บทที่ 192 อนิจจา

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 192 อนิจจา
ได้ยินคำพูดของพานโหย่วจื้อแล้ว หลี่ชุนจงและเจี่ยเซี่ยวเหลียนก็มองหน้ากัน ต่างรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่

สุดท้าย หลี่ชุนจงลังเลชั่วครู่และตอบว่า “ผมแล้วแต่พี่พานเลย”

“พี่พาน พี่ว่าควรจะแบ่งอย่างไรหรือ?”

เจี่ยเซี่ยวเหลียนรีบพูดว่า “นั่นสิพี่พาน”

“ไม่ว่าจะเป็นคุณวุฒิหรือวัยวุฒิ แกห่างไกลจากพวกเรามาก เมื่อนายท่านมาถึง เธอก็คือราชาแห่งหนานเจียงสมคำร่ำลือ”

“พวกเรายอมติดตามท่าน ตระกูลพานได้กินเนื้อ ให้พวกฉันได้ดื่มแค่น้ำแกงก็พอแล้ว”

นี้คือคนที่มีประสบการณ์ รู้ว่าเวลาไหนควรรุก เวลาไหนจำเป็นต้องถอย

ก่อนที่พานโหย่วจื้อประกาศข่าวของ พานเจี๋ย พวกเขายังคิดจะรวบรวมพลังแข่งขันกับตระกูลพานอยู่เลย

แม้แต่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อเพื่อให้ได้มาซึ่งดินแดนและผลประโยชน์

แต่ตอนนี้ รู้ทันทีว่า ต้องยอมถอยทัพเก้าสิบลี้

พานโหย่วจื้อรู้สึกพอใจมาก เขาพยักหน้ายิ้มและตอบว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ”

“วิธีของฉันก็คือ นายท่านอานจะรับตำแหน่งว่างนั้นไป และตระกูลพานของฉันจะไม่รับแม้แต่สตางค์แดงเดียว”

“ทั้งหมดจะยกให้ตระกูลหลี่และตระกูลเจี่ยของพวกเธอ”

ห่ะ?

หลี่ชุนจงและเจี่ยเซี่ยวเหลียนตะลึงไปชั่วครู่และพูดไปว่า “พี่พาน พี่ไม่ใจดีไปหน่อยหรือ”

“พวกผมพูดกับท่านด้วยความใจจริง ท่านอย่าล้อเล่นกับพวกผมเลย”

พานโหย่วจื้อกัดฟันและพูดว่า “ฉันดูเหมือนกำลังล้อพวกแกเล่นอย่างนั้นหรือ?”

“เงินของตระกูลพาน ชาตินี้ก็ใช้ไม่หมด เพื่ออนาคตการเป็นข้าราชการของอะเจี๋ย ฉันคงต้องอ่อนน้อมถ่อมตนสักหน่อย”

“อะหลงอายุยังน้อย มีประสบการณ์ในเมืองมาหลายปี อนาคตไม่แน่ว่าอาจจะก้าวหน้าแค่ขั้นหรือสองขั้นเท่านั้น”

ได้ยินแบบนั้นหลี่ชุนจงและเจี่ยเซี่ยวเหลียน ก็กลัวจนหน้าถอดสี

พูดแบบนี้ อนาคตทางการเมืองของพานเจี๋ย คงไม่มีขีดจำกัด!

ถ้างั้นต่อให้พวกเขาวิ่งตามยังไงก็ตามไม่ทันแล้วหล่ะ

ทั้งสองรีบกล่าวคำขอบคุณและก็ไม่ลืมที่จะประจบสอพลอต่อทันที

พานโหย่วจื้อเยาะเย้ยและพูดว่า “แน่นอน ฉันอุตส่าห์แบ่งเค้กก้อนใหญ่ให้พวกแกขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ”

“ฉันอยากให้พวกแกสองตระกูลยอมรับเงื่อนไขข้าหนึ่งข้อ”

“เงื่อนไขอะไรหรือ?”

“ฆ่าคนคนหนึ่งแทนข้า”

“อะไรนะ?”

“พี่พานต้องการฆ่าใครหรือ?”

พานเจี๋ยตอบว่า “เขาคือฉินเทียน”

“คนที่วางเพลิงบ้านตระกูลพานสองหลังของพวกฉัน”

“หากหัวหน้าตระกูลทั้งสองทำได้ละก็ ข้าพานเจี๋ยจะจดจำน้ำใจของพวกแกไว้เป็นอย่างดี”

พานเจี๋ยเปล่งวาจาด้วยตัวเอง!

น้ำใจครั้งนี้ ความหมายมันลึกซึ้งและสำคัญมากทีเดียว!

หลี่ชุนจงและเจี่ยเซี่ยวเหลียน ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ใจกล้าขนาดลอบวางเพลิงบนหัวเสือ!คนแซ่ฉินผู้นี้ถึงตายก็ไม่สาสมต่อความผิดที่ทำลงไป!”

“หลี่เม่าหลี่เหอ!”

“เจี่ยซานเจี่ยจิ่ง!”

“เรื่องนี้มอบให้พวกท่านไปทำต่อ จะใช้เงินจ้างคนก็ได้ แต่ต้องให้เรื่องเรียบร้อยและเงียบที่สุด!”

“ให้เวลาพวกเจ้าสามวัน จะต้องเอาหัวของฉินเทียนกลับมาให้ได้!”

“ครับ คุณพ่อ!”

“วางใจเถอะ เป็นหน้าที่ของพวกเขาแล้ว!”

“ตั้งแต่วันนี้ไป สกุลฉินจะต้องเป็นคนตาย!”

ลูกท่านหลานเธอพวกนี้ ปกติไม่มีอะไรก็จะมักหาแต่เรื่อง ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ได้รับคำสั่งให้ฆ่าคน ช่างน่าตื่นเต้นเสียจริง

ปรากฏความดุร้ายขึ้นในแววตาของพานโหย่วจื้อและพานเจี๋ย สองพ่อลูกนี้ เป็นผู้มีความคิดลึกซึ้ง

พวกเขาต่างรู้ดีถึงศักยภาพของตระกูลหลี่และตระกูลเจี่ย จะว่าไปก็ไม่ได้เป็นรองตระกูลพานด้วยซ้ำ

ตอนนี้จะใช้วิธียืมดาบฆ่าคน ให้พวกเขาสองตระกูลร่วมมือกัน ฉินเทียนต้องตายอย่างไม่น่าสงสัย!

แค้นนี้ ในที่สุดก็ได้ชำระแล้ว

นานขนาดนี้แล้วนายท่านอานก็ยังไม่ออกมา แสดงว่าใกล้จะไม่ไหวแล้วแน่ๆ

ไม่แน่ว่างานฉลองวันเกิดอาจจะต้องกลายเป็นงานศพแทน

คนเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไม่เสียใจ ตรงกันข้ามยิ่งดีใจเสียมากกว่า เพราะพวกเขาคิดว่า เมืองหลวงและมณฑลหนานเจียงทั้งหมด จะต้องเปลี่ยนถ่ายมาเป็นยุคของพวกเขาแน่นอน

เค้กก้อนนี้ ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาคงจะต้องเข่นฆ่าเพื่อให้ได้มา

ภายใต้ความตื่นเต้นนี้เอง พวกเขาก็เริ่มหารือกันแล้วว่าจะแบ่งสันปันส่วนดินแดนกันอย่างไร

“นายท่านมาแล้ว!”

มีเสียงจากด้านหลังดังเข้ามา

กำลังหารือกันอย่างชื่นมื่น เสือสามตัวที่กำลังรื่นเริงอยู่นั้น ราวกับถูกตีแสกหน้า ในขณะที่กำลังตื่นเต้นนั้นหลี่ชุนจงเกือบจะทำกาน้ำชาตรงหน้าเขาตกแตกอยู่แล้ว

พวกเขารีบปรับอารมณ์กันยกใหญ่ ทุกคนต่างเข้าสู่โหมดจริงจัง ราวกับมาร่วมงานศพอย่างไรอย่างนั้น

เจี่ยเซี่ยวเหลียนถึงขนาดบีบน้ำตาให้ไหลออกมาสองสามหยด

ต่อหน้านายท่าน เขาต้องแสดงท่าทีว่าเสียใจอย่างสุดซึ้ง

บรรดาลูกศิษย์ลูกหาต่างพากันออกมา

เมื่อเห็นหูปินชายฉกรรจ์ผู้แข็งแกร่งและเป็นผู้ดูแลตระกูลอานในแววตาทั้งคู่ของเขาแดงก่ำ แสดงว่าพึ่งจะผ่านการร้องไห้ได้ไม่นาน

ด้วยความตื่นเต้นของเจี่ยเซี่ยวเหลียน รีบเข้าไปทักทายและดึงมือของหูปินและพูดว่า “คุณหู ขอแสดงความเสียใจด้วยนะ!”

“คิดไม่ถึงเลยว่านายท่านผู้เป็นวีรชนคนกล้า จะต้องจากไปเช่นนี้”

“เห้อ สุดท้ายก็ผ่านงานฉลองรอบนี้ไปไม่ได้”

“แต่จะว่าไปคนอายุเจ็ดสิบปีก็มีน้อยนัก นายท่านถือว่าอายุเยอะมากแล้วนะ!”

“อนิจจา ฟ้าดินร่วมแสดงความเสียใจ!”

หูปินตะลึงไปชั่วขณะ ตบไปที่ใบหน้าของเจี่ยเซี่ยวเหลียนและด่าฉาดใหญ่ “อนิจจาผีห่าอะไรล่ะ!ไปตายซะ!”

“ไอ้สารเลว แกแช่งนายท่านหรือ!”

“แกแหกตาหมาของเจ้าดูให้ชัดชัด นายท่านยังสบายดีอยู่!”

“อายุมั่นขวัญยืน อายุยืนกว่าแกแน่ๆ!”

เจี่ยเซี่ยวเหลียนปิดหน้าตัวเอง ไอ้งั่กเอ๊ย

“หูปิน เอะอะโวยวายอะไรกัน”

“ผู้มาวันนี้เป็นแขกของฉัน ช่วยฉันต้อนรับให้ดีดีด้วยนะ”

เสียงหัวเราะดังขึ้น นายท่านถูกรายล้อมไปด้วย จี้เจินและคนอื่นๆ สวมใส่ชุดถังจวงสีแดง ปรากฎต่อหน้าผู้คนมากมาย

เมื่อเห็นเขา มีหน้าตาสีแดงเลือดฝาด ดูกระปรี้กระเปร่า

น้ำเสียงคำพูดดูปกติ ไม่เห็นมีตรงไหนที่เหมือนคนป่วยหนัก ใกล้ตายอะไรทำนองนั้นเลย

ช่วงเวลานี้ ไม่เพียงแค่เจี่ยเซี่ยวเหลียนเท่านั้นที่ตะลึง แต่หลี่ชุนจงและพานโหย่วจื้อที่อยู่ข้างๆ ก็ต่างตะลึงเช่นกันด้วย

นี้มันเรื่องอะไรกัน?

นี้มันไม่ปกติแล้วนะ!

“ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้”

“ฉันขอใช้โอกาสนี้แนะนำทุกท่านให้รู้จักกับคนคนหนึ่ง”

อานกั๋วหัวเราะและพูดกับคนข้างหลังว่า “ยู่เอ๋อร์ ออกมาเถอะ”

หลิวหรูยู่เปล่งแสงเป็นประกาย ปรากฏต่อหน้าผู้คน ด้วยชุดยาวที่สวยงาม นางงามจนหาที่เปรียบไม่ได้

“หลิวหรูยู่!”

“คุณหลิว!”

ลูกหลานของตระกูลหลี่และตระกูลเจี่ย หลี่เม่า หลี่เหอ เจี่ยซาน เจี่ยจิ่ง แววตาของพวกเขาล้วนเป็นประกายขึ้นมา

ลูกท่านหลานเธออย่างพวกเขา ปกติก็จะมีบรรดาดาราเล็กๆ น้อยๆ มากมายจนนับไม่ถ้วน

แต่ นั้นมันก็แค่ดาราเล็กๆ ทั่วไป

ระดับอย่างหลิวหรูยู่ พวกเขายังเอื้อมไม่เคยถึง แน่นอนว่า หลิวหรูยู่ กลายเป็นแสงจันทร์สีขาวในใจของพวกเขา

คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกันในที่แห่งนี้

เธองามกว่านางเอกในทีวีเป็นไหนๆ

เจี่ยเซี่ยวเหลียนรีบกล่าวว่า “ยินดีต้อนรับดารานำชั้นแนวหน้า เธอก็มาร่วมฉลองวันเกิดให้นายท่านเหมือนกันใช่ไหม?”

“นายท่านช่างโชคดีและมีความสุข!”

อานกั๋วจับมือของหลิวหรูยู่และพูดว่า “อันที่จริงแล้ว นี้คือหลานสาวที่ฉันรู้จักมาเมื่อหลายปีก่อน และถือได้ว่าเป็นญาติคนเดียวของฉันในชั่วชีวิตนี้”

“ท่านทั้งหลาย จากนี้อีกร้อยปี หวังว่าทุกท่านจะเห็นแก่หน้าฉัน ช่วยดูแลหลานสาวคนนี้ของฉันให้เป็นอย่างดี”

หลิวหรูยู่เป็นหลานสาวของอานกั๋วงั้นหรือ?

มิน่าหล่ะ!

หลี่เม่าและคนอื่นๆ รีบประจบสอพลอทันที

ถ้าได้แต่งงานกับ หลิวหรูยู่ละก็ สิ่งที่พวกเขาจะได้รับ ไม่เพียงแค่สาวงามระดับดาราคนนี้เท่านั้น แต่ยังได้รับทรัพยากร กำลังคนและสมบัติต่างๆ ที่นายท่านทิ้งไว้ให้อีกด้วย

เจี่ยเซี่ยวเหลียนและหลี่ชุนจง กลับนำคำพูดของอานกั๋วตีความเป็นอีกอย่างหนึ่ง

อานกั๋วบอกว่าจากนี้อีกหนึ่งร้อยปี ใครจะรู้ว่า มันเป็นความปรารถนาที่ดีงามมาก ตอนนี้เขาเปิดตัวหลิวหรูยู่และกำลังพูดฝากฝังเธออยู่

ถ้าอย่างนั้นแสดงว่า เขาอาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานหรือ?

หลี่ชุนจงกระซิบกับพานโหย่วจื้อว่า “พี่พาน วางใจเถอะ”

“นายท่านรอดมาถึงวันนี้ คงเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ข้อตกลงของพวกเราเมื่อครู่นี้ คงจะไม่มีเปลี่ยนแปลงนะ”

“พวกฉันจะช่วยเธอฆ่าเทียนฉินแน่นอน”

พานโหย่วจื้อกัดฟันพูดว่า “ฉันพูดคำไหนคำนั้นแน่นอน!”

เขาจับมือของพานเจี๋ยเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว พูดอย่างถ่อมตนว่า “ขอแสดงความยินดีกับนายท่าน ฉันพาอะเจี๋ยมาร่วมยินดีกับท่านด้วย”

พานเจี๋ยรีบกล่าวทักทาย “สวัสดีครับนายท่านอาน!”

อานกั๋วยิ้มและตอบว่า “พานเจี๋ย แกนี้ไม่เลวเลยจริงๆ ดีเลย วันนี้มีวัยรุ่นที่เก่งไม่แพ้กันมาอยู่ในที่แห่งนี้เพิ่มอีกหนึ่งคน”

“เขาก็เป็นคนสำคัญของฉัน”

“ตอนนี้ ขอทุกท่านร่วมกันต้อนรับคุณฉินพร้อมกันกับฉัน”