ชีอ้าวชวางพูดไม่ออกเลย เจ้าเมืองผู้นี้นี่…
ภายใต้แสงจันทร์นั้น ชีอ้าวชวางเห็นชายชุดดำกำลังเดินไปที่รถม้าอย่างรวดเร็ว แถมอยู่ในระยะไกลเช่นนี้ยังได้ยินแม้กระทั่งการหายใจที่ถี่ขึ้นของเขาเลย เป็นพวกลุ่มหลงในกามจริงๆ…
“เฮ้ เจ้าน่ะ เจ้าไปเบนความสนใจของพวกที่ติดตามสองคนนั้นซะ คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะ?” โจนาธานหันไปพูดกับจินเหยียน
จินเหยียนพยักหน้าช้าๆ ด้วยสีหน้าสงบโดยไม่พูดอะไรสักคำและหายตัวไปอย่างเงียบๆ
“ไป!” โจนาธานหรี่ตามองชายชุดดำที่เปิดประตูรถม้าใต้แสงจันทร์ผู้นั้นแล้วพูดออกมา
เวลาต่อมา โจนาธานและชีอ้าวชวางก็ไปอยู่ข้างหลังชายชุดดำแล้ว
โจนาธานลงมือทันทีโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เรื่องมันเกิดขึ้นเร็วมาก กริชในมือของโจนาธานพุ่งเข้าไปแทงหลังของชายชุดดำ แต่กลับไม่มีเสียงอาวุธแหลมคมแทงทะลุเนื้ออย่างที่คาดเอาไว้ กลายเป็นเสียงโลหะกระทบกันแทน
“ให้ตายเถอะ!” โจนาธานสบถ
เห็นได้ชัดว่าเจ้าเมืองจิ่วเทียนมีอาวุธวิเศษช่วยชีวิตเขาไว้ แต่พอลองคิดดูก็คงเป็นเช่นนั้นจริงๆ หากเจ้าเมืองผู้สง่างามไม่มีอาวุธวิเศษไว้ช่วยชีวิตก็คงจะแปลก ความผิดพลาดนี้ทำให้โจนาธานและชีอ้าวชวางไม่อาจทำสำเร็จได้ในทันที แต่ถึงแม้ว่าโจนาธานจะกำลังสบถด่าอยู่ เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนกเลย ในสายตาของเขา ผู้ชายคนนี้ก็ยังคงกระจอกอยู่ จะจัดการได้ตอนนี้หรือว่าช้าสักหน่อยก็ไม่ต่างกันหรอก
“เจ้า! เจ้า! เจ้าเป็นใคร?” เจ้าเมืองจิ่วเทียนเรียกสติได้แล้ว เมื่อครู่เขาเกร็งไปทั้งร่าง ตอนนี้เขามองไปที่โจนาธานและชีอ้าวชวางด้วยดวงตาเบิกกว้าง หลังจากที่ได้เห็นทั้งสองคนอย่างชัดเจนแล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีเลย
“พวกเจ้า!” เจ้าเมืองจิ่วเทียนกัดฟันและตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม ทูตของสถาบันดวงดาว! แถมพวกเขายังเป็นเพื่อนของไดทันส์ด้วย และพวกเขาก็จะลอบสังหารตนเอง!
“ใช่ พวกเราเอง” โจนาธานยิ้มและมองไปยังเจ้าเมืองจิ่วเทียนอย่างน่ากลัว
ชีอ้าวชวางมองคนข้างหน้าอย่างเงียบๆ คืนนี้เขาจะต้องตาย
“มีคนมา!” เจ้าเมืองจิ่วเทียนตะโกนออกมา เขารู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะหนีจากมือของคนสองคนที่อยู่ข้างหน้าเขาในคืนนี้ได้ ดังนั้นจึงตะโกนออกมา นี่ไม่ใช่เวลามาสงสัยว่าทำไมพวกเขาต้องการจะลอบสังหารตนเอง!
“เจ้าตะโกนไปก็ไม่มีใครตอบหรอก” โจนาธานยิ้มและเดินเข้าไปหาเจ้าเมืองจิ่วเทียน
ในเวลาต่อมา รอยยิ้มบนใบหน้าของโจนาธานก็หยุดชะงักไป ชีอ้าวชวางเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
เหตุผลก็เพราะไดทันส์ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าพวกเขาและยืนอยู่หน้าเจ้าเมืองจิ่วเทียนในตอนนี้
ไดทันส์ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าทั้งสองแล้วมองพวกเขาเงียบๆ
หัวใจของเจ้าเมืองจิ่วเทียนเต็มไปด้วยความปีติยินดีและพูดออกมาอย่างกระตือรือร้น “ไดทันส์ ไดทันส์! เจ้ามาก็ดีแล้ว สองคนนี้จะฆ่าข้า เจ้าช่วยข้าด้วย จริงสิ ไดทันส์ เจ้าฆ่าพวกเขาได้ เจ้าช่วยข้าฆ่าพวกเขาเร็วเข้า!” เจ้าเมืองจิ่วเทียนตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
การแสดงออกของไดทันส์ยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เขาทำเพียงแค่มองไปที่ชีอ้าวชวางอย่างสงบและพูดเบาๆ “เจ้าจะฆ่าเขาหรือ? เหตุผลล่ะ?”
“ใช่ เขาต้องตาย” ชีอ้าวชวางก็มีท่าทีสงบและพูดออกมาเบาๆ สิ่งที่พูดไปไม่ถือว่าเป็นเหตุผลเลย ตอบไปก็เหมือนกับไม่ได้ตอบ
“ไดทันส์! ไดทันส์ จะไปมัวเสียน้ำลายกับพวกนั้นทำไม? รีบฆ่าพวกเขาสิ!” เจ้าเมืองจิ่วเทียนตะโกนอย่างบ้าคลั่งอยู่ข้างหลังไดทันส์ “เร็วเข้า! เจ้าอยากจะให้พี่สาวของเจ้าเป็นม่ายหรือ?”
ไดทันส์มีท่าทีเย็นชาและมองชีอ้าวชวางโดยไม่พูดอะไร ชีอ้าวชวางเองก็ไม่ได้หลบและสบตาเขากลับโดยตรง
โจนาธานกะพริบตาและไม่พูดอะไร
“ไดทันส์! เจ้ากำลังจะทำอะไร? เจ้าไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้หรือ? พวกเขาจะฆ่าข้า! เมื่อกี้พวกเขาลอบสังหารข้านะ!” เจ้าเมืองจิ่วเทียนตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ แต่ก็ไม่กล้าโจมตีชีอ้าวชวางและ โจนาธานด้วยตัวเอง เพราะเขารู้ดีว่าความแข็งแกร่งของเขายังห่างไกลจากคู่ต่อสู้มาก และเขาก็รู้นิสัยไม่อยู่กับร่องกับรอยของไดทันส์ดี หากเขาลงมือ ไดทันส์ก็อาจจะเข้ามาหยุดได้
“เขาตายก็ยังมีคนที่เป็นเจ้าแห่งจิ่วเทียนได้ แถมยังเป็นได้ดีกว่าเขาด้วย” ชีอ้าวชวางพูด
“อะไรนะ?! ว่าอย่างไรนะ!” เจ้าเมืองจิ่วเทียนตะโกนด้วยความประหลาดใจและมองชีอ้าวชวาง อย่างไม่เชื่อ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นชี้ไปที่ชีอ้าวชวาง “ข้ารู้แล้วๆ! ไอ้สารเลวนั่นส่งพวกเจ้ามาสินะ! ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าเขาจะทำได้ขนาดนี้ ข้าควรจะกำจัดเขาไปให้เร็วกว่านี้! ได้ยินมาสักพักแล้วว่าตอนนี้เขาพัฒนาไปมากแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะส่งพวกเจ้ามาได้แบบนี้!” เจ้าเมืองจิ่วเทียนกัดฟันด้วยความโกรธและตกใจมาก เขาไม่คาดคิดเลยจริงๆ ว่าคนที่ไม่มีความสามารถใดๆ ผู้นั้นจะพัฒนาขึ้นได้ในช่วงเวลาสั้นๆ แถมยังทำให้ทูตของสถาบันดวงดาวมาลอบสังหารเขาได้อีก
ไดทันส์ยังคงไม่แสดงท่าทีใดๆ เขาเอาแต่มองไปที่ชีอ้าวชวางอย่างเงียบๆ และถาม “นั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องการเห็นงั้นหรือ?”
“ใช่!” ชีอ้าวชวางตอบสั้นๆ แต่หนักแน่น
ไดทันส์ไม่พูดอะไรอีก เขาโบกมือขวาเบาๆ การกระทำนั้นดูเล็กน้อยและท่าทางดูสบายมาก
แต่วินาทีต่อมา เสียงของเจ้าเมืองจิ่วเทียนก็หายไปและรูเลือดขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นที่หน้าอกของเขาจนมองทะลุเห็นรถม้าที่อยู่ข้างหลังเขาได้เลย หัวใจของเจ้าเมืองจิ่วเทียนถูกทำลายไปหมดสิ้นแล้ว เหลือเพียงเลือดที่ไหลอยู่อย่างเงียบๆ…
เจ้าเมืองจิ่วเทียนมองกลับมาที่มือของไดทันส์จากนั้นค่อยๆ ก้มหน้าลงมองหน้าอกของเขา สายตานั้นเต็มไปด้วยความไม่เชื่อและหวาดกลัว จากนั้นร่างเขาก็ทรุดตัวลงกับพื้น
โจนาธานอ้าปากค้างมองทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกตะลึง เขามองไปที่มือของไดทันส์ และก็มองร่างเจ้าเมืองจิ่วเทียนที่ตายอยู่บนพื้นด้วยจิตใจที่ว่างเปล่าไปชั่วขณะ
ไดทันส์ฆ่าพี่เขย ฆ่าสามีของพี่สาวสุดที่รักของเขาด้วยการกระทำที่ง่ายดายมาก! เจ้าเมืองจิ่วเทียนตายแล้ว!
ความหนาวเย็นค่อยๆ เพิ่มขึ้นในหัวใจของชีอ้าวชวาง แต่ก็ไม่แปลกใจ เหมือนกับว่าสิ่งที่ไดทันส์ทำนี้เป็นสิ่งที่นางคาดเอาไว้อยู่แล้ว
ลมหายใจเย็นเยียบปกคลุมบริเวณโดยรอบ โจนาธานมองศพบนพื้นและกลืนน้ำลายแต่ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
“ไปกันเถอะ” ไดทันส์พูดด้วยน้ำเสียงสงบ เตรียมเดินจากไปราวกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ชีอ้าวชวางพยักหน้าและเดินตามไดทันส์ไป
ตั้งแต่แรกจนจบเรื่อง คนในรถม้าไม่ได้ปรากฏตัวเลย และก็ไม่ส่งเสียงใดๆ ด้วย โจนาธานเหลือบมองไปที่รถม้าจากนั้นก็เดินตามไปอย่างเงียบๆ เรื่องศพจะมีคนจัดการเอง ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย
เมื่อเดินออกไปข้างหน้า จินเหยียนก็กำลังยืนรออยู่อย่างเฉยเมย ข้างๆ เขามีคนสองคนที่นอนนิ่งอยู่และสองคนนี้ก็ตายไปนานแล้ว จินเหยียนเห็นพวกชีอ้าวชวางเดินออกมาและเห็นไดทันส์ด้วย แต่เขากลับไม่มีท่าทีแปลกใจเลย ทำแค่เพียงตามไปเงียบๆ เท่านั้น
ผืนป่าเงียบลง มีเพียงเสียงลมแผ่วเบาพัดไปมา
ผ่านไปสักพักก็มีเสียงกรอบแกรบดังขึ้นเล็กน้อย มีคนมาจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว กลุ่มคนในชุดดำที่มีความว่องไวรีบไปทำความสะอาดพื้นและนำศพออกไป ทำให้สถานการณ์ที่แห่งนั้นทั้งหมดกลับไปเป็นสภาพเดิม
เมื่อทุกอย่างจบลงแล้ว ม่านรถม้าก็ถูกมือเรียวยาวที่ขาวราวหิมะเปิดออก
“ไปกันหมดแล้วหรือ?” เสียงนุ่มนวลพูดขึ้น
“ครับ คุณหนู ไปกันหมดแล้ว” มีเสียงตอบมาอย่างแผ่วเบา เวลานี้ได้ยินแต่เสียงเท่านั้น ไม่เห็นร่างใครเลย
“เด็กผมแดงคนนั้นคือใครกัน?” น้ำเสียงที่อ่อนโยนเจือด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“คุณหนูครับ คนนั้นคือชีอ้าวชวาง เป็นหนึ่งในทูตของสถาบันดวงดาว เขาเป็นม้ามืดที่สุดในปีนี้เลย เขาผ่านการประเมินระดับที่แปดได้ตั้งแต่ในครั้งแรกและยังเอาชนะโจนาธานขึ้นมาเป็นอันดับที่สองด้วย เป็นรองเพียงแค่ไดทันส์เท่านั้นครับ” เสียงนั้นอธิบายอย่างช้าๆ อย่างไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ
“แบบนี้เอง ยังเด็กอยู่เลยนะ อีกอย่าง ไดทันส์ก็ดูจะสนใจเขามากด้วย หรือว่าไดทันส์จะสนใจผู้ชายจริงๆ? เหอะๆ…” เสียงนุ่มนวลนั้นหัวเราะเบาๆ
“แน่นอนว่าไม่ใช่หรอกครับ” เสียงทุ้มตอบ
“ข้าล้อเล่นน่า ข้ารู้ว่าเขาไม่ได้สนใจทั้งหญิงทั้งชาย เป้าหมายของเขาก็มีแค่อำนาจเท่านั้น แต่วันนี้เขากลับสนใจเด็กผมแดงคนนั้นมาก ข้าก็เลยสงสัย…” เสียงนุ่มพูดอย่างอยากรู้
“คุณหนู อย่าทำอะไรจะดีที่สุดนะครับ คุณหนูก็เห็นแล้วว่าไดทันส์ฆ่าพี่เขยของเขาได้อย่างไร้ความปรานีแบบนั้น” เสียงทุ้มไม่เฉยเมยอย่างเมื่อกี้แล้ว แต่กลับเป็นความเป็นห่วงแทน เขารู้ความแข็งแกร่งของไดทันส์เป็นอย่างดี ไดทันส์รู้ถึงการมีอยู่ของเขามานานแล้วแต่ก็เพิกเฉย ไดทันส์เป็นคนที่อันตรายมาก ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้เลย
“ข้ารู้ ข้ามีขอบเขตหรอกน่า” น้ำเสียงนั้นมีความบูดบึ้งอยู่ “เอาเถอะ เราก็กลับกันเถอะ ครั้งนี้ข้าได้ตอบแทนบุญคุณของโจนาธานไปครึ่งหนึ่งแล้ว”
“ครับ” เสียงทุ้มตอบ ต่อมาชายหนุ่มสวมหน้ากากก็ปรากฏตัวขึ้นบนรถม้าแล้วสะบัดแส้เบาๆ จากนั้นรถม้าขับออกไปอย่างช้าๆ และเงียบเชียบ
ป่าใบไม้ขาวก็กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
แสงจันทร์ยังคงเหมือนเดิม แต่สถานการณ์ต่างออกไป
กลับมาถึงที่โรงแรม ไดทันส์เดินนำหน้าและหันไปพูดกับชีอ้าวชวาง “ตามข้าเข้ามา”
ชีอ้าวชวางเหลือบมองโจนาธาน โจนาธานกะพริบตาและกางมือออกเป็นการสื่อความหมายว่าเขาไม่ได้เรียกข้า ข้าไม่จำเป็นต้องตามเข้าไป ชีอ้าวชวางจึงหันไปพยักหน้าให้จินเหยียนเป็นการบอกเขาว่าไม่ต้องกังวลและให้รออยู่ข้างนอกก็พอแล้ว