว่าเหวินเทาใช้เงิน 90 หยวนซื้อจักรยานกลับมา สีหน้าของเย่ฉูฉู่พลันหดหู่

“ช่วงนี้…” เย่ฉูฉู่ไม่ได้พูดประโยคนี้จนจบประโยค แต่จากท่าทางการถอนหายใจอย่างจนปัญญาของเธอ พี่สะใภ้ใหญ่ที่มาบอกก็พอจะมองออก

เฮ่อซงจือรีบปลอบใจ “จ้าวเหวินเทาอาจจะมีแผนอะไรอยู่ก็ได้นะ? เธอไม่ต้องกังวล ฉันไม่คิดว่าเขาเป็นคนไม่มีแผนการรองรับ!”

พี่สะใภ้ใหญ่ที่มาบอกข่าวเป็นภรรยาของเหล่าหวังสาม เป็นนักเจรจาที่โด่งดังในหมู่บ้าน หล่อนกล่าวว่า “เป็นคนมีแผนการที่ไหนกัน? แผนการไม่มีแม้แต่นิดเดียวต่างหากล่ะ บอกว่าจะไปค้าขายในเมือง พอถามว่าได้เงินไหม? ขายดีไหม? เขากลับบอกว่าไม่รู้ ยังไม่เคยไปขาย เลยไม่รู้ว่าได้เงินไหม นี่ยังไม่รู้ว่าได้เงินไหมก็ซื้อจักรยานแล้ว ถ้าไม่ได้เงิน เงิน 90 หยวนก็เสียเปล่าเลยนะ!”

“เสียเปล่าที่ไหนกัน ไม่ใช่ว่าได้จักรยานมาเหรอ?” เฮ่อซงจือกล่าว

“เก็บเงิน 90 หยวนดีกว่าตั้งเยอะ เขากลับเอาไปซื้อจักรยาน ซื้อมาก็ไม่ได้ใช้ ไม่เรียกว่าเสียเปล่าแล้วจะให้เรียกว่าอะไร?” ภรรยาของหวังสามกล่าว

“ฉันกลับก่อนนะ” เย่ฉูฉู่กล่าวพร้อมกับถือตะกร้าที่มีเข็มและด้ายอยู่ในนั้น

คนที่มีสายตาเฉียบแหลมสามารถมองเห็นได้ว่าเธออารมณ์ไม่ดีแล้ว ภรรยาของหวังสามกลับยังคงสุมไฟเพิ่มอีก หล่อนกล่าวว่า “ภรรยาเหวินเทา เธอฟังฉันนะ กลับไปต้องบ่นเขาสักหน่อย เธอจะอ่อนแอแบบนี้ไม่ได้ ตอนเพิ่งจะแต่งงานฉันรู้สึกว่าเธอเองก็ไม่เลวเลย ทำไมยิ่งอยู่ยิ่งอ่อนแอล่ะ? เขาไม่ได้มีแผนอะไรเลย เพิ่งจะแยกบ้านก็ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย เธอต้องด่าเขาหน่อย ไม่งั้นในอนาคตใครจะกลายเป็นใหญ่ในบ้านล่ะ?”

“พี่ควรจะพอได้แล้วนะคะ ยังจะมาสุมไฟอะไรอีก?” เฮ่อซงจือกลับห้ามไว้

หล่อนและเย่ฉูฉู่แต่งงานเกือบจะพร้อมกัน เดือนนี้รอบเดือนของหล่อนยังไม่มา จึงคิดว่าตนต้องท้องแน่ ๆ เพราะช่วงเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงเมื่อเดือนที่แล้ว จ้าวเหวินจื้อได้กลับมาช่วยงาน คู่สามีภรรยาย่อมมีเรื่องให้ทำมากกว่านั้น

แต่ทั้งสองเพิ่งจะพูดคุยกัน จนกระทั่งเดือนนี้ รอบเดือนของเย่ฉูฉู่ก็ยังมาตรงเวลาเหมือนเดิม

พวกเขาแต่งงานกันมาเกือบครึ่งปีแล้ว กลับยังไม่มีข่าวคราว ภรรยาป้ายแดงอย่างเธอย่อมไม่มีความมั่นใจ จะกล้าทะเลาะกับจ้าวเหวินเทาได้อย่างไร?

เมื่อคิดเช่นนี้ เฮ่อซงจือจึงรู้สึกว่าเย่ฉูฉู่ช่างน่าสงสาร เป็นผู้หญิงดี ๆ แบบนี้ ดันมาแต่งงานกับจ้าวเหวินเทาซะได้

รอจ้าวเหวินจื้อกลับมาก่อน หล่อนจะต้องคุยกับเขาหน่อยแล้ว ให้เขาช่วยไปคุยกับจ้าวเหวินเทาสักหน่อยถึงจะดี!

เมื่อเฮ่อซงจือคิดได้ดังนั้นหล่อนจึงรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริง ๆ ที่ได้แต่งงานกับจ้าวเหวินจื้อ เพราะหล่อนไม่มีอะไรต้องกังวลเลย

เงินเดือนในแต่ละเดือนหล่อนก็เป็นคนเก็บทั้งหมดด้วย!

………………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เหวินเทากำลังลงทุนระยะยาวอยู่น่ะ ตอนนี้อาจดูขาดทุน แต่ถ้าทำมาค้าขึ้นก็ใช้คืนทุนได้แหละ

ไหหม่า(海馬)