ตอนที่ 48 การแข่งขันการแสดงโชว์จิงอวี๋ PK

Perfect Superstar

ตอนที่ 48 การแข่งขันการแสดงโชว์จิงอวี๋ PK

ปลาปะการังรออยู่ในเฟยซวิ่นนานแล้ว

เธอส่งข้อความให้ลู่เฉินสองสามข้อความ แต่ไม่เห็นเขาตอบถึงได้โทรหา

เรื่องที่อู่ซานซานกับลู่เฉินคุยกันเป็นเรื่องที่ดีมาก ช่วงนี้ ‘จิงอวี๋ทีวี’ กำลังจะจัดกิจกรรมโชว์การแข่งขันอย่างหนึ่ง เงินรางวัลเยอะมาก ในฐานะที่เป็นตัวแทนของผู้จัดรายการใหม่ ลู่เฉินจึงถูกเชิญด้วย

ถูกแล้ว ตอนนี้ลู่เฉินเป็นผู้จัดรายการหน้าใหม่อันดับหนึ่งของ ‘จิงอวี๋ทีวี’ ไปแล้ว!

ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ถึงครึ่งเดือน เขาที่เริ่มจากผู้จัดหน้าใหม่ก็ก้าวกระโดดกลายเป็นผู้นำของ ‘จิงอวี๋ทีวี’ ทันที ขณะที่ไม่มีการโปรโมทแนะนำจากเว็บไซต์ ก็ยังสามารถสร้างสถิติความนิยมที่มีแนวโน้มสูงขึ้น จำนวนเงินรางวัลก็ทำลายสถิติใหม่ มีแฟนคลับที่ซื่อสัตย์กลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่ง

ถึงแม้จำนวนแฟนคลับกับจำนวนผู้เข้าชมขณะออนไลน์ของลู่เฉินในตอนนี้เทียบกับผู้จัดรายการคนอื่นแล้วยังอยู่อีกไกล แต่ความรวดเร็วในการเติบโตของเขาก็ทำให้คนตกใจมาก นอกจากนี้ก็ไม่ได้ใช้วิธีสกปรกในการสร้างข้อมูล เพราะฉะนั้นจึงได้รับความสนใจจาก ‘จิงอวี๋ทีวี’ เป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะการถ่ายทอดสดเทศกาลดนตรีคาร์นิวัลไนท์เมื่อคืน ห้องถ่ายทอดสดลู่เฟยได้ขึ้นอันดับฮอตฮิตของโฮมเพจ ในแผนกการจัดการจึงเกิดการเคลื่อนไหวเล็กน้อย อู่ซานซานยังดูการถ่ายทอดสดตลอดทั้งงาน

จากปัจจัยหลายอย่างเหล่านี้ ลู่เฉินจึงกลายเป็นหนึ่งในยี่สิบสี่คนของผู้จัดรายการที่มีสิทธิในการแข่งขันการแสดง

ควรทราบว่าคนที่มีสิทธิ์เข้ามาคัดเลือก มีใครบ้างที่ไม่ใช่ผู้จัดรายการยอดนิยมของ ‘จิงอวี๋ทีวี’ ความนิยมของพวกเขามีค่าเซ็นสัญญามากถึงหนึ่งล้าน มีบางคนเป็นผู้อาวุโสที่มากประสบการณ์ของวงการ คนใหม่เหมือนอย่างลู่เฉินที่เพิ่งเข้าวงการได้ไม่นานจึงมีเพียงสี่คนเท่านั้น

ลู่เฉินมีประสบการณ์น้อยที่สุด

“ชื่อกิจกรรมโชว์การแข่งขันมีชื่อว่าการแสดงโชว์ PK ของจิงอวี๋ทีวี…”

อู่ซานซานพูดกับลู่เฉินว่า “รูปแบบนั้นง่ายมาก ก็แค่ผู้จัดรายการโชว์เลือกหัวข้อในการโชว์หนึ่งหัวข้อด้วยตัวเอง และทำการถ่ายทอดสดภายในระยะเวลาเก้าสิบนาที สุดท้ายจะจัดอันดับตามดัชนีของความนิยม การโหวตจากผู้ชมและคะแนนจากทีมท่านประธาน แล้วตัดสินให้เหลือผู้ชนะห้าคน!”

ลู่เฉินถามกลับไป “ดูเหมือนจะสนุกมากนะครับ เนื้อหาของหัวข้อการโชว์ผมต้องคิดเองใช่ไหมครับ”

อู่ซานซานตอบ “ใช่ค่ะ อย่างเช่นความคิดถึง ความเศร้า ความตลก กำลังใจเป็นต้นก็ได้แล้วค่ะ แต่จำเป็นต้องมีหัวข้อที่ชัดเจน เพราะว่าถึงตอนนั้นจะทำการโปรโมทในหน้าโฮมเพจหลักทั้งหมด ยิ่งหัวข้อน่าสะดุดตาก็ยิ่งดี แน่นอนว่าห้ามทำผิดกฎกติกา ไม่อย่างนั้นจะหมดสิทธิ์ในการเข้าแข่งขัน”

ลู่เฉินเข้าใจแล้ว “เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณพี่ซานซาน”

อู่ซานซาน “(*^__^*) ไม่ต้องเกรงใจ คุณก็เซ็นสัญญากับฉันแล้ว ยิ่งคุณแสดงออกมาดีเท่าไร หน้าของฉันก็จะมีสีสันมากขึ้น ดังนั้นจะต้องสู้ๆ นะคะ ถ้าหากมีอะไรไม่เข้าใจถามฉันได้หมดเลยค่ะ!”

ลู่เฉิน “รางวัลห้าอันดับแรกคืออะไรครับ”

กิจกรรมแบบนี้จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด แต่เขาก็ยังสนใจรางวัลของเว็บไซต์มากกว่า

มีรางวัลถึงจะมีแรงจูงใจ!

อู่ซานซาน “รางวัลชนะเลิศจิงอวี๋ PK ได้เงินรางวัลสามแสนหยวน ได้รับการโปรโมทยอดนิยมในหน้าโฮมเพจสามครั้ง รางวัลรองชนะเลิศจิงอวี๋ PK ได้เงินรางวัลสองแสนหยวนกับโปรโมทหน้าโฮมเพจสองครั้ง อันดับที่สามได้เงินรางวัลหนึ่งแสนหยวนบวกโปรโมทหน้าโฮมเพจหนึ่งครั้ง อันดับที่สี่และอันดับที่ห้าได้เงินรางวัลห้าหมื่น”

เงินรางวัลของ ‘จิงอวี๋ทีวี’ ไม่น้อยเลยจริงๆ

ลู่เฉินฟังดูแล้วตื่นเต้นมาก “แล้วกิจกรรมจะจัดขึ้นเมื่อไรครับ”

อู่ซานซาน “ลืมบอกสิ่งที่สำคัญที่สุดไป การแสดงโชว์จิงอวี๋ PK ของจิงอวี๋ทีวีจะจัดขึ้นในวันที่ 30 เดือนพฤษภาคม ก็คือวันเสาร์หน้าเวลาสองทุ่มถึงสี่ทุ่ม แต่วันที่ 29 คุณจะต้องส่งเนื้อหาของหัวข้อให้ฉันก่อนนะคะ”

“จำไว้ว่าต้องอุ่นเครื่องก่อนล่วงหน้า ให้แฟนคลับของคุณรู้ว่าคุณก็ร่วมกิจกรรมนี้”

ลู่เฉิน “โอเคครับ!”

พูดกับอู่ซานซานจบแล้ว ลู่เฉินก็เริ่มตอบกลับข้อความในเฟยซวิ่นที่มีจำนวนมาก

คืนนี้ลู่เฉินไม่ได้ถ่ายทอดสด ถึงแม้เขาจะแจ้งในกลุ่มและห้องถ่ายทอดสดแล้ว แต่ก็ยังมีแฟนคลับใจดีส่งข้อความมาถามเขาด้วยความห่วงใย อันไหนที่เขาตอบได้ก็จะตอบ

ขณะเดียวกันกับตอนที่ตอบกลับข้อความ ลู่เฉินก็กำลังพิจารณาว่าตัวเองจะใช้หัวข้ออะไรในการแสดง จิงอวี๋ PK ครั้งนี้

ในหัวของเขาเริ่มจะมีไอเดียขึ้นมาแล้ว

จัดการตอบข้อความของเฟยซวิ่นกับอีเมลเสร็จ ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว

ลู่เฉินปิดคอมพิวเตอร์ รีบออกจากที่พักใหม่ของตัวเองอย่างรวดเร็ว เรียกแท็กซี่ที่ขับผ่านมารีบไปที่บาร์

เวลาการแสดงในบาร์เดย์ลิลลี่ของเขาตอนนี้ ได้เลื่อนออกไปเป็นเวลาห้าทุ่มโดยประมาณ แบบนี้จึงจะไม่ชนกับเวลาในการถ่ายทอดสด เพื่อรับประกันว่าจะสามารถดูแลได้ทั้งสองอย่าง

แน่นอนลู่เฉินรู้ดีว่าเวลาที่ตัวเองต้องอยู่ในบาร์เดย์ลิลลี่เหลือไม่มากแล้ว เพราะพื้นที่ของที่นั่นเล็กเกินไปจริงๆ

เล็กมากจนไม่อาจรองรับความทะเยอทะยานของเขา!

แต่คืนนี้ก็สำคัญมาก ลู่เฉินจึงไม่อยากไปสาย

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ กิจการภายในบาร์เดย์ลิลลี่ยังคงดีเหมือนเดิม โต๊ะทุกตัวมีลูกค้านั่งเต็มทุกที่นั่ง แม้แต่หน้าบาร์ก็ยังเบียดแน่นเต็มไปหมด คึกคักอย่างเห็นได้ชัด

มีนักร้องหญิงคนหนึ่งกำลังร้องเพลงบัลลาดอยู่บนเวที เป็นเพลงเก่าที่คุ้นหู แต่ใบหน้าของคนกลับแปลกหน้ามาก

ลู่เฉินรู้ว่านี่คือนักร้องที่มาร้องเพลงที่บาร์เดย์ลิลลี่เป็นครั้งแรก

นักร้องที่ใช้ชีวิตอยู่ในบาร์ ต่อให้เป็นนักร้องที่เซ็นสัญญาแล้วมักจะชอบวิ่งไปวิ่งมาบ่อยๆ เพราะการสื่อสารสำคัญมากในวงการแบบนี้ ไม่อย่างนั้นมีแค่คนที่ใบหน้าคุ้นเคยสองสามคนไปๆ มาๆ ต่อให้เป็นลูกค้าที่ซื่อสัตย์ก็จะเบื่อหน่ายได้

“โอ้ เถ้าแก่เสี่ยวลู่ของพวกเรามาแล้ว!”

ลู่เฉินเตรียมรออยู่ที่หลังเวที คาดไม่ถึงว่าจะถูกเดวิดที่กำลังผสมค็อกเทลให้ลูกค้ามองเห็น หนุ่มคนนี้ใช้เสียงเรียกที่แปลก ดึงดูดลูกค้าที่อยู่หน้าบาร์ให้หันหน้ามามองทีละคน

“เสี่ยวลู่จริงๆ ด้วย!”

“ตอนนี้ควรจะเรียกว่าเถ้าแก่เสี่ยวลู่แล้ว เหอะๆ!”

“เถ้าแก่เสี่ยวลู่ ผมดูการแสดงของคุณในงานเมื่อคืนแล้ว เพลงใหม่สองเพลงร้องได้ดีมากจริงๆ!”

“อยากให้เถ้าแก่เสี่ยวลู่ลดราคาให้พวกเราจังเลย!”

“เสี่ยวลู่…”

เหล่าคนมีประสบการณ์ที่ชอบนั่งอยู่ตรงหน้าบาร์ ทุกคนรู้จักลู่เฉิน จึงพูดล้อเล่นไปกับเดวิด

“ท่านทั้งหลายช่วยปล่อยเด็กตัวเล็กๆ อย่างผมไปเถอะนะครับ!”

ลู่เฉินมองค้อนเดวิดหนึ่งทีอย่างจนปัญญา จากนั้นก็ขอร้องกับลูกค้าประจำว่า “ผมขอเลี้ยงดื่มทุกคนคนละแก้วครับ แต่วันหลังเรียกผมว่าเสี่ยวลู่เหมือนเดิมดีกว่า ผมไม่กล้าเป็นเถ้าแก่หรอก!”

เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องที่ตัวเองได้หุ้นส่วนของบาร์เดย์ลิลลี่จะแพร่ไปเร็วขนาดนี้ รู้กันหมดทุกคน คาดว่าน่าจะเป็นเดวิดปากมากที่พูดออกไป

แท้จริงแล้วลู่เฉินได้หุ้นส่วนแค่ห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น พอฝืนเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยได้ ฉินฮั่นหยางกับพี่น่าก็มีหุ้น ส่วนของบาร์เดย์ลิลลี่อยู่นิดหน่อยเหมือนกัน เพียงแต่เป็นสินน้ำใจของหุ้นปันผลที่ไม่สามารถโอนสิทธิ์และขายได้

เหล่าผู้มีประสบการณ์ทั้งหลาย ต่างก็หัวเราะคิกคักแล้วจึงปล่อยลู่เฉินไป

ห้องขนาดใหญ่หลังเวทีของบาร์เดย์ลิลลี่คึกคักมากเหมือนเดิมนอกจากพี่น่า หลี่หง เยี่ยเจิ้นหยางกับหวางเสี่ยวไซว่แล้ว สมาชิกวงเฮสิเทชั่นที่ไม่ค่อยเดินออกมาจากห้องเล็กก็มาอยู่ด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีคนสายอาชีพเดียวกันอีกหลายคนมาอยู่ที่นี่

“เสี่ยวลู่มาแล้ว!”

พอเห็นลู่เฉินเดินเข้ามา พี่น่าก็แสดงการต้อนรับที่อบอุ่นเป็นคนแรก “ทุกคนรอนายอยู่พอดี!”

ลู่เฉินยิ้มพูด “วันนี้ผมย้ายบ้านครับ จึงมาช้าไปนิดหน่อย ยังไม่พลาดการร้องเพลงแรกของพี่น่าใช่ไหมครับ”

คืนนี้พี่น่าจะร้องเพลงที่เขาเขียนให้เธอเป็นครั้งแรก

เดิมทีจะร้องเพลงนี้ในงานคาร์นิวัลไนท์เมื่อวานแล้ว แต่หลังจากที่วงจื่อเป่ยเจินยอมแพ้ไม่ขึ้นเวทีต่อจากลู่เฉิน ดังนั้นพี่น่าจึงต้องเปลี่ยนรายการเพลงที่ต้องแสดง ไม่อยากแย่งความโดดเด่นของลู่เฉิน

เพราะฉะนั้นเธอจึงใช้เวลาเตรียมตัวกับเพลงใหม่นี้นานมาก เพื่อนำมาร้องในบาร์เดย์ลิลลี่คืนนี้

พี่น่าบ่นว่า “ถ้านายไม่มาฉันจะร้องได้อย่างไร ถ้านายไม่อยู่ ฉันก็เปิดปากไม่ไหว…ฮ่าๆๆ!”

ขณะที่พูดเธอก็หัวเราะขึ้นมาอย่างมีความสุขมาก

คนอื่นๆ ไม่ว่าจะรู้จักกันไหม ต่างก็ทักทายอย่างอบอุ่นหรือมีมารยาทต่อลู่เฉิน

เมื่อผ่านงานไลท์บลูมิวสิคคาร์นิวัลออฟไนท์เมื่อคืนมาแล้ว ลู่เฉินจึงมีชื่อเสียงในแวดวงของโฮ่วไห่ทันที ความ สามารถในการร้องเพลงของเขาที่โดดเด่นได้รับการยอมรับจากทุกคน ทำให้มีตำแหน่งและฐานะที่สูงกว่านักร้องธรรมดาอย่างไม่ต้องสงสัย

ทั้งยังหนุ่มแน่นและมีพรสวรรค์ คนแบบนี้ใครบ้างไม่อยากคบเป็นเพื่อน

เกรงว่าคนที่อยู่ในนี้จะมีเพียงเยี่ยเจิ้นหยางที่ไม่กล้าพูดกับลู่เฉินมากนัก ใช้คำพูดเอาอกเอาใจพอเป็นพิธี คนที่ไม่รู้คงจะคิดว่าสองคนนี้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ในสายตาของเขาก็เผยความรู้สึกผิดออกมา

ลู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายคิดไม่ซื่อ แต่ขี้เกียจจะถือสา

ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนลู่เฉินยังจะอิจฉาเยี่ยเจิ้นหยางอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอีกฝ่ายเลยสักนิด

ส่วนเรื่องที่เยี่ยเจิ้นหยางใช้เล่ห์กลเล็กๆ น้อยๆ ในงานไลท์บลูมิวสิคออฟไนท์ ไม่เพียงแต่ไม่มีผลกระทบกับลู่เฉิน ตรงข้ามกลับทำให้พลังในการต่อสู้ของเขาฮึกเหิม อยากจะโชว์ความสามารถในงานร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม

เยี่ยเจิ้นหยางก็เป็นแค่ตัวร้ายที่ไม่มีประโยชน์เท่านั้น

โลกทัศน์ของลู่เฉินถูกวางไว้ท่ามกลางพื้นที่อันกว้างไพศาลนานแล้ว!

…………………………………………………………………………