ตอนที่ 47 บ้านใหม่ชีวิตใหม่

Perfect Superstar

ตอนที่ 47 บ้านใหม่ชีวิตใหม่

ตอนกลางวันจางอิงเป็นคนเลี้ยงข้าว

เป็นร้านอาหารเสฉวนที่อยู่ในย่านการค้าเมืองจิ่งไท่ซึ่งอยู่ใกล้เขตจิ่นเฉิงหย่วน จางอิงมาจากเสฉวน เธอจึงเป็นคนพูดตรงไปตรงมาและปากจัด พออยู่ในเมืองจึงมีความฉลาดหลักแหลมรอบตัว

เธอมาอยู่เมืองหลวงตอนอายุสิบเก้าปี ใช้ชีวิตในเมืองหลวงมาแล้วห้าปี ถึงแม้จะไม่ได้สำเร็จมีชื่อเสียงอะไร ก็ถือว่าได้บุกเบิกกิจการของตัวเอง อย่างน้อยเมื่อเทียบกับการใช้ชีวิตในเมืองหลวงของหลี่เฟยอวี่ เฉินเสี่ยวเหม่ย และลู่เฉินที่อยู่มาได้ครึ่งเดือนก่อนหน้าแล้ว ถือว่าเธอใช้ชีวิตได้ไม่เลว

แต่ถึงแม้เมืองหลวงจะดี มันก็ไม่ใช่บ้านเกิด

ดังนั้นอาหารมื้อนี้จึงเป็นมื้อบอกลา หลังจากจัดการเรื่องห้องเรียบร้อยแล้ว จางอิงก็ต้องกลับบ้านเกิด

หลี่เฟยอวี่กับเฉินเสี่ยวเหม่ยต่างเงียบงัน เฉินเสี่ยวเหม่ยก็มีเบ้าตาออกสีแดงๆ อาลัยอาวรณ์เป็นอย่างมาก

จางอิงโอบเพื่อนสาวของตัวเอง แล้วพูดว่า “เสี่ยวเหม่ย ต่อไปถ้าคิดถึงพี่ก็ไปหาฉันที่เสฉวนได้ พี่หลี่ก็ไม่เลวเหมือนกัน ถ้าเขาพยายามพัฒนาจริงจัง เธอก็ให้โอกาสเขาสักครั้ง”

เสียงพูดของเธอดังไม่น้อย เพราะฉะนั้นลู่เฉินกับหลี่เฟยอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงได้ยินชัดเจน หลี่เฟยอวี่จึงหน้าแดงทันที มองเฉินเสี่ยวเหม่ยด้วยสายตาที่เร่าร้อนอย่างอดใจไม่ไหว

เขารู้สึกชอบเสี่ยวเหม่ยอยู่บ้าง ใครๆ ก็มองออก!

เฉินเสี่ยวเหม่ยพูดอย่างเขินอาย “อย่าพูดถึงเขาเลยค่ะ ถ้าอยากจีบฉัน ก็ต้องแสดงความสามารถออกมา!”

จางอิงหัวเราะเหอะๆ กอดเธอพลางพูดกับลู่เฉินว่า “สุดหล่อ ฉันกับเสี่ยวเหม่ยขอตัวก่อนนะ ถ้าหากมีเรื่องอะไร คุณก็โทรหาฉันได้ หากไม่มีธุระอะไรก็โทรมาคุยได้เหมือนกัน!”

ลู่เฉินยิ้มพูด “เดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ!”

เจ้าของห้องใหม่อาศัยอยู่ที่ต่างประเทศ ปกติไม่ค่อยกลับมา เดิมทีจางอิงก็เซ็นสัญญาเช่ากับตัวแทนในประเทศเหมือนกัน ขอเพียงจ่ายค่าเช่าห้องและค่าส่วนกลางตรงเวลา โดยทั่วไปก็ไม่มีปัญหาแล้ว

แน่นอนว่าทั้งสองคนต้องติดต่อกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล

จางอิงกับเฉินเสี่ยวเหม่ยกลับไปแล้ว หลี่เฟยอวี่มองดูเงาหลังของพวกเธออย่างเคลิบเคลิ้ม

ลู่เฉินตบไหล่ของเขาแล้วพูดว่า “ไม่ต้องมองแล้ว ยังมีโอกาสอีก มาช่วยฉันย้ายบ้านก่อน!”

ความจริงลู่เฉินอยากจะบอกพี่เสี่ยวเฟยว่า ความหวังที่เขาจะจีบเสี่ยวเหม่ยมีน้อยมาก แต่คนเรามีชีวิตอยู่ก็ต้องมีสิ่งที่อยากไขว่คว้า ไม่ว่าจะเป็นการงานหรือแฟน เมื่อมีเป้าหมายก็ยังดีกว่าอยู่อย่างไร้จุดหมาย

แท้จริงแล้วการย้ายบ้านง่ายมาก

ห้องสตูดิโอมีอุปกรณ์ครบครัน แค่เปลี่ยนกุญแจล็อกก็ได้แล้ว

เดิมทีลู่เฉินอยากจะโทรหาช่างกุญแจประตูมาติดตั้งเอง ไม่คิดว่าหลี่เฟยอวี่จะขันอาสา ซื้อกุญแจและอุปกรณ์แล้วจัดการด้วยตัวเอง ช่วยลู่เฉินประหยัดค่าบริการไปอย่างน้อยหนึ่งร้อยหยวน

เขตจิ่งหมิงค่อนข้างยุ่งยากนิดหน่อย ลู่เฉินต้องไปหาเจ้าของห้องเพื่อคืนสัญญาเช่า และรับเงินมัดจำของตัวเองคืนมา

ห้องพักรูหนูใต้ดินทำเลดี ราคาไม่แพงแบบนี้ มีคนแย่งกันมากในเมืองหลวง จึงไม่ต้องกังวลว่าจะปล่อยเช่าไม่ได้ ลู่เฉินยกเลิกสัญญาล่วงหน้า ดังนั้นเจ้าของห้องก็ไม่ได้ลำบากใจอะไร

ส่วนกระเป๋าเดินทางหรือข้าวของเครื่องใช้ นอกจากเสื้อผ้าสองสามชุดกับหนังสือสองสามเล่ม ลู่เฉินก็ยังมีคอม พิวเตอร์เครื่องเก่าอีกเครื่องหนึ่ง

บ้านหลังใหม่มีคอมพิวเตอร์ตัวใหม่ ส่วนเครื่องเก่าก็ควรจะปลดเกษียณได้แล้ว ทว่าหลี่เฟยอวี่เหมือนรู้ใจ ช่วยลู่เฉินขายให้กับผู้เช่าคนหนึ่งที่อยู่ในเขตเดียวกัน แถมเมาส์และคีย์บอร์ดให้อีกฝ่ายด้วยเงินสี่ร้อยห้าสิบหยวน

ปล่อยให้คอมพิวเตอร์เครื่องเก่าแสดงความสามารถจนถึงวินาทีสุดท้ายก็แล้วกัน!

เงินก้อนนี้ลู่เฉินไม่ได้รับมา และยังเพิ่มอีกหนึ่งร้อยห้าสิบหยวน ครบหกร้อยหยวนพอดี เขาสั่งให้หลี่เฟยอวี่ไปจองโต๊ะและเซ็ตอาหารที่ครัวในบ้านของพ่อครัวเฉิน เพื่อเลี้ยงอาหารเย็นเพื่อนบ้านเย็นนี้

ช่วงที่ลู่เฉินถ่ายทอดสดตอนกลางคืน ยากที่จะไม่กระทบเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ในห้องพักรูหนูเหมือนกัน ถึงแม้จะไม่มีใครพูดอะไรกับเขา แต่เขาก็รู้สึกเกรงใจ จึงอยากใช้โอกาสนี้เป็นการชดเชย

ขอเพียงคนที่อยู่บ้านในวันนี้ยอมมา อย่างนั้นเขาก็จะเลี้ยงทั้งหมด!

ขณะที่หลี่เฟยอวี่เชิญคนและจองร้านอาหารอยู่ทางนี้ ส่วนลู่เฉินก็วิ่งไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในเมืองที่อยู่ใกล้ๆ ซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันให้ตัวเองใหม่จำนวนไม่น้อย เช่นของใช้อย่างผ้าปูที่นอนหมอนมุ้ง ผ้าขนหนู ผ้าอาบน้ำ ยาสีฟันแปรงสีฟันเพื่อนำไปใช้ในบ้านหลังใหม่

ตอนเช้าเขาโอนเงินสามแสนหยวนไปให้ที่บ้าน จากนั้นเช่าห้องและจ่ายเงินอีกสามหมื่น ตอนนี้ก็ต้องจ่ายเงินซื้อของใช้เบ็ดเตล็ด จนกระทั่งเงินที่เหลืออยู่ในบัญชี อี้ฟู่เป่ากับในกระเป๋ากางเกงทั้งหมดรวมกันไม่ถึงหนึ่งพันหยวน

กลับไปสู่ช่วงก่อนการปลดปล่อยภายในคืนเดียว!

แต่ลู่เฉินก็ไม่สนใจเลยสักนิด เพราะเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจกับชีวิตในอนาคตของตัวเอง

อาหารมื้อเย็นก็ถือเป็นมื้ออำลาเช่นกัน เพียงแค่เปลี่ยนคน

โต๊ะอาหารนั่งได้สิบสองคนเต็มทุกที่นั่ง คนที่มาได้ก็มา นอกจากหลี่เฟยอวี่แล้วก็เป็นเพื่อนบ้านของลู่เฉิน ทั้งผู้ชายและผู้หญิงสิบเอ็ดคน เพิ่มที่นั่งอีกหนึ่งที่ถึงจะนั่งได้ทั้งหมด

แต่ก่อนทุกคนก็แค่พยักหน้าทักทายกัน เจอหน้ากันก็ไม่ได้พูดอะไร วันนี้ลู่เฉินเลี้ยงข้าวเพราะย้ายบ้าน ทุกคนจึงเริ่มพูดความในใจออกมา ไม่ว่าจะคุ้นเคยหรือไม่คุ้นเคยต่างก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

พอรู้ว่าลู่เฉินจะย้ายไปอยู่ที่เขตจิ่นเฉิงหย่วน พวกเขาจึงรู้สึกอิจฉา และแสดงความยินดี

สามารถย้ายออกจากห้องพักรูหนูไปอยู่ในห้องสตูดิโอที่ราคาไม่ธรรมดาได้ ถือว่าประสบความสำเร็จที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงแล้ว!

อาหารมื้อนี้ทานกันอย่างครึกครื้นมาก จบลงเวลาสองทุ่มกว่า ดื่มเบียร์หมดไปสามลัง

หลี่เฟยอวี่ดื่มมากไปหน่อย ตาปรือพูดมาก หลังจากลู่เฉินจ่ายเงินแล้วก็พาเขากลับไปที่ห้องพักรูหนู ผลสรุปคือเจ้าหมอนี่ก็นอนบนเตียงแล้วผล็อยหลับไปทันที

เมื่อลู่เฉินกลับถึงบ้านหลังใหม่ของตัวเองก็เวลาสามทุ่มไปแล้ว

ห้องใหม่สะอาดมาก

ที่ใส่แปรงสีฟันกับแปรงสีฟันที่เพิ่งซื้อมาใหม่วางอยู่ในห้องน้ำ ผ้าเช็ดตัวผืนใหม่แขวนอยู่ข้างบน ลู่เฉินอาบน้ำร้อนอย่างสบายใจ จากนั้นนอนบนเตียงกับผ้าปูเตียงผืนใหม่อย่างสบาย

จ้องมองลวดลายสวยงามบนเพดานโลหะ เขารู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง

ดูเหมือนจะย้อนกลับไปเมื่อสองสามปีก่อน ตอนนั้นพ่อของลู่เฉินยังไม่ตาย ฐานะทางบ้านของเขายังดีมาก ห้องที่อาศัยอยู่ก็ใหญ่กว่าที่นี่ ตกแต่งอย่างสวยงามหรูหรา…

เขาหลับตา ผ่านไปสักพักหนึ่งแล้วจึงลืมตาอีกครั้ง ยังคงเป็นภาพเดิม

ไม่ใช่ความฝันจริงๆ!

จู่ๆ โทรศัพท์ที่วางอยู่บนตู้หัวเตียงก็ดังขึ้น

ลู่เฉินถึงได้สติกลับมา รีบพลิกตัวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดปุ่มรับสาย “สวัสดีครับ!”

เสียงที่ดังมาอีกสายเป็นเสียงคนแปลกหน้า

“สวัสดีค่ะ ใช่คุณลู่เฉินหรือเปล่าคะ”

ลู่เฉินไม่ได้ดูสายที่โทรมา และก็ฟังไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร จึงอดถามไม่ได้ว่า “ใช่ครับ ไม่ทราบว่าคุณคือใคร”

“สวัสดีค่ะคุณลู่เฉิน…”

อีกฝ่ายพูด “ฉันชื่ออู่ซานซานจากจิงอวี๋ทีวีค่ะ และก็เป็นปลาประการังด้วย”

ลู่เฉินจึงรู้ทันที “สวัสดีครับๆ ที่แท้ก็คุณอู่ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”

ตอนแรกลู่เฉินถูก ‘ลานแสงดาว’ ไล่ออก และ ‘ปลาประการัง’ คนนี้ก็เชิญเขาเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ ‘จิงอวี๋ทีวี’ และยังได้เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการหนึ่งฉบับพร้อมกับค่าเซ็นสัญญาอีกห้าหมื่นหยวน

สำหรับลู่เฉินในตอนนั้น สามารถพูดได้ว่าเป็นการช่วยเหลือยามยากอย่างแท้จริง ลู่เฉินยังรู้สึกขอบคุณมาตลอด

ตอนนี้เขาเป็นผู้จัดรายการใน ‘จิงอวี๋ทีวี’ ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นทุกวัน ซึ่งมีปัจจัยมาจากการออกแรงสนับสนุนของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน

ลู่เฉินกับอู่ซานซานติดต่อกันตลอด แต่ปกติจะคุยกันผ่านเฟยซวิ่น

อู่ซานซานเอ่ย “คุยในโทรศัพท์ไม่สะดวก สามารถคุยในเฟยซวิ่นได้ไหมคะ”

ลู่เฉินรีบตอบทันที “ไม่มีปัญหา รอสักครู่นะครับ!”

เขาลุกขึ้นเดินออกจากห้องนอน วิ่งไปที่ห้องรับแขก

นี่คือห้องรับแขกสตูดิโอซึ่งมีพื้นที่ไม่ใหญ่ไปกว่าห้องนอน ดังนั้นแค่วางโซฟาขนาดสามคนนั่งและโต๊ะคอมพิวเตอร์หนึ่งตัว กับโทรทัศน์คริสตัลหน้าจอใหญ่ที่แขวนอยู่บนผนัง ก็กินพื้นที่ไปเต็มๆ แล้ว

คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นจางอิงก็ทิ้งเอาไว้ ขายลดราคาให้ลู่เฉิน ตอนนั้นเขาไม่ได้เปิดดู เพียงแค่เห็นหน้าจอกับเคสและเมาส์กับคีย์บอร์ดใหม่ทั้งหมด และยังเป็นของมียี่ห้อ เพราะฉะนั้นเขาจึงยอมซื้อในราคาสามพันหยวน บวกกับค่าเช่าห้องอีกสามหมื่น

จางอิงไม่ได้ขอให้ลู่เฉินจ่ายค่ามัดจำ ดังนั้นเขาจึงเกรงใจไม่ต่อราคาอีก

พอกดปุ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ระบบก็ทำงานอย่างรวดเร็ว แค่ระยะเวลาสั้นๆ สิบวินาทีก็เข้าสู่หน้าเดสก์ท็อปแล้ว

ลู่เฉินจึงรู้ทันทีว่าเงินสามพันหยวนนั้นคุ้มค่ามาก แต่ด้วยความเคยชิน เขาจึงตรวจสอบอุปกรณ์ติดตั้ง

สุดยอด!

ลู่เฉินมองด้วยความประหลาดใจ

การประกอบของคอมพิวเตอร์เครื่องนี้สเปคสูงมาก เป็นยี่ห้อที่ดีที่สุด ซีพียูความเร็วสูงสุดหกคอร์ หน่วยความจำ32G โซลิดสเตตไดรฟ์ฮาร์ดดิสหรือเอสเอสดีมีปริมาณจัดเก็บข้อมูล 1T การ์ดจอก็เป็นตัวใหม่ล่าสุด สามารถเล่นเกมทุกอย่างในตลาดได้ทั้งหมด

ลู่เฉินเรียนมหาวิทยาลัยด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ ก่อนหน้านั้นเขาอยากจะเปลี่ยนเครื่องตัวเก่า ดังนั้นเขาจึงเข้าใจฮาร์ดดิสของคอมพิวเตอร์มาก รู้ว่าการประกอบแบบนี้ต่อให้ซื้อในอินเทอร์เน็ตมาประกอบเอง ถ้าไม่มีเงินหนึ่งหมื่นห้าพันหยวนขึ้นไปก็ซื้อไม่ได้หรอก

จอภาพขนาด 27 นิ้วเป็นสินค้าระดับไฮเอนด์ที่มีความละเอียดสูงถึง 2K!

ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงที่จางอิงพูดว่าคนอื่นให้คอมพิวเตอร์เครื่องนี้กับเธอ และเธอก็ไม่เคยใช้เลย

ลู่เฉินหมดซึ่งคำพูดจริงๆ…ไม่ทราบว่าเป็นคนรวยบ้านไหนกัน

ในที่สุดเขาก็ไม่ลืมเรื่องสำคัญ เปิดเฟยซวิ่นล็อกอินเข้าไป ไม่อยากให้อู่ซานซานต้องรอนาน

…………………………………………………………………………