บทที่ 284 เป็นราคาอีกเรื่องหนึ่ง

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 284 เป็นราคาอีกเรื่องหนึ่ง!

นี่คือดวงจิตของหอคอยเทพสงครามหรือ

ฉีเซ่าเสวียนใจสั่นไหว ช่างอ่อนโยนเหมือนในคำเล่าลือจริงๆ

เขายืนอย่างเฉยชา เอ่ยเสียงราบเรียบว่า “ดวงจิตหอคอย ช่วยอธิบายกฎเวทีประลองให้ข้าฟังอย่างละเอียดได้หรือไม่”

เสียงดวงจิตหอคอยดังขึ้นอีกครั้ง “ยินดีที่ได้แนะนำให้ท่าน”

“เวทีประลองเทพสงครามอยู่ใจกลางหอคอยเทพสงคราม ในนั้นเก็บร่างโอรสสวรรค์ของโลกเซียนและมนุษย์ไว้มากมาย บนเวทีประลองแห่งนี้ ท่านจะประลองกับโอรสสวรรค์ที่มีรูปแบบการต่อสู้ต่างๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้ เพิ่มพูนประสบการณ์การต่อสู้ของท่านได้

กฎโดยละเอียดมีดังนี้ ท้าสู้โอรสสวรรค์หนึ่งดาว เมื่อชนะจะได้รับวิชาหรือมรดกวิชาระดับหนึ่งดาว หากพ่ายแพ้จะหักสิบแต้มเทพสงคราม”

“…”

“ท้าประลองโอรสสวรรค์สี่ดาว เมื่อชนะจะได้รับวิชาหรือมรดกวิชาระดับสี่ดาว หากแพ้จะหักสามร้อยแต้มเทพสงคราม การท้าประลองโอรสสวรรค์ห้าดาว หกดาวหรือเจ็ดดาว เมื่อชนะจะได้วิชาระดับห้า หกและเจ็ดดาว เมื่อแพ้จะหักแต้มเทพสงครามพันแต้ม

แต้มเทพสงครามจะแลกมาจากทรัพยากรอย่างศิลาวิญญาณ สมบัติวิเศษ หรือโอสถได้ อัตราส่วนคร่าวๆ หนึ่งแต้มเทพสงครามเท่ากับสิบผลึกวิญญาณ หรือเท่ากับหนึ่งหมื่นศิลาวิญญาณ”

…….

เขาฟังดวงจิตหอคอยอธิบายเงียบๆ พลางยืนยันข้อมูลที่ได้ฟังมาจากเฉินจงเทียนทีละอย่าง ฉีเซ่าเสวียนก็พอจะเข้าใจคร่าวๆ แล้ว

เขามองไปยังศิลาเทพสงครามสองข้างเวทีประลอง พบว่าบนศิลาโบราณแกะสลักนามที่มีพลังเข้มแข็งไว้

ศิลาโบราณที่ค่อนข้างใหญ่และเก่าแก่เรียบง่ายนั้นแผ่กลิ่นอายที่ผ่านโลกมาเนิ่นนานและสูงส่งโดดเด่นยิ่งกว่า

ส่วนศิลาโบราณที่ขนาดค่อนข้างเล็กนั้น มองดูแล้วมีพลังกดดันยิ่งกว่า

ฉีเซ่าเสวียนไม่รีบร้อนท้าประลอง แต่พิจารณารายนามดาวเด่นเทพสงครามด้วยความแปลกใจ

“ศักยภาพของฟางฉางไม่ด้อยไปกว่าข้าตอนแก่นพลังทองเก้ารอบ ไม่นึกเลยว่าจะได้แค่ที่สองในรายนามดาวเด่นเทพสงคราม”

เมื่อเห็นนาม ‘ข่งเมิ่ง’ อันดับหนึ่งในรายนามดาวเด่นเทพสงครามแล้ว ฉีเซ่าเสวียนก็เกิดจติต่อสู้ขึ้นในใจ “ธิดาสวรรค์อันดับหนึ่งแห่งดินแดนทักษิณ”

หากมีโอกาสก็อยากจะสู้กับนางอย่างดุเดือด!

แต่เทียบกับข่งเมิ่งที่อยู่ไกลในดินแดนทักษิณแล้ว ฉีเซ่าเสวียนอยากเอาชนะเสิ่นเทียนมากกว่า

เขาเอ่ยถาม “ดวงจิตหอคอย โลกข้างนอกเล่าลือกันว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนเป็นโอรสสวรรค์เจ็ดดาวเพียงหนึ่งเดียว นี่เป็นความจริงหรือไม่”

เสียงดวงจิตหอคอยดังขึ้นช้าๆ “บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนเลือกปิดอันดับของตนเอง ไม่อยู่ในรายนามดาวเด่นเทพสงครามและรายนามรวมเทพสงคราม หลักการเดิมของหอคอยเทพสงครามจะเคารพสิทธิ์ส่วนตัวของโอรสสวรรค์ทุกคน ไม่ให้เผยอันดับเกี่ยวกับเขา”

ฉีเซ่าเสวียนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะถามต่อว่า “เช่นนั้นตอนที่แซ่ฉีท้าประลองโอรสสวรรค์ ก็มีโอกาสจะจับคู่เจอเขาได้หรือไม่”

ดวงจิตหอคอยเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะตอบอย่างมั่นใจ “เป็นไปได้”

ฉีเซ่าเสวียนขบคิดในหัว เขารู้สึกรางๆ ว่าดวงจิตหอคอยนี่เหมือนจะไม่ได้เป็นกันเองอย่างที่ข้างนอกเล่าลือกัน

‘หรือเป็นเพราะแซ่ฉีมีดวงชะตาสูงส่งเหนือธรรมดา ดังนั้นหอคอยเทพสงครามจึงมองข้าสูงกว่าหรือ’

ความคิดหมุนวนอยู่ในใจ ฉีเซ่าเสวียนหยั่งเชิงถามอีก “เช่นนั้น มีทางใดให้ข้าแซ่ฉีสู้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนหรือไม่”

ดวงจิตหอคอยตอบนิ่งๆ ว่า “ตามหลักการเดิมแล้ว การเดิมพันในหอคอยเทพสงครามจะเป็นการสุ่ม ปกติจะไม่ให้กำหนดเดิมพัน”

หลักการเดิมว่าไว้ ปกติจะไม่รับหรือ

ฉีเซ่าเสวียนตาเป็นประกายขึ้นมา เขาเองก็ไม่ใช่คนไร้สมอง ย่อมรู้ว่านี่หมายความว่าเจรจากันได้!

เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉีเซ่าเสวียนก็รีบพูด “เอาความจริงแล้วกัน ข้าแซ่ฉีอยากประลองกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนมาตลอด หวังว่าดวงจิตหอคอยจะเมตตา”

ดวงจิตหอคอยพูดด้วยความจนปัญญา “คือว่า วงโคจรของหอคอยเทพสงครามก็มีกฎเกณฑ์ หากจะแหกกฎก็ต้องใช้พลังงานมหาศาล”

ฉีเซ่าเสวียนกัดฟันพูด “แซ่ฉียินดีจ่ายเป็นสองเท่า ไม่สิ จ่ายราคาห้าเท่าเพื่อต่อสู้เดิมพันกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน”

ดวงจิตหอคอยพูดเสียงนุ่มนวล “ไม่พอ อย่างน้อยต้องสิบเท่า หรือก็คือหนึ่งหมื่นแต้มเทพสงคราม”

หนึ่งหมื่นแต้มเทพสงคราม!

นี่หมายความว่าอย่างไร? นี่เท่ากับผลึกวิญญาณแสนก้อนน่ะสิ

แม้จะเป็นราคาของอาวุธวิญญาณระดับสูงสุดชิ้นหนึ่งก็ไม่เกินราคานี้ กระทั่งใกล้กับอาวุธเตรียมอริยะแล้ว

ควรรู้ไว้ว่าต่อให้รวมทรัพย์สินทั้งหมดของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ไร้สังกัดบางส่วนแล้วก็ยังไม่มีผลึกวิญญาณแสนก้อนเลย นี่คือจำนวนมหาศาล!

แต่สำหรับฉีเซ่าเสวียน ราคานี้ไม่ถือว่าเจ็บเส้นเอ็นและกระดูก ถึงอย่างไรเขาก็มีดวงชะตาสวรรค์เสริมมาตลอดยี่สิบปี มีโชคลิขิตมากมาย

“ช่างเถอะ แซ่ฉียอมรับราคานี้ได้!”

ฉีเซ่าเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “เพียงแต่ทางบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะไม่รู้ใช่หรือไม่!”

ดวงจิตหอคอยหัวเราะ “ขอให้ท่านวางใจ หอคอยเทพสงครามให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของลูกค้ามากที่สุด จะไม่เผยเรื่องส่วนตัวของท่านเด็ดขาด”

ขณะเดียวกัน บนเมฆสูงเก้าชั้นฟ้า เสิ่นเทียนที่กำลังกดเอ๋าปิงและไม่รู้จะทำอย่างไรพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฉีเซ่าเสวียนจะท้าประลองข้าหรือ”

ส่งแกะอ้วนมาให้เฉยเลย ไม่เชือดก็คงจะเสียเปล่า! เสิ่นเทียนจึงตอบไปอย่างแน่วแน่ “เชือดมัน!”

ในหอคอยเทพสงคราม ฉีเซ่าเสวียนไม่รู้เลยว่าตัวเองโดนขายแล้ว

เมื่อได้ยินคำพูดจริงใจจากดวงจิตหอคอย ฉีเซ่าเสวียนก็ถอนหายใจโล่งอก เริ่มเทสมบัติจากแหวนเก็บของออกมาข้างนอก “เช่นนั้นก็แลกสามหมื่นแต้มเทพสงครามก่อนแล้วกัน!”

สามหมื่นแต้มเทพสงคราม?

เสียงดวงจิตหอคอยเป็นมิตรมากขึ้นเรื่อยๆ “ตกลง ขอให้ท่านรอสักครู่ ข้าจะคำนวณมูลค่าสมบัติพวกนี้ของท่านทันที”

อาวุธวิญญาณ สมุนไพร และสมบัติลับหายไปในอากาศ เปลี่ยนเป็นแต้มเทพสงครามของฉีเซ่าเสวียน

ไม่นาน ในบัญชีของฉีเซ่าเสวียนก็มีสามหมื่นแต้มเทพสงครามเพิ่มมา

“ขอเรียนถามว่าท่านจะท้าประลองกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เลยหรือไม่”

…….

ฉีเซ่าเสวียนขบคิด แม้เขาจะมั่นใจในตัวเองมาก แต่ตอนนี้อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่มากจริงๆ

สู้รังแกโอรสสวรรค์ห้าดาวหาความรู้สึกฝึกมือก่อนจะดีกว่า รอพลังไร้พ่ายบ่มเพาะขึ้นมาใหม่แล้วค่อยตัดสินสูงสุดกับร่างเงาของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉีเซ่าเสวียนก็พูดนิ่งๆ ว่า “จับคู่โอรสสวรรค์ห้าดาวให้แซ่ฉีมาฝึกมือก่อน!”

“โอรสสวรรค์ห้าดาวอยู่ในการจับคู่…จับคู่เสร็จสิ้น เริ่มการต่อสู้เดิมพัน!”

พลันปรากฏแสงไฟสว่างจ้าขึ้นบนเวทีประลองเทพสงคราม จากนั้นรวมขึ้นเป็นร่างเงาเหยียดตรงร่างหนึ่ง

นั่นคือชายหนุ่มร่างกำยำสวมเกราะนักรบสีแดง เขาแบกคันศรใหญ่ที่มีเปลวไฟลุกท่วมข้างหลัง ตรงเอวห้อยลูกธนูสีแดงอมทองเก้าดอก ทุกส่วนแผ่กลิ่นอายพลังแข็งแกร่ง

“จู๋รื่อชนรุ่นหลังของเผ่าเทพคันศร ขอให้สหายชี้แนะด้วย”

ง้าวมังกรสวรรค์ในมือฉีเซ่าเสวียนขยับแสงเทพสีแดง แววตามองจู๋รื่อราวกับสายฟ้า

เขารู้สึกได้ว่าโอรสสวรรค์คนนี้มีศักยภาพไม่อ่อนแอเลย กระทั่งพูดได้ว่าแกร่งกว่าโอรสสวรรค์ส่วนใหญ่ที่เขาเคยเอาชนะมา

อย่างน้อยคนพวกนั้นในรายนามแก่นพลังทองดินแดนบูรพา ฉีเซ่าเสวียนก็รู้สึกว่ามีแค่บุตรพุทธะขู่ตัวที่สูสีกับเขาได้

สมกับเป็นหอคอยเทพสงคราม แค่โอรสสวรรค์ห้าดาวก็มีศักยภาพของอันดับสามในรายนามแก่นพลังทองแล้วหรือ

น่าเสียดายเมื่ออยู่ต่อหน้าแซ่ฉี ศักยภาพอันน้อยนิดนี้ยังไม่เพียงพอเลย!

“ไอม่วงจากบูรพาสามหมื่นลี้ ง้าวมังกรแปดทิศสะท้านห้าดินแดน!”

ฉีเซ่าเสวียนตะโกนเสียงดัง พลันปรากฏไอม่วงไม่มีสิ้นสุดขึ้นข้างหลังเขา ไม่ใช่แค่ปกคลุมเขาไว้ทั้งตัว แต่ยังรวมขึ้นเป็นชุดเกราะสีม่วงสวยงาม

เดิมทีเกราะมังกรดำบนตัวฉีเซ่าเสวียนก็ค่อนข้างองอาจไม่ธรรมดาแล้ว ตอนนี้มีไอม่วงปกคลุม ทำให้ดูสูงส่งไม่อาจกล่าวยิ่งกว่าเดิม

อำนาจคุกคามมหาศาลแผ่กระจายมาจากตัวฉีเซ่าเสวียน กระทั่งกดดันให้จู๋รื่อถอยไปสามก้าว

“อำนาจคุกคามแข็งแกร่งมาก แต่คนที่เปล่งแสงสว่างมีคนเดียวก็พอแล้ว!”

คันศรใหญ่เปลวไฟพุ่งขึ้นฟ้า ปล่อยเปลวไฟล้นฟ้าออกมา สว่างจ้าแสบตาราวกับหงส์อาบไฟ

ลูกธนูสีแดงอมทองใส่ในคันศร ถึงกับได้ยินเสียงวิหคเทพร้องรางๆ ในมวลอากาศ ทำให้คนหวาดกลัวและหนาวสั่น

ลูกศรเทพออกจากคันศรพลันกลายเป็นลำแสงแห่งกฎเกณฑ์พุ่งเข้าใส่ฉีเซ่าเสวียน

กระทั่งความเร็วยังทำให้ฉีเซ่าเสวียนมองไม่ทันเล็กน้อย

เห็นได้ชัดมากว่า ‘ชนรุ่นหลังของเผ่าเทพคันศร’ ที่ว่านี่ได้รับสืบทอดวิชาคันศรสังหารที่น่ากลัวอย่างยิ่งมา ลูกธนูทุกดอกแทบจะมากพอให้สังหารศัตรูข้ามระดับขั้น

“เขตแดนม่วงประทาน!”

ฉีเซ่าเสวียนหรี่ตาลง เอาง้าวมังกรสวรรค์ปักลงดิน

เขาประนมสองมือประสานมุทราลึกลับอย่างยิ่ง ก่อนแก่นพลังทองสว่างจ้าจะลอยออกมา

บนแก่นพลังทองนั้นจะเห็นลายเทพลึกลับยากจะคาดเดาสิบสาย นี่หมายถึงแก่นพลังทองสิบรอบที่ข้ามผ่านขีดจำกัดไป!

เมื่อแก่นพลังทองกับไอม่วงหลอมรวมกัน ไอม่วงมหาศาลนั้นพลันรวมขึ้นเป็นเขตแดนแก่นพลังทองที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ปกคลุมตัวฉีเซ่าเสวียนไว้

ลูกศรสีแดงอมทองนั้นเดิมทีเร็วจนคนตามจับไม่ทัน ทว่าเมื่อมันพุ่งเข้ากลางเขตแดนไอม่วงของฉีเซ่าเสวียน ไม่นานก็เจอกับขีดจำกัด

ความเร็วสุดยอดทำลายได้ทุกอย่างจริงๆ แต่โลกนี้ไม่มีความเร็วสุดยอดที่ว่านั่น

“แกร่งมาก แต่รับมือกับแซ่ฉีนั้นยังไม่พอ!”

ฉีเซ่าเสวียนเพ่งสมาธิมอง จากนั้นคว้าง้าวมังกรสวรรค์ฟันลูกธนูสีแดงอมทองจนหัก

จากนั้นตัวเขาในเขตแดนม่วงประทานก็เหมือนกลายเป็นมังกรฟ้าตัวหนึ่ง พุ่งทะยานเข้าใส่จู๋รื่อชนรุ่นหลังเผ่าเทพคันศร

วิชาโบราณเผ่ามังกรทะเลเหนือ…เก้าก้าวมังกรทระนง!

กรรซ์~

เมื่อเหยียบหนึ่งก้าวก็เกิดเสียงมังกรร้องดังขึ้นในมวลอากาศ ร่างเงามังกรวนเวียนรอบตัวฉีเซ่าเสวียน

เดินก้าวที่สอง เสียงร้องมังกรในอากาศค่อยๆ ชัดขึ้น ผิวกายฉีเซ่าเสวียนมีไอมังกรสีดำวนเวียน กลิ่นอายพลังพุ่งขึ้นสูง

ก้าวที่สาม เสียงร้องมังกรสูงและดังขึ้น ก้าวที่สี่ บนเวทีประลองมีแต่เงามังกรเต็มไปหมด!

ฉีเซ่าเสวียนรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามีพลังสูงส่งประหนึ่งย่อแผ่นดินเป็นนิ้ว สี่ก้าวก็มาอยู่ตรงหน้าจู๋รื่ออย่างฉับพลัน ก่อนจะชูง้าวมังกรขึ้นสูง

“เหตุใดถึงเร็วเช่นนี้!”

จู๋รื่อม่านตาหดแคบลง เพิ่งจะง้างลูกศรเทพที่สามในคันศร ยังไม่ทันยิงด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ทันกาลแล้ว

ตนเป็นนักธนู การโดนโอรสสวรรค์ระยะประชิดอย่างฉีเซ่าเสวียนเข้าถึงตัว ก็คงไม่ต้องห่วงผลลัพธ์แล้ว

คันศรหักกับลูกธนูตกลงบนเวทีประลอง กลายเป็นจุดแสงหายไป

ฉีเซ่าเสวียนมีดวงตาเร่าร้อนขึ้นมา เขารู้สึกมีความมั่นใจกลับมาแล้ว

ตอนนี้ฟ้าใสในใจเขา สายฝนในใจก็หยุดลงเช่นกัน ความเชื่อมั่นและความไร้พ่ายกลับมาอีกครั้ง

……

“ยินดีด้วยบุตรศักดิ์สิทธิ์หนุ่ม ท่านเอาชนะโอรสสวรรค์ห้าดาวจู๋รื่อได้สำเร็จ ตามกฎของหอคอยเทพสงคราม ท่านมีสิทธิ์เลือกมรดกระดับห้าดาวหนึ่งวิชา

ขณะเดียวกันก็ขอแสดงความยินดีกับท่านด้วยว่า จากการสรุปผลงานการต่อสู้ของท่าน ข้าจึงประเมินท่านเป็นโอรสสวรรค์ห้าดาวชั่วคราว

เมื่อเป็นโอรสสวรรค์ห้าดาว ท่านจะเลือกติดอันดับในรายนามเทพสงครามหรือจะฝึกฝนต่อก็ได้ แต่หากต่อไปแสดงผลงานได้ยอดเยี่ยมกว่าเดิม บางทีอาจได้เลื่อนเป็นโอรสสวรรค์หกดาว

บุตรศักดิ์สิทธิ์หนุ่มเอ๋ย ขอให้ท่านพยายามต่อไป!”

เมื่อเสียงดวงจิตหอคอยดังขึ้น มรดกเปล่งประกายแสงสว่างวาบก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าฉีเซ่าเสวียน

แต่ฉีเซ่าเสวียนกลับไม่เผยรอยยิ้ม เพราะระดับของโอรสสวรรค์ห้าดาวยังไม่ห่างไกลมากที่จะทำให้เขาพึงพอใจ

ตอนนี้เขาฟื้นฟูสภาพกลับมาพอประมาณแล้ว ถึงเวลาที่จะเปิดถ่ายทอดสด พิสูจน์เส้นทางไร้พ่ายของข้าแล้ว!

ฉีเซ่าเสวียนพูดด้วยดวงตาวาววับ “การต่อสู้ครั้งต่อไป แซ่ฉีจะขอถ่ายทอดสด!”

ดวงจิตหอคอยเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับ “ท่านเลือกที่จะถ่ายทอดสดการฝึกฝนปกติหรือการต่อสู้แบบเดิมพันกับโอรสสวรรค์คนอื่นได้ แต่การนัดท้าประลองกับร่างเงาของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนจะให้ถ่ายทอดสดไม่ได้”

ฉีเซ่าเสวียนอึ้งไป “เพราะอะไร”

ดวงจิตหอคอยตอบ “เพราะการกำหนดต่อสู้เป็นไปอย่างเปิดเผย หากมีคนสงสัยว่าใช้เส้นสาย ก็อาจจะส่งผลที่ไม่ดีได้”

ฉีเซ่าเสวียนขมวดคิ้วมุ่น ที่เขามาฝึกฝนในหอคอยเทพสงครามก็เพื่อถ่ายทอดสดการท้าสู้กับโอรสสวรรค์ที่แกร่งที่สุด

แต่การท้าสู้กับเสิ่นเทียนก็เป็นเรื่องดีที่เหนือความคาดหมาย หากเอาชนะเสิ่นเทียนต่อหน้าทุกคน ฉีเซ่าเสวียนรู้สึกว่าเส้นทางไร้พ่ายของตนจะก้าวหน้าไปอย่างมาก

แต่ดวงจิตหอคอยพูดมาก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล ถึงอย่างไรการถ่ายทอดสดสู้กับร่างเงาเสิ่นเทียนกับแอบสู้กับร่างเงาเสิ่นเทียนก็ต่างกัน

ฉีเซ่าเสวียนสูดลมหายใจเข้าลึก “แซ่ฉียินดีจ่ายในราคาสิบเท่า ดวงจิตหอคอยพอจะละเว้นให้ได้หรือไม่”

ดวงจิตหอคอยเงียบไป

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ฉีเซ่าเสวียนกังวลขึ้นมาแล้ว

ผ่านไปนาน เสียงดวงจิตหอคอยถึงดังขึ้นอีกครั้งว่า “ตามหลักการเดิมแล้วไม่ได้ แต่ว่า…หากบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงยืนหยัด เช่นนั้นก็เป็นราคาอีกเรื่องหนึ่ง”

…………………………………………………