Ep.575 – ไม่ร้องไห้อีกต่อไป

 

ระบบเทพสงครามอธิบาย “สกิลที่เรียกกันว่ากฏแห่งการกระทำ(กรรม)น่ะ เป็นสกิลที่อยู่เหนือพื้นเพของทุกสิ่ง กุมอำนาจเกินกว่าขีดกำจัดของมิติและเวลา ผลของมันสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากต้นตอของทุกสิ่ง เป็นกฏที่ช่วยเสริมความเป็นไปได้บางประการ เพื่อให้บรรลุถึงผลลัพธ์ที่ตนเองปรารถนา”

 

“ … สกิลกฏแห่งการกระทำ … ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”

 

กู่ฉิงซานพึมพำ

 

“เอาล่ะ ตอนนี้คุณก็เข้าใจความหมายของสกิลนี้แล้วใช่หรือไม่?” ระบบเทพสงครามถามต่อ

 

“ยังไม่ค่อยเข้าใจซะทีเดียว” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

 

มันเป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้ยินเกี่ยวกับสกิลกฏแห่งการกระทำ จนกระทั่งเมื่อเร็วๆนี้ที่ตนได้รับสมญา ‘ดาราจรัสเทพสงคราม’

 

“ค่อยๆไตร่ตรองอย่างช้าๆก็แล้วกัน”

 

เมื่อกล่าวจบ ระบบเทพสงครามก็ไม่สนใจเขาอีกต่อไป

 

ขณะนั้นเอง ทหารพิทักษ์ในกลุ่มได้ตะโกนขึ้น

 

“ดูนั่นสิ! ผีแห่งความอลหม่านกำลังจะมาแล้ว!”

 

กู่ฉิงซานวางคำถามของระบบเทพสงครามเอาไว้ก่อนชั่วคราว และเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า

 

เห็นแค่เพียงกระแสผีแห่งความอลหม่านที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศ มุ่งตรงมายังทิศทางของพวกเขา

 

“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง”

 

กู่ฉิงซานกล่าวเสียงทุ้มลึก

 

เขาขับเคลื่อนธาตุสายฟ้าจากทั่วทั้งร่างกาย ถ่ายเทเข้าไปในค่ายกลดาบไท่หยี

 

ทันใดนั้นเอง ดาบขุนเขาเทวะหกโลกที่อยู่ลึกขึ้นไปบนท้องฟ้า ก็เริ่มสาดแสงสายฟ้าไม่สม่ำเสมออกมา

 

ดาบสายลมที่กลับไปรวมตัวกันบนท้องฟ้า ค่อยๆเริ่มผุดแสงสีน้ำเงินจางๆ

 

สายฟ้าสวรรค์ปรากฏขึ้นแล้ว!

 

สายฟ้าซึ่งเป็นการลงทัณฑ์ขั้นสูงสุดในโลกของเหล่าทวยเทพ!

 

ควบคู่ไปกับพลังศักดิ์สิทธิ์อันเป็นเอกลักษณ์ : ‘แหกกฏ’ ของดาบขุนเขาเทวะหกโลกา ส่งผลให้อานุภาพสายฟ้าพุ่งทะยานขึ้นถึงขีดสุด!

 

ผีแห่งความอลหม่านน่ะครอบครองสัมผัสอันเฉียบแหลม ทันทีที่พวกมันตระหนักได้ถึงกลิ่นอายของสายฟ้า ทั้งหมดก็เหลียวหลังกลับ และบินหลบหนีไปจากบริเวณสนามรบทันที

 

‘อย่ามาล้อเล่นนะ! พวกข้าไม่เกรงกลัวอะไรก็จริง แต่เจ้าสิ่งนี้เป็นข้อยกเว้น!’

 

ท้องฟ้าที่ครั้งหนึ่งคราคร่ำไปด้วยกองทัพผี เพียงไม่นานก็กลายเป็นโปร่งใส

 

กู่ฉิงซานเร่งฟื้นพลังสายฟ้า เขาตบลงในถุงสัมภาระ แล้วหยิบเม็ดยาฟื้นฟูพลังวิญญาณโยนเข้าไปกัดในปากโดยตรง

 

เบื้องหน้า

 

กองทัพสัตว์ประหลาดผีได้ละทิ้งการบุกเมือง จัดกระบวนทัพมุ่งลงมายังกลุ่มทหารม้าศึก

 

กู่ฉิงซานชำเลืองขึ้นไปมองค่ายกลดาบบนท้องฟ้า

 

ณ ขณะนี้ คือช่วงเวลาที่อำนาจของค่ายกลดาบกำลังพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด!

 

และยังพอเหลือเวลาอีกกว่า 12 ลมหายใจ ก่อนที่ค่ายกลดาบไท่หยีจะสลายไปโดยสมบูรณ์

 

หรืออีกความหมายนึงก็คือ สงครามจะต้องจบลงภายใน 12 ลมหายใจนี้!

 

กู่ฉิงซานตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

 

เขาวางลอร่าลงบนม้าทมิฬและตะโกนออกมา “ทุกคน ช่วยปกป้องเจ้าหญิงด้วย!”

 

“คุ้มครองฝ่าบาท!” ทหารพิทักษ์คำรามลั่น

 

พวกเขาเร่งควบม้าศึกมาล้อมรอบม้าทมิฬ ป้องกันลอร่าอย่างหนาแน่น

 

ส่วนกู่ฉิงซาน เขากระโดดลงจากหลังม้า ย่อตัวย่ำบนพื้นดินอย่างรุนแรง ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า

 

เมื่อมาถึงเบื้องบน สองเท้าก็หยั่งลงบนดาบสายลมเหลือคณา ในสมองนึกคิดสั่งการ เตรียมปลดปล่อยสกิลเทวะออกมา!

 

“สกิลเทวะ ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้ว (ระดับสูง)  : คุณสามารถระบุตำแหน่งที่ตนเองต้องการ หรือทำการล็อคกลิ่นอายของศัตรู ทำลายมิติที่ว่างเปล่า แล้วไปปรากฏตัวขึ้นในตำแหน่งที่ตนปรารถนาได้โดยตรง

 

“ระยะแสดงผล : ตามพิสัยจิตสัมผัสเทวะ”

 

ในครั้งอดีต บนธารเมฆามาร นางเซียนไป่ฮั่วมิเพียงใช้สกิลเทวะนี้ ฉกหม้อดินเผาจากมารสวรรค์ แต่เธอยังสามารถฉวยโอกาสทุบกำปั้นเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามได้อีกด้วย

 

และในเวลานี้ กู่ฉิงซานได้เลือกทะยานตัวขึ้นไป ดูดซับปราณดาบสวรรค์จนท่วมท้นไปทั้งกายตน อัดแน่นดั่งพายุเฮอริเคน จากนั้นก็ใช้ออกด้วยสกิลเทวะนี้

 

ทั้งคนทั้งร่างของเขาหายวับไปจากท้องฟ้า

 

และปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งกลางดงกองทัพผีอย่างกระทันหัน

 

“สงคราม … มันยังไม่จบลงเพียงแค่นี้หรอกนะ!”

 

กู่ฉิงซานที่ยืนอยู่ใจกลางพายุเฮอริเคน กวาดสายตาลงลงบนทหารภูติผีนับพัน ปากเปล่งเสียงกระซิบ

 

พร้อมกับเทคนิคของดาราจรัสเทพสงคราม ที่ถูกใช้งานอีกครั้ง

 

สัตว์ประหลาดผีหวีดคำรามคลั่ง นับร้อยนับพันพุ่งกระโจนเข้าหาเขา

 

ทันใดนั้นเอง พายุเฮอริเคนที่ว่ายวนอยู่รอบกายกู่ฉิงซาน ก็ค่อยๆแยกตัว คว้านออกไปทุกทิศทาง

 

ฟุบ

 

ฟุบบ

 

ฟุบบบ

 

กู่ฉิงซานก้าวไปที่ใด สายลมจะกวาดนำเขาออกไปยังเบื้องหน้า ล้างบางภูติผีนับไม่ถ้วนหาย ลบพวกมันออกไปพร้อมๆกันกับสายลม

 

โดยการใช้วิธีนี้ตัวเขาจึงสามารถเผชิญหน้า ต่อกรกับศัตรูนับหมื่นแสนโดยลำพังได้

 

พวกภูติผีทยอยกันถูกสังหารลง 

 

ในขณะเดียวกัน กู่ฉิงซานก็ปล่อยดาบสายลมขนาดเล็ก พุ่งเข้าสู่เมืองไห่เช่า

 

แล้วดาบสายลมก็หายไป

 

แต่เมืองไห่เช่าก็สามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของสายลม

 

วินาทีนั้นเอง ร่างมรกตพลันปรากฏขึ้นบนกำแพงเมือง

 

—อีกฝ่ายเฝ้ารอสัญญาณจากสายลมมาเป็นเวลาเนิ่นนาน และในตอนนี้สายลมก็ได้มาเยือนแล้ว!

 

ร่างมรกตจ้องมองสถานการณ์รบบนทุ่งราบอย่างใกล้ชิด

 

ตั้งแต่สิ้นสุดสกิลการเรียกขานของวิหคหนาม เธอก็เฝ้ารอสัญญาณสายลมนี้มาโดยตลอด!

 

ทุกสิ่งที่อยู่บนทุ่งราบลุ่ม ปรากฏสู่สายตาเธอ

 

กองทัพภูติที่ครั้งหนึ่งเคยยิ่งใหญ่ และฟุ้งไปด้วยความน่าหวาดกลัว บัดนี้ถูกพัดกระเจิงโดยพายุสลาตัน หลงเหลือเพียงไม่กี่หน่วยทัพเล็กๆ กระจัดกระจายกันออกไปเท่านั้น

 

แม้แต่กองทัพขนาดเล็กที่หลงเหลืออยู่ ก็ยังวิ่งหลบหนีด้วยความตื่นตระหนก

 

“ได้เวลาแล้ว พวกเราบุกโจมตีได้”

 

“ทุกคนขยี้พวกมันซะ!”

 

ร่างมรกตตะโกนสั่ง

 

ช่วงเวลานั้นเอง สายพันธุ์โบราณนับสิบที่มีขนาดใหญ่โต มิแตกต่างไปจากขุนเขาก็กระโดดลงจากเมือง ทิ้งตัวลงบนพื้นที่ราบลุ่ม ยามเมื่อเท้าของพวกมันหยั่งพื้น เสียงสั่นสะเทือนไปทั้งสวรรค์และโลก

 

“สู้เพื่อโลกของเหล่าทวยเทพ!”

 

เหล่ามอนสเตอร์โบราณแผดสุดเสียง

 

พวกเขาบุกทะลวงเข้าใส่กองทัพสัตว์ประหลาดผีที่แตกกระจัดกระจายหลบหนี โถมกายเข้าฟาดฟันด้วยกำลังทั้งหมดที่พวกตนมี

 

ร่างมรกตเริ่มเคลื่อนไหว เธอลอยข้ามผ่านสนามรบ บินไปยังส่วนปลายของพื้นที่ราบลุ่มอย่างอ่อนโยน

 

ในส่วนปลายของพื้นที่ราบลุ่ม ทหารพิทักษ์ที่รายล้อมม้าทมิฬ ควบม้าศึกตรงเข้ามาหาเธอ

 

ส่วนกู่ฉิงซานในเวลานี้ จู่ๆเขาก็หยุดฝีเท้าลง

 

นั่นเพราะสายลม … ได้หยุดลงแล้ว

 

ค่ายกลดาบไท่หยีสิ้นสุดลง และสงครามก็ใกล้ที่จะมาถึงจุดจบ

 

สามดาบร่อนลงมาจากฟากฟ้า ว่ายวนรอบตัวกู่ฉิงซาน ก่อนจะทยอยกันหายเข้าไปในความว่างเปล่าเบื้องหลังเขาตามลำดับ

 

ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

 

กู่ฉิงซานหันกลับไปมองเบื้องหลังเขา

 

เขาพบว่าเหมันต์ยามค่ำอีเลียได้รับตัวลอร่าเรียบร้อยแล้ว และพวกเธอกำลังตรงมาทางนี้

 

ทั้งสองรวมกลุ่มกันได้อย่างรวดเร็ว

 

ขณะที่สายพันธุ์โบราณยังคงทะลวงฝ่ากองทัพภูติที่แตกกระเจิง วิ่งตรงไปข้างหน้า

 

จนในที่สุด ทุกคนก็ได้มารวมตัวกัน

 

มองไปยังอีเลีย เธอเป็นทหารหญิงที่มีความสูงชะลูด ตลอดทั้งกายสวมใส่เกราะรบสีมรกต ไม่เว้นกระทั่งเกราะหมวกที่ปิดมิดชิด จนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเธอได้

 

“เพื่อความปลอดภัย พวกเราสมควรที่จะกลับไปยังเมืองไห่เช่าก่อนเป็นอันดับแรก!” เธอตะโกนไปทางกู่ฉิงซาน

 

“เข้าใจแล้ว พวกคุณไปกันก่อนเลย เดี๋ยวผมจะตามไป” กู่ฉิงซานตอบกลับ

 

วิสัยทัศน์ของเขาเบนออก ตกลงไปยังส่วนหลังของพื้นที่ราบลุ่ม

 

เห็นแค่เพียงร่างของผู้บัญชาการผียักษ์อยู่อีกฝากหนึ่ง และกำลังพยายามตะโกนเรียกกองทัพสัตว์ประหลาดผีที่แตกพ่ายให้กลับมารวมกลุ่มกัน

 

เกรงว่าหากพวกมันสามารถรวบรวมกองทัพได้อีกครั้ง และประสานกำลังกับผีแห่งความอลหม่านนับไม่ถ้วนที่ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า พวกมันคงจะย้อนกลับมาตีเมืองไห่เช่าอีกครั้งแน่ๆ

 

“ลอร่า”

 

“อ๋า ว่าไง?”

 

“ขอยืมม้าสักครู่สิ”

 

“ก็นึกว่าเรื่องอะไรซะอีก เอ้า เอาไปได้เลย”

 

ลอร่ากระโดดลงจากหลังม้าทมิฬ และจูงบังเหียนมันไปมอบให้แก่กู่ฉิงซาน

 

“กู่ฉิงซาน เจ้ากำลังคิดจะทำสิ่งใด?” ลอร่าเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

 

“ก็แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ ท่านกลับไปที่เมืองก่อนเถอะ จบเรื่องแล้วกระหม่อมจะรีบตามไปที่นั่นทันที” กู่ฉิงซานยิ้ม และลูบลงบนหัวของเธอ

 

ก่อนจะกระโจนขึ้นบนหลังม้า

 

ม้าทมิฬเอ่ยถาม “เวลานี้ท่านต้องการจะหลบหนี หรือว่าจะสู้?”

 

กู่ฉิงซานชี้ไปยังเบื้องหลังที่ราบลุ่ม ตรงจุดที่กองทัพผีกำลังรวมกลุ่มกัน และกล่าวอย่างช้าๆ “จงเร่งสุดฝีเท้า มุ่งไปยังจุดนั้น”

 

ตูม!

 

ม้าทมิฬทะยานออกตัว ทิ้งไว้เพียงฝุ่นผง

 

“นั่นเขาคิดจะทำอะไรกัน?” อีเลียอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

 

“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน” ลอร่าตอบ

 

อีลียกล่าวด้วยความสงสัย “กระบวนท่าเมื่อครู่ของเขา มันทรงอำนาจอย่างไร้เหตุผล ไม่สอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์กับความแข็งแกร่งของเขา กระหม่อมคาดเดาว่าเขาคงต้องจ่ายราคาที่หนักหนาเอาการทีเดียว จึงจะเปิดใช้งานมันได้ แต่ตอนนี้ ยังมิทันได้พักเลย เขาก็คิดจะลงมืออีกแล้ว?”

 

ตรงจุดนี้ ในหัวใจของทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยเช่นกัน

 

ลอร่า “เราเองก็ไม่รู้เรื่องอะไรมากนักหรอก แต่เราจะรอเขาที่นี่”

 

พอได้ฟัง อีเลียก็กวาดมือออกไป

 

เหล่าสายพันธุ์โบราณกระจายตัวอย่างรวดเร็ว จัดกระบวนปกป้องสถานที่แห่งนี้

 

“องค์กษัตรีย์ กระหม่อมรับบัญชาตามเป้าประสงค์ของท่านแล้ว” อีเลียกล่าว

 

ลอร่าพอได้ยินคำกล่าวของอีกฝ่าย เจ้าตัวก็ช็อคไป

 

อีเลียยิ้ม และตอบกลับไปอย่างสงบ

 

“ประเทศไม่สามารถอยู่ได้โดยไร้ซึ่งเจ้าของนะ ลอร่า”

 

“อา … ”

 

ลอร่าค่อยๆเริ่มที่จะตระหนักถึงบางสิ่ง

 

นั่นสินะ ท่านพ่อของเธอถูกลอบสังหารลงอย่างกระทันหันโดยทริสเต้ไปแล้วนี่นา

 

ท่านแม่กับพี่ชายของเธอเองก็ได้ล่วงลับไปแล้วเช่นกัน

 

ช่วงเวลานี้ เชื้อพระวงศ์ทั้งหมด หลงเหลือเพียงตนเองเท่านั้น

 

ตนเอง

 

โดดเดี่ยว ลำพัง

 

ความโศกเศร้าที่ไม่อาจบอกบรรยายเป็นคำพูดได้ เริ่มเอ่อทะลักเข้ามาในจิตใจของเด็กสาว

 

ลอร่าส่ายหัว แต่ก็ไม่สามารถระงับอารมณ์ของเธอได้

 

น้ำตาไหลรินออกมา

 

“ลอร่า เข้มแข็งเข้าไว้สิ” อีเลียถอนหายใจ กล่าวปลอบประโลม

 

ท้ายที่สุดนี้ กษัตรีย์ของเธอยังเด็กเกินไป ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กสาวจะสามารถแบกรับภาระของอาณาจักรได้หรือไม่

 

แต่ตอนนี้ ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

 

“เรารู้ตัวนะ แต่เราก็แค่ … ”

 

น้ำตาของลอร่าไหลไม่หยุด เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

 

แต่ทันใดนั้นเอง ดวงตาของเธอก็กวาดข้ามผ่านไปยังเบื้องหลังพื้นที่ราบลุ่ม

 

ปรากฏถึงม้าทมิฬที่กำลังควบวิ่ง

 

ผู้ชายที่อยู่บนหลังมันสะบัดบังเหียน เร่งความเร็วไม่หยุด คล้ายยังคงไม่พึงพอใจกับความเร็วขณะนี้ ปากอ้าตะโกนเสียงดัง “ทะลวงเข้าไปเลย!”

 

ในมือของเขา คว้าจับดาบยาวที่พึ่งปรากฏออกมาจากในอากาศ

 

เขาพุ่งหากองทัพภูติผีนับพันหมื่น ใกล้จะปะทะกับพวกมันโดยตรง

 

ลอร่ามองไปยังฉากนี้ นิ่งงันไปพักหนึ่ง

 

ทันใดนั้นเอง บทสนทนาระหว่างเขาและเธอเริ่มไหลผ่านเข้ามาในจิตใจ

 

‘หืม? นี่เจ้าเป็นเด็กกำพร้างั้นหรอ?’

 

‘ใช่ แต่กระหม่อมชินแล้ว … จะบอกอะไรให้นะ ว่าเด็กกำพร้าน่ะก็มีข้อได้เปรียบยิ่งกว่าคนอื่นเขาอยู่เหมือนกัน’

 

‘ข้อได้เปรียบอะไร?’

 

‘อย่างเช่นถ้าเราตาย ก็ไม่จำเป็นต้องมากังวลว่าจะมีคนในครอบครัวมาร่ำไห้ยังไงล่ะ’

 

‘นั่นมันข้อได้เปรียบบ้าบออะไรกัน .. ‘

 

‘ทำไม? มันไม่ดีหรือ ลองคิดดูนะ ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ฝ่าบาทเห็นคนอื่นๆกำลังเศร้าโศกเพราะตนเอง ฝ่าบาทก็จะเศร้าโศกไปด้วย แต่ความได้เปรียบของเราก็คือ พวกเราจะสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนั้นที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้’

 

‘ … แล้วแบบนี้ สิ่งที่ตัวเรากำลังเผชิญอยู่ มันพอจะเรียกว่าเป็นข้อได้เปรียบเช่นเดียวกันหรือเปล่านะ?’

 

‘แน่นอนอยู่แล้วฝ่าบาท’

 

ลอร่าอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว

 

ที่บอกว่าได้เปรียบ 

 

ดูเหมือนว่าเขาจะพูดจริงสินะ …

 

ไม่อย่างนั้นแล้ว บุรุษผู้นี้ คงมิกล้ากระโจนเข้าหากองทัพภูตินับพันหมื่นเช่นนี้หรอก

 

ค่ายกลดาบของเขาก็ได้ถูกใช้ไปแล้ว เรียกได้ว่าตอนนี้เขาไม่สามารถกดดันฝ่ายตรงข้ามได้อย่างสมบูรณ์!

 

เมื่อคิดเกี่ยวกับมัน ลอร่าก็ค่อยๆลืมเลือนความโศกเศร้าของตัวเองไป

 

เธอจิกริมฝีปาก เบนสายตากลับมาสบกับอีเลีย ผงกหัวให้อีกฝ่ายเล็กน้อย

 

“เราพร้อมแล้ว”

 

แม้จะยังมีน้ำตา แต่เธอก็เปล่งเสียงออกมาด้วยความหนักแน่น

 

อีเลียโน้มกายลงทันที คุกเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าลอร่า

 

แล้วทันใดนั้น ทหารพิทักษ์ทั้งหมดก็ลงจากหลังม้า และคุกเข่าลงรอบๆลอร่าเช่นกัน

 

“ลอร่า นับจากนี้ไป ท่านคือกษัตรีย์แห่งวิหคหนามที่แท้จริง” อีเลียกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

 

“ทรงพระเจริญ!”

 

ทหารพิทักษ์ทั้งหมดโค้งหัวลง และตะโกนพร้อมกัน

 

ลอร่ามองทหารที่อยู่รอบกาย ก่อนจะกลับมามองที่อีเลีย

 

อีเลียถอดเกราะหัวของเธอ เผยรอยยิ้มแย้มบนใบหน้าให้กับลอร่า

 

ลอร่าสูดลมหายใจลึก และพยายามควบคุมอารมณ์ของเธอ

 

ในที่สุด ดวงตาของเด็กสาวก็เลื่อนตกลงตรงร่างบนม้าทมิฬ

 

เธอปาดน้ำตาที่ไหลรินอยู่บนใบหน้าของตัวเอง

 

ท่ามกลางการคุ้มครองของสายพันธุ์โบราณนับหลายสิบ ต่อหน้าทหารพิทักษ์แห่งอาณาจักรหนาม ลอร่าได้กลับสู่ความสงบอีกครั้ง

 

เธอกล่าวอย่างเฉียบขาด “นับตั้งแต่วันนี้ เราจะไม่ร้องไห้อีกต่อไป”

 

“เราจะนำพาผู้คน เอาชนะศัตรูทั้งหมดทั้งมวลที่ขวางทางอยู่เบื้องหน้า”

 

“เราจะปกป้องประเทศของเรา ดินแดนของเรา ปกป้องผู้คนและทุกๆสิ่งทุกอย่าง!”

 

“ในฐานะ กษัตรีย์แห่งวิหคหนาม!”