บทที่ 285 โอรสสวรรค์หกดาวคนที่สองในรอบหมื่นปี

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 285 โอรสสวรรค์หกดาวคนที่สองในรอบหมื่นปี!

แก๊ง~

เสียงชัดเจนดังสนั่นทั้งเมืองเล็กหอคอยเทพสงคราม

“เฮ้ย สหาย ได้ยินหรือไม่ วันนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงจะฝ่าด่านในหอคอยเทพสงคราม”

“ได้ยินมานานแล้ว ยังเช้าอยู่รีบไปหาที่นั่งก่อนเถอะ ไปช้าจะแย่งตั๋วไม่ได้!”

“ไม่รู้ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงจะไปได้กี่ชั้นในหอคอยเทพสงคราม จะเป็นโอรสสวรรค์หกดาวในตำนานได้หรือไม่”

“โอรสสวรรค์หกดาวเกินไปหน่อยกระมัง! ถึงอย่างไรหมื่นปีมานี้ในศิลาเทพสงครามก็เคยปรากฏโอรสสวรรค์หกดาวแค่คนเดียว นั่นคือจักรพรรดิฮวงสือ”

“ไม่ใช่แค่หนึ่งกระมัง! ไม่ได้ยินหรือว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนเป็นโอรสสวรรค์เจ็ดดาวน่ะ กระทั่งมีคนบอกว่าเขาเป็นแปดดาวเก้าดาวด้วยซ้ำ”

“สหาย ข่าวลือปากซอยท้ายซอยพวกนั้นเจ้าก็เชื่อรึ เจ้ารู้หรือไม่ว่าโอรสสวรรค์แปดดาวหมายถึงอะไร โอรสสวรรค์แปดดาวเกินจริงไป ถึงอย่างไรจักรพรรดิฮวงสือก็อยู่เพียงหกดาว

ข้าว่านะ ระดับของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จริงๆ น่าจะโอรสสวรรค์หกดาว นี่ก็น่าตกใจมากแล้ว”

“เฮ้ย บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงจะฝ่าด่านไม่ใช่รึ ไฉนพวกเจ้าถึงคุยเรื่องบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนกัน”

“ก็ใครให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หล่อเหลากว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงกัน ศักดิ์ยังสูงกว่า! กดอยู่เหนือบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงทุกทางเลย!”

“นี่ ถ้าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยินดีถ่ายทอดสดการฝ่าด่านหอคอยเทพสงครามเมื่อไร ข้าจะให้รางวัลเขาหมดตัวเลย”

“เอาด้วยๆ ข้าก็เช่นกัน! พอมาคิดเช่นนี้ การถ่ายทอดสดของบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็น่าเบื่อขึ้นมาเลย”

……..

แม้ฉีเซ่าเสวียนจะเสียหน้าใต้ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แต่ก็เป็นอย่างที่เฉินจงเทียนคาดการณ์ไว้ กระแสของเขาไม่ได้รับผลกระทบเพราะเรื่องนี้มากนัก

ถึงอย่างไร แม้จะโดนกดในด้านการแบ่งรุ่นอาวุโส แต่ไม่ได้หมายความว่าฉีเซ่าเสวียนโดดเด่นไม่พอ บอกได้เพียงว่าเขาออกจากบ้านมาไม่ดูปฏิทินโหราศาสตร์เท่านั้น

ในทางตรงข้าม ผลงานที่ฉีเซ่าเสวียนสู้สามคนด้วยตัวคนเดียวใต้ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์กลับทำให้เขามีชื่อเสียงมากกว่าเดิม

ก็เป็นอย่างที่ฉีเซ่าเสวียนพูดไว้ ฟางฉางกับจางอวิ๋นซีแสดงกำลังรบออกมาเหนือกว่าบุตรพุทธะขู่ตัวไปแล้ว

คนตาดีจะมองออกว่าข้างหลังสองคนยังมีจางอวิ๋นถองคอยบัฟพลังให้พวกเขาอยู่

แต่แม้จะอยู่ในสภาพการณ์เช่นนี้ ฉีเซ่าเสวียนก็ยังไม่ได้พ่ายแพ้ให้กับสามคน

กำลังรบเช่นนี้คือระดับไร้พ่ายในรุ่นเดียวกันอย่างแน่นอน!

ตอนนี้ฉีเซ่าเสวียนกำลังถ่ายทอดสดในหอคอยเทพสงคราม สำหรับผู้บำเพ็ญเซียนส่วนใหญ่แล้วเป็นการตัดสินที่สุดยอดและยากจะพานพบได้ในร้อยปี

หากโชคดีจะได้ตระหนักรู้เล็กน้อยจากการชมถ่ายทอดสด นี่ก็มากพอจะใช้ได้ทั้งชีวิตแล้ว!

เรื่องดีเช่นนี้ย่อมไม่อยากพลาดไป ดังนั้นในครึ่งชั่วยามสั้นๆ จึงมีคนมาเข้าแถวเต็มด้านนอกหอคอยเทพสงคราม

พวกเขาต่างใช้สมบัติล้ำค่าแลกเป็นแต้มเทพสงคราม จากนั้นถูกหอคอยเทพสงครามเคลื่อนย้ายเข้าไปในมิติเสมือนในหอคอย เตรียมชมการประลอง

ดวงจิตหอคอยผู้ดูแลยังเตรียมเก้าอี้นอนสบายๆ ให้ทุกคนตามคำแนะนำของเสิ่นเทียน พยายามบริการให้ดีที่สุด

…..

ไม่นาน ‘มิติผู้ชม’ ที่เยี่ยฉิงชางร่างขึ้นมาแบบพิเศษก็มีคนนั่งกันเต็ม

พวกเขานอนเอนบนเก้าอี้อย่างสบายใจ อากาศตรงหน้าบิดรูปช้าๆ กลายเป็นกระจกใสที่รวมขึ้นจากแสงม่วง

ในกระจกนั้น พวกเขาเห็นบุรุษผู้องอาจสวมชุดเกราะลายมังกรสีดำคนหนึ่ง เขานั่งขัดสมาธิ วางง้าวมังกรสวรรค์ขวางไว้บนตัก

แม้จะมองผ่านมิติ ทุกคนยังรู้สึกถึงอำนาจคุกคามแก่กล้าที่แผ่มาจากตัวชายคนนี้

สมกับเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ราชาไร้มงกุฎแห่งดินแดนบูรพา วางอำนาจต่อใต้หล้าจริงๆ!

“ข้าปรับลมหายใจเสร็จแล้ว ส่งโอรสสวรรค์ห้าดาวมาอีกคนเถอะ!”

ฉีเซ่าเสวียนรู้ว่าตอนนี้มีคนกำลังมองตนอยู่ จึงกลับมาทำหน้าโอหังพูดน้อยอีกครั้ง

เขาไม่ได้ท้าประลองเสิ่นเทียนตรงๆ เพราะหอคอยเทพสงครามใจดำเพิ่มราคาอีกแล้ว ต้องได้สามหมื่นแต้มเทพสงครามถึงจะท้าประลองเสิ่นเทียนได้

สามหมื่น นั่นหมายถึงอะไร?

ต้องรู้ว่าโอรสสวรรค์ห้าดาว หกดาว และเจ็ดดาว ขอแค่มีพันแต้มเทพสงครามก็ต่อสู้เดิมพันได้แล้ว

การท้าประลองกับเสิ่นเทียนครั้งเดียว มากพอจะท้าประลองโอรสสวรรค์เจ็ดดาวได้ถึงสามสิบรอบ!

และที่สำคัญกว่านั้นคือ เขาไม่มั่นใจเต็มสิบว่าจะชนะ…

ใช่ ฉีเซ่าเสวียนใจฝ่อนิดๆ

ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เขาก็เคยเห็นผลงานของเสิ่นเทียนมาแล้ว ไม่อยากเชื่อว่าจะใช้ศีรษะต้านเคราะห์สวรรค์ได้

แม้ฉีเซ่าเสวียนจะต้านอานุภาพของเคราะห์สวรรค์นั้นได้เช่นกัน แต่ศีรษะแข็งไม่ได้หมายความว่าจะมีกำลังรบแข็งแกร่งเสมอไป แต่ก็ยังทำให้ฉีเซ่าเสวียนกลัว

เขามองเสิ่นเทียนเป็นศัตรูตัวฉกาจ เป็นศัตรูเก่าแล้ว

อะไรคือศัตรูตัวฉกาจกับศัตรูเก่า นั่นคือคู่ต่อสู้ที่ทำให้ฉีเซ่าเสวียนรู้สึกกดดันได้อย่างแท้จริง

เขาไม่มั่นใจว่าตนจะชนะเสิ่นเทียนได้ หากพ่ายแพ้ สามหมื่นแต้มเทพสงครามก็ต้องสลายไป

นั่นคือผลึกวิญญาณสามแสนก้อนเชียว! หากแพ้ขึ้นมาจริงๆ ผู้อริยะยังปวดใจ

ดังนั้น ฉีเซ่าเสวียนจึงตัดสินใจจะถ่ายทอดสดลองท้าประลองกับโอรสสวรรค์ห้าดาวกับหกดาวก่อน

……..

“กำลังรวมร่างเงา รวมร่างเงาเสร็จสิ้น เริ่มการฝ่าด่าน!”

แสงสีดำปรากฏขึ้นบนเวทีประลองเทพสงคราม ขณะเดียวกันยังปรากฏชายชุดดำขึ้น

แต่ชุดคลุมดำของเขาต่างกับเกราะมังกรดำของฉีเซ่าเสวียนอย่างสิ้นเชิง นั่นคือผ้าคลุมเงามืดสีดำ

ใบหน้าชายคนนี้ถูกปิดด้วยหน้ากากสีม่วง เผยเพียงดวงตาหยั่งลึกสองข้าง เขาแอบมองฉีเซ่าเสวียนเหมือนกับสังเกตเหยื่อ

“นักฆ่าเผ่าเงา อิ่งลู่ ข้ารับใช้เพื่อเงามืด ความว่างเปล่าคือบัญญัติของข้า ขอรับชีวิตเจ้าไปแล้วกัน~”

เสียงเฉยชาไร้คลื่นอารมณ์เหมือนดังมาจากขุมนรก แหบแห้งทำให้คนขนพองสยองเกล้า แม้แต่ผู้ชมยังรู้สึกหนาวไปทั้งตัว

นี่ไม่ได้คิดไปเอง แต่เป็นกลิ่นอายสังหาร!

สุดยอดนักฆ่าที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะรวมกลิ่นอายสังหารออกมาได้

แต่ตอนที่นักฆ่าเช่นนี้แผ่กลิ่นอายสังหารออกมา ก็ได้เริ่มช่วงเวลาการล่าขึ้น

หากเป็นเหยื่อที่มีจิตใจไม่แกร่งพอ ภายใต้ไอสังหารมืดฟ้ามัวดินนี้คงจะจิตใจปั่นป่วนอย่างรุนแรง ถึงตอนนั้นก็จะเผยช่องโหว่ให้โดนนักฆ่าในเงามืดปลิดชีพในครั้งเดียว

ทันทีที่เสียงดังขึ้น อิ่งลู่หายไปจากบนเวทีประลอง นั่นคือวิชาท่าร่างที่แกร่งที่สุดอย่างหนึ่ง อำพรางร่างในเงามืดได้ หากเป้าหมายไม่ระวังก็จะปลิดชีพในทันที การเก็บเกี่ยวของนักฆ่าเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น

ประสิทธิภาพการถ่ายทอดสดของเยี่ยฉิงชางทำได้สมจริงมากจริงๆ ทำให้คนรู้สึกเหมือนอยู่ในนั้น

ตอนนี้ทุกคนเหมือนยืนบนเวทีประลอง สัมผัสไอสังหารที่ลอบจู่โจมเข้ามาจากสี่ทิศ

พวกเขาขนลุกขึ้นมา คนที่มีระดับพลังอ่อนแอและจิตใจไม่แน่วแน่พอถึงกับตัวสั่น

ถึงอย่างไรสำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญส่วนใหญ่แล้ว โอรสสวรรค์ห้าดาวก็เรียกได้ว่าไร้พ่าย!

เวลานี้ทุกคนต่างเริ่มสนทนากัน

“นักฆ่าโอรสสวรรค์ห้าดาวนี่แข็งแกร่งมาก หากข้าเจอเขา เกรงว่าคงจะถูกสังหารในพริบตา”

“ดีเลวอย่างไรข้าก็เป็นผู้สูงศักดิ์ดวงจิตดรุณผู้ยิ่งใหญ่ ไฉนถึงรู้สึกว่าถ้าเจอกับเจ้าเด็กแก่นพลังทองนี่แล้ว จะต้านไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียวล่ะ”

“ไอสังหารเช่นนี้ เกรงว่าคงมีผู้สูงศักดิ์ตายตกในมือเขาไม่ต่ำกว่าร้อยกระมัง! ข้ารู้สึกว่าเขาเหมือนจะอันตรายกว่าโอรสสวรรค์ห้าดาวปกติอีก”

“โอรสสวรรค์ของโลกเซียนน่ากลัวเช่นนี้จริงๆ หรือ ขนาดตำแหน่งยังหาไม่พบ บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงจะชนะเขาได้จริงๆ หรือ”

………

ฉีเซ่าเสวียนกลางเวทีประลองเทพสงครามกลับไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย

ชิ้ง!

ง้าวมังกรสวรรค์ปักลงพื้นอย่างแรง ทั้งเวทีประลองพลันสั่นไหวขึ้นมา รอยแยกลุกลามออกไป

แก่นพลังทองสิบลายเหนือศีรษะฉีเซ่าเสวียนหมุนเอื่อยๆ ไอม่วงเข้มข้นวนเวียนรอบตัวเขา ห่อหุ้มเขาไว้อย่างแน่นหนา

เขตแดนม่วงประทาน!

ยอดวิชาป้องกันที่มีชื่อเสียงของแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงนี้แกร่งกว่าเขตแดนของผู้จริงแท้ระดับแก่นพลังทองปกติเกินสิบเท่า

หากวางเขตแดนม่วงประทาน มีผู้ฝึกบำเพ็ญในระดับพลังเดียวกันน้อยคนมากที่จะทำลายลงได้ เรียกได้ว่าเป็นยอดวิชาป้องกันที่สุดของดินแดนบูรพา

ไม่อยากเชื่อว่าจะถูกบีบให้ใช้เขตแดนม่วงประทาน หรือว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงจะถูกกำราบลงกัน?

ผู้ชมทุกคนต่างกลั้นหายใจ เหมือนมีความรู้สึกร่วมด้วย

ชิ้ง~

เสียงทะลวงสายลมที่เบาจนแทบไม่ได้ยินดังขึ้นในความว่างเปล่า

กริชที่มีประกายแสงหม่นสีม่วงเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นข้างหลังบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงในพริบตา

ตอนที่มันลากผ่านเขตแดนม่วงประทาน ไอม่วงมหาศาลพลันถูกฉีกออก แทบจะขวางกั้นไว้ไม่ได้เลย

อาบยาพิษ ทะลวงการป้องกัน แทงข้างหลัง!

นี่คือวิชาสังหารที่สุดแห่งยุค ผูกกันเป็นวงโคจร

หากกริชนี้กรีดโดนเนื้อหนังของบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง อิ่งลู่จะถอยไปทันที แล้วรอให้พิษออกฤทธิ์กับเหยื่อจนอ่อนแรง จากนั้นค่อยจัดการเขา นี่ก็คือวิถีของนักฆ่า

หลักการง่าย แต่ผ่านการทำมาเป็นร้อยครั้งจึงไม่พลาด เพราะความรวดเร็ว!

หากเร็วถึงจุดสูงสุด ก็ไม่ต้องใช้การโจมตีที่พลิกแพลงไปมาใดๆ เลย

เมื่อเสียงทะลวงสายลมดังขึ้น กริชลากผ่านเขตแดนม่วงประทานไปทั้งหมด

ตอนนี้วินาทีต่อมา คมอาบพิษนั้นจะแทงเข้าไปในกายของฉีเซ่าเสวียน

ทันใดนั้น อิ่งลู่เกิดสัญญาณเตือนในใจ ฝืนดึงกริชกลับมา ไอสังหารรอบตัวหุบเข้าไปทั้งหมด

ผ้าคลุมบนตัวขยับแสงมืดหม่น ทั้งตัวเขาหายเข้าไปในอากาศอีกครั้ง

“ถือว่ามีความตื่นตัวอยู่บ้าง น่าเสียดายที่สายเกินไปแล้ว!”

กรรซ์~

เสียงมังกรคำรามดังขึ้นบนเวทีประลอง กรงเล็บมังกรดำสีพุ่งมาจากอากาศ

ฉีก!

เงาดำร่างหนึ่งถูกฉีเซ่าเสวียนจับได้จากในอากาศ พบว่ามือขวาเขากลายเป็นกรงเล็บมังกรสีดำ กดตรงคอหอยของอิ่งลู่อย่างมั่นคง

อีกทั้งตรงระหว่างคิ้วเขายังมีลูกตาสีม่วงตั้งตรงดวงหนึ่ง กำลังสลายแสงหม่นสีม่วงโดยรอบออกไป

“การอำพรางของเจ้าอ่อนด้อยนัก ไม่ได้สร้างอำนาจคุกคามให้ข้าสักนิด”

ฉีเซ่าเสวียนบีบคอหอยของอิ่งลู่แตกอย่างเฉยชา สีหน้าไม่สุขไม่ทุกข์ ราวกับสังหารมดปลวกเท่านั้น

เวลานี้ ผู้ชมทุกคนเลือดร้อนขึ้นมาแล้ว

ฉีเซ่าเสวียนเห็นอักษรลอยขึ้นมาจากรอบๆ เวทีประลองเทพสงครามทีละแถว

จากคำอธิบายของหอคอยเทพสงคราม อักษรพวกนั้นเหมือนจะส่งมาจากผู้ชม เรียกว่าเป็นความคิดเห็น

“สุดยอด! ไร้พ่าย! นักฆ่าแกร่งเช่นนี้ยังโดนบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงสังหารในทีเดียว สวยงาม!”

“คนอยู่เทพสวรรค์ เพิ่งเข้าชมถ่ายทอดสด ข้าคือจื่อสู่จิงศิษย์สายตรงแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ข้าจะประกาศเรื่องนี้ให้ทุกคนรู้อย่างแน่นอน”

“เมื่อครู่บุตรศักดิ์สิทธิ์ใช้ยอดวิชาที่ยากจะมีใครฝึกสำเร็จในพันปีของแดนศักดิ์สิทธิ์เรา ‘เนตรสวรรค์เคหาสน์ม่วง’ ฝึกถึงระดับสูงแล้วจะมองภาพมายาทุกอย่างออก”

“นักฆ่าคนนี้คิดว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงจะใช้เขตแดนม่วงประทานป้องกัน น่าขำที่สุด บุตรศักดิ์สิทธิ์ทำเพื่อล่อศัตรูเข้ามาต่างหาก”

“ใช้ไอม่วงจากเขตแดนม่วงประทานปิดคลื่นพลังของเนตรสวรรค์ ดึงทำให้ศัตรูประมาทโจมตีเข้ามา ใช้พลังแห่งสายฟ้าสังหารนักฆ่าที่มีกำลังต่อสู้ซึ่งหน้าค่อนข้างอ่อนแอตายในทีเดียว ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ทำได้สวยงาม บุตรศักดิ์สิทธิ์ไร้พ่าย!”

‘ศิษย์สายตรงเคหาสน์ม่วง ‘จื่อสู่จิง’ มอบของขวัญให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียน หกร้อยหกสิบหกศิลาวิญญาณ’

‘ศิษย์สายตรงเคหาสน์ม่วง ‘จื่อสู่จิง’ มอบของขวัญให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียน หกร้อยหกสิบหกศิลาวิญญาณ’

เห็นได้ชัดว่าเจ้าคนชื่อ ‘จื่อสู่จิง’ นี่เป็นตัวประจบโดยแท้

อาศัยจังหวะที่ฉีเซ่าเสวียนถ่ายทอดสดการฝ่าด่านครั้งแรกมอบของขวัญให้ในการถ่ายทอดสดอย่างบ้าคลั่งเพื่อตัวเองเป็นที่สนใจ ดึงจังหวะขึ้นมาในทีเดียว

ทุกคนคล้อยตามกัน เวลานี้รอบๆ เวทีประลองของฉีเซ่าเสวียนมีเลขหกหกหกรัวลงมาอย่างบ้าคลั่ง แทบทุกคนต่างโห่ร้องให้กับฉีเซ่าเสวียน

ทำให้แม้ฉีเซ่าเสวียนจะยังมีสีหน้าเฉยชา แต่ก็รู้สึกดีในใจ ความกลัดกลุ้มในตอนแรกหายไปหมด

ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครไม่ชอบถูกยกยอ นี่ถือว่าเป็นเครื่องประดับเหมือนกัน

หอคอยเทพสงครามเป็นที่ที่ดีจริงๆ แม้การแลกแต้มเทพสงครามจะแพงมาก แต่ที่อื่นก็หาการประลองกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ไม่ได้แล้ว

และที่สำคัญกว่านั้นคือ ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉีเซ่าเสวียนเอาชนะจู๋รื่อ หอคอยเทพสงครามได้มอบมรดกห้าดาวให้เขาเลือกจำนวนมาก มรดกห้าดาวพวกนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่งทุกชิ้น มีหลายอย่างที่ทำให้ฉีเซ่าเสวียนสนใจ

จากคำอธิบายของดวงจิตหอคอย ขอแค่ฉีเซ่าเสวียนฝ่าด่านห้าดาวสำเร็จครั้งหนึ่ง ก็จะเลือกมรดกห้าดาวได้หนึ่งวิชา

อีกทั้งยังมีแต้มเทพสงคราม ไม่ถูกหัก!

หรือก็คือแม้ฉีเซ่าเสวียนจะจ่ายสมบัติไม่น้อย แต่สมบัติพวกนั้นก็ไม่ได้หายไป แค่กลายเป็นการคงอยู่อีกรูปแบบเท่านั้น

ในขั้นตอนนี้ ฉีเซ่าเสวียนไม่ใช่แค่สมความปรารถนาในการสู้กับโอรสสวรรค์โลกเซียนเท่านั้น แต่ยังได้มรดกมาด้วย

หากเลือกถ่ายทอดสด ถึงขั้นได้ของขวัญจากผู้ฝึกบำเพ็ญมากมาย ความรู้สึกแห่งเกียรติยศดังระเบิด!

ฉีเซ่าเสวียนคิดว่า…นี่คือที่ที่สมบูรณ์แบบจริงๆ!

“ยินดีด้วย บุตรศักดิ์สิทธิ์หนุ่ม ท่านเอาชนะโอรสสวรรค์ห้าดาวอิ่งลู่ได้สำเร็จ ตามกฎหอคอยเทพสงครามแล้ว ท่านมีสิทธิ์เลือกมรดกระดับห้าดาวหนึ่งวิชา

ท่านได้รับมรดกห้าดาวสองวิชาแล้ว หากท้าประลองโอรสสวรรค์ห้าดาวต่อไป จะไม่ได้รับมรดกไปมากกว่านี้อีก เมื่อเป็นโอรสสวรรค์ห้าดาว ท่านสามารถเลือกติดรายนามเทพสงครามทันที หรือจะฝ่าด่านต่อก็ได้

หากท่านเอาชนะโอรสสวรรค์หกดาวได้สำเร็จ จะมีสิทธิ์เลือกมรดกหกดาว บุตรศักดิ์สิทธิ์หนุ่มเอ๋ย ขอให้ท่านเลือกด้วย!”

เสียงของดวงจิตหอคอยดังขึ้นอีกครั้ง อ่อนโยนจนทำให้ฉีเซ่าเสวียนรู้สึกเหมือนอาบสายลมใบไม้ผลิ

ขณะเดียวกันยังทำให้จิตต่อสู้ในใจเขาเดือดพล่าน เขาเอาชนะโอรสสวรรค์ห้าดาวมาสองคนติดกันแล้ว

แม้จะมีข้อได้เปรียบด้านการ ‘ควบคุมอารมณ์แบบพิเศษ’ อันน้อยนิด แต่สรุปโดยรวมก็ยังเอาชนะได้ด้วยศักยภาพ

ในมุมมองของฉีเซ่าเสวียน โอรสสวรรค์ห้าดาวไม่อาจสร้างแรงกดดันมากพอกับเขาแล้ว ถึงเวลาเริ่มท้าประลองกับคนระดับหกดาว

“ดวงจิตหอคอย ขอให้จับคู่โอรสสวรรค์หกดาวให้แซ่ฉีด้วย!”

เสียงเย็นชาของฉีเซ่าเสวียนดังขึ้นบนเวทีประลองเทพสงคราม พลันทำให้ทุกคนเงียบลง

จากนั้นก็เป็นข้อความรัวมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงตะโกนคึกคักยิ่งกว่าเดิม

“สมกับเป็นเจ้า บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง!”

“ตอนนี้คงยังไม่มีใครเคยถ่ายทอดสดท้าประลองกับโอรสสวรรค์หกดาวมาก่อนกระมัง!”

“บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงเอาชนะโอรสสวรรค์หกดาวได้สำเร็จ จะไม่เท่ากับเป็นอันดับหนึ่งในรายนามดาวเด่นหรือ”

“ศิษย์พี่เซ่าเสวียนมีคุณสมบัติแห่งมหาจักรพรรดิ หรือไม่ควรจะอยู่อันดับหนึ่งรายนามดาวเด่นกัน ศิษย์พี่เซ่าเสวียนจะต้องเป็นโอรสสวรรค์หกดาวได้อย่างแน่นอน!”

‘บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ ‘เฉินจงเทียน’ มอบของขวัญให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าศิลาวิญญาณ’

‘บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ ‘เฉินจงเทียน’ มอบของขวัญให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าศิลาวิญญาณ’

‘บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ ‘เฉินจงเทียน’ มอบของขวัญให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าศิลาวิญญาณ’

“รวยมาก ศิลาวิญญาณหลายหมื่นก้อนยังให้ของขวัญไปได้เช่นนี้ บุตรศักดิ์สิทธิ์ก็คือบุตรศักดิ์สิทธิ์ ร่ำรวยจริงๆ”

“จะว่าไปเป็นการสุ่มคู่ต่อสู้ ไม่รู้ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงจะจับคู่เจอกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นจะต้องสุดยอดมากแน่”

“ข้าได้ยินมาว่าตามการแบ่งรุ่นแล้ว บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงต้องเรียกบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ว่าท่านปู่น้อย เดาว่าสองคนคงสู้กันในความจริงไม่ได้ แต่หากจับคู่เจอกันก็สุดยอดเลย”

“ศิษย์พี่มีความคิดดี เช่นนั้นก็ร่วมลงนามโลหิตหมื่นคนให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงปะทะกับท่านปู่น้อยของเขา! ข้าศิษย์พี่ใหญ่เทพสวรรค์ฟางฉางขอเห็นด้วยเป็นคนแรก”

‘บุตรพุทธะเสียงอัสนี ‘ขู่ตัว’ มอบของขวัญให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียนหนึ่งศิลาวิญญาณ’

‘บุตรพุทธะเสียงอัสนี ‘ขู่ตัว’ มอบของขวัญให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียนหนึ่งศิลาวิญญาณ’

‘บุตรพุทธะเสียงอัสนี ‘ขู่ตัว’ มอบของขวัญให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียนหนึ่งศิลาวิญญาณ’

“เจ้าขู่ตัว ใครให้เจ้าปลอมตัวเป็นแซ่ฟางกัน! อยากมีเรื่องรึ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะทุบตีให้เจ้าเรียกข้าว่าท่านปู่น้อยเลย”

………….

เมื่อเห็นข้อความที่ลอยขึ้นมาจากรอบเวทีประลอง ฉีเซ่าเสวียนเริ่มลำพองใจขึ้นมา

เพียงแต่เมื่อเห็นถึงช่วงหลัง รอยยิ้มบนใบหน้าเขาก็เริ่มแข็งค้าง

อะไรกัน ยังไม่จบกับคำว่าท่านปู่น้อยรึ

ฟางฉาง รอแซ่ฉีออกไปก่อน ข้าจะเอาง้าวมังกรสวรรค์ฆ่าเจ้า!

แล้วก็เจ้าซื่อขู่ตัวนั่น รู้อย่างนี้แต่แรกแซ่ฉีน่าจะเคาะหัวโล้นมันให้เป็นสับปะรดเสีย!

เอาชนะแซ่ฉีไม่ได้ โดนแซ่ฉีลากไปกับพื้น แต่กลับมาว่าร้ายแซ่ฉีในถ่ายทอดสด ทั้งยังปลอมเป็นฟางฉางมาให้ของขวัญอีก

จะว่าไปเจ้านักบวชโง่นี่เรียนลูกไม้มาจากฝ่ายพุทธพวกนั้นหรือ ไม่ดูหน่อยว่าตัวเองมีสติปัญญาพอหรือไม่

ภายนอกฉีเซ่าเสวียนสงบนิ่ง แต่ในใจเฝ้ารออย่างคลุ้มคลั่ง เสียงดวงจิตหอคอยดังขึ้นอีกครั้งว่า “กำลังจับคู่โอรสสวรรค์หกดาว…”

“กำลังรวมร่างเงา รวมร่างเงาเสร็จสิ้น เริ่มการฝ่าด่าน!”

แสงสีเขียวรวมขึ้นมา

นั่นคือร่างอรชรร่างหนึ่ง สวมชุดคลุมเขียว ก้าวดอกบัวมีลักษณะอ่อนช้อยงดงาม

“เสี่ยวชิง ชนรุ่นหลังเผ่าอสรพิษเขียว ขอคารวะสหาย”

เสียงอ่อนนุ่มเหมือนกระชากวิญญาณตัดกระดูกดังมาจากนาง มาพร้อมกับท่วงทำนองพิเศษที่ทำให้ใจคนสั่นไหว

เวลานี้ ผู้ชมทุกคนมีแววตาเคลิบเคลิ้ม สีหน้าเลื่อมใส เหมือนเจอกับความรักสุดซึ้งในชีวิตนี้ แทบจะไม่อาจคุมตัวเองอยู่

มีเพียงเจ้าหัวโล้นคนหนึ่งที่ทำหน้ามีความสุขที่เห็นคนอื่นเป็นทุกข์ “ไม่นึกเลยว่าฉีเซ่าเสวียนจะเจอกับปีศาจนี่”

ใช่ เจ้าหัวโล้นนี่ก็คือบุตรพุทธะขู่ตัว

เมื่อหลายวันก่อนเขาอาศัยจังหวะที่เจ้าพุทธะเทียนซิ่วปิดด่านบำเพ็ญแอบหนีออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีมาเที่ยวเล่นกับฟางฉางที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

ด้วยคำแนะนำของฟางฉาง บุตรพุทธะขู่ตัวจึงเติมเงินเข้าหอคอยเทพสงคราม

แน่นอนว่าเขาห้ามความอยากรู้อยากเห็นตัวเองไม่อยู่ จึงไปท้าสู้กับโอรสสวรรค์หกดาวครั้งหนึ่ง

ปรากฏว่าเจอกับเสี่ยวชิงธิดาสวรรค์เผ่าอสรพิษคนนี้ ถูกเย้าหยอกจนอนาถ ถูกนางหยอกล้อจนร้องขอไม่เอาแล้ว

ในมุมมองของขู่ตัว เจ้าฉีเซ่าเสวียนเจอกับเสี่ยวชิงคงต้องลำบากแน่ อีกทั้งยังขายหน้ายับ

ถึงอย่างไรเขากับฟางฉางก็ท้าสู้กับโอรสสวรรค์หกดาวล้มเหลว แต่นั่นถูกทุบตีเป็นการส่วนตัว ส่วนฉีเซ่าเสวียนจะถูกทุบตีต่อหน้าทุกคน

เมื่อนึกถึงภาพนั้นก็เฝ้ารอคอยอย่างยิ่ง!

……….

บุตรพุทธะขู่ตัวชะเง้อศีรษะเงาวาวออกไปสุดชีวิต อยากเห็นฉีเซ่าเสวียนถูกอัดใจจะขาด

ทว่าเขาก็ไม่เห็นภาพที่ตนอยากเห็น ตรงกันข้าม เขาเห็นฉีเซ่าเสวียนกำลังกดดันเสี่ยวชิง

เจ้านี่ไม่มีความอ่อนข้อให้สตรีสักนิดเลยจริงๆ

เกราะมังกรดำกับง้าวมังกรสวรรค์ระเบิดอำนาจมังกรพร้อมกัน ไอม่วงทั้งตัววนเวียนเป็นมังกรม่วงตัวหนึ่ง การรัวโจมตีทำให้เสี่ยวชิงถอยไปไม่หยุด

“การกดขี่ทางสายเลือด”

จางอวิ๋นถิงข้างกายบุตรพุทธะขู่ตัวพูดนิ่งๆ “ฉีเซ่าเสวียนดวงดีจริงๆ เขาเป็นพันธมิตรที่ถูกเลือกของเผ่ามังกร มีพลังมังกรดั้งเดิมของเอ๋าอูมังกรดำระดับแปดอยู่

เผ่ามังกรมีการกดขี่ทางสายเลือดอย่างยิ่งยวดกับเผ่าอสรพิษอยู่แล้ว ผนวกกับฉีเซ่าเสวียนน่าจะพอมีกำลังรบถึงธรณีประตูโอรสสวรรค์หกดาวด้วย ดังนั้นศึกครั้งนี้ถูกลิขิตแล้ว”

เหมือนจะพิสูจน์ว่าจางอวิ๋นถิงคาดเดาไม่ผิด การต่อสู้ดำเนินไปต่อเนื่องมากกว่าครึ่งชั่วยาม ง้าวมังกรสวรรค์ของฉีเซ่าเสวียนก็แทงเข้าในร่างของเสี่ยวชิงจนได้

แสงสีเขียวสลายไปช้าๆ เหลือเพียงฉีเซ่าเสวียนยืนบนเวทีประลองอย่างโอหังเพียงลำพัง

ตอนนี้นามของทุกคนในรายนามดาวเด่นเทพสงครามขยับถอยไปข้างหลังหนึ่งอันดับ นามใหม่ปรากฏขึ้นบนหัวรายนามดาวเด่น

และในรายนามรวมเทพสงคราม เป่ยเฉินเสวียนที่เดิมทีอยู่อันดับสองก็ถูกเบียดลงมาเป็นอันดับสาม ก่อนแทนที่ด้วยนามใหม่…ฉีเซ่าเสวียน!

ตอนนี้เงียบสงัด คนมากมายได้ประจักษ์ตำนานบทใหม่ โอรสสวรรค์หกดาวคนที่สองในรอบหมื่นปี…ฉีเซ่าเสวียน!

แม้ศึกครั้งนี้จะมีปัจจัยการกดขี่ทางสายเลือด แต่ดวงชะตาก็เป็นส่วนหนึ่งของศักยภาพเช่นกัน

ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ เขาฉีเซ่าเสวียนไม่ได้เพิ่งได้รับการดูแลจากสวรรค์เป็นครั้งแรก!

‘แซ่ฉีต่างหากคือตัวเอกของยุคนี้โดยแท้จริง!’

เมื่อเห็นข้อความเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะขยับแสงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ฉีเซ่าเสวียนหลับตาลงช้าๆ

เขารู้สึกว่าเลือดตนกำลังเดือดพล่าน ความเชื่อมั่นไร้พ่ายได้กลับเข้าไปในกายอีกครั้ง ตอนนี้เขาไม่เกรงกลัวสิ่งใดแล้ว!

เดิมทีฉีเซ่าเสวียนยังลังเลสับสนว่าตนควรจะจ่ายสามหมื่นแต้มเทพสงครามท้าประลองกับเสิ่นเทียนดีหรือไม่ ตอนนี้ดูแล้วเขาก็น่าขำมากจริงๆ

คนใต้หล้าขนานนามข้าฉีเซ่าเสวียนว่า ‘มีคุณสมบัติแห่งมหาจักรพรรดิ’ แม้แต่หอคอยเทพสงครามยังยอมรับให้เขาเป็น ‘โอรสสวรรค์หกดาว’

อะไรคือโอรสสวรรค์หกดาว นั่นคือขีดจำกัดสูงสุดของโลกนี้!

แม้แต่จักรพรรดิฮวงสือยังอยู่ระดับเดียวกับเขา แม้อันดับจะสูงกว่าเขาหน่อยก็ตาม

แต่ในเนื้อแท้ก็เป็นหกดาวเหมือนกัน พรสวรรค์ไม่น่าจะต่างกันมาก

มีกำลังรบเช่นนี้ยังต้องกลัวเสิ่นเทียนอีกรึ

น่าขำจริงๆ!

……..

ในที่สุด ความเด็ดเดี่ยวไร้พ่ายของฉีเซ่าเสวียนก็กลับมาแล้ว

เขาพูดในใจอย่างสงบนิ่ง “ดวงจิตหอคอย อาศัยจังหวะนี้จับคู่เสิ่นเทียนให้ข้าเถอะ!”

แต้มเทพสงครามสามหมื่นที่มีเพียงฉีเซ่าเสวียนที่เห็น สู้มาหลายครั้งก็ยังไม่ลดลง ตอนนี้ไม่กี่วินาทีกลับหายไปเท่ากับศูนย์

แสงเรืองรองห้าสีพุ่งออกมาจากห้วงอากาศบนเวทีประลองเทพสงคราม ก่อนจะรวมเป็นแสงสว่างสีทอง

ภาพปรากฏการณ์ฟ้าดินพากันปรากฏขึ้น ปรากฏการณ์จักรพรรดิอัสนี ปรากฏการณ์เทพมังกร ปรากฏการณ์กระบี่ฟ้า…

ในที่สุดแสงเรืองรองห้าสีที่ปกคลุมฟ้าดินก็เริ่มรวมตัวกัน

เด็กหนุ่มในชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองคำคนหนึ่ง…ปรากฏกายบนเวทีประลองช้าๆ

…………………………………………………….