บทที่ 301: งานเต้นรำในฝัน
วิธีรับมือกับบุคคลที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมีอะไรบ้าง?
วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการหันไปใช้ความรุนแรงทางร่างกาย ซึ่งมักจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ทว่าในกรณีที่เราไม่สามารถใช้ความรุนแรงได้ การทำสงครามจิตวิทยาเองก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน…
มีรูปแบบสงครามทางจิตวิทยามากมาย แต่รูปแบบหนึ่งที่ซาร์โทนี่เลือกใช้ก็คือ ‘ค่าครองชีพ’
ต่างจากภาคีแห่งนักบุญที่ดำเนินชีวิตสมถะเน้นไปที่จิตวิญญาณ กลุ่มภราดรภาพแห่งการกอบกู้เชื่อในการสนองความต้องการทางวัตถุของพวกเขา ท่ามกลางการแสวงหาอำนาจที่มากขึ้น พวกเขายอมจำนนต่อความปรารถนาของตนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดการพังทลายทางพันธนาการของพวกเขาทีละน้อย พวกเขาค่อย ๆ วนเวียนอยู่กับสิ่งที่คนส่วนใหญ่เรียกว่าอาการคลั่งไคล้อย่างบ้าคลั่ง…
วิถีชีวิตอันเสื่อมโทรมที่ทำลายศีลธรรมและจริยธรรมทั้งหมด ช่างเป็นเส้นทางที่น่าดึงดูดสำหรับผู้ที่ขาดความแข็งแกร่งทางจิตใจ โดยเฉพาะเยาวชนที่ยังไม่ได้พัฒนาทางด้านจิตใจและศีลธรรม
ซาร์โทนี่เคยได้ยินเกี่ยวกับการเลี้ยงดูทูตศักดิ์สิทธิ์ของภาคีแห่งนักบุญ ว่าพวกเขาถูกเลี้ยงดูมาอย่างไร?
ตั้งแต่อายุยังน้อย พวกเขาได้รับการฉีดของเหลวพิเศษอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเลียนแบบสายเลือดของเชื้อสายโบราณผู้สามารถปรับตัวเข้ากับของเหลวพิเศษในระดับที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ และสามารถเอาตัวรอดจากการทดสอบได้ จะได้รับตำแหน่งทูตศักดิ์สิทธิ์…
ทูตศักดิ์สิทธิ์ เป็นเครื่องมือในการเปิดใช้งานไพ่ตายของภาคีแห่งนักบุญ หากจะพูดให้ถูกก็คือเครื่องมือที่ใช้เพียงครั้งเดียว ไม่จำเป็นต้องพูดว่า มันไม่มีความหมายสำหรับภาคีที่จะทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดเพื่อพัฒนาความสามารถของยุทธปัจจัยที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว ดังนั้นทูตศักดิ์สิทธิ์จึงไม่ได้แข็งแกร่งมากเท่าไหร่นัก…
พวกเขาใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวในสำนักงานใหญ่ของภาคีแห่งนักบุญ ดังนั้นพวกเขาจึงมีความเข้าใจในโลกภายนอกเพียงจำกัด
เขาน่าจะเป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดา ๆ ในชนบทที่ไม่เคยได้รู้เรื่องของชีวิต ข้าคิดว่าเขาไม่เคยได้แตะต้องมือผู้หญิงมาก่อนเสียด้วยซ้ำ!
ท่ามกลางเสียงเชียร์ของฝูงชน ซาร์โทนี่เดินลงบันไดไปนั่งลงบนโต๊ะยาวที่ฝั่งตรงข้าม
ทันทีที่เขานั่งลง ดนตรีก็เริ่มบรรเลงขึ้นอีกครั้งและสมาชิกของภราดรภาพแห่งการกอบกู้ก็กลับมาทำอะไรก็ตามที่ตนเองทำอยู่ก่อนหน้านี้ คนใช้ก้าวไปข้างหน้าเสิร์ฟเครื่องดื่มหนึ่งแก้วให้กับเขาด้วยความเคารพ
ตรงกันข้ามกับฝั่งของโรเอล พื้นที่ด้านหน้าของเขาว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ เมื่อในที่สุดซาร์โทนี่ ‘สังเกตเห็น’ การละเมิดจรรยาบรรณนี้ เขาจึงตำหนิคนใช้ในลักษณะที่เกือบจะเกินจริง
“พวกเจ้ามัวทำอะไรกันอยู่น่ะ? ลืมเกี่ยวกับทูตศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วรึไง? เขายังไม่มีอะไรจะดื่มเลยนะ!”
การตำหนิติเตียนที่ไม่สำคัญจากซาร์โทนี่ทำให้เกิดเสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากสมาชิกคนอื่น ๆ ของกลุ่มภารดรภาพแห่งการกอบกู้ คนใช้เพียงแค่วางถ้วยไวน์ต่อหน้าโรเอลอย่างไม่เต็มใจ โดยไม่แสดงความสำนึกผิดแม้แต่น้อยเกี่ยวกับการละเมิดทางมารยาทก่อนหน้านี้
โรเอลเหลือบมองแก้วไวน์ที่เก็บไว้ให้เขาราวกับว่ากำลังขอบิณฑบาต เขาหัวเราะเบา ๆ กับตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะ
“ซาร์โทนี่ พวกเรามาที่นี่เพื่อหารือเรื่องการเจรจาสงบศึกไม่ใช่หรือ?”
“ใช่ นั่นคือจุดประสงค์ของพวกเรา ท่านทูตศักดิ์สิทธิ์”
“แล้วงานเลี้ยงที่น่าขันนี้คืออะไร? จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่รู้สึกถึงความจริงใจจากเจ้าเลย”
“ท่านทูต ดูเหมือนท่านจะเข้าใจเจตนาของพวกเราผิดไป นี่คือวิธีการแสดงความเป็นมิตรของพวกเรา”
ซาร์โทนี่ชำเลืองมองไปยังชายหญิงที่กำลังเต้นรำอยู่กลางห้อง ซึ่งเริ่มพลอดรักกันภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์ แล้วอธิบายอย่างใจเย็น
“กลุ่มภราดรภาพแห่งการกอบกู้ของเราเป็นองค์กรที่เชื่อมั่นในตัวเราเอง เทพเจ้าประทานกำลังแก่เราเพื่อเราจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับตัวเอง งานเลี้ยงนี้จัดทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อช่วยให้เราปล่อยวางและซื่อสัตย์ต่อกัน”
“โอ้? นี่เป็นวิธีต้อนรับข้าอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่ ข้าขอรับรองได้เลยว่านี่คือความจริงใจสูงสุดของพวกเรา”
ซาร์โทนี่กวักมือเรียกหญิงสาวคนหนึ่งด้วยมือของเขา แล้วใช้ท่าทีโปรยสเน่ห์โอบแขนรอบเอวผอมบางของเธอ ดึงเธอเข้าหาร่างกายของเขาอย่างแรง จากนั้นก็หันศีรษะกลับไปที่โรเอลด้วยรอยยิ้ม
“อย่างไรก็ตามข้าขอยอมรับว่าตัวเองยังไม่ได้คิดอย่างรอบคอบ ข้าน่าจะรู้ว่าทูตศักดิ์สิทธิ์เช่นท่านถูกเลี้ยงดูมาในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากพวกเราเป็นอย่างมาก นี่คงเป็นครั้งแรกที่ท่านต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้สินะ?”
“…”
รอยยิ้มของซาร์โทนี่สดใสขึ้นเมื่อ โรเอลเงียบลงเขาเริ่มลูบไล้ร่างกายของหญิงสาว ซึ่งอีกฝ่ายก็หัวเราะคิกคักเมื่อได้รับสัมผัสของเขา ราวกับว่ากำลังเพลิดเพลินไปกับมัน
“ท่านโรเอล ท่านเคยมีประสบการณ์อะไรบ้างไหม?”
“ประสบการณ์กับอะไรล่ะ?”
“ประสบการณ์กับผู้หญิง…”
ใบหน้าของโรเอลเปลี่ยนเป็นสีเข้มเมื่อได้ยินคำพูดที่ชัดเจนของซาร์โทนี่ เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และดึงบทสนทนากลับมาอย่างแข็งขัน
“ซาร์โทนี่ ข้าไม่ชอบที่เจ้าพูดนอกเรื่อง”
“ข้าแค่คิดว่าพวกเราควรสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตร ก่อนการเจรจา นี่คือพื้นฐานของการเข้าสังคม อันที่จริง งานเลี้ยงนี้เองก็มีจุดประสงค์เพื่อสิ่งนี้ด้วยเช่นกัน”
“งั้นเหรอ?”
โรเอลไม่แม้แต่จะใส่ใจที่จะลบล้างข้อโต้แย้งอันไร้สาระของซาร์โทนี่ มันไม่คุ้มที่จะเสียความพยายามไปกับกลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ดังกล่าว ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อทุก ๆ อย่างทั้งหมด
ทว่าเห็นได้ชัดว่าซาร์โทนี่จะไม่มีทางยอมให้ทุกอย่างสงบลงเพียงเท่านี้ เขาลุกขึ้นและเสนอแนะ
“ตามวัฒนธรรมของอาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนล ทำไมพวกเราไม่ร่วมเต้นรำกันเพื่อแสดงความปรารถนาดีล่ะ? ข้ารู้ว่าท่านโรเอลใช้ชีวิตอย่างสันโดษมาตลอด แค่การเต้นไม่มีทางสร้างปัญหาให้กับท่านอย่างแน่นอน”
รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซาร์โทนี่ขณะที่เขาพูดคำเหล่านั้น
การเต้นรำขัดกับหลักเหตุผลของทูตศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นมันจึงมีเหตุผลที่โรเอลเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ นั่นคือเหตุผลที่ซาร์โทนี่่เสนอแนะเช่นนั้น
ต่อให้โรเอลมีฝีมือในการเต้น มันก็คงจะไม่สร้างความแตกต่างใด ๆ อยู่ดี การเต้นรำเป็นคู่ของโบรเนล ต้องใช้ความร่วมมือจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคู่เต้นรำนั้นมีความปรารถนาดีหรือความเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน
หากทั้งคู่ขยับเข้าหากันก็จะทำให้เกิดการแสดงที่กลมกลืนกัน อย่างไรก็ตามหากคน ๆ หนึ่งต้องการทำให้คู่เต้นของเขาขายหน้า ทั้งหมดที่ต้องทำก็คือแสดงท่าทางที่ฉูดฉาดยิ่งขึ้นเพื่อทำให้คู่ของเขาตามไม่ทัน
ซาร์โทนี่กวาดสายตาไปที่สาวกหน้าแข็งทื่อที่ยืนอยู่ข้างหลังโรเอล พร้อมมุมฝีปากที่ค่อย ๆ คืบคลานขึ้นมา เขาหันไปมองโรเอลและตั้งข้อสังเกตอย่างมีสีสัน
“อ๊ะ ดูเหมือนจะไม่มีผู้หญิงในกลุ่มของท่านเลย ให้พวกเราหาคู่เต้นรำให้ท่านไหมล่ะ? ในห้องนี้มีใครเต็มใจเต้นกับท่านโรเอลบ้างมั้ย?”
ซาร์โทนี่หันกลับมาแล้วถามไปยังฝูงชนที่อยู่ข้างหลังเขา เพียงเพื่อจะพบกับความเงียบอย่างสมบูรณ์ ผู้หญิงทุกคนเบือนหน้าหนีโรเอลด้วยความรังเกียจ
บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความตกตะลึง ผู้ชายบางคนถึงกับหัวเราะทั้งที่ยังกลั้นหายใจอยู่
ในที่สุดการยั่วยุอย่างโจ่งแจ้งของพวกเขาก็สร้างความโกรธให้กับโรเอลได้ในที่สุด แต่ก่อนที่เขาจะระเบิดโทสะออก เด็กหนุ่มก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยจากประตูด้านหลัง
“ขออนุญาตค่ะ”
“!”
เสียงอันเยือกเย็นอย่างไม่คาดคิดดังขึ้นในห้องจัดเลี้ยง ทำให้ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ โรเอลหันศีรษะอย่างรวดเร็วก่อนจะได้เห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่งดงามมากราวกับไม่ได้มาจากโลกใบนี้
ผิวอันเรียบเนียนราวกับหยก ผมสีดำพลิ้วไหวราวกับน้ำตก ดวงตาสีอเมทิสต์ส่องประกายระยิบระยับอย่างลึกลับ ชุดยาวที่สง่างามและมงกุฏสีม่วงที่แต่งแต้มสีตาของเธอ
เช่นเดียวกับงานเลี้ยงอื่น ๆ ในจักรวรรดิออสทีนโบราณ ลิเลียน แอคเคอร์มันน์ทำให้ทุกคนตกใจทันทีที่เธอปรากฏตัว
ผู้ชายอดไม่ได้ที่จะจ้องมองความงดงามของเธอในขณะที่ผู้หญิงรู้สึกว่าตัวเองต้องแข็งทื่อด้วยความละอาย ซาร์โทนี่งุนงงมากจนหยุดลูบไล้ผู้หญิงในอ้อมกอดของเขา ดวงตาของเขาค่อย ๆ หรี่ลงด้วยความโกรธ
“เธอเป็นใคร? ทหารของเราอยู่ที่ไหนแล้ว!”
เขาคำราม
ไม่มีใครสามารถตอบคำถามของเขาได้ ทุกคนจ้องมองมาที่ลิเลียน แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นใครและเข้ามาได้อย่างไร
ในขณะเดียวกันลิเลียนก็กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง ก่อนที่สายตาของเธอก็จะหยุดลงที่โรเอลในที่สุด ทันทีที่เธอสบตากับเขา บรรยากาศอันเย็นชาของเธอก็ละลายลง เผยให้เห็นรอยยิ้มจาง ๆ ที่ริมฝีปาก
“!”
โรเอลถอนหายใจเบา ๆ เมื่อเห็นภาพนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นรอยยิ้มของลิเลียน ความอบอุ่นและความสนิทสนมที่เธอแสดงออกนั้นแตกต่างเป็นอย่างมากจากท่าทางที่เย็นชาตามปกติ ทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัว
เธอคือลิเลียนจริงๆ!
โรเอลรู้สึกถึงความสุขอันพุ่งพล่านที่ได้กลับมาพบกับลิเลียน อีกครั้ง เขารู้สึกโล่งใจ ในที่สุดความกังวลทั้งหมดที่เขาอัดอั้นมาตลอดก็ถูกปลดปล่อยแล้ว
การสนทนาอย่างดุเดือดได้ปะทุขึ้นภายในห้อง แต่โรเอลนั้นไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจมัน
ต่อหน้าต่อตาทุกคนลิเลียนเดินเข้าไปหาโรเอลอย่างสง่างาม ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมือให้กับเขา
“รุ่นพี่?”
“ไม่ไปเต้นด้วยกันงั้นเหรอ? ตอนนี้เธอคงไม่ต้องการใครทั้งนั้น เพราะฉันอยู่ที่นี่แล้ว”
“…ใช่ คุณพูดถูกแล้ว มาเต้นรำเพื่อฉลองการพบกันอีกครั้งของพวกเราเถอะ”
คำพูดของลิเลียนทำให้โรเอลมีรอยยิ้ม ความสุขที่ไม่อาจระงับได้ระเบิดออกมาจากหน้าอกของเขา เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนจับมือของลิเลียนอย่างนุ่มนวล พาเธอไปที่กลางห้อง
ตอนแรกโรเอลตั้งใจที่จะไม่เล่นไปตามแผนการเล็ก ๆ น้อย ๆ ใด ๆ ก็ตามของซาร์โทนี่ เพราะมันคงจะเป็นตัวเลือกที่โง่มากแน่ ๆ ถ้าเขาจะยอมให้คนอื่นจูงจมูก แต่เนื่องจากสาวงามได้เชิญเขาออกไปเต้นรำ ในฐานะผู้ชายมันคงไม่สุภาพสำหรับเขาที่จะปฏิเสธเธอ
ดวงตาของซาร์โทนี่สลับไปมาระหว่างลิเลียนกับผู้หญิงในอ้อมแขน ท้ายที่สุดเขาก็จะตัดสินใจที่จะไม่เข้าไปร่วมกับทั้งสองบนฟลอร์เต้นรำ
ทีแรกซาร์โทนี่แพ้โรเอลไปแล้วในแง่ของทั้งนิสัยและรูปลักษณ์ แต่แล้วความแตกต่างก็ยิ่งเด่นชัดมากขึ้นด้วยช่องว่างระหว่างคู่เต้นรำของพวกเขา ถ้าเขายืนกรานที่จะเต้นรำเคียงข้างทั้งสองคนล่ะก็ มันก็จะยิ่งทำให้เขารู้สึกอัปยศมากขึ้นเท่านั้น!
เมื่อต้องมาพ่ายแพ้ในสถานการณ์ที่ตนสร้างขึ้นเอง ซาร์โทนี่ก็รู้สึกอับอายจนหูแดง
ความโล่งใจเพียงอย่างเดียวสำหรับเขาคือโรเอลไม่มีอารมณ์ที่จะเยาะเย้ยกลับมา เพราะความสนใจเด็กหนุ่มนั้นมุ่งไปที่คู่เต้นรำของตนอย่างสมบูรณ์
เสียงเพลงเริ่มบรรเลงอีกครั้ง จากนั้นทั้งสองก็สบตากัน โรเอลปรับท่าทางให้เข้ากับชุดยาวแบบดั้งเดิมของลิเลียน ก่อนจะเปลี่ยนตำแหน่งแขนของเขาให้เป็นแบบการเต้นรำของจักรวรรดิออสทีนโบราณ
ความประหลาดใจปรากฏบนใบหน้าของลิเลียน แต่ในไม่ช้าเธอก็เผยรอยยิ้มที่จริงใจออกมา
ชุดยาวแบบดั้งเดิมของลิเลียนได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการเต้นรำแบบจักรวรรดิออสทีนโบราณ ชายกระโปรงที่ยาวทำให้ไม่เหมาะกับการเต้นรำส่วนใหญ่ แต่การเต้นระบำของจักรวรรดิออสทีนโบราณนั้นมีท่าเต้นพิเศษที่เข้ากันได้อย่างยอดเยี่ยม
มันเป็นเพียงท่าทางเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของโรเอล
การเต้นรำของจักรวรรดิออสทีนโบราณเป็นที่ทราบกันดีว่ามีความซับซ้อนสูงและควบคุมได้ยาก จนถูกปรับท่าเต้นรำให้ง่ายขึ้นในจักรวรรดิออสทีนยุคปัจจุบัน แต่ก็ทำให้ความสวยงามของมันถูกลดทอนไปมากด้วยเช่นกัน
มีเพียงผู้ที่เกิดในตระกูลขุนนางที่มีเชื้อสายยาวนานกว่าพันปี และได้รับการเลี้ยงดูอย่างสูงส่งที่สุดเท่านั้นที่จะสามารถดึงเอาความงดงามที่แท้จริงของการเต้นรำแบบจักรวรรดิออสทีนโบราณออกมาได้
โอกาสที่หายากนี้ทำให้ลิเลียนตื่นเต้น
นิ้วที่ประสานกันของพวกเขาดูเหมือนจะเชื่อมหัวใจของพวกเขาเข้าด้วยกัน ภายใต้การบรรเลงของดนตรี การเต้นรำที่สง่างามก็ปรากฏขึ้นในคฤหาสน์อันมืดมิดแห่งนี้
การเต้นรำของจักรวรรดิออสทีนโบราณนั้นเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ แต่ก็ท้าทาย เพราะมันมีแม้กระทั่งท่าเต้นที่มีแต่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเท่านั้นที่จะทำได้ ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่ โรเอลและลิเลียนได้เต้นรำด้วยกัน แต่การประสานงานกันของพวกเขานั้นสมบูรณ์แบบมาก ราวกับว่าพวกเขาฝึกร่วมกันมาหลายปีแล้ว…
ในช่วงเวลานี้เองที่การออกแบบโดยเจตนาของชุดกระโปรงยาวถูกแสดงออกมาให้เห็น เมื่อมันโบยบินไปรอบ ๆ ฟลอร์เต้นรำอย่างมีชีวิตชีวาราวกับมีชีวิตเป็นของตัวเอง
ฝูงชนต่างเงียบสนิท ทุกคนล้วนหมกมุ่นอยู่กับการเต้นรำนี้เกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้
ในที่สุดเมื่อท่วงทำนองจบลง ลิเลียนก็กลับสู่ตำแหน่งเดิม ทว่าแก้มของเธอกลับมีสีแดงจาง ๆ ปรากฏขึ้น
ตามธรรมเนียมของ จักรวรรดิออสทีนโบราณคู่เต้นรำทั้งสองควรโค้งคำนับและแยกทางกัน แต่ลิเลียนปฏิเสธที่จะปล่อยมือจากโรเอล อารมณ์ลึก ๆ เกิดขึ้นในดวงตาสีอเมทิสต์ของเธอ ก่อนที่เด็กสาวจะเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อจูบแก้มของเขาเป็นการตอบแทนสำหรับการเต้น
โรเอลงุนงงกับจูบที่คาดไม่ถึงนี้ ทำให้ใบหน้าของเขาแดงก่ำ
บนโต๊ะยาวซาร์โทนี่ตบเท้าของเขาขณะที่พลังเวทย์เริ่มหลั่งไหลออกมาอย่างไม่เป็นจังหวะ
การยอมจำนนต่อความปรารถนามาเป็นเวลาหลายปีทำให้ซาร์โทนี่กลายเป็นชายที่ใจร้อน ตอนนี้เขาจึงไม่อาจสามารถทนต่อความอัปยศที่ตนรู้สึกได้อีกต่อไป การระเบิดอย่างกะทันหันของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 2 คนได้สร้างความตื่นตระหนกแก่ผู้คนโดยรอบ ทว่าทั้งสองคนกลับรับมือมันได้อย่างไม่สะทกสะท้านราวกับเป็นเพียงเรื่องน่าขัน
“ฉันได้ยินมาว่าพวกคุณสองคนกำลังเจรจากันอยู่”
“นั่นก็ใช่ แต่ผมไม่สนใจที่จะเจรจากับเขาอีกต่อไป ในเมื่อคุณอยู่ที่นี่แล้ว”
“ เป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
ลิเลียนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะจ้องมองไปที่ชายผู้จ้องมองมายังพวกเขาด้วยความเกลียดชังอย่างเย็นชา
“ จักรวรรดิออสทีนโบราณไม่ได้ขึ้นชื่อในเรื่องกระโปรงยาวและท่าเต้นเพียงอย่างเดียวหรอกนะ มันมีประวัติอันโดดเด่นเรื่องวิชาดาบและการนองเลือดด้วย”
ทันใดนั้นเสียงดังก้องก็ปะทุขึ้นมาจากพื้นดิน พร้อมกับเสียงแตรสงครามและเสียงกระจกแตก จากนั้นกองทัพอัศวินก็บุกเข้ามาในห้องผ่านทางหน้าต่าง