ภาค 2 ใต้หล้ายังมีผู้ใดไม่รู้จักท่านอีกหรือ บทที่ 146 รอเจ้าส่งถึงที่โดยเฉพาะ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

อาหู่ยิ้มเย็นอย่างต่อเนื่องอยู่ด้านข้าง กำลังคันไม้คันมืออยากต่อสู้ เห็นได้ชัดว่าเขาอยากจะทำให้หลินโจวได้รู้สักหน่อยว่าอะไรคือการฆ่าปิดปากเต็มแก่

เดิมทีก่อนหน้านี้ที่เกือบถูกหลินโจวฝังทั้งเป็นภายในห้องสุสานการุณยบุรุษ ก็ทำให้อาหู่ตัดสินเจตนาสังหารเรียบร้อยแล้ว

ทว่าสีหน้าอารมณ์ของเยี่ยนจ้าวเกอกลับแปลกประหลาดไปอยู่บ้าง

เขาพิจารณาหลินโจวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอยู่นานนัก ถึงได้พรวดประโยคหนึ่งออกมา “เจ้าดูแล้วช่างพูดจาอ่อนหวานละมุนละไมเสียนี่กระไร…”

คำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอทำให้หลินโจวกับอาหู่ไม่รู้ว่าควรทำอะไรอยู่บ้าง

“ข้าหมายถึง…” เยี่ยนจ้าวเกอไตร่ตรองถ้อยคำอยู่ชั่วครู่ สีหน้าท่าทางมีความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง “ชัดแจ้งว่าเรื่องประเภทขู่บังคับคนเช่นนี้ เหมือนว่าควรจะเป็นข้า…ไม่สิ ดูเหมือนว่าควรจะเป็นเรื่องที่ตัวร้ายกระทำต่างหาก”

หลินโจวหลุดหัวเราะออกมาเสียง “เจ้าคงไม่ได้คิดจะพูดว่าข้าต่ำช้าไร้ยางอายหรอกกระมัง ภูมิหลังฐานะเดิมของเจ้ากับข้าใกล้เคียงกัน ไม่ใช่คนที่จอมยุทธ์ธรรมดาทั่วไปจะเปรียบได้ บนร่างกายล้วนมีของล้ำค่าอยู่ไม่น้อย ด้านกำลังภายนอกใครก็ไม่อาจจะได้เปรียบเหนือกว่า”

“แต่เจ้าร่างใหญ่ข้างกายเจ้านี้ เท่าที่ข้ารู้ แม้ว่ารัศมีแสงจะไม่ปรากฏ แต่พลังฝึกปรือของเขาอย่างน้อยที่สุดก็คือปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะท้าย จนถึงขนาดที่อาจจะถึงขั้นผ่านภาแล้วก็เป็นได้”

กล่าวถึงตรงนี้แล้ว หลินโจวก็ส่ายศีรษะ “มีผู้ติดตามเช่นนี้คนหนึ่งติดกาย แม้แต่ข้าเองก็อิจฉาเจ้าอยู่หน่อยๆ แม้ว่าข้าจะมีความมั่นใจในตนเองก็ตาม แต่ภายใต้สถานการณ์ที่หนึ่งต่อสอง อีกทั้งหนึ่งในนั้นยังเป็นปรมาจารย์ขั้นผ่านภา หากสามารถที่จะไม่สิ้นเปลืองกำลังนี้ได้ ข้าก็ไม่อยากจะสิ้นเปลือง หากมีแต้มต่ออื่นในมือสามารถใช้ได้ เรื่องอะไรข้าจะไม่ใช้เล่า”

หลินโจวมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ “แน่นอนว่าหากเจ้ากล่าว ข้ากับเจ้าประลองตัวต่อตัว ผู้ใดชนะ ผู้นั้นได้เศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไป หากเจ้าบึกข้างๆ เจ้าไม่ยื่นมือเข้ามาแทรกละก็ เช่นนั้นข้าก็ยินดียิ่งที่จะประลองกับเจ้าสักตั้ง อาศัยแค่ความสามารถของตนเองเท่านั้น เพียงแต่ข้าขั้นเคียงนภาระยะกลาง เจ้าขั้นเคียงนภาระยะต้น ข้าเสนอให้ทำเช่นนี้ ไม่ดูเหมือนว่าขี้โกงไปหน่อยหรือ”

น้ำเสียงของหลินโจวสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้น อย่างแรกสำนักเจ้ากับข้าแต่ไหนแต่ไรก็เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน อย่างที่สองเรื่องเกี่ยวพันกับเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เรื่องปกติ ถึงเจ้าจะตอบรับการประลองตัวต่อตัว ข้าก็ยังต้องกังวลว่าเจ้าจะกลับคำอยู่ดี กำแต้มต่อในมือไว้บ้าง ไม่ใช่เรื่องที่ปกติเป็นอย่างมากรึ”

เยี่ยนจ้าวเกอหลุดหัวเราะ พลางส่ายศีรษะ “มิใช่ เจ้าอย่าได้เข้าใจผิด เพียงแค่ความสุขมาอย่างฉับพลันจนเกินไป ทำให้ข้ารับมือไม่ทันอยู่บ้างก็เท่านั้น”

เขามองหลินโจว ยิ้มพร้อมกับถอนใจ “อยู่เหนือความคาดหมายข้าไปสักหน่อย แตกต่างจากภาพจำของข้าค่อนข้างมาก”

หลินโจวกล่าวอย่างเฉยเมย “ข้าแค่กล่าวความรู้สึกกับคนที่ข้าให้ความสำคัญเท่านั้น คนอื่นจะเป็นตายร้ายดีแล้วเกี่ยวอะไรกับข้า สามารถบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จ วิธีการจะดีหรือแย่นั้นไม่สำคัญแต่อย่างใด”

“ถังหย่งฮ่าวแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นสุภาพบุรุษอย่างแท้จริงที่จิตใจเปิดเผยบริสุทธิ์ แต่ด้วยเหตุนี้ช้าหรือเร็วเขาก็จะเอาชีวิตตนเองไปทิ้ง”

ได้ฟังถึงครึ่งประโยค ในดวงตาของเยี่ยนจ้าวเกอก็เผยแววใคร่ครวญ แววตาดูวูบไหวอยู่เล็กน้อย แต่ครู่หนึ่งก็กลับมานิ่งสงบทันที

ขณะที่มองหลินโจว เยี่ยนจ้าวเกอเอียงศีรษะเล็กน้อย “แก้ไขความผิดเพี้ยนบางอย่างบนความเข้าใจของเจ้า ตอนนี้เจ้าไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ปลอดภัยที่จะเข้าไปก็รุกโจมตีได้ จะถอยร่นก็ตั้งรับได้”

อาหู่หัวเราะหยันตามประโยคนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ ร่างกายโผไปข้างหน้าอย่างฉับพลัน!

การเคลื่อนไหวกายของเขา ร่างกายที่สูงใหญ่เช่นนี้ประหนึ่งกับเงาลวงที่เบาหวิว เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ทั้งร่างกายก็ถลาไปถึงเบื้องหน้าของหลินโจว!

“ดูแล้วเจ้าคงเลือกเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์แล้ว” สีหน้าหลินโจวไม่เปลี่ยนแปลง ร่างกายถอยร่นกลับไป ความเร็วดุจสายฟ้าแลบ

ความรวดเร็วฉับไวในการเคลื่อนไหวกายของตำหนักอัสนีสวรรค์ ถูกเขาสำแดงออกมาอย่างถึงอกถึงใจ

ทว่าหลังจากอาหู่ร้องคำรามอย่างดุร้าย ถลาเข้าโจมตีด้วยกรงเล็บภูตพยัคฆ์ ต่อด้วยการแสดงหมัดพยัคฆ์คำราม!

เดิมทีหลินโจวหลบหลีกได้ในทันที ทว่าร่างกายอาหู่กระโจนเข้าใส่ถึงสองครา คล้ายกับลมจิตราอันหนาวเหน็บ ชั่วพริบตาเหยียบทำลายความว่างเปล่า มาถึงตรงหน้าเขาอีกครั้ง!

รัศมีแสงเหนือศีรษะอาหู่พุ่งตรงสู่ท้องฟ้า ไม่ใช่ลำแสงลวงตาแต่อย่างใด แต่เป็นรัศมีแสงของขั้นฝ่านภาอย่างแท้จริง!

การคุกคามบีบรัดของปรมาจารย์ขั้นฝ่านภา ปิดผนึกความว่างเปล่าโดยรอบอย่างสิ้นเชิง บัดนี้อากาศหนักอึ้งราวกับหินผา

แม้จะเผชิญหน้ากับสถานการณ์เสี่ยงอันตรายเช่นนี้ แต่ในดวงตาทั้งสองของหลินโจวกลับส่องแสงโหมกระหน่ำ

ขณะที่แสงฟ้าแลบด้านหลังเขาส่องประกายวาบ เขาก็กางปีกที่ประกอบมาจากสายฟ้าอย่างสิ้นเชิงคู่หนึ่ง

ช่วงที่ปีกสายฟ้าฟาดคู่นี้สั่นไหว หลินโจวก็ลอยขึ้นอีกขั้นด้วยความเร็ว หลบหลีกการถลาโจมตีของอาหู่ได้อย่างฉิวเฉียด

หลินโจวมองดูเยี่ยนจ้าวเกอที่หยุดอยู่ตรงตาข่ายรังไหมโลหิตกับเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้า และอาหู่ที่มาถึงตรงหน้าเขาเอง มุมปากเผยให้เห็นรอยยิ้มน้อยๆ อันเยือกเย็น

“เยี่ยมมาก ทุกอย่างล้วนดำเนินไปตามแผนการเดิม เจ้าตัดใจทิ้งเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไม่ลง แต่ข้าตัดใจทิ้งลง”

ประกายตาหลินโจวเฉียบคมเย็นเยียบ

ตาข่ายรังไหมโลหิตที่ค่อยๆ แตกออกเป็นเสี่ยงๆ พลันเปล่งแสงเจิดจ้า เชือกโลหิตบางและยาวมากมาย พลันตรงดิ่งแทงเข้าไปในเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้า!

ทันทีที่ได้รับการกระตุ้น เศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าก็สั่นสะเทือนโครมครามขึ้นมา สายฟ้าเปลี่ยนเป็นบ้าคลั่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

เสียงสายฟ้าฟาดร้องคำรามดังไปทั่วท้องฟ้า การคุกคามบีบอัดอันน่าสะพรึงกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ปะทุออกมาจากภายในเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ราวกับจะม้วนเก็บฟ้าดินเข้าไป!

อาหู่ที่เกือบจะถลาไปถึงเบื้องหน้าหลินโจวแล้ว พลันสีหน้าเปลี่ยนทันที เกิดสะดุ้งหันศีรษะกลับ “เจ้าสวะนี่ เป้าหมายตั้งแต่แรกเริ่มของเขาไม่ใช่เศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ แต่ต้องการสังหารคุณชายต่างหาก!”

ใช้ข่าวสารที่เฟิงอวิ๋นเซิงฟื้นฟูจันทรากาย ต้องการขู่บังคับเยี่ยนจ้าวเกอให้ละทิ้งเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ หรือไม่ก็ประลองตัวต่อตัว ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เพียงเพื่อที่จะวางหลุมพรางจิตใจทำให้ผู้คนเลินเล่อขึ้นอีกขั้น

มาถึงที่แห่งนี้ หลังจากเห็นเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว แผนการเดียวในใจของหลินโจวก็คือสังหารเขาที่นี่เสีย!

ต่อให้ละทิ้งเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เสียดายเช่นกัน!

อาหู่ฉวยโอกาสหยุดฝีเท้าโดยพลัน หมุนกายกลับพุ่งไปทางเศษชิ้นส่วนดวงตาชันสายฟ้าและเยี่ยนจ้าวเกอ

หลินโจวมั่นอกมั่นใจ มองดูภาพฉากนี้อย่างไม่สะทกสะท้าน “ผู้ติดตามชั่วร้ายของเจ้าคนนี้ แม้พลังความสามารถและระดับการฝึกปรือจะไม่อ่อนด้อย แต่ข้อบกพร่องชัดเจนจนเกินไป รับมือได้ง่ายยิ่งนัก”

“เจ้ายกความปลอดภัยและอันตรายของเยี่ยนจ้าวเกอเอาไว้เป็นอันดับแรกเสมอ ระหว่างคุ้มกันเยี่ยนจ้าวเกอกับสังหารศัตรู เจ้าต้องเลือกปกป้องเขาเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน แต่น่าเสียดาย สายเกินไปเสียแล้ว เจ้าเร่งย้อนกลับไป ก็เป็นเพียงแค่ตายไปพร้อมกับเขาเท่านั้น”

อาหู่หมุนกายกลับรุดหน้าอย่างรวดเร็ว

ส่วนร่างกายหลินโจวที่เดิมทีถอยร่นหลบหลีกไปด้านหลัง ก็หยุดนิ่งอย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งไปข้างหน้าแทน!

“เศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์แม้จะดี แต่ก็เป็นเพียงแค่โอกาสสำคัญโอกาสหนึ่งเท่านั้น หากเจ้าสิ้นชีพไปเสีย ทุกสิ่งทุกอย่างของข้าก็จะกลับคืนสู่ปกติ ไม่เกิดความวุ่นวายอีก ข้ายังมีโอกาสอีกมากมายที่สามารถเก็บเข้าสัมภาระได้อย่างมั่นคง! เยี่ยนจ้าวเกอ เจ้าน่ะ เกะกะจนเกินไปแล้ว!”

แม้พลังของเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์จะระเบิดเยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่ไม่สิ้นชีพ ทว่าก็ทำให้พลังอันแข็งแกร่งของพวกเขาลดลงจนเป็นม้าตีนปลายได้

หลินโจวจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ไป!

เยี่ยนจ้าวเกอจดจ้องหลินโจวอยู่ มุมปากเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มจางๆ “ตาข่ายรังไหมโลหิต ของชั้นดี หาได้ยากยิ่งทีเดียว”

สีหน้าหลินโจวไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าภายในใจพลันสั่นไหวทันที ‘เขารู้เบื้องลึกและสรรพคุณของตาข่ายรังไหมโลหิตทั้งหมดรึ”

หลังจากมีรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า เยี่ยนจ้าวเกอก็โจมตีหมัดหนึ่งออกไปทางตาข่ายรังไหมโลหิตและเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าที่อยู่ไกลออกไป

“ข้ารอมือนี้ของเจ้าโดยเฉพาะ ด้วยรู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะส่งมาให้เองถึงที่”

หลอดเลือดอสูรที่ส่งออกไปก่อนหน้านี้ บัดนี้กำลังกัดกร่อนแสงสีแดงแปลกประหลาดผิดปกติของตาข่ายรังไหมโลหิต พลันเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มดำมิด มืดสนิทประดุจน้ำหมึก

แสงสีดำมืดส่องประกาย การเคลื่อนไหวของตาข่ายรังไหมโลหิตที่สะเทือนเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์พลันถูกยับยั้งทันที

ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวอันผิดปกติของเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้ายังคงดำเนินต่อไป กระนั้นก็ไม่ได้ร้ายแรงขึ้นอีก

อาหู่รีบเร่งกลับมา ฝ่ามือทั้งสองประกบกัน มังกรสีดำมากมายกลายมาจากปราณจิตราม้วนคลุมมันเอาไว้ ด้วยพลังฝึกปรือของปรมาจารย์ขั้นฝ่านภา เขาต่อต้านการเคลื่อนไหวผิดปกติซึ่งกันและกันกับเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ได้ ทำให้มันไม่ถึงกับระเบิดออกมา

ความเร็วประหนึ่งสายฟ้าแลบ หลินโจวที่ไล่ตามหลังเขามาติดๆ เห็นดังนั้น ก็พลันขมวดคิ้วเป็นปมแน่น

ปีกสายฟ้าฟาดของเขาเข้าไปถอยออกอย่างอิสระ ด้วยสถานการณ์ที่รู้อยู่แก่ใจว่าท่าไม่ดีจึงเปลี่ยนทิศทางอีกครั้ง เตรียมถอยร่น

“ช้าไปแล้ว”

ขณะเยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเสียงยาว สองมือก็ยกขึ้น!

แสงสว่างไสวแวววาวทั้งสองสาย สายหนึ่งเขียว สายหนึ่งม่วง ประดุจรุ้งกินน้ำยาวทอดผ่านท้องฟ้า!

ด้วยระยะทางที่ใกล้เช่นนี้ ถึงหลินโจวจะรวดเร็วอีกเพียงใดก็ยากจะหลบพ้น พยายามหมุนกายกลับหลบหลีก ทว่าปีกสายฟ้าทั้งสองด้านหลัง ถูกแสงสว่างไสวทั้งสองสาย สายหนึ่งเขียว สายหนึ่งม่วงโจมตีจนแตกกระจุยจนหมดสิ้น!

กายเยี่ยนจ้าวเกอประเดี๋ยวหมอบประเดี๋ยวกระโจน รวดเร็วปานลมกลมและสายฟ้าแลบ สังหารถึงเบื้องหน้าหลินโจว!

………………..