บทที่ 286 เหตุใดบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถึงใหญ่เช่นนี้
ในที่สุดก็มาแล้วรึ
เมื่อเห็นบุรุษประหนึ่งราชาเทพหนุ่มมาเยือนโลก ยืนบนเวทีประลองอย่างโอหัง ฉีเซ่าเสวียนรู้สึกเลือดร้อนในกายขึ้นมา
นั่นเขา บุรุษคนนั้น
บุรุษที่เกือบทำให้จิตใจไร้พ่ายของเขาแตกสลาย!
เห็นๆ อยู่ว่ามีศักยภาพที่จะสู้กับแซ่ฉีในระดับสูงสุดได้ แต่กลับใช้การแบ่งรุ่นมากดขี่ข้า
ตอนนี้บนเวทีประลองเทพสงคราม ในที่สุดข้าแซ่ฉีก็มีโอกาสสู้กับเจ้าอย่างยุติธรรม ดูเถอะว่าใครคือโอรสสวรรค์อันดับหนึ่งของดินแดนบูรพา!
ฉีเซ่าเสวียนกำง้าวมังกรสวรรค์ในมือ กระทั่งรู้สึกว่าเหงื่อออกมืออย่างพบเห็นได้ยาก
“บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน ขอคำชี้แนะจากสหายด้วย”
ร่างเงาตรงหน้าป้องมือคารวะฉีเซ่าเสวียนช้าๆ ใบหน้ามีรอยยิ้มบางๆ ดูสุภาพนุ่มนวลเป็นพิเศษ
ทว่าหลังเขาป้องมือคารวะแล้ว ภาพปรากฏการณ์ทั้งหมดข้างหลังเสิ่นเทียนก็หายกลับไป ทั้งตัวเขาพลันดูเหมือนบ่อน้ำเก่าไร้คลื่น ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา
หมอกควันแผ่กระจายมาจากตัวเขา ปกคลุมรอบเวทีประลองในพริบตา
เมื่อหมอกควันปกคลุมเวทีประลอง เสิ่นเทียนก็หายไปในหมอกนั้น แม้แต่ผู้ฝึกบำเพ็ญที่ดูถ่ายทอดสดอยู่ยังไม่หาเสิ่นเทียนไม่พบเลย
ถึงอย่างไรเวทีประลองก็มีขนาดร้อยจั้ง แต่ในหมอกวิญญาณบดบังฟ้า ผู้ฝึกบำเพ็ญธรรมดายังมองเห็นไม่ชัดในระยะสิบเมตรด้วยซ้ำ
เวลานี้ ทั้งเวทีประลองเงียบสงัด ทุกคนมองฉีเซ่าเสวียน อยากรู้ว่าโอรสสวรรค์หกดาวคนใหม่จะทำลายวิชาอำพรางกายของเสิ่นเทียนได้หรือไม่
“วิชาอำพรางตา? น่าเสียดายที่ไร้ผลกับข้าแซ่ฉี”
ฉีเซ่าเสวียนหัวเราะเยาะ เนตรสวรรค์สีม่วงตรงหว่างคิ้วเปิดขึ้นทันที
ตอนนี้เขาถือง้าวมังกรสวรรค์ เนตรสวรรค์ตรงระหว่างคิ้วกวาดสายตามองไปทั้งเวทีประลองปานสายฟ้า
ประกายแววตาลุกวาวมาพร้อมกับพลังยิ่งใหญ่ที่มองทะลุทุกสิ่ง
“ข้าเจอเจ้าแล้ว!”
ฉีเซ่าเสวียนหัวเราะเยาะ ก่อนจะกวัดแกว่งง้าวมังกรสวรรค์ในมือแทงไปข้างหลัง
บึ้ม~
ค้อนเทพสีม่วงยักษ์ทุบใส่ง้าวมังกรสวรรค์อย่างรุนแรง กระแสพลังน่าสะพรึงพลันหมุนม้วนออกไป
เวทีประลองใต้ฉีเซ่าเสวียนพังลงโดยพลัน ขาจมลงไปในเวทีประลองเกือบครึ่ง รอยร้าวลุกลามออกไปราวกับใยแมงมุม
ใช่ เมื่อครู่เสิ่นเทียนอ้อมมาโจมตีข้างหลังฉีเซ่าเสวียน แต่กลับทำไม่สำเร็จ
เนตรสวรรค์เคหาสน์ม่วงของฉีเซ่าเสวียนมองทะลุทุกสิ่ง ทำลายหมอกวิญญาณของเสิ่นเทียนได้
“พลังป่าเถื่อนมาก น่าเสียดายยังไม่พอ!”
กรรซ~
เสียงมังกรร้องดังขึ้น ง้าวมังกรสวรรค์ในมือฉีเซ่าเสวียนเหมือนกับคืนชีพขึ้นมา
มังกรยักษ์สีดำทุกส่วนรวมขึ้นจากง้าวมังกร แยกเขี้ยวกางกรงเล็บพุ่งไปตามค้อนนภาม่วงสะท้านฟ้า พุ่งกระโจนเข้าใส่เสิ่นเทียน
ฉีเซ่าเสวียนมีสีหน้าจริงจังเล็กน้อย เพราะเขารู้ว่าเนตรสวรรค์เคหาสน์ม่วงของตนไม่ได้มองทะลุหมอกวิญญาณอย่างสมบูรณ์
หมอกวิญญาณบดบังฟ้านี่ชั่วร้ายมาก แม้แต่เนตรสวรรค์ของฉีเซ่าเสวียนยังไม่อาจมองข้ามได้
ดีที่เวทีประลองเทพสงครามไม่ใหญ่ ไม่อย่างนั้นเป็นปัญหาจริงๆ แน่!
“กรงเล็บมังกรสวรรค์!”
กรรซ์~
คล้ายกับเสียงร้องมังกร มาพร้อมกับอานุภาพมังกรที่ไม่ด้อยไปกว่าฉีเซ่าเสวียนเลย
เสิ่นเทียนเก็บค้อนนภาม่วงสะท้านฟ้าก่อนจะชกหมัดขวาออกไปอย่างฉับพลัน สายฟ้าสีทองพลันกลายเป็นมังกรแท้ พุ่งกระโจนใส่มังกรดำ
มังกรเทพสองตัวสีดำกับสีทองพัวพันกัน สู้กันกลางอากาศ ต่างฝ่ายต่างสูสีกัน
“สมกับเป็นคู่ต่อสู้ที่แซ่ฉียอมรับ ศักยภาพแข็งแกร่งจริงๆ!”
ฉีเซ่าเสวียนดวงตาเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ เขาสัมผัสได้ถึงความสุขที่ต่างไปจากตัวเสิ่นเทียน
ความสุขเช่นนี้ เขาไม่เคยได้สัมผัสจากการต่อสู้กับคนอื่นมาก่อน บุตรพุทธะขู่ตัวให้ความสุขเช่นนี้ไม่ได้ ฟางฉางก็ให้ไม่ได้เช่นกัน
ความพึงพอใจที่ได้สู้สุดกำลังกับอีกฝ่ายอย่างแท้จริง เป็นสิ่งที่ไม่อาจใช้คำพูดมาบรรยายได้
“ถึงเจ้าจะทำสัญญาเทพมังกรกับเอ๋าปิง แต่นักรบมังกรที่แกร่งที่สุดในยุคนี้ก็มีแต่แซ่ฉีเท่านั้น!”
ฉีเซ่าเสวียนเก็บง้าวมังกรสวรรค์ เนตรสวรรค์เคหาสน์ม่วงตรงระหว่างคิ้วพลันสว่างวาบขึ้น กลายเป็นกระแสลมหมุนสีม่วงพุ่งเข้าใส่เสิ่นเทียน
มังกรสู้เหนือฟ้า
มังกรท่องสี่สมุทร!
ทุบมังกรทอง!
มังกรผลาญแปดทิศ!
ง้าวมังกรแปดทิศบุกฝ่าไปอย่างไร้พ่าย ทุกกระบวนท่าโจมตีใส่ร่างเสิ่นเทียนที่เอาแต่โจมตีไม่ป้องกันอย่างสุดกำลัง
เวลานี้ ทั้งเวทีประลองถูกปกคลุมด้วยเงามังกรสีม่วงมหาศาล เสียงคำรามมังกรดังสนั่นแก้วหูทำให้คนตื่นตกใจหนาวสั่น
มองผ่านหมอกวิญญาณหนานั้น พวกผู้ชมเห็นเพียงเงาสีทองกับเงาสีม่วงกำลังปะทะกันไม่หยุด
ส่วนรายละเอียดกลับเห็นความจริงไม่ชัด ขนาดดวงจิตหอคอยบริการพวกเขาเป็นพิเศษด้วยการลดผลการอำพรางของหมอกวิญญาณลงแล้ว
ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงเห็นเพียงหมอกขาว ไม่เห็นอะไรเลย
“การต่อสู้นี้น่าตื่นเต้นจริงๆ! ถ้าเห็นบุตรศักดิ์สิทธิ์สองคนสู้กันชัดเจนก็คงจะดี”
“มีคนบอกว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เคยสังหารปีศาจบนที่ราบหมอกลับแล หรือว่าหมอกนี่จะเป็นวิชาที่ได้มาจากปีศาจตนนั้น”
“แต่ก็โชคดีที่อีกฝ่ายคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง หากไม่มีเนตรสวรรค์เคหาสน์ม่วง ทุกคนจะไม่ถูกกดขี่ในหมอกวิญญาณนี่กันหมดหรือ”
“ดูท่าไม้ตายของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะแพ้ทางบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ศึกนี้อันตรายแล้ว”
“น่าขัน! พวกเจ้ารู้แค่ว่าหมอกวิญญาณบดบังฟ้าคือไม้ตายของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แต่พวกเจ้ารู้หรือว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์มีไม้ตายกี่กระบวนท่า”
“ใช่ กับอีแค่บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงตัวจ้อยคู่ควรจะสู้กับศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์รึ ศิษย์พี่คือโอรสสวรรค์ที่ได้หอคอยเทพสงครามมาครองเชียว!”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สู้ๆ ซัดไอ้คนอัปลักษณ์บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงให้หมอบเลย! ข้ากับพวกศิษย์พี่หญิงสนับสนุนท่าน!”
“จะว่าไป บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็มีหน้าตาหล่อเหลาเอกลักษณ์ห้าวหาญ ไปว่าเขาคนอัปลักษณ์ก็เกินไปหน่อยกระมัง!”
“ไม่สนๆ มาประชันใบหน้ากับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เขาก็คือคนอัปลักษณ์!”
……
บึ้ม!
ข้อความลอยขึ้นมาแน่นขนัด บนเวทีเทพสงครามเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
หมอกวิญญาณที่เดิมทีปกคลุมทั้งเวทีประลองสลายไปช้าๆ ร่างของเสิ่นเทียนกับฉีเซ่าเสวียนปรากฏตรงหน้าทุกคน
บนตัวเสิ่นเทียนมีสายฟ้าสีทองขยับแสง อัสนีเทพกำเนิดฟ้ารวมเป็นชุดเกราะ ข้างหลังจะเห็นเป็นสัตว์เทพสิบทิศแยกเขี้ยวกางกรงเล็บร้องคำราม
ข้างหลังฉีเซ่าเสวียนเป็นไอม่วงจากบูรพาสามพันจั้ง ส่วนหนึ่งของท้องฟ้าบนเวทีประลองถูกย้อมด้วยไอม่วง เหมือนกับเทพเจ้าลงมายังโลก
“ข้ายอมรับว่าเจ้าแกร่งมาก น่าเสียดาย เทียบกับแซ่ฉีแล้วเจ้ายังมีกำลังไม่พอ!”
ฉีเซ่าเสวียนเส้นผมปลิวไสว ไอม่วงสามพันจั้งเริ่มหดตัวลง รวมเป็นเกราะศักดิ์สิทธิ์สีม่วง
บทต้องห้ามคัมภีร์จักรพรรดิเคหาสน์ม่วง…ไอม่วงบูรพาสามหมื่นลี้!
หลังจากสำแดงบทต้องห้าม ฉีเซ่าเสวียนมีพลังพุ่งขึ้นสูงทั้งตัว
ตัวเขาหลอมรวมกับง้าวมังกรในมือเป็นหนึ่ง ใช้พลังผ่าภูผาฟันใส่ศีรษะเสิ่นเทียน
พริบตานั้น ง้าวมังกรสวรรค์เปล่งแสงง้าวร้อยจั้ง ลากผ่านครึ่งเวทีประลองฟันใส่ศีรษะเสิ่นเทียน
มวลอากาศพังทลายลงภายใต้ประกายคมง้าวมังกร
กระบวนท่าไม่ได้เลิศล้ำ แต่แฝงไว้ด้วยพลังมหาศาลของไอม่วงหมื่นจั้ง ปิดผนึกทางหนีทุกทางไว้
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้ เสิ่นเทียนไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่ฝืนรับกระบวนท่า
“แสงเทพห้าสี รวมให้ข้า!”
อัสนีเทพสีทองสว่างจ้าหุบเข้าไปแล้วแทนที่ด้วยแสงเทพขยับแสงห้าสี รวมเป็นกรงแสงคลุมตัวเสิ่นเทียนไว้
ง้าวมังกรสวรรค์โจมตีใส่กรงแสงเทพห้าสีด้วยพลังผ่าขุนเขา ชั่วพริบตาเดียวก็กดทั้งกรงแสงจมลงเวทีประลองเทพสงคราม ฝุ่นควันคละคลุ้ง
กึก~
เกิดรอยร้าวขึ้นช้าๆ บนกรงแสงเทพห้าสี สว่างจ้าแสบตายิ่ง
“ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะไม่ได้แค่เรียนคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริง แต่ยังฝึกวิชาแสงเทพห้าสีของเผ่าเทพนกยูงอีก”
แม้ฉีเซ่าเสวียนจะเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์ ตอนนี้ยังมีสีหน้าตกใจ ถึงอย่างไรแสงเทพห้าสีก็เป็นวิชาลับที่ไม่ถ่ายทอดให้ใครของเผ่าเทพนกยูง
เสิ่นเทียนกลับสำแดงแสงเทพห้าสี นั่นหมายความว่าเผ่าเทพนกยูงมีสัมพันธ์ที่ดีกับเขาหรือ
ก่อนจะนึกไปถึงข่งเมิ่งธิดาสวรรค์ที่แกร่งที่สุดของดินแดนทักษิณในรายนามดาวเด่นเทพสงคราม ฉีเซ่าเสวียนเกิดความคิดหนึ่งขึ้นในใจ
หรือว่าเผ่าเทพนกยูงแห่งดินแดนทักษิณจะเลือกเสิ่นเทียนเป็นพันธมิตรของเผ่าพวกเขากัน
เจ้านี่ไม่ใช่แค่นักขี่มังกรตัวเมีย แต่ยังเป็นนักขี่นกยูงตัวเมียอีกรึ
บัดซบ บัดซบ!
ฉีเซ่าเสวียนยอมรับว่าตนอิจฉา เขาเป็นโอรสสวรรค์อันดับหนึ่งของดินแดนบูรพาผู้ยิ่งใหญ่ กลับได้ทำสัญญากับมังกรตัวผู้องค์รัชทายาทลำดับเจ็ดของเผ่ามังกรเท่านั้น
แต่เจ้าเสิ่นเทียนมีคุณธรรมและความสามารถระดับใด ได้ทำสัญญาเทพมังกรกับเอ๋าปิงไม่เท่าไร แม้แต่นกยูงตัวเมียนั่นของเผ่าเทพนกยูงยังชื่นชอบเขาหรือ
หน้าตาหล่อเหลาแล้วคิดว่าเจ๋งนักหรือ
แซ่ฉีเองก็หน้าตาไม่ได้แย่เห็นๆ ไฉนถึงไม่ได้รับสวัสดิการเช่นนี้
“เรียนแสงเทพห้าสีแล้วอย่างไร สุดยอดพลังต่างหากคือราชธรรม ข้าจะทำลายแสงเทพของเจ้า! แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนบูรพาแห่งนี้ ข้าฉีเซ่าเสวียนต่างหากคือบุตรแห่งสวรรค์ที่แท้จริง!”
ครั้นเอ่ยจบ ก็มีแก่นพลังทองลูกหนึ่งลอยขึ้นมาเหนือศีรษะฉีเซ่าเสวียนช้าๆ เปลือกผิวมีลายเทพสิบสายวนเวียน
เมื่อปรากฏแก่นพลังทองสิบรอบขึ้น พลังที่แผ่มารอบตัวฉีเซ่าเสวียนแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ง้าวมังกรในมือสั่นไหวอย่างรุนแรง ลายโลหิตลุกลามไปอย่างฉับไว
เหมือนว่านี่คือมังกรดำที่หลับใหลตัวหนึ่ง ตอนนี้สายเลือดกำลังปลุกตื่น
เขาละทิ้งการป้องกันทั้งหมด จะจู่โจมเสิ่นเทียนแตกพ่ายในกระบวนท่าเดียว
กึก~
รอยร้าวบนแสงเทพห้าสีลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นทั้งกรงแสงเทพห้าสีโคลงเคลงจะถล่มลงแล้ว
ทันใดนั้น เสิ่นเทียนใต้กรงแสงเทพห้าสีประสานมุทรา แก่นพลังทองยักษ์ลูกหนึ่งลอยขึ้นมาช้าๆ ทันทีที่แก่นพลังทองปรากฏ คลื่นกฎเกณฑ์ยิ่งใหญ่ได้แผ่กระจายไปรอบๆ
ฉีเซ่าเสวียนอึ้งไปแล้ว ไม่ใช่เพราะกลิ่นอายในแก่นพลังทองนี้แข็งแกร่งมากจนทำให้เขาตกใจจนโง่งม แต่เป็นเพราะ…เจ้านี่มันใหญ่มาก!
แก่นพลังทองของผู้ฝึกบำเพ็ญแทบทั้งหมดจะมีขนาดเท่าดวงตามังกร ฉีเซ่าเสวียนก็เช่นกัน เพียงแค่มีลายเทพสิบสาย
แต่แก่นพลังทองของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ไฉนถึงใหญ่เช่นนี้
ไม่มีลายเทพสักลาย แต่ใหญ่กว่าแก่นพลังทองของแซ่ฉีสิบเท่า นี่มันอะไรกัน!
หรือว่าเอ๋าปิงกับข่งเมิ่งชื่นชอบเสิ่นเทียนก็เพราะเขาใหญ่กว่าคนปกติหรือ
เมื่อเห็นแก่นพลังทองที่ลอยอยู่เหนือศีรษะเสิ่นเทียนแล้ว ฉีเซ่าเสวียนมักจะรู้สึก…เหมือนว่าแก่นพลังทองลายเทพของตนไม่ทรงอำนาจเท่าเสิ่นเทียน
ไม่รู้ว่าแก่นพลังทองนี้มาได้อย่างไร ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยจริงๆ!
ลำพังแค่ความหายากมีระดับ แก่นพลังทองของเสิ่นเทียนก็ทำให้ฉีเซ่าเสวียนเป็นบ้าแล้ว
ฉีเซ่าเสวียนมองแก่นพลังทองใหญ่นั้นด้วยความอิจฉา!
สัญญาณเตือนพลันดังขึ้นในใจเขา จึงรวมไอม่วงมาคลุมกายตามจิตใต้สำนึก
น่าเสียดายที่สายเกินไป ไอม่วงเบาบางที่รีบร้อนรวมขึ้นไม่มีพลังป้องกันแข็งแกร่งพอ ครู่เดียวก็ถูกทะลวง
เถาวัลย์แวววาวราวกับมรกตสองเส้นพุ่งขึ้นมาจากพื้น เลื้อยผ่านน่องของฉีเซ่าเสวียนขึ้นไปข้างบน มัดครึ่งตัวเขาไว้อย่างแน่นหนาในพริบตา
หนามแหลมงอกออกมาจากตัวเถาวัลย์ แทงเข้าไปในกายฉีเซ่าเสวียน ทำให้เขารู้สึกตัวชาทันที
เถาวัลย์นี่ทำให้เป็นเหน็บชา มีพิษ!
ง้าวมังกรสวรรค์เปล่งประกายคม ฉีเซ่าเสวียนกำลังคิดจะใช้ง้าวมังกรฟันเถากลืนกินเซียน ทว่าตอนนี้เองเสิ่นเทียนเข้าประชิดตัวเข้ามา ค้อนนภาม่วงสะท้านฟ้าในมือพลันขยายใหญ่ขึ้นสิบเท่า ก่อนจะทุบใส่ฉีเซ่าเสวียน
บึ้ม~!
ฉีเซ่าเสวียนรีบชูง้าวมังกรต้าน ได้ยินเพียงเสียงดังกึกก้อง ร่างมากกว่าครึ่งถูกทุบจมลงดิน
ขณะเดียวกัน เถากลืนกินเซียนยังลุกลามขึ้นต่อไป มัดทั้งตัวฉีเซ่าเสวียนไว้ราวกับบ๊ะจ่าง
เสิ่นเทียนทุบค้อนที่สอง ทุบเข้าที่ศีรษะฉีเซ่าเสวียนตรงๆ
ปัง! บนเวทีการประลองเทพสงครามเหมือนจะเกิดความเป็นมาโซคิสม์[1]รางๆ
ถึงอย่างไรสถานการณ์ก็ดูจะมีกลิ่นคาวเลือดรุนแรงเกินไป~
บนเวทีประลองเทพสงคราม ร่างของฉีเซ่าเสวียนควบแน่นขึ้นช้าๆ
เขารู้ว่านี่หมายถึงอะไร เขาแพ้แล้ว แพ้ให้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน
แต่ฉีเซ่าเสวียนไม่ยอม เพราะเขาคิดว่านี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องศักยภาพ แต่เป็นเพราะตนประมาท
ตอนเริ่มสู้ เขาสูสีกับเสิ่นเทียนเห็นๆ กระทั่งกดอยู่เหนือเสิ่นเทียนนิดๆ มีโอกาสชนะไม่น้อย
แต่เขารีบร้อนจะเอาชนะเกินไป เลือดร้อนขึ้นขณะการต่อสู้อย่างสูสีจนลดการป้องกันลง โดยเฉพาะตอนที่เสิ่นเทียนใช้แสงเทพห้าสีและแก่นพลังทองมหึมานั้น เขาเหม่อลอยไป
การเหม่อในการต่อสู้ นี่เป็นเรื่องที่อภัยให้ไม่ได้!
หากไม่เช่นนั้น แม้กลอุบายเถากลืนกินเซียนของเสิ่นเทียนจะตึงมือมาก ก็ไม่มีทางเอาชนะฉีเซ่าเสวียนได้ในทีเดียว
จะว่าไปก็เป็นเพราะเขาฉีเซ่าเสวียนยังพยายามได้ไม่ดีพอ!
หากสู้อีกครั้งจะต้องชนะแน่!
และตอนนี้ ข้อความรอบๆ เวทีประลองรัวขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
“บ้าไปแล้ว สุดยอดมาก! นี่คือการต่อสู้ของโอรสสวรรค์ที่สุดของห้าดินแดน น่าเสียดายจบเร็วไปหน่อย”
“ใช่ๆ บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงแข็งแกร่งมาก แต่เทียบกันแล้วบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ยังแกร่งกว่าหน่อย”
“กำลังรบยากจะตัดสินได้ แต่ในด้านวิชาการต่อสู้บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงพ่ายแพ้ยับเลย! นี่ถ้าเป็นศึกเป็นตาย บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงตายไปแล้ว”
“ทุกคนอย่าลืมนะว่าคนที่สู้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงตอนนี้เป็นเพียงร่างเงาของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เท่านั้น เป็นคนที่ไม่มีมันสมอง”
“ซี้ด ร่างเงาที่ไม่มีมันสมองก็เอาชนะได้หรือ ข้าสงสัยว่าเจ้ากำลังเยาะเย้ยบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงอยู่”
“แต่ตอนนี้ดูแล้ว ศักยภาพของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็น่าจะอยู่หกดาวเช่นกัน แกร่งกว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงเล็กน้อยเท่านั้น”
“ถ้าได้ดูบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงสู้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อีกครั้งก็ดีสิ หากไม่ผิดพลาด เชื่อว่ากำลังรบของสองคนนี้จะต้องยอดเยี่ยมกว่านี้แน่”
“ข้าคือผู้เลื่อมใสของบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะแพ้! ขอให้ดวงจิตหอคอยให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงสู้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อีกครั้งด้วย!”
“ข้าก็เป็นผู้เลื่อมใสของบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงไร้พ่ายมาตลอดจะแพ้ได้อย่างไร ข้าไม่เชื่อ”
“ขอให้ดวงจิตหอคอยให้โอกาสบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงท้าประลองอีกครั้ง ให้เขาสู้อย่างยุติธรรมด้วย!”
“เห็นด้วย”
“เห็นด้วย”
“เห็นด้วย”
“เห็นด้วยที่สุด”
……….
เมื่อเห็นข้อความที่เสียดายแทนตนมากมายรอบๆ เวทีประลองเทพสงคราม ฉีเซ่าเสวียนกลับเป็นทุกข์ในใจยิ่ง
โอกาสที่ได้ตัดสินสูงต่ำกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ยากจะเจอกันได้ในพันปี แต่ตนกลับทำเสียเปล่า!
ครั้งนี้เขาน่าจะทำให้คนที่เลื่อมใสพวกนั้นผิดหวังมาก!
บัดซบ ข้าคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง แบกรับความภูมิใจของแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง!
ข้าแพ้ได้ แต่จะไม่มีทางให้แดนศักดิ์สิทธิ์ต้องโดนหยามเกียรติเพราะข้า!
เขากำง้าวมังกรสวรรค์ในมือแน่น “ดวงจิตหอคอย ให้ข้าสู้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อีกครั้งได้หรือไม่”
เสียงอ่อนนุ่มของดวงจิตหอคอยดังขึ้นเนิบๆ “บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง อย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย ท่านน่าจะรู้ว่าการแหกกฎให้ท่านถ่ายทอดสดสู้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ทำให้ข้าต้องแบกรับแรงกดดันสูงมากแล้ว”
ฉีเซ่าเสวียนเงียบ เหมือนกำลังต่อสู้ดิ้นรนบางอย่างในใจ
ผ่านไปนานเขาถึงสูดลมหายใจเข้าลึก “ข้ายินดีใช้ของเดิมพันสามหมื่นแต้มเทพสงครามถ่ายทอดสดสู้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อย่างยุติธรรมอีกครั้ง!”
ดวงจิตหอคอยถอนหายใจ “บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง นี่ไม่ใช่ปัญหาของแต้มเทพสงคราม การท้าประลองกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สองครั้งติด สร้างแรงกดดันให้ข้าสูงมาก”
ฉีเซ่าเสวียนตาแดงเล็กน้อย “ห้าหมื่น! แต้มเทพสงครามห้าหมื่น นี่คือขีดจำกัดของแซ่ฉี ขอแค่ให้ข้าสู้กับเขาอีกครั้ง!”
สองฝ่ายเจรจาผ่านทางจิต ดังนั้นจึงไม่มีใครได้ยินพวกเขาสนทนากัน
ดวงจิตหอคอยเงียบ ทั้งเวทีประลองเข้าสู่ความเงียบ
มีเพียงข้อความ ‘อ้อนวอน’ ขอให้หอคอยเทพสงครามให้โอกาสฉีเซ่าเสวียนอีกครั้งรอบๆ เวทีประลองเทพสงครามที่ยังคงรัวลงมาอย่างบ้าคลั่ง
แน่นอนว่าข้อความเป็นจริงหรือไม่จริง มีเพียงเยี่ยฉิงชางที่รู้
ผ่านไปนาน ดวงจิตหอคอยพูดด้วยความจนปัญญา “ช่างเถอะ เห็นแก่เงินเยอะขนาด…เห็นแก่หน้าผู้ชมทุกคนที่ขอร้องจากใจจริงให้ท่าน ข้าจะให้โอกาสกับท่านอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ต้องคว้าโอกาสไว้ อย่าไม่ระวังพ่ายแพ้อีก ถึงตอนนั้นเสียใจภายหลังก็สายไปแล้ว”
ฉีเซ่าเสวียนซาบซึ้งใจจนกระบอกตาร้อนผ่าว “ดวงจิตหอคอยเห็นใจผู้อื่นจริงๆ แซ่ฉีซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง!”
ดวงจิตหอคอยเอ่ยอย่างเฉยชา “แลกแต้มเทพสงครามเถอะ!”
แต้มเทพสงครามห้าหมื่นก็คือห้าแสนผลึกวิญญาณ มีมูลค่าห้าร้อยล้านศิลาวิญญาณ นี่คือจำนวนที่มหาศาลอย่างยิ่ง มากพอจะซื้ออาวุธอริยะระดับล่างใช้ได้สักชิ้น แน่นอนว่าต้องมีคนขายก่อน
ถึงอย่างไรการซื้อขายอาวุธอริยะก็ต้องใช้แก่นแท้วิญญาณที่มีระดับสูงกว่าเป็นเงินตรา
ฉีเซ่าเสวียนกัดฟันหยิบยันต์หยกเปล่งแสงวาววับออกมาจากอกเสื้อแผ่นหนึ่ง “นี่คือยันต์เซียนตายแทน ตายแทนผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนต่ำกว่าระดับหลอมรวมเทพได้หนึ่งครั้ง
หลังจากถูกโจมตีถึงชีวิต มันจะเผาตายแทนหนึ่งครั้ง จากนั้นสุ่มเจ้าของยันต์เซียนเคลื่อนย้ายไปไกลหมื่นลี้ วัดจากมูลค่าของมันแล้ว มันไม่ด้อยไปกว่าอาวุธอริยะธรรมดา ใช้มันแลกกับแต้มเทพสงครามห้าหมื่นได้หรือไม่”
ชั้นเจ็ดหอคอยเทพสงคราม ชายชราชุดคลุมม่วงยิ้มหน้าบาน
ไม่นึกเลยว่าเจ้าหนูแซ่ฉีนี่จะมีโชคลิขิตชนิดนี้ ของหายากอย่างยันต์เซียนตายแทนยังหามาได้
พึงรู้ไว้ว่าต่อให้เป็นในโลกเซียน สมบัติวิเศษตายแทนพิเศษอย่างยันต์เซียนตายแทนล้ำค่ามาก วัตถุดิบในการสร้างก็หายากมาก
หากมีหยกล้ำค่าช่วยชีพที่สร้าง ‘ยันต์เซียนตายแทน’ ได้ปรากฏขึ้น แม้แต่เซียนทองคำก็ยังแย่งกันหัวแตก
เยี่ยฉิงชางพิจารณามองยันต์หยกในมือฉีเซ่าเสวียนพลางทำเสียงจิ๊ๆ แปลกใจ “หยกล้ำค่าช่วยชีพหายากขนาดนี้ ไฉนถึงถูกหลอมมาเป็นขยะเช่นนี้กัน
เสียของหมดเลยจริงๆ ถ้าให้ข้าหลอมใหม่ มูลค่าจะสูงขึ้นอย่างน้อยร้อยเท่า
เทียนเอ๋อร์นะเทียนเอ๋อร์ เจ้าคือดาวนำโชคจริงๆ ทำให้ข้าเจริญรุ่งเรือง!”
…….
บนเวทีประลองเทพสงคราม เสียงดวงจิตหอคอยดังขึ้นช้าๆ “ก็พอจะแลกได้”
ยันต์เซียนตายแทนหายไปจากมือฉีเซ่าเสวียน ทำเขาปวดใจยิ่งนัก
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นสมบัติสุดยอดที่เขาได้มาจากในสวนแร่วิญญาณแห่งหนึ่ง แม้แต่ตัวเขายังมีเพียงแผ่นเดียว
หากไม่ใช่เพราะคิดว่าด้วยพรสวรรค์ของตนจะทะลวงเหนือกว่าระดับหลอมรวมเทพได้ง่ายราวกับพลิกฝ่ามือละก็ ฉีเซ่าเสวียนคงทำใจเอาออกมาไม่ได้
ถึงอย่างไรสำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญระดับต่ำกว่าหลอมรวมเทพแล้ว เจ้านี่ก็แทบจะเท่ากับชีวิตที่สอง ล้ำค่าอย่างยิ่ง
เมื่อยันต์เซียนตายแทนถูกเอาไป ก็ปรากฏแสงสีทองสว่างจ้าขึ้นอีกครั้งบนเวทีประลองเทพสงคราม
กลิ่นอายพลังที่ทำให้ฉีเซ่าเสวียนรู้สึกคุ้นเคยอย่างยิ่งปรากฏบนเวทีประลองอีกครั้ง และพวกผู้ชมในมิติชมการประลองตอนนี้ก็คึกคักกันขึ้นมาแล้ว
บ้าไปแล้ว!
จริงรึ นี่คือความจริงหรือ
บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียนจับคู่เจอบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อีกครั้งหรือ
นี่มันความบังเอิญอะไรกัน หรือว่าจะได้เห็นการต่อสู้สุดยอดของสองบุตรศักดิ์สิทธิ์ใหญ่อีกครั้ง
ซื้อตั๋วชมครั้งนี้คุ้มค่าจริงๆ!
…………………………………………………….
[1] มาโซคิสม์ หมายถึงผู้ชื่นชอบความเจ็บปวด ตรงข้ามกับซาดิสม์ซึ่งชอบสร้างความเจ็บปวด