ตอนที่ 126-4 เปิดบ่อน้ำพุร้อน องค์ชายสามโดนเมิน

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

อวิ๋นหว่านชิ่นหัวเราะ “โถงศึกษาใต้หล้านี้ มิใช่มอบเนื้อเค็มตากแห้งแก่อาจารย์ตามรายเดือน รายฤดูกาล และรายปีหรือ พูดให้กระจ่างก็คือ โถงศึกษาเอกชน ทว่าก็เป็นธุรกิจจะสามารถอย่างหนึ่งเช่นกัน ธุรกิจการศึกษานั้นไม่มีอะไรมาก กลับไม่เห็นนักเรียนคนไหนจะนึกแคลงใจว่าโถงศึกษาอาจหลอกค่าเล่าเรียน ข้านำจุดนี้มาใช้ที่ร้านของเรา ก็ไม่เคยลองมาก่อน ไม่นึกว่าจะดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้จริงๆ” 

 

 

คนสองสามคนพูดพลางหัวเราะ มีลูกค้าเข้ามา ป้าสี่และอาหลั่งก็เดินเข้าไปก่อน หงเยียนที่กำลังจะแยกย้าย อวิ๋นหว่านชิ่นกลับไอเบาๆ สองที “หงเยียน เจ้ามานี่สิ” 

 

 

หงเยียนเห็นกริยาทางสายตาของนางก็รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร จึงหัวเราะแหะๆ อวิ๋นหว่านชิ่นชายตามองนาง “ข้าให้เจ้าเป็นเจ้าของร้าน ที่แท้ก็ช่วยเหลือคนนอกแล้วมาปกปิดข้ารึ เจ้ารู้นานแล้วว่าฉินอ๋องซื้อร้านนี้มา ส่วนภาษีเขาก็เป็นจ่ายแทนให้ถูกต้องไหม” 

 

 

หงเยียนก็มิใช่คนขี้อาย ในเมื่อถูกจับได้แล้วก็ต้องสารภาพเพื่อลดโทษ รอยยิ้มในแววตาก็อันตรธานไป “คุณหนูใหญ่เจ้าขา ข้ามิได้ปกปิดท่าน ที่จริงแล้วครั้งแรกที่ข้าเข้าวังเข้าเฝ้าไทเฮา ก็ชำเลืองมองใต้เท้าซือผู้นั้น ที่ดูคุ้นหูคุ้นเป็นพิเศษ พอกลับมาคิดอีกที ก็เป็นวันนั้นที่ข้านัดหมายหารือกับผู้ให้ความร่วมมือที่ร้านน้ำชาที่อยู่กำแพงทางเหนือ ก็ได้สืบถาม จึงรู้ว่าองค์ชายสามอยู่เบื้องหลัง แต่องค์ชายสามกลับบอกรัชทายาทว่าข้าอยู่ตรงนั้น องค์ชายสามเลยเป็นผู้ที่คอยช่วยท่านอย่างลับๆ น่ะเจ้าค่ะ” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นมึนงงเล็กน้อย แค่ฟังหงเยียนก็เชิดริมฝีปากสีชาดขึ้น แล้วเสียงก็โชยมาอีกครั้ง “…อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังร้านเถ้าแก่ที่ใหญ่ที่สุดก็ยังเป็นองค์ชายสาม คุณหนูใหญ่ หรือว่าจะโกรธ แม้กระทั่งร้านก็จะคืนให้เขา ไม่ต้องการแล้วหรือเจ้าคะ” 

 

 

โกรธรึ ต่อให้โกรธ ก็ไม่ได้โกรธเพราะเรื่องเงินหรือเรื่องกิจการกับความใฝ่ฝันของตนที่มีมานานหรอกนะ! อวิ๋นหว่านชิ่นจ้องเขม็งที่ใบหน้าของหงเยียน “คืนให้เขารึ เหตุใดต้องคืนให้เขาด้วย ข้าก็มิได้สูงส่งขนาดนั้นเสียหน่อย แม้ร้านนี้จะเป็นของเขา ทว่าเขาก็ไม่เคยออกแรงสักนิดเดียว” 

 

 

ว่าแล้วก็ทุบเข้าที่ผ้าฝ้าย จนหงเยียนบุ้ยปาก 

 

 

เวลายังมืดอยู่ วันนี้นับได้ว่าเป็นการรอคอยที่นานที่สุดครั้งหนึ่ง แม้ช่วงนี้จะพูดว่าคนในครอบครัวมองตนผิดแปลกไปบ้าง คอยยอมตามน้ำทุกครั้งเรื่อยไป โดยเฉพาะท่านพ่อ ไม่ค่อยแข็งกร้าวต่อตนเท่าไหร่นัก ทว่าวันแรกที่ออกเรือนคงเลี่ยงที่จะโดนพร่ำบ่นไม่ได้ ก็สายตาเหลือบมองสีท้องฟ้าที่ยังไม่เช้า อวิ๋นหว่านชิ่นก็พาชูซย่า ออกจากร้านเซียงหยิงซิ่วก่อน แล้วก็กลับไป 

 

 

สองสามวันที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในทุกๆ วันอวิ๋นหว่านชิ่นก็เป็นห่วงทางร้านค้า จึงให้ชูซย่ากลับไปดู แล้วถามไถ่สถานการณ์ร้านเซียงหยิงซิ่ว เป็นดังคาด ที่ตนว่าต้องเป็นเช่นนี้ ลูกค้าที่จองบ่อน้ำพุร้อนตาแมวเพิ่มขึ้นทุกๆ วัน ตั้งแต่วันนี้ไป ลูกค้าสัญจรและลูกค้าระยะยาวรวมทั้งหมดก็มีเพิ่มขึ้น จวนใกล้จะแปดสิบคนได้แล้ว หลังจากที่ลูกค้าจองบ่อน้ำพุร้อนไว้ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะอยู่ร้านค้าซื้อน้ำมันหอมระเหยจากดอกไม้แต่ละประเภท ยังมีถุงแป้งหอม ใช้เมื่อถึงเวลาแช่ตัว สักพัก อาหลั่งก็นำคนงานชั่วคราวมาช่วยขนย้ายสินค้าที่บ้านสวนโย่วเสียนสองสามรอบ 

 

 

พอมองเช่นนี้ ลูกค้าก็ขวักไขว่ไปมาไม่ขาดสาย บัดนี้ใกล้เข้าช่วงที่หนาวที่สุดของเหมันตฤดูแล้ว นับว่าเป็นช่วงที่บ่อน้ำพุร้อนจะได้รับความนิยมสูงที่สุด ลูกค้าย่อมมีมากขึ้นเรื่อยๆ เกรงว่าพอถึงเวลาต้องสับหลีกชั่วเวลาแช่บ่อน้ำพุร้อน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เวลาชนกัน หรือชั่วเวลาที่คับคั่งมากที่สุด อวิ๋นหว่านชิ่นพินิจพิเคราะห์อยู่เป็นวัน ปรับเปลี่ยนเรื่อยๆ จนจัดแจงตารางเวลาได้แล้ว ก็ถือโอกาสให้ทางร้านนำไปใช้ แล้วใช้หงเยียนวางแผนให้ลูกค้าเสียหน่อย ส่วนเวลาที่เหลือ ก็ง่วนอยู่กับการศึกษาค้นคว้าตำรายาประเภทการแช่น้ำพุร้อนเพื่อสุขภาพและความงามต่างๆ อีกครั้ง ตอนนี้จึงยุ่งมาก ต่อให้อยู่ภายในเรือน มิได้ออกไปไหน ก็ยุ่งจนเท้าไม่สัมผัสพื้นเลยทีเดียว 

 

 

จนไม่รู้สึกตัวว่าถึงช่วงปลายเดือนแล้ว อากาศยิ่งเย็นมากขึ้น ในวันนี้แสงอรุณยามเช้าเพิ่งจะโผล่มา อวิ๋นหว่านชิ่นตื่นขึ้นก็ไปคารวะที่เรือนตะวันตกอย่างเคย แต่กลับเห็นถงซื่อสวมชุดเต็มยศ เสมือนว่าจะออกไปข้างนอก ทั้งอนุฟาง ฮุ่ยหลาน เหลียนเหนียงและหวงน้าสี่ต่างก็มาถึงนานแล้ว อย่างที่เป็นอยู่ประจำ ต่างพากันปรนนิบัติอยู่ด้านข้าง จนครบถ้วนประเพณี ขณะที่กำลังจะเอ่ยอย่างเคารพนบนอบต่อเหล่าไท่ไท่ 

 

 

ถงซื่อที่เห็นหลานสาวมา ก็รีบกวักมือพลางแย้มยิ้มว่า “ชิ่นเอ๋อร์นี่ มามามา” อวิ๋นหว่านชิ่นที่มีไหวพริบก็นั่งลงข้างกายท่านย่า “ท่านย่าจะออกไปข้างนอกหรือเจ้าคะ” 

 

 

ถงซื่อพยักหน้า แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อคืนฝันว่า คลับคล้ายว่าจะเป็นลางดี จนสงบใจไม่อยู่ อีกทั้งเพิ่งได้ยินเหลียนเหนียงพูดว่าพระอาจารย์ท่านหนึ่งได้พเนจรมาที่เมืองหลวง มีความสามารถอธิบายทำนายฝันได้เป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องกำเนิดบุตรของสตรี ค่อนข้างมีประสบการณ์ทีเดียว ผู้แสวงบุญจำนวนมากไปต่อแถวทุกวันเพื่อขอพบเชียวนา ข้านั่งไม่ค่อยไหว จึงคิดจะพาหวงน้าสี่ อนุฟาง ฮุ่ยหลาน และเหลียนเหนียงไปวัดด้วยกัน อาจจะมีโชคได้พบพระอาจารย์บ้าง ก็ถือโอกาสจุดธูปด้วย ประการแรกไหว้ขอบคุณพระโพธิสัตว์ ที่ให้เจ้ามีวาสนาได้เป็นพระชายา ประการที่สองเพื่อจิ่นจ้งที่สอบจอหงวนมาไม่นานนี้” สิ่งที่เหล่าไท่ไท่สนใจก็คือการจุดธูปไหว้พระ จัดว่าไปวัดก็ต้องไหว้พระ คนเห็นพระโพธิสัตว์ก็ก้มกราบไหว้แล้ว ซึ่งข้อเสนอวันนี้ของเหลียนเหนียงตอบสนองความต้องการของนาง เอ่ยถึงชื่อเหลียนเหนียงทีไรก็อ่อนโยนกว่าปกติไม่น้อยเลย 

 

 

เหลียนเหนียงที่นั่งเงียบอยู่ข้างกายเหล่าไท่ไท่ ก็มีสีหน้าที่โอนอ่อนผ่อนตาม ราวเป็นหลักการฟ้าดินที่บ้านเปลี่ยนแปลงมิได้ “พอข้าได้ยินข่าวว่าพระอาจารย์พเนจรมาที่เมืองหลวง ก็รีบบอกท่านฮูหยินทันที กลัวว่าจะสายเกินไปน่ะ” อนุฟางมองด้วยใจที่ริษยาเล็กน้อย เมื่อวานนายท่านก็ค้างคืนในห้องนางปีศาจนั่นอีกแล้ว แต่เดิมนางที่ยังไม่ได้เลื่อนขั้น และตนที่ยังไม่ได้แตะตัวนายท่านสักครา เดิมทีคิดมีฮุ่ยหลานเพิ่มเข้ามา จะสามารถฉุดความโดดเด่นของนางลงได้ ก็ไม่คาดคิดว่าผู้ชายจะโดนนางข่มเหง วันนี้ยิ่งน่าโมโห แม้จะไม่ชอบนาง เหล่าไท่ไท่ที่มีความแค้นต่อนางก็ราวกับมีท่าทีปฏิบัติต่อนางดีขึ้นเล็กน้อย นี่ไม่เรียกว่ายิ่งทำให้นางจองหองขึ้นเรื่อยๆ หรือไร! ยังมิอาจริสู้ไป๋ซื่อได้หรอก! อนุฟางยิ่งคิดยิ่งโมโห แล้วหันศีรษะไปด้านข้าง นานๆ ทีจะเจอนาง จะได้ไม่ต้องหงุดหงิดจนกระอักเลือด  

 

 

บัดนี้ถงซื่อมองหน้าอวิ๋นหว่านชิ่นอีกครั้ง “ชิ่นเอ๋อร์อยากไปพวกข้าหรือไม่” 

 

 

วันนี้อวิ๋นหว่านชิ่นยังต้องปรับปรุงตำรับยาสองสามอย่าง จึงเอ่ยเสียงเบาพลางยิ้ม “ผู้หญิงภายในบ้านไปกันหมด ท่านพ่อก็ไม่อยู่บ้านไปเข้าเฝ้าถวายรายงานต่อฮ่องเต้ ถึงอย่างไรก็ต้องมีคนอยู่สักคน ชิ่นเอ๋อร์จะอยู่เฝ้าบ้านเอง มีท่านย่าเสี่ยงเซียมซีให้ชิ่นเอ๋อร์ ถึงปิดตาก็ย่อมได้ด้ามที่โชคดีแน่นอนเจ้าค่ะ” 

 

 

ถงซื่อที่โดนหลานสาวพูดปากหวานก็ทำเอาจิตใจชื่นบานมีความสุขยิ่ง แล้วลูบมือของหลานสาว “ดี เช่นนั้นเจ้าก็อยู่เฝ้าบ้าน จริงด้วยสินะ ใกล้ต้องออกเรือนแล้ว ปรากฏตัวในวงสังคมก็จะไม่ดีนัก อยู่ในบ้านพักผ่อนกายใจให้มีชีวิตชีวาดีเสียกว่า” 

 

 

แล้วหญิงในบ้านสองสามคนก็พูดสองสามประโยค แสงจากท้องฟ้าสาดส่องมาเล็กน้อย อวิ๋นหว่านชิ่นจึงจัดเตรียมรถม้าด้วยตัวเอง ไปส่งท่านย่า ท่านน้า และคนอื่นๆ ออกจากจวน แล้วกลับเรือนเซียงหยิงฝู ก็เริ่มนำขวดที่บรรจุดอกไม้แห้งและโกร่งบดยาออกมา แล้วเริ่มผสมปรุงแต่ง 

 

 

ดวงอาทิตย์ที่กำลังทะยานสู่ฟ้า ด้วยความที่ไม่รู้ตัวว่าใกล้จะเที่ยงแล้ว อวิ๋นหว่านชิ่นเร่งรีบทำตลอดช่วงสาย จึงมีความเหนื่อยล้าอยู่บ้าง เลยวางของลง ด้านนอกม่านเกิดเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวขึ้น เป็นเสียงหญิงสาวคนหนึ่งร่ำไห้อ้อนวอน ระคนเสียงขับไล่ของชูซย่า “เจ้ากลับมาทำไมกัน…ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้า! กลับไปหานายท่านของเจ้าเสีย!” พูดจบ ภายในชานเรือน ก็มีเสียงคุกเข่าคำนับดังพลั่กๆ มาอีกครั้ง หนักอึ้งประหนึ่งเอาหินกระแทกลงบนพื้น