Ep.573 – รอสัญญาณจากสายลม

 

เทสส์หันไปมองรอบๆ ก่อนจะเหลือบสายตาลงบนเค้ก 20 ชั้น

 

ตรงขอบมุมหนึ่งของเค้ก มีร่องรอยเล็กๆที่ถูกตัดออกไปอยู่

 

หืม? ในโซนสำหรับเชื้อพระวงศ์ มีคนตัดเค้กกินด้วยอย่างงั้นหรือ?

 

เธอประหลาดใจเล็กน้อย

 

เค้ก …

 

แล้วเธอก็ย้อนนึกไปถึงคำพูดของมัน “เพราะทั้งสองคนนั้นดูเหมือนจะสนใจฉัน และฉันอุส่าห์ปลดปล่อยกลิ่นอันหอมหวานของครีมและผลไม้ แต่สุดท้ายพวกเขากลับไม่ได้ลิ้มรสฉัน”

 

ไม่ได้ลิ้มรส แต่กลับสนใจในตัวเค้ก …

 

ทันใดนั้น เทสส์ก็ฉุกคิดถึงบางสิ่งขึ้นมา

 

เธอกำลังจะเอื้อมมือไปแตะเค้ก 20 ชั้น โดยหารู้ไม่ว่าทริสเต้กำลังจ้องมองเธออยู่ตลอดเวลา

 

ทริสเต้ฟาดมือตบโต๊ะทันที และเค้กทั้งก้อนก็เละเป็นชิ้นๆ

 

ปรากฏให้เห็นถึงลูกบอลคริสตัลสีโปร่งใส ที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่กลางอากาศอย่างเงียบๆ

 

“แย่ล่ะสิ! จงมา!” สีหน้าของเทสส์แปรเปลี่ยนกลับกลาย เธอเร่งง้างมือเพื่อหมายจะดึงดูดมัน และตะคอกสั่งออกไปทันที

 

“ฮะฮ่าฮ่า! นี่คือโลกของข้านะเทสส์ เจ้าต้องการที่จะขโมยมันอย่างงั้นหรือ?” ทริสเต้หัวเราะ

 

เธอร่ายคาถาเสียงกระซิบ

 

และบอลคริสตัลก็ลอยมาตกลงในมือของเธอ

 

จากนั้น ทริสเต้ก็เร่งสวดมนตราอย่างรวดเร็ว เพื่อปลดตราประทับที่ผนึกโลกเอาไว้ทันที

 

เทสส์กรีดร้อง “เฮ้นายไก่! ฝากหยุดเธอด้วย เร็วเข้า!!”

 

พอเอ่ยสั่ง เทสส์ก็เริ่มร่ายคาถากำแพงอุปสรรคป้องกันอันลึกล้ำด้วยความเร่งร้อน

 

เพราะตราบใดที่ตราประทับโลกถูกปลดผนึก จักต้องมีกำแพงอุปสรรคที่ทรงพลานุภาพคอยขวางกั้น เพื่อชะลอการแพร่กระจายของเกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา!

 

อย่างไรก็ตาม มันสายเกินไป

 

ผู้ชายที่มีหงอนสีแดงสดที่อยู่ข้างกายเธอยังไม่ทันจะได้ทำอะไร จู่ๆเขาก็หายตัวไป

 

นั่นเพราะทริสเต้ได้คาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว เธอจึงหยุดร่ายมนตราชั่วคราว และอ้าปากตนเอง คายเส้นผมสีดำออกมา

 

มันคือสัญลักษณ์แห่งความมืด ที่ส่งกลิ่นอายลางไม่ดีอย่างรุนแรงออกมา

 

“คำอำนวยพรจากมารที่แท้จริง!” เธอตะโกนกล่าวอย่างรวดเร็ว

 

สัญลักษณ์แห่งความมืดสาดแสง และหายวับไป

 

ปัง!

 

ทั้งคนทั้งร่างของไก่ใหญ่พลันถูกห่อหุ้มไปด้วยสัญลักษณ์แห่งความมืดมิด และถูกกระแทกเข้าใส่ตัวผนังห้อง ทะลุออกไปด้านนอก หลุดออกไปจากอัลเบอัส และหายไปจากโลกนี้

 

เมื่อตัวขัดขวางหมดไป ทริสเต้ที่ถือบอลคริสตัลก็เริ่มร่ายมนตราต่อ “โลกเอ๋ย จงเปิ-”

 

“หุบปากซะ”

 

ปรากฏถึงปากกระบอกปืนเย็นฉ่ำจ่อลงบนหัวเธอ พร้อมกันกับเสียงแปลกๆที่ดังขึ้นข้างหู

 

ทริสเต้หุบปากลงทันที

 

เพราะเธอตระหนักได้ว่า หากตนร่ายมนตราออกไปอีกแม้เพียงครึ่งคำ ตนก็จะถูกระเบิดกระสุนสังหารเข้าใส่ทันที

 

ตามด้วยเสียงของเหล็กที่ดังขึ้น

 

อีก7-8ปากกระบอกปืนจี้ลงบนตัวของเธอ

 

ทริสเต้ไม่กล้าเคลื่อนไหว

 

เธอเข้าใจดีว่าใครมา

 

ตรงกันข้ามกับเธอ เมื่อเทสส์เห็นเหล่าปืนพกกำลังจ่อตัวทริสเต้อยู่ เธอก็ผ่อนลมหายใจยาว

 

กำลังเสริม ในที่สุดก็มาถึงซักที!

 

“มีแค่พวกเจ้างั้นหรือ? แล้วเขามาที่นี่ด้วยหรือเปล่า?” เธอเอ่ยถาม

 

“บอสก็มาที่นี่ด้วย” เหล่าปืนพกกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน

 

แล้วประตูห้องก็ถูกเปิดออก

 

พร้อมกับปืนกลที่กระโจนเข้ามา

 

“เทสส์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ พอได้รับข่าวจากคุณ ฉันก็รีบพาคนของฉันออกจากเทือกเขาช้างเผือกมาเลย”

 

“อ่าว แล้วเจ้าไก่ไม่ได้อยูที่นี่ด้วยงั้นหรอ? คนๆนั้นหายไปไหนกัน?” ปืนกลเอ่ยถาม

 

“เขาถูกขับไล่ออกไปโดยสัญลักษณ์ของราชามาร เราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาถูกส่งไปที่ไหน” เทสส์กล่าว

 

“เลดี้โปรดมั่นใจ กองกำลังพันธมิตรโลก 900 ล้านชั้นกำลังรวมตัวกันแล้ว และบางส่วนก็ได้แยกตัวออกไปสนับสนุนแบรี่กับทะเลเลือด”

 

“แบรี่กับ … ทะเลเลือดงั้นหรอ? พวกเขาไม่ถูกกันนี่ แล้วจะไปต่อสู้ด้วยกันได้อย่างไร?”

 

“เพราะผู้รับใช้ราชามารได้ปรากฏตัวขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีมารที่แท้จริงอันน่าสะพรึงเข้าร่วมการต่อสู้อีกด้วย นี่เป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่จำต้องละทิ้งเรื่องแคลงใจกันเอาไว้ก่อน ฉันเกรงว่าการต่อสู้ขั้นแตกหักระหว่างโลก 900 ล้านชั้นกำลังจะเริ่มต้นขึ้น”

 

“สถานการณ์ในตอนนี้เลวร้ายมาก ส่วนตัวฉันกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเลดี้ ดังนั้นฉันจึงรีบมาที่อัลเบอัสก่อนเป็นอันดับแรก” ปืนกลกล่าว

 

“และขอขอบคุณที่เจ้ามา มันทันเวลาพอดีเลย” เทสส์ถอนหายใจ

 

“นี่ไม่นับว่าเป็นสิ่งใด ถ้าต้องเทียบกับการที่ออกไปเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าหวาดกลัว”

 

ขณะกล่าว ปืนกลก็ชี้ปลายกระบอกไปทางทริสเต้

 

“สหายตัวน้อยทริสเต้ ฉันขอแนะนำให้คุณไปนั่งลงบนโซฟาดีๆ และอย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่น ไม่อย่างนั้นฉันอาจจะพลั้งมือยิงออกไป จนร่างของคุณกระจุยจนไม่เหลือแม้กระทั่งเส้นผม”

 

ในเวลานี้ ทริสเต้ก็เข้าใจได้ในที่สุด

 

แต่เดิม กลับกลายเป็นว่าแผนการทั้งหมดของตนเอง ได้ถูกล่วงรู้แล้วโดยฝ่ายตรงข้าม

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตัวตนทรงอำนาจที่มีชื่อเสียงสั่นสะเทือนไปตลอดทั้งโลก 900 ล้านชั้น เธอก็ไม่มีความคิดที่จะต่อต้าน

 

ทริสเต้ก้าวช้าๆไปที่โซฟา แล้วนั่งลง

 

ทว่าแม้จะเผชิญหน้ากับปากกระบอกปืนนับสิบ แต่เธอก็ยังยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลาย

 

“ส่งมอบโลกสมบัติของเจ้ามา” เทสส์กล่าวทันที

 

“เลดี้เทสส์ ไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้โลกอยู่ในมือของข้า” ทริสเต้ที่กำลังกุมบอลคริสตัลกล่าว

 

“ถ้าแกกล้าเล่นตุกติกล่ะก็ ฉันจะฆ่าแกซะ” ปืนกลสาดเสียงเย็น

 

“ข่มขู่ชีวิตข้าแล้วมันอย่างไร? หากเจ้าคิดลงมือ ข้าก็ยินดีมอบชีวิตของข้า เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่โลกนับล้านล้านใบตกอยู่ภายใต้ระบบของราชามาร”

 

“เราจะไม่ฆ่าเจ้า ตราบใดที่เจ้ายอมมอบโลกที่แสนอันตรายใบนั้นมา” เทสส์พยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง

 

แต่ทริสเต้กลับยิ้มออกมาด้วยความสุข มันเป็นรอยยิ้มที่แฝงความบ้าคลั่งเอาไว้เล็กน้อย

 

“เจ้ายังไม่ชัดเจนอีกหรือ? ตอนนี้โลกสมบัติอยู่ในมือของข้า  มันคือระเบิดเวลาที่จะใช้ตัดสินชะตาของโลกนับล้านๆใบ หากเจ้ากล้าที่จะลงมือ ข้าเองก็พร้อมที่จะจุดระเบิด และตายไปพร้อมกับมัน!”

 

เทสส์กับปืนกลหันมามองหน้ากัน และสัมผัสได้ถึงแรงกดดันของสถานการณ์ที่น่าหวาดกลัว

 

 

อีกด้านหนึ่ง

 

ในโลกสมบัติของทริสเต้

 

บนพื้นที่ราบลุ่ม

 

ลอร่ากำลังเร่งตรวจสอบอาวุธของเหล่าทหาร

 

“ฮ็อดจ์ กระบี่ของเจ้าไม่ดีเลย”

 

“แต่นี่คือกระบี่รุ่นมาตรฐานที่ดีที่สุดของกองทัพนะฝ่าบาท”

 

“ไม่ จงเอานี่ไป นี่คือกระบี่ชั้นมหากาพย์ เรียกว่ามังกรแดงยมทูต แล้วก็เอานี่ไปอีก … ”

 

“ … ขอบพระทัยฝ่าบาท”

 

“โนเวีย ทำไมเจ้าถึงยังใช้ไม้เท้านี้อยู่อีก?”

 

“กระหม่อมพกมันติดตัวเสมอมา – อีกอย่างไม้เท้ามนตรานี่ก็เป็นเอกลักษณ์ของกระหม่อนะฝ่าบาท”

 

“แต่สงครามขั้นแตกหักกำลังจะเกิดขึ้น เจ้าไม่ควรใช้มัน เอ้านี้ นี่คือไม้เท้ามนตราชั้นมหากาพย์ เรียกว่าบทบรรเลงชีวิตแห่งป่ามรกต รับไปซะ”

 

“แต่ฝ่าบาท เจ้าสิ่งนี้มันหนักเกินไป”

 

“งั้นก็เปลี่ยน – เอาไม้เท้าอันนี้ไป มันเรียกว่านิพพานแห่งหงสา ทั้งเรียวและเบากว่า น่าจะเหมาะกับการใช้งานของเจ้า”

 

“ขอบพระทัยฝ่าบาท”

 

กู่ฉิงซานก้าวเข้ามาและเอ่ยถาม “พวกคุณติดต่อกับอีเลียได้ไหม?”

 

หญิงในชุดคลุมยาวกล่าว “ข้าพึ่งได้รับข้อความจากนายพลอีเลีย นายพลกล่าวว่าแม้ท่านจะเศร้าใจกับการตัดสินใจขององค์หญิง แต่ก็รู้สึกปลื้มปิติในขณะเดียวกัน”

 

“บอกเธอว่าไม่ต้องเศร้าใจไป ขอให้เร่งจัดขบวนทัพให้ดี เมื่อไหร่ที่พวกเราส่งสัญญาณ ก็ขอให้ออกจากเมืองมาเข้าร่วมกับพวกเราทันที”

 

หญิงในชุดคลุมยาวพยักหน้า เธอหยิบใบไม้สีขจีออกมา และเริ่มพึมพำอย่างแผ่วเบา

 

ในความเป็นจริงแล้ว เธอคิดว่านี่มันบ้ามากๆ

 

กองทัพภูติผีครอบคลุมตลอดทั้งที่ราบลุ่มและภูเขา คาดคำนวณก็คงมีราวๆนับสิบล้าน

 

ด้วยตนเองและจำนวนคนเท่านี้ ต่อให้จัดขบวนทัพอย่างดี ไม่ต้องกล่าวถึงทะลวงฝ่ากองทัพศัตรูไป แต่พวกเธอคงจะถูกฆ่าตายทันทีที่เกิดการปะทะ

 

—อย่างไรก็ตาม ชายคนนี้กล่าวว่าเขาต้องการจะฝ่าเข้าไปสมทบกับเมืองไห่เช่า?

 

ลอร่าเอ่ยถาม “กู่ฉิงซาน ทำไมต้องส่งข้อความแบบนั้นหาอีเลียด้วย? ทำไมพวกเราไม่ฆ่าพวกมาร ไปสมทบกับคนในเมือง แล้วค่อยมาร่วมกันวางกลยุทธ์รับมืออีกครั้งล่ะ?”

 

กู่ฉิงซานจ้องมองไปยังกองทัพสัตว์ประหลาดผีที่ค่อยๆใกล้เข้ามา ก่อนจะเบนมองออกไปยังตัวเมืองที่อยู่ไกลออกไป

 

“เพราะเมืองกำลังจะแตก” เขากล่าว

 

ฝูงชนโดยรอบ พอได้ยินก็หันไปอีกทางทันที

 

แท้จริงแล้วตนเองและคนอื่นๆมัวแต่มุ่งความสนใจไปกับกองทัพที่กำลังมุ่งเข้ามา โดยไม่ทันสังเกตเลยว่าป้อมปราการบนภูเขา ตรงกำแพงเมืองได้ถูกยึดครองโดยสัตว์ประหลาดผีไปแล้ว

 

พวกมันสามารถปีนขึ้นไปยึดตำแหน่งสูงสุดของกำแพงเมืองได้แล้ว และกำลังจะโถมกระแสทัพเข้าสู่ตัวเมืองไห่เช่า!

 

ในขณะนี้ ใบไม้สีขจีในมือของหญิงในชุดคลุมยาวก็ส่องสว่างขึ้น

 

หญิงในชุดคลุมยาวหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น ถามกู่ฉิงซานอย่างเร่งรีบ “นายพลกล่าวว่าท่านได้จัดขบวนทัพชุดสุดท้ายเอาไว้แล้ว และเตรียมพร้อมที่จะออกมานอกเมืองเพื่อเข้าร่วมกับเรา และท่านถามว่าสัญญาณของพวกเราคืออะไร”

 

ทุกคนมองมายังกู่ฉิงซานเป็นสายตาเดียว

 

มนุษย์ผู้นี้ต้องการที่จะพลิกสถานการณ์

 

และต้องการที่จะไปช่วยเมืองๆนั้น

 

เขาบอกว่าตนจะพาองค์หญิงลอร่าเข้าร่วมต่อสู้ และคิดหาหนทางคว้าชัยชนะ

 

นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว

 

ข้อเท็จจริงกำลังจะถูกพิสูจน์ว่าคนๆนี้กำลังหลอกลวงองค์หญิงให้ตามืดบอด หรือจะมีวิธีการอื่นเตรียมไว้จริงๆกันแน่

 

เห็นแค่เพียงกู่ฉิงซานที่วางลอร่าลงบนไหล่เขา และกระโจนเบาๆขึ้นไปบนหลังม้า

 

เขาตะโกนสั่งทุกคนเสียงดัง “เตรียมตัวให้พร้อม พวกเราจะมุ่งไปยังเมืองไห่เช่าในลมหายใจเดียว”

 

เหล่าทหารเร่งตรวจสอบอุปกรณ์ของพวกตนอย่างรวดเร็ว และทำการเรียกม้าศึก

 

เมื่อทุกคนขึ้นไปบนหลังม้า กองทัพภูติผีฝ่ายตรงข้ามก็มาถึง

 

พวกมันอยู่ห่างจากกู่ฉิงซานและคนอื่นๆราวหนึ่งกิโลเมตร หลังจากชะงักไปเพื่อทำการตรวจสอบเล็กน้อย พวกมันก็เร่งมุ่งหน้าต่อทันที

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูแค่สิบกว่าคน พวกผีคิดว่าเพียงแค่กองทัพตนช่วยกันวิ่งเหยียบศัตรูคนละก้าว คนละก้าว ก็เพียงพอที่จะบดขยี้อีกฝ่ายได้โดยสมบูรณ์

 

ในเวลานั้นเอง กู่ฉิงซานก็หันไปพูดกับหญิงในชุดคลุมยาว “บอกนายพลอีเลีย ให้เธอคอยสัญญาณจากสายลม”

 

“ … สายลมงั้นหรือ?”

 

หญิงในชุดคลุมยาวที่นั่งอยู่บนหลังม้า หยิบใบไม้ขจีขึ้นมาและพูดไม่กี่คำลงไปทันที

 

“ถูกต้องแล้วล่ะ เมื่อสายลมปรากฏขึ้นถึงเมืองไห่เช่า เธอก็สามารถเริ่มการโจมตีแล้วมาเข้าร่วมกับพวกเราได้เลย” ว่าจบ กู่ฉิงซานก็ดึงดาบพิภพออกมา

 

“ทุกคน บุกได้!” เขาตะโกนลั่น

 

“ไปเลย!” ลอร่าตะโกนพร้อมกับชูกำปั้นน้อยๆของเธอ

 

ม้าทมิฬทะยานตัวออกไปทิ้งไว้เพียงฝุ่นผง พุ่งเข้าเผชิญหน้ากับกระแสภูติอันไร้ที่สิ้นสุดอย่างรวดเร็ว

 

“พิทักษ์องค์หญิง!”

 

ทหารพิทักษ์หลายคนกัดฟันของตนเอง และสะบัดบังเหียนไล่ตามม้าทมิฬไป

 

แม้ว่าแทบจะไร้ซึ่งความหวัง แต่องค์หญิงก็อยู่บนม้าทมิฬ

 

ในเมื่อพวกเขาได้รับการอัญเชิญออกมาเพื่อรับภารกิจช่วยเหลือในครั้งนี้ด้วยความจงรักภักดี ทั้งหมดจึงไม่มีสิ่งใดจะพูดอีก

 

ทุกคนพร้อมที่จะตายในสนามรบ

 

บนพื้นราบฟุ้งไปด้วยฝุ่งผง ทหารม้าสิบกว่าคนพุ่งเข้าหากองทัพสัตว์ประหลาดผีอย่างไม่คิดจะหยุดยั้ง

 

ใบหน้าอันแสนสะพรึงของเหล่าภูติผีค่อยๆเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ

 

ลอร่ามองไปยังกระแสคลื่นภูติผีที่ราวกับไม่มีสิ้นสุด ความหวาดกลัวก็เริ่มแทรกเข้ามาในจิตใจ

 

เธอกระซิบถามกู่ฉิงซานอย่างเงียบๆ “ตอนนี้ เอาจริงๆพวกเราอาจจะต้องตายในสนามรบก็ได้นะ”

 

“ไม่หรอกน่า” กู่ฉิงซานกล่าว

 

เขาสั่งการในจิตใจ และสองดาบที่เหลือก็ผุดออกมาจากความว่างเปล่า

 

ในขณะเดียวกัน บนหน้าต่างเทพสงคราม ปรากฏบรรทัดเส้นแสงหิ่งห้อยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

“การสั่งสมแต้มพลังของคุณมีทั้งสิ้น 36 เท่า”

 

“คุณสามารถปลดปล่อยค่ายกลไท่หยีที่สั่งสมแต้มพลังกว่า 36 เท่าได้”

 

“เพื่อที่จะปลดปล่อยอำนาจอันทรงพลังนี้ คุณจำเป็นต้องจ่าย 100000 แต้มพลังวิญญาณ เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนค่ายกลดาบดังกล่าว”

 

“ฉันจ่าย!” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างราบเรียบ

 

“แต้มพลังวิญญาณของคุณได้เตรียมการเสร็จสิ้นแล้ว หากต้องการใช้งาน คุณสามารถถ่ายเทแต้มพลังวิญญาณลงในดาบบินได้เลยในทันที” ระบบเทพสงครามกล่าว

 

กู่ฉิงซานยิ้ม และปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะลงในดาบบินทั้งสาม

 

ในความว่างเปล่า สามดาบบินพลันสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง

 

พวกมันส่งเสียงกระหึ่มขึ้นพร้อมกัน คล้ายกับกำลังกระตือรือร้นที่จะต่อสู้

 

“มาเถอะ เริ่มกันเลย” กู่ฉิงซานกระซิบแผ่วเบา

 

ท่ามกลางความเงียบ สามดาบวูบไหวในทันใด

 

“นี่คือ .. สายลมที่ว่าอย่างงั้นหรือ?”

 

ลอร่ารู้สึกได้ถึงมัน เธอสับสนเล็กน้อยในตอนแรก แต่แล้วดวงตาของเธอเปล่งประกายขึ้นทันใด

 

เพราะเด็กสาวจดจำได้ว่านี่คือสกิลดาบที่ครั้งหนึ่งกู่ฉิงซานเคยใช้มันถล่มเมืองทั้งเมืองให้หายไป!

 

—และตอนนี้ กู่ฉิงซานก็ได้ขอให้อีเลียเฝ้ารอสัญญาณจากสายลม

 

ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง

 

ปรากฏว่ายังไม่สิ้นหวังซะทีเดียว!

 

ลอร่ากลับมามีชีวิตชีวา เธอเริ่มตื่นเต้นอย่างไม่อาจระงับได้

 

เด็กสาวหันไปมองรอบๆ

 

เห็นแค่เพียงทหารวิหคคนแล้วคนเล่าที่แสดงออกถึงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

 

นั่นเพราะพวกเราก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างเช่นกัน

 

ในความว่างเปล่า เริ่มบังเกิดกระแสของสายลมขนาดใหญ่ขึ้น

 

นี่คือดาบสายลมอันน่าทึ่งและมิอาจต้านทานได้!

 

ลอร่ากุมไม้เท้ามนตราในมือ ลุกขึ้นยืนบนไหล่ของกู่ฉิงซาน ตะโกนลั่นไปยังทหารพิทักษ์โดยรอบ

 

“สายลมได้ปรากฏขึ้นแล้ว! ทุกคนจงตามเรากับกู่ฉิงซานมา และร่วมกันปะทะ บุกไปข้างหน้า!”

 

“เพื่อองค์หญิง!!” ทหารพิทักษ์ตะโกนลั่น

 

แล้วม้าศึกของพวกเขาก็เริ่มเร่งความเร็วมากขึ้น

 

ทุกคนทุ่มกำลังทั้งหมดที่มี ทะยานเข้าหากองทัพภูติผีอันยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้า!