ชีอ้าวชวางตะลึงแล้วขมวดคิ้ว “เจ้าเมืองนั่นแข็งแกร่งแค่ไหน?”
“ชิ ข้าสังหารเขาได้ราวกับแค่หั่นแตงโมเลย เขากระจอกจะตาย!” โจนาธานพูดอย่างเย็นชา “ฆ่าเขาไปเสียก็ดี ครอบครัวของเรามีความคับแค้นกับเขามานานแล้ว”
ชีอ้าวชวางเงียบแล้วนึกถึงหลานชายตัวน้อยของไดทันส์ซึ่งเป็นลูกชายของเจ้าเมืองจิ่วเทียน เขามีนิสัยแบบนั้นตั้งแต่อายุยังน้อยเลย พ่อแม่ของเขาต้องรับผิดชอบเรื่องใหญ่ๆ แม่ก็เอาใจเขา เช่นนั้นพ่อของเขาล่ะ? แต่จากที่ดูแล้ว เจ้าเมืองคนนั้นคงจะไม่ได้เป็นคนดีสักเท่าไหร่หรอก
“เขาเป็นพี่เขยของไดทันส์นะ…” ชีอ้าวชวางพูดออกมาแผ่วเบา
“อย่าให้ไดทันส์รู้สิ กว่าเขาจะรู้เราก็ฆ่าเจ้าเมืองไปแล้ว เขาไม่สนใจหรอก เพราะว่าคนก็ตายไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ฟื้นคืนชีพมาไม่ได้ เขาเป็นคนที่คำนวณทุกสิ่งไปหมด ในใจเขาถือว่าทุกอย่างมีราคา มิตรภาพระหว่างข้า เจ้า แล้วก็เขา มันมากเกินกว่าคนตายคนเดียวเสียอีก” โจนาธานและไดทันส์เรียนด้วยกันมาหลายปีแล้วจึงเข้าใจอุปนิสัยของเขาเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงพูดแบบนี้
แม้ว่าชีอ้าวชวางจะเข้าใจคำพูดของโจนาธาน แต่นางกลับรู้สึกหนาวเหน็บในใจ ไดทันส์ เขาเป็นคนแบบนั้น…
“ดังนั้น ข้าจะช่วยเจ้ากำจัดเจ้าเมืองกระจอกนั่นเอง เหอะๆ…” โจนาธานพูดเบาๆ แต่มีความเลือดเย็นฉายผ่านแววตาของเขาอยู่
ชีอ้าวชวางตกใจและมึนงงเล็กน้อย จะสังหารเจ้าเมืองจิ่วเทียนงั้นหรือ? ต้องทำเช่นนี้จริงๆ หรือ?
“เจ้าเมืองโง่นั่น ที่จริงเจ้าชู้มาก มีวิธีฆ่าเขาอย่างลับๆ ได้นะ” โจนาธานหัวเราะอย่างมีความสุข
“หือ?” ชีอ้าวชวางสับสนเล็กน้อย
“ข้อมูลของครอบครัวพวกเรานั้นเร็วและแม่นยำที่สุดในโลก แม้กระทั่งสีกางเกงในของเจ้าเมืองนั่นพวกเราก็รู้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นของเจ้าเมืองนั่นเลย เขาเป็นคนเจ้าชู้และผู้หญิงที่เขาชอบใจที่สุดก็มีความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัวของเรา” โจนาธานพูดพลางส่ายหน้า
คราวนี้ชีอ้าวชวางก็ได้รู้ว่าเดิมทีครอบครัวของโจนาธานทำสิ่งนี้นี่เอง
“ข้ามีหน้าที่แค่ช่วยเจ้ากำจัดเขาเท่านั้น เรื่องอื่นๆ ที่เหลือเจ้าไปจัดการเอาเองนะ รวมถึงการช่วยผลักดันเพื่อนของเจ้าให้ได้นั่งในตำแหน่งเจ้าเมืองอะไรพวกนั้นด้วย” โจนาธานขมวดคิ้ว “ข้าเกลียดเรื่องยุ่งยาก เจ้าต้องรู้นะ ว่าถ้าคนคนนี้รู้ความแข็งแกร่งของเวนส์ในตอนนี้ เขาจะต้องลงมือฆ่าเวนส์แน่ๆ สู้เจ้าลงมือก่อนจะดีกว่า”
ลงมือก่อนจะดีกว่า? ชีอ้าวชวางครุ่นคิด
ชีอ้าวชวางตัดสินใจแล้ว สิ่งที่ต้องทำตอนนี้ก็คือตามหาเวนส์แล้วก็โพ่เทียน
ตอนที่ชีอ้าวชวางเจอกับเวนส์ ใบหน้าของเขาซีดเซียว ดวงตาแดงก่ำและโทรมลงมาก เห็นได้ชัดว่าคงจะต้องรู้เรื่องหาคู่ของเบธฟินนีย์แล้วแน่ๆ และคงรู้สึกสิ้นหวังเพราะเรื่องนี้
“เวนส์…” ชีอ้าวชวางเรียก
แต่เวนส์ก็นั่งเหม่ออยู่ตรงนั้นราวกับว่าไม่ได้ยินและไม่ขยับเขยื้อนเลย
“เบธฟินนีย์มาแล้ว” ชีอ้าวชวางส่ายหัวแล้วพูดออกมาเบาๆ
แน่นอนว่าเวนส์เด้งตัวขึ้นทันทีเลย ดวงตาของเขาเบิกกว้างและมองไปรอบๆ อย่างกังวลใจ แต่ก็เห็นเพียงใบหน้าสงบของชีอ้าวชวางเท่านั้น
“ได้สติแล้วหรือ?” ชีอ้าวชวางถาม
“ข้าหวังว่าตัวข้าจะไม่ตื่นตลอดไปเลย” เวนส์พูดอย่างเศร้าๆ และนั่งลงอีกครั้ง
“จะไม่สู้เพื่อแย่งมาหรือ?” ชีอ้าวชวางนั่งถัดจากเขาและพูด
“แย่ง? แน่นอนว่าข้าอยากทำสิ! ข้าอยากจะไปหานางแล้วก็พานางหนีไปด้วยกัน แต่นางจะตอบตกลงไปกับข้าหรือ? ข้าจะพานางไปได้หรือ?” เวนส์ยิ้มอย่างขมขื่น
“ถ้าข้าบอกว่าเจ้าอยู่กับนางได้โดยไม่ต้องพานางหนีไปล่ะ?” ชีอ้าวชวางมองเวนส์พร้อมกับรอยยิ้ม
เวนส์ตะลึงและหันไปมองชีอ้าวชวาง จากนั้นก็พูดอย่างไม่แน่ใจ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ชีอ้าวชวาง เจ้าหมายความอะไร?”
“แล้วถ้าเจ้าเป็นเจ้าเมืองจิ่วเทียนล่ะ? เจ้าคิดว่ามีจะโอกาสได้แต่งงานกับนางแค่ไหน?” ชีอ้าวชวางกระตุกมุมปากเล็กน้อยและถาม
“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงจะดีมาก น่าเสียดาย…” เวนส์ยิ้มเยาะและพูดเบาๆ “น่าเสียดายที่ข้าไม่ใช่เจ้าเมือง และข้าก็เป็นเจ้าเมืองไม่ได้ด้วย”
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนที่เจ้าเรียกว่าพี่ชายเสียชีวิตล่ะ? พ่อของเจ้าจะสนับสนุนเจ้าหรือไม่?” ชีอ้าวชวางยิ้มและพูดต่อ “ข้าเคยเจอลูกชายของคนที่เจ้าเรียกว่าพี่ชายแล้ว ไม่ดีเท่าไหร่เลยนะ คนที่มีตาก็คงจะไม่สนับสนุนเขาแน่นอน”
“อะไรนะ?!” เมื่อเวนส์ได้ยินสิ่งที่ชีอ้าวชวางพูด เขาก็ตกใจและสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “เจ้า เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน?!”
“เจ้าคิดว่าหากพี่ชายของเจ้ารู้ความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเจ้าแล้วเขาจะปล่อยเจ้าไปหรือ? บางทีเขาอาจจะรู้แล้วและกำลังคิดดำเนินการอยู่ก็ได้นะ?” ชีอ้าวชวางยิ้มเย็น การตัดสินเช่นนี้เชื่อว่าเวนส์รู้ดียิ่งกว่าใครๆ แน่นอน
“แต่ว่าข้าจะทำอย่างไรได้ล่ะ? เขาเป็นคนมี่ชื่อเสียงที่เหมาะสม แต่ข้า…” ใบหน้าของเวนส์หมองลงและหลุบตาต่ำและพูดพึมพำ “แต่ข้าไม่มีอะไรเลย…”
“ข้าถามเจ้าอย่างหนึ่งนะ ถ้าเขาไม่อยู่แล้ว เจ้าจะทำให้พ่อของเจ้าสนับสนุนเจ้าได้หรือไม่?” ชีอ้าวชวางขี้เกียจเกินกว่าจะพูดเรื่องไร้สาระจึงถามประโยคนั้นออกไปตรงๆ
“ได้!” เวนส์สบตาอย่างแน่วแน่และตอบอย่างเด็ดขาด
“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะช่วยเจ้าจัดการคนคนนั้นเอง หลังจากเกิดเรื่องแล้ว เจ้าก็ดำเนินการได้ทันทีเลย ตอนนี้ไปติดต่อได้เลย” ชีอ้าวชวางยืนขึ้นแล้วตบบ่าเวนส์ “อีกอย่างนะ เจ้าคิดวิธีนัดเบธฟินนีย์ออกมาด้วย ถ้านางไม่รู้ว่าเจ้าเป็นเจ้าเมืองคนต่อไป ข้าเกรงว่านางจะไม่ตกลงแต่งงานด้วย”
“ชีอ้าวชวาง!” เวนส์ลุกขึ้นยืนมองชีอ้าวชวางแต่ก็ไม่พูดอะไร มีเพียงประกายแปลกๆ ในแววตาของเขาแล้วเขาก็จับมือชีอ้าวชวางที่อยู่บนไหล่ของเขา
“ไม่ต้องพูดอะไรมากหรอก เวนส์ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” ชีอ้าวชวางยิ้มจางๆ ดึงมือออกแล้วตบมือของเวนส์เบาๆ
ริมฝีปากของเวนส์สั่นเล็กน้อยเมื่อมองไปที่ชีอ้าวชวาง มีคำพูดมากมายที่อยากจะพูด แต่ในท้ายที่สุดก็ยังคงพูดอะไรไม่ออก
“ไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย” ชีอ้าวชวางหยุดยิ้มและพูดกับเวนส์อย่างจริงจัง “เรื่องเบธฟินนีย์ ข้าจะนัดหมายมาให้เอง ความเป็นทูตของข้าน่าจะเจอนางได้ง่ายกว่า จะนัดไปที่ไหนดี?”
“เอ่อ เอ่อ อ่า…” พอพูดถึงตรงนี้ เวนส์ที่เมื่อกี้ยังเคร่งขรึมอยู่ก็หน้าแดงขึ้นมาทันที แถมยังพูดไม่ออกไปอีกพักใหญ่
ชีอ้าวชวางส่ายหัวอย่างขบขัน “เช่นนั้นข้าจะช่วยนัดไปที่ป่าใบไม้ขาวนอกเมืองนะ? เมื่อไหร่ดี?”
“แน่นอนว่าต้องเร็วที่สุด!” เวนส์โพล่งออกมาโดยไม่คิดเลย เรื่องนี้ค่อนข้างต้องเร่งด่วน
“อืม ข้าจะช่วยนัดให้ ส่วนตอนนี้เจ้าก็ไปติดต่อคนที่สนับสนุนเจ้าได้แล้ว” ชีอ้าวชวางไม่พูดนอกเรื่องอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ต้องไปเร่งให้โจนาธานจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด
“ชีอ้าวชวาง…” เวนส์มองชีอ้าวชวางแล้วเรียก
“ไม่จำเป็นต้องพูดคำนั้น ตอนที่เจ้าต้องถูกทุบตีเพราะปฏิเสธที่จะใส่ร้ายข้า เจ้าก็มีคุณสมบัติมากพอที่จะไม่ต้องพูดคำนั้นแล้ว” ชีอ้าวชวางยิ้มอย่างรู้ทัน จากนั้นก็พยักหน้าหันหลังเดินจากไป
เวนส์ยังคงยืนอยู่ที่เดิมตรงนั้นและมองแผ่นหลังของชีอ้าวชวางที่ค่อยๆ หายไป แต่หัวใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นที่เอ่อล้น
คนที่ลุ่มหลงในกามย่อมพบหายนะ นี่เป็นสิ่งที่โจนาธานยึดถือ เขาเรียกผู้หญิงคนที่เจ้าเมืองจิ่วเทียนโปรดปรานมาแล้วบอกให้ส่งจดหมายไปนัดเจ้าเมืองให้มาเจอที่ป่าใบไม้ขาว พอชีอ้าวชวางได้ยินเรื่องสถานที่ก็ตะลึงไปเล็กน้อย ดูท่าทางป่าใบไม้ขาวจะเป็นที่ที่เหมาะสมกับการพบปะกันของบรรดาคู่รักจริงๆ
“คืนนี้ข้าจะตามไปลอบฆ่าเขา” แววตาของโจนาธานเป็นประกาย
“ข้าจะไปด้วย” ชีอ้าวชวางพูดเรียบๆ
“ได้ แอบไปนะ อย่าให้ไดทันส์รู้ ถ้าเขามาขวางจริงๆ พวกเราก็ไม่มีทางทำได้เลย” โจนาธานลดเสียงลง
ชีอ้าวชวางพยักหน้า
ในเวลาค่ำ โจนาธาน ชีอ้าวชวาง และจินเหยียนก็ออกจากเมืองไปอย่างเงียบๆ โดยไม่ให้ไดทันส์รู้
ในป่าใบสีขาว มีรถม้าดูธรรมดาจอดอยู่อย่างเงียบๆ กีบม้าทั้งสี่ที่ลากเกวียนถูกห่อด้วยผ้านุ่มๆ ทำให้ทุกย่างก้าวเงียบงัน
“นั่นมันรถม้าของผู้หญิงคนนั้น เหอะๆ เป็นมืออาชีพจริงๆ เจ้าดูรถม้านะ แล้วดูที่เกือกม้า…” โจนาธานนั่งอยู่ในที่ลับตา เขามองรถม้าแล้วพูด “อีกเดี๋ยวเจ้าโง่นั่นก็คงมา เขาคงจะไม่พาคนมามากหรอก อย่างมากก็พาคนสนิทสักสองคน อีกอย่างเขาก็คงจะไม่ยอมให้คนสนิทของเขาเข้ามาใกล้ด้วย ดีจริงๆ อีกเดี๋ยวรอดูข้าหั่นเจ้าแตงโมนั่นได้เลย”
“ระหว่างเขากับเจ้ามีความคับแค้นอะไรกันแน่?” ชีอ้าวชวางเห็นประกายในแววตาของโจนาธานก็ถามขึ้นอย่างสงสัย
“เขาเคยดูถูกข้า ดูถูกทั้งครอบครัวของข้า!” โจนาธานกัดฟันแล้วพูดอย่างเศร้าโศกและขุ่นเคือง ดูเหมือนว่ามีความเกลียดชังอยู่ลึกๆ จริงๆ
“ไม่จริงน่า ดูจากนิสัยของเจ้า ใครก็ตามที่ปฏิบัติกับเจ้าแบบนั้นจะยังมีชีวิตอยู่อีกหรือ? เจ้าเพิ่งจะมาชำระแค้นตอนนี้น่ะหรือ?” ชีอ้าวชวางถามอย่างดูถูก
“อืม อันที่จริงก็คือเขาสงสัยว่าครอบครัวของข้าหักหลังเอาข้อมูลออกไป ตอนนั้นข้าถามว่าคนที่บอกนั้นแต่งตัวแบบนั้น แต่เขาก็บอกไม่ได้” โจนาธานกลอกตาและพูดออกมาอย่างไม่เป็นธรรมชาตินัก
ชีอ้าวชวางกระตุกมุมปากและไม่ได้พูดอะไร
ทันใดนั้นก็มีเสียงบางอย่างมาจากระยะไกลๆ
“มาแล้ว!” โจนาธานทำท่าให้เงียบและซ่อนลมหายใจของตัวเอง ชีอ้าวชวางและจินเหยียนเองก็ซ่อนลมหายใจของตัวเองเช่นกัน
เสียงนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ และเสียงของชายคนหนึ่งก็พูดขึ้นเบาๆ “พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้ อย่ารบกวนข้าโดยไม่ได้รับคำสั่งจากข้า” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่ควบคุมไม่ได้
“ครับ ท่านเจ้าเมือง” ทั้งสองคนตอบพร้อมกัน
จากนั้นเสียงฝีเท้าก็ใกล้เข้ามา
โจนาธานมองชีอ้าวชวางด้วยสายตามีชัย ดูสิ เป็นแบบนั้นจริงๆ เจ้านี่พาคนสนิทมาแต่ไม่ให้เข้าใกล้จริงๆ ด้วย ทำเพื่อจะได้อยู่กับสาวแต่คงจะไม่ได้สนชีวิตเลย