บทที่ 191 ฉันเอง

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 191 ฉันเอง
เดิมที อานกั๋วยังมีทีท่าว่าอยากจะลองดู

แต่ เมื่อครู่พึ่งเห็นด้วยตาตัวเอง ฉินเทียนแค่ลงมือ ก็สามารถปรามจุยเฟิงไว้ได้ จนทำให้จุยเฟิงยอมศิโรราบแต่โดยดี

เรื่องนี้ทำให้อานกั๋วตะลึงได้มากเลยทีเดียว!

กำลังและความเร็วของจุยเฟิง คงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขา

ฉินเทียนผู้นี้ เป็นใครกันแน่?

บางทีเขาอาจจะรักษาตัวเองได้จริงๆ?

ในใจมีความหวังว่า อานกั๋วจะยอมรับฟังคำพูดของฉินเทียน

ได้ยินดังนั้น ก็รีบถอดเสื้อคลุมออก และนอนราบลงบนเตียง เขาลืมตาขึ้น เพื่อดูว่าแพทย์ฝังเข็มจะทำการรักษายังไง

เสียงรูดดังขึ้นฉินเทียนดึงเข็มขัดยาวสีดำออกจากเอว ในนั้นถูกออกแบ่งเป็นสิบสามช่อง แต่ละช่องมีเข็มเล่มสีดำความยาวแตกต่างกันเสียบอยู่เต็มไปหมด

เข็มบางด้ามบางเท่าขนวัว ถ้าไม่สังเกตให้ดีก็มองไม่เห็นด้วยซ้ำ

“นี่คือ__” อานกั๋วตะลึงไปชั่วขณะ และลุกขึ้นนั่งโดยไม่รู้ตัว

เขามองจ้องไปที่ฉินเทียน พูดเสียงสั่นว่า “เรื่องเล่าขานที่ราชาแห่งวิหารเทพ กุ่ยเหมินสิบสามเข็ม ขโมยความโชคดีไป เพื่อสร้างหยินหยางใหม่…”

“ขอโทษด้วยที่ละลาบละล้วง ท่านเกี่ยวข้องกับราชาเทพหรือไม่?”

ฉินเทียน ยิ้มและตอบว่า “ไม่ถึงขนาดนั้น เป็นฉันเอง”

“ที่แท้ก็คือราชาเทพฉินนั้นเอง!”

“ฉันมีตาหามีแววไม่ โปรดรับการขอโทษจากฉันด้วย!”

อานกั๋วพลิกตัวลงพื้น เตรียมตัวคุกเข่าขอโทษ

ฉินเทียนรีบเอามือประคองไว้ ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “นายท่าน ท่านเป็นผู้อาวุโส ไม่ต้องมากพิธีไปหรอก”

อานกั๋วถอนหายใจ พูดเสียงเบาว่า “ที่ข้าต้องขอโทษ ไม่ใช่เพราะความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของวิหารเทพ แต่เป็นเพราะท่านสร้างคุณงามความดีเพื่อบ้านเพื่อเมืองมากมายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!”

“หากฉันรู้มาไม่ผิด จอมพลเซียวแดนเหนือประสบความสำเร็จในสนามรบ ราชามังกรที่ประสบความสำเร็จมากมาย ล้วนแล้วแต่เป็นคนของท่าน”

“ความสำเร็จของพวกเขา แน่นอนว่าต้องได้รับการสนับสนุนจากท่าน!”

“ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงคู่ควรที่จะได้รับการยกย่องจากประชาชนทั่วไป นับประสาอะไรกับคนแก่ไม้ใกล้ฝั่งอย่างข้า!”

“ขอท่านได้โปรดรับการคารวะจากฉันด้วย!”

อานกั๋วถอยหลังสองก้าว ทำความคารวะฉินเทียนด้วยความเคารพ

เมื่อฉินเทียนเห็นความดื้อรั้นของเขาแล้ว ก็ค่อยๆ หันข้าง รับการคารวะอย่างนอบน้อม

อานกั๋ว หัวเราะ และทำการคารวะอีกครั้ง กล่าวว่า “การคารวะนี้เพื่อเป็นการขอบคุณราชาเทพฉินที่มอบช่วงชีวิตสามสิบปีนี้ให้กับฉัน”

พูดจบ ก็นอนลงบนเตียง ค่อยๆ หลับตาอย่างสบายใจ

ตอนนี้ เขาไม่มีอะไรต้องสงสัยอีกต่อไป

ความสงบและความสุขกายสบายใจ เพื่อต้อนรับชีวิตใหม่ของตน เพราะเขารู้ว่า ราชาเทพฉินและกุ่ยเหมินสิบสามเข็ม จะไม่ทำให้เขาผิดหวังแน่นอน

ฉินเทียนเริ่มเคร่งขรึมจริงจัง เขาหรี่ตาลง ลงมือหยิบเข็มเงินจากเข็มขัดสีดำ ราวกับถูกดึงออกเป็นเส้นและลอยขึ้นมา

จากนั้น ลงมือปักเข็มลงตามจุดฝังเข็มบนร่างของอานกั๋วได้อย่างแม่นยำ

……

ความเงียบสงบของภายในห้องกับนอกห้อง ช่างน่าอันตราย

หูปินและคนอื่นๆ ในมือทุกคนพร้อมอาวุธ ยืนอยู่หน้าประตู

ถ้าไม่ใช่เพราะจุยเฟิงถือดาบเล่มยาวยืนคุ้มกันอยู่ พวกเขาคงอดไม่ไหวจนต้องจู่โจมเข้ามาแน่ๆ

ตอนนี้ พวกเขารอผลลัพธ์สุดท้ายอยู่ หากฉินเทียนสามารถรักษานายท่านได้ เขาก็จะกลายเป็นผู้มีพระคุณขึ้นมาทันที

แต่หากเกิดความผิดพลาดกับนายท่านล่ะก็ ฉินเทียนอย่าคิดว่าจะมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้

หลิวหรูยู่และพี่หรง รู้สึกกังวลเป็นพิเศษ พวกเขากุมมือกันแน่น ในมือเต็มไปด้วยเหงื่อ

ผู้คนในห้อง ผู้คนที่อยู่หน้าลานคฤหาสน์ตระกูลอาน ผู้ร่วมฉลองวันเกิดที่มาถึงนานแล้ว ทุกคนต่างมีจิตใจที่เป็นกังวลทั้งสิ้น

นี้มันก็นานแล้วนะ ทำไมนายท่านยังไม่ออกมาอีก?

ปีที่ผ่านมา นายท่านไม่เคยออกมาสายเลย จะออกมาตรงเวลาตลอด ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จัก ตราบใดที่มาร่วมฉลองวันเกิดให้เขา เขาก็จะต้อนรับด้วยความอบอุ่น และมักเอ่ยคำขอบคุณด้วยตัวเขาเองเสมอ

ปีนี้เกิดอะไรขึ้นนะ?

นี้มันไม่ใช่วิสัยของนายท่านนี่

ไม่ใช่เพียงแค่นายท่าน บรรดาผู้คนที่เป็นแกนนำหลักก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

หรือว่า__

ห้องรับแขกกลางลาน สามทหารเสือแห่งเมืองหลวง

ตระกูลพาน ตระกูลเจี่ย ตระกูลหลี่

หัวหน้าตระกูลทั้งสามท่าน นอกจากพานโหย่วจื้อที่พาลูกชายมาหนึ่งคนแล้ว อีกสองท่านที่เหลือตระกูลเจี่ย เจี่ยเซี่ยวเหลียน พาลูกชายคนชื่อเจี่ยซาน และลูกชายคนรองชื่อเจี่ยจิ่ง

ส่วนหัวหน้าตระกูลหลี่ชื่อหลี่ชุนจง พาลูกชายคนโตชื่อหลี่เม่า และลูกชายคนรองหลี่เหอมาด้วย

พวกเขาในเวลาปกติล้วนแต่เป็นคนสง่าผ่าเผย แต่ ณ เวลานี้ล้วนแต่นั่งนิ่งเรียบร้อยอยู่ในห้องรับแขกเล็กๆ แห่งนี้

พวกเขามองไปด้านหลังเป็นระยะๆ ด้วยความสงสัยว่าทำไมนายท่านยังไม่ออกมาอีก

รอมานานจนหมดความอดทน

หลี่ชุนจงมองพานโหย่วจื้อยิ้มและกล่าวว่า “พี่พานช่วงนี้ดูเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า ดูหน้าซีดขึ้นเยอะเลยนะ”

พานโหย่วจื้อสีหน้าเคร่งขรึมไม่พูดอะไร

หลี่ชุนจงพูดเรื่องไร้สาระ และเอ่ยว่า “ช่วงนี้มันไม่สงบสุขจริงๆ แหละมั้ง”

“ได้ยินว่า ในเมืองเกิดเพลิงไหม้ขึ้นสองที่ ที่แรกคือบ้านพักของพี่สาวพานเหม่ยเออร์ ส่วนอีกที่คือคฤหาสน์หลงกง นั้นไม่ใช่บ้านของพานหลงหรอกหรือ?”

“พี่พาน มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

“หรือว่ามีคนจงใจวางเพลิง?หลานสาวเหม่ยเออร์กับหลานชายอาหลง ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

“จริงสิ ปีที่ผ่านมาเวลามางานฉลองวันเกิดพี่พานจะพานหลงมาด้วย ปีนี้ไม่พามาด้วยหรือ”

เจี่ยเซี่ยวเหลียนแกล้งทำเป็นโกรธแล้วพูดว่า “กล้ามาวางเพลิงในพื้นที่ของลูกสาวตระกูลพาน เป็นใครกันแน่นะ ช่างใจกล้าไม่เกรงกลัวฟ้าดินเช่นนี้!”

“พี่พาน จับคนร้ายได้ไหม?”

“หากต้องการความช่วยเหลือจากพวกเรา ไม่ต้องเกรงใจเลยนะ”

สีหน้าของ พานโหย่วจื้อ เริ่มกลายเป็นสีเขียว เขาสั่นเทาไปทั้งตัว และกำลังพยายามควบคุมอาการอยู่

ครอบครัวเกิดเรื่องติดต่อกันหลายครั้ง ลูกชายและลูกสาวเสียชีวิตอย่างอนาถ เรื่องนี้เขาจำเป็นต้องปิดบังไม่ให้ใครรู้

เพราะเขารู้ดีว่า เพื่อนสองคนที่อยู่ตรงหน้านี้ ดูเหมือนจะแสดงความเป็นห่วง แต่จริงๆ แล้วล้วนแต่โฉดชั่วราวกับหมาป่า

พวกเขาแทบอย่างจะให้เกิดเรื่องกับตระกูลพาน เพื่อใช้โอกาสนี้ยึดพื้นที่ของเขาไป

ดังนั้น เขาจะไม่ให้เรื่องนี้ถูกแพร่ออกไปจนกว่าเขาจะได้รับชัยชนะมาก่อนเท่านั้น

“คุณพ่อ” พานเจี๋ยตะโกนเรียก และจับมือของพานโหย่วจื้อ เพื่อปลอบใจ

พานโหย่วจื้อใจเย็นและสงบลง และกลับมาเป็นท่าทีชายสง่าผู้เงียบขรึมเช่นเดิม

เขายิ้มและพูดว่า “พอดีเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย เหม่ยเออร์กับอาหลงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เลยไม่สะดวกมาร่วมงาน”

“แต่ยังดีที่ปีนี้อะเจี๋ยกลับมาพอดี”

“ประการแรกที่เขามาในปีนี้คือเพื่อร่วมงานฉลองวันเกิด ประการที่สองคือเพื่อนำข่าวดีมาแจ้งกับนายท่าน”

“ปีนั้นที่อะเจี๋ยเข้ารับราชการ โชคดีที่ได้คำแนะนำจากนายท่าน หลายปีที่ผ่านมาเขาไม่ทำให้คนอื่นผิดหวัง เขาพยายามอย่างหนัก สุดท้ายก็ได้รับความชื่นชมจากเบื้องสูง”

“ไม่เกินตามคาด ปีนี้จะได้ย้ายกลับมาพร้อมกับตำแหน่งทางการเมือง”

“พวกท่านว่า ข่าวดีเรื่องนี้ ควรรีบรายงานให้กับนายท่านทราบหรือไม่?”

อะไรนะ?

พอได้ยินเรื่องนี้ หลี่ชุนจงและเจี่ยเซี่ยวเหลียน ก็หน้าชาไปตามๆ กัน

ช่างเป็นข่าวใหญ่อะไรเช่นนี้!

สำหรับตระกูลพาน ถือว่าเป็นไม้ตายของเขาแล้ว และอีกประเดี๋ยวก็จะโยนทั้งสองคนนั้นออกไปให้ไกลๆ ได้แล้วล่ะ!

หลี่เม่าเยาะเย้ยและพูดว่า “เป็นเพียงข้าราชการเล็กๆ ไม่ใช่หรือ มีอะไรน่าชื่นชม”

“หุบปาก!” หลี่ชุนจงพูดด้วยความโกรธ “ทำไมพูดกับพี่เจี๋ยแบบนี้ล่ะ?”

“ไอ้เด็กเปรต ถ้าแกได้เพียงหนึ่งในสิบของพี่เจี๋ยละก็ ฉันคงไม่ต้องเป็นกังวลอยู่แบบนี้หรอก!”

“ยังไม่รีบยกน้ำชาแสดงความเคารพกับลุงพานและพี่เจี๋ยอีกหรือ!”

เจี่ยเซี่ยวเหลียนรีบสั่งให้ลูกชายของเขารินน้ำชาให้กับพานโหย่วจื้อและพานเจี๋ย

พวกเขารู้ดีว่า ประชาชนแตกต่างจากข้าราชการ ยิ่งกว่านั้นคือ พานเจี๋ยกลับมาพร้อมกับตำแหน่งหัวหน้าทางการเมือง

นั้นก็หมายความว่ามาดูแลจัดการพวกเขาโดยเฉพาะ

มังกรตัวนี้ของตระกูลพาน ประกอบกับพานหลง พานหู่ และพานเหม่ยเอ่อร์ ล้วนแต่เป็นคนที่โดดเด่นมากในช่วงวัยเดียวกัน

พวกเขาควรถามตัวเองว่ามีอะไรเทียบได้บ้าง จากนี้จะได้สร้างมิตรภาพให้ดีขึ้น

พานโหย่วจื้อรู้สึกภูมิใจมาก เขายิ้มและตอบว่า “คนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องมากพิธีหรอก”

“แม้ว่านายท่านอานจะยังไม่ออกมา ถ้ามีเรื่องอะไร พวกเราก็คุยกันตรงนี้เถอะ”

“สุขภาพของนายท่าน เกรงว่าจะประคองได้อีกไม่นาน หากท่านเสียแล้ว พื้นที่ในเมืองเราจะแบ่งกันยังไง ผมอยากฟังความคิดเห็นจากท่านทั้งสอง”

บทที่ 190 ต่อหน้าฉัน คุณไม่มีโอกาส

บทที่ 192 อนิจจา