บทที่ 517 ศพทุกย่างก้าว + บทที่ 518 ข้าจะจ่ายให้เอง

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 517 ศพทุกย่างก้าว

การหายตัวไปของหนานกงเยี่ยนมีผลต่อหนิงเมิ่งเหยาอย่างมาก หากนางไม่นึกถึงผลที่จะตามมา นางคงส่งคนจากทงเป่าไจไปโจมตีเหมียวเจียงแล้ว

หนิงเมิ่งเหยาโอบเอวเฉียวเทียนช่างไว้โดยไม่รู้ตัว ราวกับว่านางรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาได้เมื่อทำเช่นนี้

เขาโน้มลงจูบหน้าผากหนิงเมิ่งเหยา มุมปากเขายกยิ้มเล็กๆ “ไม่ช้าคงจะมีข่าวมา เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะนำคนไปเหมียวเจียง” หนานอวี่และหนานชีอาจจะได้ล้างแค้นด้วยพอดี

หนิงเมิ่งเหยาส่ายศีรษะ “ข้าอยากไปด้วย”

เฉียวเทียนช่างไม่เห็นด้วยกับนาง “เหยาเหยา ข้าเข้าใจว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ แต่เรามีซางเอ๋อร์อยู่ด้วย”

ถ้าหนิงเมิ่งเหยามาด้วย ใครจะดูแลเฉียวโม่ซาง

หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อบุตรชาย นางดูลำบากใจ

“อย่ากังวลไปเลย ข้าจะพาท่านพ่อตากลับมาอย่างปลอดภัย เชื่อใจข้าเถิด” เฉียวเทียนช่างกล่าวอย่างแผ่วเบาข้างหูหนิงเมิ่งเหยา

หนิงเมิ่งเหยาอ้าปากค้าง สุดท้ายนางก็พยักหน้า “ข้าเชื่อเจ้า”

วันแห่งการรอคอยช่างนานจนแทบทนไม่ไหว แต่ในระหว่างที่รอก็มีคนมาหานางด้วย ทำให้สีหน้าหนิงเมิ่งเหยาดูไม่ดีนัก

เซียวฉีเทียนขมวดคิ้ว “มีคนมาสืบเรื่องที่ร้านขายของเล่นเด็ก ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังลอบสร้างความวุ่นวายดูเหมือนว่าอยากจะได้ร้านของเรา”

หนิงเมิ่งเหยาแสยะยิ้ม มีคนกล้ามาหาเรื่องพวกนางหรือ เตรียมตัวล่มจมเสียเถิด

“เสี่ยวเหยาเอ๋อร์ ให้เราจัดการเรื่องนี้เอง” พวกเขาได้เงินมามากเพราะร้านนี้ ในเมื่อตอนนี้เกิดปัญหา พวกเขาย่อมต้องให้ความช่วยเหลือ

หนิงเมิ่งเหยาส่ายศีรษะ “ไม่จำเป็น ข้าจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”

อวี้เฟิงกะพริบตาปริบๆ เขาหันไปมองเหมยรั่วหลินที่ประหลาดใจพอกัน “นี่ข้าฟังผิดไปหรือไม่ เสี่ยวเหยาเอ๋อร์บอกว่านางจะจัดการเอง”

เหมยรั่วหลินมองสามีของนางอย่างพูดไม่ออก “เจ้าจะฟังผิดไปได้อย่างไร”

“เสี่ยวเหยาเอ๋อร์ไม่ได้ลงมือเองมานานแล้ว ข้าจะตั้งตารอเลย” อวี้เฟิงกะพริบตาแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง

นับตั้งแต่หนิงเมิ่งเหยาเข้ามาดูแล นางลงมือจัดการเองเพียงครั้งหรือสองครั้ง และทุกครั้งมักจะมีศพอยู่ในทุกย่างก้าว

ดูท่าคนพวกนี้จะโชคไม่ดีเอาเสียเลย

นางไม่สบายใจเพราะหนานกงเยี่ยนหายตัวไป ใครจะรู้ว่ามีคนพยายามมาก่อปัญหาเอาตอนนี้อีก

นี่ไม่ต่างอะไรกับการวิ่งเข้าหาคมดาบเองเลยมิใช่หรือ

เซียวฉีเทียนกะพริบตาปริบๆ จ้องอวี้เฟิงและคนอื่นๆ อย่างสงสัยก่อนจะถาม “เหยาเหยาลงมือเองน่ากลัวมากหรือ”

“สี่คำ”

“ศพทุกย่างก้าว”

เหมยรั่วหลินและอวี้เฟิงประสานเสียง ทำให้เซียวฉีเทียนอึ้งไป เขาพลอยหันไปมองยังหญิงแสนสง่าในอ้อมแขนของเฉียวเทียนช่าง

“เมิ่งเหยา ตอนนั้นเจ้าทำอะไรลงไป” ทั้งสองถึงได้พูดเช่นนั้น

หนิงเมิ่งเหยาทำหน้าตาใสซื่อมองคนทั้งสอง “ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย”

เหมยรั่วหลินตากระตุก นางกลอกตาใส่หนิงเมิ่งเหยา “ยังจะกล้าพูดอีกหรือว่าเจ้าไม่ได้ทำอะไร ปีนั้นเสี่ยวเหยาเอ๋อร์อายุสิบสาม มีบุตรของตระกูลฐานะปานกลางคนหนึ่ง อำนาจตระกูลเขาใหญ่ไม่เบา”

“แล้วคนผู้นั้นทำอะไร” เซียวฉีเทียนถามขึ้นมาด้วยความใคร่รู้

“ชายคนนั้นหยอกเย้าเสี่ยวเหยาเอ๋อร์ เขาวางแผนจะคว้าตัวนางกลับบ้านไปเป็นอนุภรรยา แต่เขาโดนเสี่ยวเหยาเอ๋อร์หักขาเอา นางเกือบจะฆ่าคนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลนั้นทั้งหมด” เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น เหมยรั่วหลินก็พูดเสียงเบา

ในตอนนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลนั้นตัดความสัมพันธ์ได้ทันเวลา เกรงว่าจะมีผู้โชคร้ายอีกมาก

เซียวฉีเทียนตาโต จ้องมองหนิงเมิ่งเหยา “ตระกูลจ้าวใช่หรือไม่”

เหมยรั่วหลินพยักหน้า “ใช่แล้ว”

เซียวฉีเทียนมองหนิงเมิ่งเหยา เปลือกตาเขากระตุกไม่หยุด

ตอนนั้นเขาก็เคยได้ยินเรื่องนี้ แล้วสงสัยยิ่งนักว่าใครช่างเก่งกาจถึงขนาดกำจัดตระกูลจ้าวได้ สุดท้ายก็มีคนมากมายพัวพันอยู่ด้วย

ในตอนนั้นบังเอิญเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ท่านพี่ของเขายึดอำนาจ ตระกูลจ้าวเป็นตระกูลที่ยากจะจัดการ แต่เพราะได้หนิงเมิ่งเหยา ท่านพี่ของเขาจึงแย่งอำนาจมาจากตระกูลจ้าวได้ง่ายๆ

“เจ้ารู้ได้อย่างไร” หนิงเมิ่งเหยาถามอย่างประหลาดใจ

“ชั้นนั้นแล้ว ชวี่เฟิงต้องมาขอบใจเจ้าจริงๆ” เฉียวเทียนช่างกล่าวด้วยรอยยิ้ม

บทที่ 518 ข้าจะจ่ายให้เอง

หนิงเมิ่งเหยากะพริบตาอีกหลายครั้ง “เจ้ากำลังพูดถึงอะไร”

เฉียวเทียนช่างเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตอนที่เซียวชวี่เฟิงเพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ หลังจากฟังจบ หนิงเมิ่งเหยาก็ขมวดคิ้ว นางคิดได้เพียงว่าช่างเป็นเรื่องบังเอิญยิ่งนัก

“เป็นเช่นนั้นนี่เอง”

“เจ้าสืบมาหรือยังว่าใครเป็นคนร้าย” หนิงเมิ่งเหยาเอนกายเข้าหาอ้อมแขนของเฉียวเทียนช่างแล้วหรี่ตาขณะเอ่ยถาม

“มีความเกี่ยวข้องกับเมืองหลิง เจ้าจะต้องดีใจแน่ที่ได้ยินข่าวอื่น” มุมปากของเซียวฉีเทียนยกโค้งเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

หนิงเมิ่งเหยาปรายตามองเซียวฉีเทียนเป็นนัยให้เขารีบพูด

“คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือคนจากเหมียวเจียง” เซียวฉีเทียนไม่ปล่อยให้นางรอเก้อ เขาบอกตามตรง

เขาพูดถูกแล้ว รอยยิ้มบนหน้าหนิงเมิ่งเหยายิ่งเด่นชัดพอได้ยินเช่นนั้น

“อ้อ จริงหรือ ท่าทางคงไม่ต้องตามหาต่อแล้ว” หนิงเมิ่งเหยาพึมพำ นางกำลังตามหาคนพวกนี้ พวกเขาบังอาจมายุ่งกับกิจการของนาง คราวนี้นางก็จะได้คิดบัญชีทั้งใหม่และเก่าเข้าด้วยกัน

“อำนาจที่เราเจออยู่ตอนนี้คือกลุ่มกิจการชื่อดัง จะเอาชนะพวกเขานั้นไม่ง่ายนัก” เซียวฉีเทียนขมวดคิ้ว กล่าวด้วยความกังวล

ทว่าอวี้เฟิงกลับส่ายศีรษะแล้วกล่าวอย่างผิดหวัง “ของพรรค์นั้นไม่มีค่าให้แลหรอก”

กระทั่งพวกเขาเองยังบอกไม่ได้แน่นอนว่าทงเป่าไจมีกำลังแท้จริงเพียงใด นี่เป็นเพียงกลุ่มกิจการเล็กๆ ถ้าพวกนางลงมือ ก็เรียกได้ว่าง่ายเหมือนดีดนิ้ว

เซียวฉีเทียนมองอวี้เฟิง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

“หมายความว่าเจ้ารอดูเรื่องสนุกได้เลย เหตุนองเลือดในปีนั้นจะกลับมาเกิดขึ้นต่อหน้าพวกเจ้าทุกคนอีกครั้ง” เขามั่นใจว่าหนิงเมิ่งเหยาไม่มีทางปล่อยคนพวกนั้นไปแน่

เป็นความจริง หนิงเมิ่งเหยาไม่คิดจะปล่อยให้พวกนั้นรอดไปได้

“ไปกันเถอะ เราจะเดินทางไปเมืองหลิง” หนิงเมิ่งเหยาเหยียดกายแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

ชิงเซวียนดินเข้ามา สีหน้าสงบนิ่ง “คุณหนูขอรับ มีบางอย่างเกิดขึ้นที่จวนของผู้สำเร็จราชการ”

สีหน้าผ่อนคลายของหนิงเมิ่งเหยาหายไปในทันใด “เกิดอะไรขึ้น”

“ตั้งแต่มีเรื่องเกิดขึ้นกับท่านผู้สำเร็จราชการ เมืองหลิงก็เริ่มเล่นงานจวนของผู้สำเร็จราชการขอรับ”

“ดี ดีมาก” สายตาหนิงเมิ่งเหยาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา

“ทางด้านหนานกงเยว่มีข่าวอะไรบ้างหรือไม่”

“ไม่เลยขอรับ” ชิงเซวียนส่ายศีรษะ

หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง เฉียวเทียนช่างที่อยู่ข้างกายนางก็กล่าวว่า “ข้าเกรงว่าหนานกงเยว่จะกลายเป็นหมากที่ใช้แล้วทิ้ง”

หนิงเมิ่งเหยารู้ว่าเฉียวเทียนช่างหมายถึงอะไร นางคงประหลาดใจถ้าหนานกงเยว่ยังคงได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้แห่งเมืองหลิงหลังจากที่มีเรื่องต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย

“มีเรื่องอื่นด้วย ตอนนี้ค่อนข้างมั่นใจได้แล้วว่าเมืองหลิงกับเหมียวเจียงมีความสัมพันธ์อันเหนียวแน่น” เฉียวเทียนช่างพูดพร้อมกับมองหนิงเมิ่งเหยา

ถ้าที่นั่นไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเหมียวเจียง ข่าวเรื่องหนานกงเยี่ยนหายตัวไปคงไม่แพร่ไปถึงเมืองหลิงเร็วขนาดนี้

ต้องมีคนที่รู้ว่าพวกเขากำลังสืบเรื่องนี้อย่างลับๆ เช่นกันเพราะพวกเขาไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้ออกไป

แล้วเมืองหลิงจะรู้ได้อย่างไรถ้าไม่มีใครพูด ดังนั้นย่อมมีความเป็นไปได้อยู่อย่างเดียว คนจากฝั่งเหมียวเจียงบอกเมืองหลิงเรื่องหนานกงเยี่ยนเอง

หนิงเมิ่งเหยาทุบโต๊ะด้วยมือข้างเดียว นางเงยหน้าขึ้นมองเหมยรั่วหลินและสามี “พี่เหมย พี่เขย ช่วยข้าหน่อย”

“ว่ามา”

“ขอให้พวกท่านกลับไปเมืองหลิงก่อน ใช้กำลังทั้งหมดที่มีในเมืองหลิงปกป้องจวนผู้สำเร็จราชการ ท่านจะตัดกำลังเศรษฐกิจของเมืองหลิงก็ได้ถ้าจำเป็น”

เหมยรั่วหลินและอวี้เฟิงชะงักไป แต่แล้วก็พากันผงกศีรษะ “ตกลง เราเข้าใจแล้ว” ดูท่าครั้งนี้หนิงเมิ่งเหยาจะเดือดดาลจริง ไม่อย่างนั้นนางคงไม่คิดจะทำให้เศรษฐกิจเมืองหลิงเสียหาย

“เทียนช่าง เจ้าช่วยขอให้ชวี่เฟิงทำอะไรให้ข้าทีได้หรือไม่” หนิงเมิ่งเหยาหันไปหาเฉียวเทียนช่าง

“บอกข้ามา แล้วข้าจะจัดการเรื่องนั้นเอง” เซียวฉีเทียนกล่าวพร้อมตบอกตัวเอง

“ให้กองทัพกดดันตรงชายแดน ข้าจะจ่ายค่าการทหารให้เอง” หนิงเมิ่งเหยายกยิ้ม

นางอยากเห็นว่าเมืองหลิงจะจัดการจวนผู้สำเร็จราชการต่อไปได้อย่างไร ถ้าต้องเจอกับความอลหม่านทั้งในเมืองและการโจมตีจากนอกเมือง

“เจ้าวางแผนการไว้ใหญ่เพียงใด” เซียวฉีเทียนอดทำท่าทีใหญ่โตไม่ได้

หนิงเมิ่งเหยาเลิกคิ้ว “เมืองที่ถูกตีจะกลายเป็นของเมืองเซียว ส่วนถ้าจะทำให้พวกประชาชนสงบลง ข้าช่วยเรื่องนั้นได้” หมายความว่าเซียวชวี่เฟิงเพียงต้องร่วมมือกับหนิงเมิ่งเหยา แล้วเขาจะได้รับผลประโยชน์มหาศาลโดยที่ไม่ต้องเสียเงินเลย