พ่อเลี่ยวกำลังช่วยเจี่ยซิ่วฟางแก้ไหมพรมที่พันกัน พ่อเลี่ยวเป็นคนแกะ ส่วนเจี่ยซิ่วฟางเอามาม้วนเก็บ ทั้งสองคนเห็นลูกชายคนโตของบ้านเดินไปเดินมาเหมือนถูกไฟลนก้น
เจี่ยซิ่วฟางสะกิดพ่อเลี่ยว “ฟู่กุ้ยเป็นอะไรน่ะ”
“ไม่รู้สิ”
“หรือจะมีแฟนแล้ว” พอพูดเรื่องนี้เจี่ยซิ่วฟางก็ตื่นเต้นทันที
“เมื่อเช้าแม่ผัวเชี่ยนเอ๋อโทรหาฉันบอกว่าไปเจอผู้หญิงที่ประวัติดีมาอีกแล้ว สาวๆกลุ่มนี้ใช้ได้ อายุเหมาะสม คัดมาแล้วจากในโรงพยาบาล แม่ผัวเชี่ยนเอ๋อเลือกมาให้ส่วนนึง พี่สะใภ้ใหญ่ของเชี่ยนเอ๋อก็เลือกมาอีกส่วนนึง เรื่องแต่งงานของฟู่กุ้ยต้องรีบจัดการแล้ว ถ้ารออีก…ไม่แน่อาจต้องหาแม่ม่ายแล้วล่ะ”
พ่อเลี่ยวมองคู่ชีวิตของตัวเองด้วยท่าทางนิ่งๆ “หาให้ได้ก็พอ มีลูกติดก็ไม่เป็นไร”
เรื่องแต่งงานของนายเลี่ยวฟู่กุ้ย พ่อแม่ยอมลดเงื่อนไขมาเหลือแค่หาให้ได้เป็นพอ ไม่ต้องอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต
“เดี๋ยวฉันจะลองโทรหาเชี่ยนเอ๋อดูว่ามีเพื่อนที่พอจะแนะนำให้บ้างไหม ฉันล่ะกลุ้มใจจริงๆ”
การหาทางแก้ปัญหาเรื่องแต่งงานของลูกชายอายุมากเป็นเรื่องที่พ่อแม่ทุกคนต้องทำ เลี่ยวฟู่กุ้ยการศึกษาสูง ใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัยนาน เพิ่งออกมาทำงานได้สองปี กำลังจะกลายเป็นผู้ชายอายุมากที่ยังไม่ได้แต่งงาน
พ่อเลี่ยวเห็นลูกชายตัวเองหลังจากที่เดินกระวนกระวายอยู่สักพักก็จัดการเอาชาดอกเก๊กฮวยที่เพื่อนเก่าเขาให้มาใส่ถุง จากนั้นก็เล็งมือไปที่ของดีที่เขาเก็บไว้มานาน
“ลูกชายจะเอาอันนั้นไปทำไม” นั้นคือราชาดอกเก๊กฮวยสีทอง เมื่อหย่อนลงไปในน้ำร้อนจะบานออกมาขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสิบกว่าเซนติเมตร ซึ่งก็บานเต็มกาพอดี ของแบบนี้เก็บได้แค่ไม่กี่ดอกในไร่ชาดอกเก๊กฮวย เพื่อนให้เขามาหนึ่งห่อ เขาแบ่งไว้ให้เสี่ยวเชี่ยนครึ่งหนึ่งเรียบร้อยแล้ว แต่ลูกชายโง่กลับจะเอาอีกครึ่งห่อไป
“พ่อ พ่อเป็นผู้ชาย ดื่มชาดอกไม้มากๆไม่ดีหรอก” ยกให้สาวนุ่มนิ่มเถอะ ผมอยากให้เขาอารมณ์ดีขึ้น~
“……” พ่อเลี่ยวมองเจี่ยซิ่วฟางอย่างจนใจ “บางทีเราอาจไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องแต่งงานของเจ้าหนุ่มนี่แล้วล่ะ”
พูดแบบนี้ก็แสดงว่าจะเอาไปให้สาว
ประธานเชี่ยนรู้สึกว่าวันนี้ตัวเองทำเต็มที่แล้ว
วันนี้ไม่เพียงแต่เธอจะตอบโต้ครอบครัวหม่าได้สำเร็จ ล้างสมองหลิวเหมย ยั่วโมโหอาเหม็ด ยังได้ลองใจฟู่กุ้ยด้วยว่าเขาแคร์หลิวเหมยหรือเปล่า เอาความสุขของตัวเองตั้งอยู่บนพื้นฐานการแกล้งคนรอบตัว วันนี้ประธานเชี่ยนอารมณ์ดีสุดๆ
พอเงยหน้าก็เห็นผักกาดขาวจอมซื่อของบ้าน หลิวเหมยอยากรู้มากว่าเสี่ยวเชี่ยนพูดอะไรกับฟู่กุ้ย แต่ก็ไม่กล้าถาม ประธานเชี่ยนเห็นแล้วก็ชอบใจ
“หลิวเหมย หมอดูที่ทำนายดวงเธอเอาไว้—”
“เขาเป็นอาจารย์ของฉันค่ะพี่”
“ก็ได้ อาจารย์เธอตกลงทำนายไว้ว่าจะให้เธอแต่งงานกับเลี่ยวฟู่กุ้ยให้ได้หรือจะให้แต่งงานกับเลี่ยวฟู่กุ้ย”
อวี๋หมิงหลางกับสุ่ยเซียนเกือบหัวเราะออกมา นี่ จงใจพูดผิดเหรอ
พูดผิดขนาดนี้ใครก็ฟังออก แต่กลับมีคนฟังไม่ออกอยู่ด้วย คนๆนั้นก็คือหลิวเหมย เธอตอบเสี่ยวเชี่ยน
“อาจารย์บอกว่าปีนี้ฉันต้องแต่งงาน แต่ไม่ได้บอกว่าต้องแต่งกับพี่ฟู่กุ้ย แต่ได้ยินว่าดูเหมือนเนื้อคู่จะเป็นคนมีการศึกษา…เดี๋ยวนะ พี่ฟู่กุ้ยเหรอ”
อยู่ๆหน้าก็แดง หา ทำไมเธอพูดชื่อพี่ฟู่กุ้ยออกไปได้
“อ้อ~~พี่ฟู่กุ้ยยยย” ทุกคนพากันลากเสียงยาว หลิวเหมยหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม
“พวกพี่เลิกล้อฉันซะที ฉันมีแฟนแล้วนะ ห้ามล้อเล่นส่งเดชแบบนี้”
“ทำไมถึงจะล้อเล่นไม่ได้ แฟนเธอคนนั้นน่ะไม่พูดถึงยังจะดีซะกว่า พอพูดขึ้นมาพี่ก็ปวดขี้ทันที มีใครบ้างที่ไม่ดีไปกว่ามัน พี่ว่าฟู่กุ้ยออกจะดี”
อวี๋หมิงหลางพูดจาสั้นๆ ตรงๆ เข้าใจง่าย เขาพูดจบเสี่ยวเชี่ยนกับสุ่ยเซียนก็พยักหน้า
“นั่นสิ พี่ชายพี่ออกจะดี แต่งกันไปแม่สามีก็แม่พี่เอง ไม่ต้องกลัวจะโดนแม่สามีดุด่าด้วย เธอบอกว่าการศึกษาดีเหรอ พี่ฟู่กุ้ยเป็นถึงดอกเตอร์ ก็พอดีเลยไม่ใช่เหรอ”
เสี่ยวเชี่ยนแสดงจุดยืนเดียวกับอวี๋หมิงหลาง ถ้าจะพูดเรื่องการศึกษาดี นอกจากเสี่ยวเชี่ยนแล้วก็ฟู่กุ้ยนี่แหละ หากจะว่ากันจริงๆ เสี่ยวเชี่ยนยังเรียนไม่เยอะเท่าเลี่ยวฟู่กุ้ยเลยด้วยซ้ำ เพราะพอเธอจบดอกเตอร์ก็มุ่งหน้าไปทางเงินลูกเดียว
แต่ฟู่กุ้ยไม่เหมือนกัน หลังจากนี้เขานอกจากจะเป็นนักนิติจิตวิทยาแล้วยังเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาในมหาวิทยาลัยด้วย เป็นคนที่มีความรู้มากจริงๆ บ่มเพาะนักนิติจิตวิทยาเก่งๆออกมาไม่น้อย
พวกเสี่ยวเชี่ยนยิ่งแซวหลิวเหมยก็ยิ่งหน้าแดง หัวใจเต้นแรงด้วยความเขิน รู้สึกว่าการล้อเล่นแบบนี้มันเกินไป ทำไมต้องยกพี่ฟู่กุ้ยคนซื่อมาล้อเล่นด้วย
“ถ้าพวกพี่ยังไม่หยุดฉันจะโกรธจริงๆแล้วนะ พวกพี่เห็นพี่ฟู่กุ้ยเป็นอะไร พี่เขาอุตส่าห์ใจดีเอาของกินมาให้พวกเราบ่อยๆ แล้วทำไมพวกพี่เอาเขามาล้อเล่นจับคู่มั่วๆแบบนี้”
“มั่วยังไง เขาเอาของกินมาให้ พวกพี่ก็แค่แนะนำสาวให้ มันไม่ดีตรงไหน”
“นั่นสิ นี่พี่ยอมให้เลยนะ เห็นแก่ที่เขาเข้ากันได้ดีกับแม่ยายแล้วก็น้องเมียพี่ พี่เลยไม่จับผิดเท่าไร ถ้าเป็นคนทั่วไปมาจีบน้องสาวล่ะก็มีท้าต่อยแน่—ส่วนไอ้หม่าลุ่ยนั่น ช้าเร็วพี่จะหาโอกาสไปอัดมัน”
อวี๋หมิงหลางยังคงจดจ่อกับเรื่องนี้
ปกติเขาอยู่แต่ในค่ายทหาร ถึงจะมีเวลาไปเยี่ยมแม่ยายกับน้องเมียบ้าง แต่เวลาก็จำกัด ช่วงสองปีมานี้เลี่ยวฟู่กุ้ยทำหน้าที่ของลูกชายได้ดี ดังนั้นต่อให้อวี๋หมิงหลางจะจับผิดคนอื่นแต่คงไม่จับผิดเลี่ยวฟู่กุ้ย โดยเฉพาะเมื่อมีหม่าลุ่ยมาเทียบให้เห็นกันจะๆแบบนี้ รู้สึกเลยว่าเลี่ยวฟู่กุ้ยน่ารักกว่าเยอะ
“ฉันไม่คุยกับพวกพี่แล้ว ไปแล่ว” หลิวเหมยเถียงสู้คนพวกนี้ไม่ได้ เดินหนีทั้งที่หน้าแดงกล่ำ
“เชี่ยนเอ๋อ ไม่ไปปลอบหน่อยเหรอ” สุ่ยเซียนถามเสี่ยวเชี่ยน
“เซ้าซี้มากไปไม่ดี แค่นี้ก็พอแล้ว” เสี่ยวเชี่ยนเต็มไปด้วยความมั่นใจ ดูจากอาการหลิวเหมยก็ไม่ได้รังเกียจฟู่กุ้ย ไม่อย่างนั้นคนร่าเริงอย่างหลิวเหมยคงแกล้งหัวเราะแล้วพูดล้อเล่นกลับแล้ว
หน้าแดงอีกทั้งยังเหมือนโกรธ อาการแบบนี้ของผู้หญิงก็แสดงว่าฟู่กุ้ยพอมีโอกาส
เสี่ยวเชี่ยนเริ่มคาดหวัง ถ้าฟู่กุ้ยฮึดสู้หน่อย พรุ่งนี้แฟนของหลิวเหมยอาจมีเปลี่ยนคน
วันต่อมาเสี่ยวเชี่ยนยังนอนอยู่ อวี๋หมิงหลางไปซื้ออาหารเช้าให้เสี่ยวเชี่ยน สุ่ยเซียนนั่งกินอาหารเช้ากับหลิวเหมยที่เพิ่งกลับจากวิ่งตอนเช้า กินไปได้ครึ่งทางก็มีคนเคาะประตู
“ฉันไปเปิดเองค่ะ พี่อาจจะกลับมาแล้ว” หลิวเหมยเดินไปเปิดประตู
ผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าประตูถือถุงใหญ่ถุงน้อยเต็มมือ แต่ไม่ใช่อวี๋หมิงหลาง
“โอ๊ะ พี่ฟู่กุ้ย”
หลิวเหมยนึกไม่ถึงว่าจะเป็นเลี่ยวฟู่กุ้ยจึงตกใจเล็กน้อย เมื่อวานเธอรู้ว่าวันนี้เลี่ยวฟู่กุ้ยจะมา แต่ไม่คิดว่าจะมาเช้าขนาดนี้ นี่มันเช้ามากเลยนะ
พี่สะใภ้ยังไม่ตื่นเลย
เลี่ยวฟู่กุ้ยได้กลิ่นมะนาวที่คุ้นเคยทันที
“พี่มาหาเชี่ยนเอ๋อ”
“พี่สะใภ้ยังไม่ตื่นค่ะ”
“งั้นพี่ก็มาหาเธอ”
พูดออกไปแล้วก็แอบเสียใจ
เลี่ยวฟู่กุ้ยอยากจะตบปากตัวเอง ทำไมพูดอะไรไม่ผ่านสมองก่อนนะ ใจคิดแบบนั้นแต่พูดออกไปตรงๆได้ยังไง พูดอ้อมๆหน่อยก็ได้ แบบนี้ก็ไปต่อไม่ถูกเลย
โชคดีที่สมองหลิวเหมยออนไลน์อยู่ ไม่ได้พูดคำพูดที่ทำให้บรรยากาศกระอักกระอ่วนมากกว่าเดิมอย่าง ‘มาหาฉันทำไมคะ’ แต่เธอเอียงตัวให้เลี่ยวฟู่กุ้ยที่หิ้วของเต็มไม้เต็มมือเดินเข้าบ้าน หลังจากที่เมื่อวานเสี่ยวเชี่ยนพูดล้อเล่นเรื่องนั้น ตอนนี้เวลาหลิวเหมยมองเลี่ยวฟู่กุ้ยกลับรู้สึกเกร็งๆ มันแปลกๆตรงไหนชอบกล