ภาค 2 ใต้หล้ายังมีผู้ใดไม่รู้จักท่านอีกหรือ บทที่ 147 มังกรสู้เสือ!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

แสงสว่างสีเขียวและสีม่วงเหล่านั้น ก็คืออาวุธวิญญาณระดับล่างสองชิ้น อย่างกระบี่วิญญาณมังกรมรกตและกระบี่อัสนีทองคำม่วง

 

พลังฝึกปรือระดับปรมาจารย์ของเยี่ยนจ้าวเกอไม่สามารถขับเคลื่อนอาวุธวิญญาณสองชิ้นพร้อมกันได้ ทว่าเขาเลือกวิธีการที่เด็ดขาดมากยิ่งกว่า

 

ขณะที่ขับเคลื่อนกระบี่วิญญาณมังกรมรกตของตน เขาก็ปล่อยกระบี่อัสนีทองคำม่วงไปโดยตรง!

 

ตัดความสัมพันธ์ระหว่างตนกับอาวุธวิญญาณ อาศัยแรงปะทุชั่วพริบตาสุดท้าย ทำให้กระบี่ทั้งสองเหินบินอย่างพร้อมเพรียง ตรงเข้าไปฟันหลินโจว!

 

“กระบี่อัสนีทองคำม่วงของเยี่ยนซ่าน”

 

ระยะทางที่ใกล้เช่นนี้ ไม่ว่าหลินโจวจะต่อต้านหรือหลบหลีก ก็ล้วนแล้วแต่รับมือไม่ทัน ถึงขั้นขับเคลื่อนอาวุธวิญญาณของตนไม่ทันกาลเลยทีเดียว

 

เขาทำได้แค่เพียงพยายามหลีกหนีอย่างสุดกำลัง ในขณะที่เส้นยาแดงผ่าแปด ก็ยังไม่ได้ถูกเป้าจุดสำคัญ

 

ถึงกระนั้นของล้ำค่าที่ยื่นออกมาจากบนหัวไหล่ของเขา ปีกสายฟ้าสองปีก ก็ถูกอาวุธวิญญาณสองชิ้นแยกกันแทงทะลุ!

 

ระหว่างที่ร่างกายเยี่ยนจ้าวเกอกระโจน วิชาวายุเคลื่อนกายในคัมภีร์วายุจิตราที่สืบทอดกันในเขากว่างเฉิง ไปจนถึงวิชาวายุกระโจนตัวของหมัดพยัคฆ์คำราม ต่างก็ร่วมกันสำแดงอิทธิฤทธิ์!

 

สามวิชารวมเป็นหนึ่ง ร่างกายเยี่ยนจ้าวเกอรวดเร็วประหนึ่งลมกรดและสายฟ้าแลบ พริบตาเดียวก็พุ่งแทงไปถึงเบื้องหน้าหลินโจว

 

ต่อให้หลินโจวมีระดับการฝึกปรือเป็นปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะกลาง และใช้วิชาเคลื่อนไหวกายฉับไวอันเป็นวิชาสืบทอดของตำหนักอัสนีสวรรค์ แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็เข้าใกล้เขาได้ในพริบตาเดียว!

 

ถึงแม้ว่าเขาจะมีอุปนิสัยหม่นหมองอยู่บ้าง แต่หลินโจวก็ไม่ขาดจิตใจฮึกเหิมกล้าหาญของจอมยุทธ์

 

ครั้นเห็นว่าอาหู่ถูกเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าพันหยุดเอาไว้ เขาก็ร้องตะโกนเสียงดัง ราวกับเสียงฟ้าผ่าก็ไม่ปาน

 

บนมือหลินโจวพลันเกิดแสงฟ้าแลบเจิดจ้าทันใด ดาบยาวสีฟ้าแกมเขียวเล่มหนึ่งปรากฏอยู่กลางฝ่ามือ นั่นเป็นอาวุธวิญญาณระดับล่างชิ้นหนึ่ง!

 

เขาสะบัดดาบยาวออกมา ก็เหมือนเช่นเยี่ยนจ้าวเกอเมื่อครู่ ปล่อยอาวุธวิญญาณของตนร่วงลงโดยตรง

 

ประกายดาบอันบ้าคลั่ง ทำกระบี่วิญญาณมังกรมรกตในฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอแยกออก

 

ระหว่างที่กระบี่วิญญาณมังกรมรกตสั่นไหว ส่งเสียงมังกรคำรามออกมา ประกายกระบี่ก็เจิดจ้า ราวกับว่ามีชีวิตเป็นตนเองอย่างไรอย่างนั้น ต่อสู้อยู่กับดาบอัสนีเหินฟ้าของหลินโจว

 

เวลาเดียวกับที่หลินโจวขว้างดาบ มืออีกข้างของเขาก็ตั้งฝ่ามือขึ้นประหนึ่งกับดาบ ชูขึ้นไปบนท้องฟ้า คล้ายกับทำท่าชูดาบ

 

ทั่วหล้าก็มีเสียงกระแสไฟฟ้า ‘เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ’ แสบแก้วหูดังขึ้นตามการเคลื่อนไหวนี้ของเขา

 

ปราณจิตราออกสู่ภายนอก คล้ายดั่งสายฟ้าแลบมากมาย รวมตัวกันอย่างดุร้ายกลายเป็นดาบแสงสายฟ้าแลบขนาดมหึมาด้ามหนึ่งที่ยาวกว่าสิบจั้งอยู่กลางอากาศ

 

แสงสายฟ้าสีม่วงแกมน้ำเงินอันบ้าคลั่ง ส่องสะท้อนกับสีหน้าเยี่ยนจ้าวเกอโดยตรงจนกลายเป็นสีม่วง!

 

วรยุทธ์สืบทอดของตำหนักอัสนีสวรรค์ คมดาบสายฟ้าคลั่ง!

 

ความเร็วของมันอาจจะสูสีกับกระบี่รุ้งสะท้านวิชชุม่วงของจอมยุทธ์ในระดับพลังเดียวกัน ทว่ามีแนวโน้มจะดุร้ายรุนแรงยิ่งกว่า!

 

ไม่เหมือนตอนที่จี้ฮั่นหรูประมือกับเยี่ยนจ้าวเกอบนเขาเมฆนิมิตในตอนแรก ยังยกยอตนเองว่าระดับพลังสูงกว่าได้ชัยชนะไม่สมเกียรติ

 

เมื่อหลินโจวลงมือในครานี้ เขาใช้พลังทั้งหมดออกมาทันที!

 

ดาบหนึ่งผ่าลงมา สายฟ้ามากมายทอประกายวาบวัย คล้ายกับกลายเป็นโลกลวงตา

 

ภายในโลกลวงตาที่กลายสภาพมาจากปราณจิตรามีเมฆสายฟ้ากระจายตัวอยู่อย่างหนาแน่น งูสายฟ้าอันน่าหวาดผวาหลายสายเที่ยวเล่นขวักไขว่อยู่ในพยับเมฆ ก่อนจะร่วงลงมาจากท้องฟ้า ทำให้ทั่วทั้งฟ้าดินคล้ายกับคุกสายฟ้า!

 

ปราณจิตราที่ถือกำเนิดสติปัญญา ผนึกเข้ากับวรยุทธ์ของตนเอง กลายสภาพเป็นโลกลวงตา ซึ่งก็คืออุบายของจอมยุทธ์ขั้นเคียงนภาระยะกลาง!

 

สีหน้าเยี่ยนจ้าวเกอไม่เปลี่ยนแปลง จุดลมปราณทั่วกายของเขาสั่นไหวพร้อมเพรียงกัน

 

ปราณจิตราร้อนรุ่มดุจมังกรเพลิง กับปราณจิตราหนาวเหน็บดุจมังกรน้ำแข็งเกี่ยวพันเข้าด้วยกัน ลอยขึ้นสูงไปพร้อมกัน

 

มือทั้งสองข้างซ้ายขวาของเยี่ยนจ้าวเกอปล่อยออกมาอย่างพร้อมเพรียง มือหนึ่งแสดงหมัดวิญญาณสยบคลื่น มือหนึ่งแสดงหมัดราชันงูสวรรค์ออกมา

 

หนึ่งเคลื่อนไหว หนึ่งสงบนิ่ง หนึ่งแข็งกร้าว หนึ่งอ่อนโยน การเปลี่ยนแปลงเชื่อมประสานหยินหยาง ยอดเยี่ยมจนไม่อาจมีคำใดเปรียบ

 

เต่าและงูโจมร่วมกันโจมตี สำแดงอิทธิฤทธิ์อย่างแท้จริง!

 

ปราณจิตราร้อนรุ่มและหนาวเหน็บทั้งสองสาย รวมประสานเชื่อมต่อถึงกัน พาให้อานุภาพแก่กล้าอย่างไม่เคยมีมาก่อน!

 

พลังที่ระเบิดปะทุโครมคราม ทำลายโลกลวงตาอันแปรสภาพมาจากปราณจิตรา และเจตจำนงดาบของหลินโจวอย่างเหี้ยมโหด!

 

แววตาหลินโจวแน่นิ่งเย็นยะเยือก หลังจากพลังดาบอันรุนแรงบ้าคลั่ง ท่วงท่าของเขาก็พลันเปลี่ยนไป!

 

ประกายกระบี่เปล่งแสงอันเจิดจ้าขึ้น ไม่รุนแรงเหมือนประกายดาบ แต่กลับรวดเร็วกว่าประกายดาบ!

 

กระบี่รุ้งสะท้านวิชชุม่วง!

 

ครั้นกระบี่ออกจากฝัก ความเร็วของมันก็ถึงจุดสูงสุด!

 

หลินโจวที่ก้าวเหยียบเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะกลาง แสดงกระบี่รุ้งสะท้านวิชชุม่วงออกมา แข็งแกร่งรวดเร็วยิ่งกว่าเยี่ยนซ่านเสียอีก!

 

ผู้คนทั่วหล้าต่างรับรู้ว่า ‘อัสนีฟาดฟ้าคำรน’ แห่งตำหนักอัสนีสวรรค์ อัสนีฟาดเชี่ยวชาญกระบี่ ฟ้าคำรนเชี่ยวชาญดาบ!

 

กระนั้นขณะนี้เยี่ยนจ้าวเกอก็สามารถยืนยันได้ว่า หลินโจวบดขยี้เยี่ยนซ่านได้ทุกด้านแล้วจริงๆ!

 

ทลายภาพจำที่มีแต่เดิมของผู้อื่น กระบี่หนึ่งที่พลันเหนือความคาดหมายนี้ของหลินโจว คล้ายกับสายฟ้าฟาดผ่าลงมาฉับพลัน ทำให้ผู้คนไม่ทันได้ตั้งรับ!

 

แม้ว่าพลังฝึกปรือจะใกล้เคียงกัน กระนั้นอานุภาพก็ชนะเหนือเยี่ยนซ่านที่มีชื่อเสียงด้านกระบี่อยู่ไกลโข

 

กระบี่นี้รวดเร็วอย่างยิ่ง ถึงขั้นที่สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอเกือบจะไม่สามารถจับทางกระบี่ของเขาได้

 

ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ กระบี่นี้ของหลินโจวออกมาแล้ว ทว่ากระบี่สั้นยาวสองฉื่อที่อยู่ในฝ่ามือก็เปล่งรัศมีแสงส่องประกายไปทั้งสี่ทิศ ทำให้ผู้คนตื่นตระหนกตกใจ!

 

เป็นอาวุธวิญญาณระดับล่างอีกชิ้นหนึ่ง!

 

ถึงแม้ว่าด้วยภูมิหลังฐานะเดิมของหลินโจวและเยี่ยนจ้าวเกอ หรือไม่ก็เซียวเซิงในตอนแรก สำหรับพวกเขาที่อยู่ในระดับปรมาจารย์ การที่มีอาวุธวิญญาณติดกายสองชิ้นนับเป็นเรื่องที่เหนือปกติ!

 

แต่เยี่ยนจ้าวเกอป้องกันหลินโจวเผยแผนการเหนือชั้นฉับพลันอยู่ก่อนแล้ว

 

เหนือศีรษะของเขามีแสงสีทองเจิดจ้าลอยขึ้นสูง ราวกับตะวันรุ่งอรุณขึ้นทางทิศตะวันออก!

 

คล้ายกับกรงจักรเพลิงสุริยะที่เหมือนกับอาทิตย์ร้อนแผดเผา แสงเจิดจ้า ชนเข้ากับกระบี่ละอองเมฆของหลินโจว!

 

“กรงจักรเพลิงสุริยะของเซียวเซิง…เปลี่ยนสิ่งต่างๆ ไปมากมายยิ่งดังคาด!” แววตาหลินโจวเย็นเยียบ ขณะที่กระบี่รุ้งสะท้านวิชชุม่วงไปถึงก่อน หลังจากมันก็มีหมัดหนึ่งต่อยออกมา!

 

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!

 

การรุกโจมตีครั้งนี้ของหลินโจว ชั่วพริบตาเดียวบนกำปั้นและแขนก็มีตาข่ายสายฟ้าถี่ยิบกระจายอยู่ชั้นหนึ่ง ทั้งยังส่องแสงระยิบระยับ เหมือนกับผีสางเทพเซียน!

 

หมัดสายฟ้ามรกต วิชาลับสืบทอดในตำหนักอัสนีสวรรค์อีกวิชาหนึ่ง!

 

กงจักรเพลิงสุริยะกับกระบี่ละอองเมฆของหลินโจวตรึงกำลังซึ่งกันและกันเอาไว้ แล้วแยกออกไปด้านนอกพร้อมกัน หมัดหนึ่งของเขาดุจสายฟ้าฟาด มาถึงเบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอโดยพลัน

 

ครืน!

 

เมื่อเสียงหนึ่งคล้ายกับฟ้าผ่าดังขึ้น เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกเพียงว่าบัดนี้ฟ้าดินเหมือนกับทรุดลง กำปั้นขนาดยักษ์ข้างหนึ่งที่เกี่ยวพันสายฟ้าสีม่วงแกมเขียวไว้กำลังมุ่งโจมตีมาทางตน!

 

ใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอสงบนิ่งยิ่งนัก ภายในดวงตาทั้งสองทอประกายไปทั้งสี่ทิศจนหมดสิ้น

 

ครั้นปะทะหมัดเหล็กของหลินโจว เยี่ยนจ้าวเกอก็ต่อยหมัดหนึ่งออกไปเช่นกัน

 

กระนั้นเมื่อหมัดไปถึงครึ่งทาง ทันใดนั้นแขนเยี่ยนจ้าวเกอก็สั่นสะท้าน!

 

ราวกับมังกรสะบัดหางอย่างไรอย่างนั้น!

 

หวดครั้งหนึ่ง!

 

ดีดครั้งหนึ่ง!

 

ชัดเจนว่าเป็นเจตจำนงกระบี่ที่นำเพลงกระบี่มังกรเขียวในแขนเสื้อของตน กลายสภาพเข้าไปในเจตจำนงหมัด!

 

มังกรสะบัดหาง มังกรเขียวในแขนเสื้อ!

 

ระหว่างที่แขนเยี่ยนจ้าวเกอสั่นสะท้าน ร่างกายของเขาหมุนวน ใต้ฝ่าเท้าคล้ายกับเข็มทิศขนาดมหึมาอันหนึ่ง พลันพลิกบิดอย่างฉับพลัน!

 

พลังบิดหมุนอันบ้าระห่ำ ทำให้ความว่างเปล่าใต้เท้าเยี่ยนจ้าวเกอคล้ายกับเกิดกลิ่นไหม้ออกมาอย่างไรอย่างนั้น!

 

พลิกครั้งหนึ่งเช่นนี้ หมัดหนึ่งของเยี่ยนจ้าวทุบบนข้อมือหลินโจว ปัดเสหมัดสายฟ้ามรกตของเขา!

 

หลินโจวหวาดหวั่นพรั่นพรึง คิดอยากจะเปลี่ยนกระบวนท่า ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอว่องไวยิ่งกว่าเขา!

 

เยี่ยนจ้าวเกอหมุนกาย หมัดขวาของเขาทุบหมัดสายฟ้ามรกตของหลินโจวจนเสเอียง อาศัยพลังที่ชนเข้ากับหมัดของอีกฝ่าย พลิกตัวหมุนกลับไปอีกทางอีกครั้งด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ!

 

เขากวัดแกว่งหมัดซ้าย ราวกับมีมังกรยักษ์อีกตัวหนึ่งสะบัดหางของตน ทุบไปทางขมับของหลินโจวดังโครม!

 

สองมังกรสะบัดหาง!

 

หลินโจวเบิกตาโพลงร้องตะโกน ปราณจิตราทั่วกายพรั่งพรูอย่างบ้าคลั่ง โครงกระดูกเกิดเสียงระเบิด ‘ปึงปัง’ ระลอกหนึ่ง!

 

ร่างกายของเขาพลันสูงขึ้นมากกว่าหนึ่งชุ่นทันทีอย่างไม่น่าเชื่อ!

 

ในขณะเดียวกัน ร่างกายก็ถอยเอนไปด้านหลังด้วยความเร็วอย่างที่สุด

 

ทว่าความรุนแรงจากการปะทุของเยี่ยนจ้าวเกอนี้ ทั่วหล้าต้องตื่นตกใจ แม้ว่าปฏิกิริยาตอบรับของหลินโจวจะถือว่ารวดเร็วยิ่ง ก็ยังคงไม่สามารถหลบหลีกมังกรสะบัดหางที่สองนี้ได้พ้น!

 

ถึงแม้ว่าจะหลบจุดสำคัญที่ขมับไปได้ แต่พวงแก้มกลับถูกหมัดของเยี่ยนจ้าวเกอเฉียดแฉลบผ่านไป

 

หลินโจวเพียงรู้สึกสับสนมึนงง วิงเวียนศีรษะเล็กน้อย แก้มครึ่งซีกเจ็บปวดจนชา ฟันทั่วทั้งปากเหมือนกับจะถูกทำให้หลุดกระเด็นออกไปทั้งหมด!

 

เยี่ยนจ้าวเกอแกร่งกว่าที่คาด หลินโจวเองกลับต้องออกแรงเช่นกัน

 

“หืม?” เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้ว พบว่าหลินโจวไม่สนใจต่อยหมัดแล้ว ด้านล่างเตะเท้าหนึ่งลอยมาโดยตรง ถึงเวลาต้องตาต่อตาฟันต่อฟันแล้ว!

 

………………..