บทที่ 305 : การอัญเชิญอาร์เทเชีย

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 305 : การอัญเชิญอาร์เทเชีย

เบื้องหน้าบัลลังก์ภายในห้องโถง แม่มดผมขาวสวยถือมงกุฏดอกไม้เอาไว้ในมือพร้อมส่งรอยยิ้มอันสดใสให้กับเด็กหนุ่มผมดำตรงหน้า

“เป็นยังไงบ้าง? อยากลองสวมมันไหม?” อาร์เทเชียพูดอย่างเย้ายวน

โรเอลรู้สึกว่าความปรารถนาของตนพุ่งพล่านขึ้นมา เมื่อได้ยินเสียงของเธอ เขาจ้องมองไปที่มงกุฏดอกไม้ในมือของอาร์เทเชีย ด้วยความมึนงง แต่แล้วดวงตาสีทองของเขาก็เปล่งประกายเจิดจ้า ทำให้ความมีเหตุผลกลับมาสู่ตัวเขาในเวลาต่อมา

“ไม่จำเป็น ขอบคุณสำหรับข้อเสนอนะ แต่ฉันไม่สนใจมัน”

เด็กหนุ่มตอบขณะที่หัวใจกำลังเต้นแรงด้วยความตกใจที่เขาเกือบจะตกหลุมตอบรับอุบายของอีกฝ่าย

อาร์เทเชีย ทำหน้ามุ่ยตอบสนองต่อการปฏิเสธก่อนที่จะถอนหายใจเข้าลึกๆ

“ข้าใช้เวลาตั้งนานเพื่อรวบรวมดอกไม้พวกนี้ เจ้าไม่คิดว่ามงกุฎนี้ ดูดีกับเจ้างั้นเหรอ?”

“…ก็จริงที่ว่าคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดของฉันเป็นมงกุฏ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันแสวงหา” โรเอลตอบ

เขาลุกขึ้นยืน ก้าวออกจากบัลลังก์ของอาร์เทเชีย มองเข้าไปในดวงตาของเธอแล้วพูดอย่างเด็ดเดี่ยว

“ อาร์เทเชีย อย่าคิดจะพยายามล่อใจฉันด้วยเรื่องแบบนี้ซะให้ยากเลย ฉันไม่สนใจที่จะเป็นราชาหรอกนะ”

“…เฮ้อ ว่าแล้วเชียว”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง อาร์เทเชียก็วางมงกุฏดอกไม้ไว้บนหัวของตัวเอง ก่อนจะเอนตัวไปทางโรเอล เธอเข้ามาใกล้จนเกือบจะดูเหมือนว่าเธอกำลังจะจูบเขา ทำให้เขาต้องถอยออกไปครึ่งก้าว

“น่าหนักใจจริง ๆ คงเป็นเพราะข้าได้เห็นความรุ่งเรืองและเสื่อมทรามมามากเกินไปตลอดระยะเวลาประวัติศาสตร์อันยาวนานงั้นสินะ? มันผ่านไปนานมากแล้ว ตั้งแต่การจากไปของเซีย พวกเราที่เหลือทั้งหมดยอมแพ้ไปแล้ว แต่คนแบบพวกเจ้าก็ยังคงยึดมั่นในความรับผิดชอบของตัวเอง…อืม… แต่ข้าก็คาดหวังเอาไว้แบบนั้นอยู่แล้ว”

อาร์เทเชียกล่าวขณะค่อย ๆ ยืดท่าทางของตนให้ตรง

ดูเหมือนว่าเธอคงจะเลิกคิดล่อลวงโรเอลด้วยเสน่ห์ของอำนาจแล้ว ทำให้เด็กหนุ่มมองไปที่เธออย่างครุ่นคิด

“อาร์เทเชีย เป้าหมายที่แท้จริงของเธอคืออะไรกันแน่?”

“เป้าหมายของข้างั้นเหรอ? ข้าก็บอกไปแล้วนี่ ข้าหวังว่าเจ้าจะยอมยกผู้หญิงคนนั้นให้มาเป็นร่างของข้า…”

“นั่นไม่ใช่ความจริงใช่ไหมล่ะ? หรืออย่างน้อย ๆ ก็ไม่ใช่ทั้งหมด”

โรเอลพูดแทรก

อาร์เทเชียกระพริบตากับข้อสรุปของเด็กหนุ่ม เธอเอียงศีรษะเล็กน้อยและถามด้วยความฉงนสนเท่ห์

“อะไรทำให้เจ้าคิดอย่างนั้นกันล่ะ?”

“ที่แม่มดเป็นแม่มด เพราะพวกเขาไม่ใช่ตัวตนที่จะสามารถเข้าใจได้ด้วยระบบความคิดทั่ว ๆ ไป ตอนแรกฉันคิดว่าเป้าหมายของเธอคือการฟื้นคืนชีพกลับมาในโลกแห่งความเป็นจริง แต่พอคิดให้ถี่ถ้วนแล้ว ฉันก็เริ่มสงสัยว่ามันเป็นไปได้จริง ๆ งั้นเหรอ ที่เป้าหมายของราชินีแม่มดจะเป็นสิ่งที่ธรรมดา ๆ แบบนั้น”

คำพูดของโรเอลทำให้อาร์เทเชียประหลาดใจ เธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเริ่มยิ้มออกมา ดวงตาของเธอขดอย่างมีความสุข ราวกับว่าความสงสัยที่เขาโยนเข้ามาทำให้เธอขบขัน

“มันไม่เร็วเกินไปที่จะสรุปเหรอ? ใครบอกว่าแม่มดต้องเปี่ยมไปด้วยกลอุบายตลอดเวลา? บางทีแม่มดก็ไม่ได้มีแบบแผนหรอกนะ”

“แบบแผนงั้นเหรอ? เธอเป็นคนพูดเองนะ เธอคงจะคิดว่าผู้ชายชอบผู้หญิงที่ประจบประแจงพวกเขาใช่ไหมล่ะ ความคิดนั้นมันออกมาอย่างชัดเจนเลยนะ ผ่านท่าทางสีหน้าและน้ำเสียงของเธอ”

“หยาบคาย…ทำไมข้าจะเป็นแม่มดน้อยที่น่ารักไม่ได้ล่ะ!”

“อาร์เทเชีย เธอไม่เคยเรียกฉันด้วยชื่อเลยนะ ตั้งแต่การแนะนำตัวครั้งแรกของเรา”

“…”

เป็นอีกครั้งที่คำพูดของโรเอลทำให้อาร์เทเชียประหลาดใจ รอยยิ้มบนริมฝีปากของเธอก็กว้างขึ้นอีกครั้ง

“เธอเรียกฉันว่า ‘วีรบุรุษของข้า’ มาจนถึงตอนนี้ เพราะเธอรู้ว่าฉันให้ชื่อปลอมกับเธอ เธอใช้วิธีการแบบไหนในการยืนยันกันนะ?”

โรเอลจ้องไปที่อาร์เทเชียด้วยดวงตาที่หรี่ลงจนแคบลง ในขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น

“เธอใช้อะไรงั้นเหรอ? คำสาป? หรือคาถาเวทย์?”

“… ฟู่ว! ในความคิดของเจ้าข้าเป็นคนที่น่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ? ข้าจะสาปแช่งวีรบุรุษของตัวเองลงได้อย่างไร?”

เมื่อเผชิญหน้าคำพูดของโรเอล ใบหน้าของอาร์เทเชียก็แดงขึ้นขณะที่เธอทำหน้าบึ้งอย่างไม่พอใจ แต่ทว่าน้ำเสียงของเธอกลับร่าเริงผิดปกติ

“ฉันแค่ลองทดสอบชื่อ ‘โร’ ด้วยคาถาตรวจสอบ…แต่มันไม่ได้ผล”

“คาถาตรวจสอบ?”

“ใช่! แม้แต่ข้าก็ไม่มีความสามารถมากพอที่จะมองทะลุคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดของมงกุฎได้ เจ้าเป็นคนที่ลึกลับมากสำหรับข้าที่มักจะรู้ความคิดของผู้อื่นอยู่เสมอ ข้าจะจัดการกับคนอย่างเจ้ายังไงดีนะ?”

นิสัยของอาร์เทเชียค่อย ๆ เปลี่ยนไปตามคำพูดของเธอ หญิงสาวเริ่มเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาทีละนิด การแสดงอันน่ารักที่เธอทำมาทั้งหมดค่อย ๆ หายไป แทนที่ด้วยรอยยิ้มที่สงบแต่ร่าเริง

“ต้องขอบคุณวีรบุรุษของข้า ที่ทำให้ข้าได้สัมผัสกับการเป็นผู้หญิงอย่างแท้จริง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ข้าถูกทิ้งให้ต้องสงสัยว่า ตนเองควรจะทำอย่างไรถึงจะได้รับความชื่นชอบจากผู้ชายคนหนึ่ง และแน่นอนว่าข้ารู้สึกไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทำคะแนนให้ด้วยท่าทางแบบไหนดี?”

“ที่ผ่านมามันเป็นแค่การแสดงทั้งหมดเลยเหรอ?”

“ไม่ใช่แบบนั้น! ข้ายอมรับว่าตัวเองมีแรงจูงใจซ่อนเร้น แต่สิ่งที่เจ้าเห็นเกี่ยวกับข้าส่วนใหญ่นั้นเป็นเรื่องจริง…”

อาร์เทเชียสัมผัสหน้าอกของเธอ ขณะที่ดวงตาสีแดงหรี่ลงอย่างมีความสุข

“ข้าจริงจังนะ ในตอนที่พูดว่าพวกเราเข้ากันได้ดี แม้ว่าข้าจะพยายามปกปิดธรรมชาติของตัวเองแค่ไหน แต่เจ้าก็ยังสามารถมองเห็นมันได้ไม่ใช่หรือ?”

“นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของเธอเหรอ? แสดงว่าทั้งหมดจะต้องเลวทรามมากเลยใช่ไหม?”

“อู้ว นั่นมันมากเกินไปแล้ว! คำพูดของเจ้าช่างทำร้ายจิตใจอันเปราะบางของข้าเสียเหลือเกิน…”

อาร์เทเชียหรี่ตาลงอย่างน่าสมเพช พร้อมทำหน้าบูดบึ้ง แต่ในไม่ช้าความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ จากนั้นเธอก็ปรบมือ

“อา…ข้าควรให้รางวัลกับเจ้า เพราะเจ้ามองข้าออก…”

“รางวัล?”

“ใช่! มันคือเบาะแสในการกระชับความสัมพันธ์ของพวกเราให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น”

อาร์เทเชียเริ่มทำท่าทางสง่างามราวกับเป็นอาจารย์ที่กำลังสอนนักเรียนของเธอ

“วีรบุรุษของข้า เจ้ารู้ไหมว่าแม่มดทุกคนมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในบางสิ่งเสมอ? ซึ่งของข้านั้นอยู่กับแนวคิดของคำว่า ‘ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก’”

“ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก?”

“ใช่ ข้าหมายถึง เมื่อข้าบอกเจ้าว่า ข้าต้องการผู้หญิงคนนั้น…”

“อย่าแม้แต่จะคิด…แตะต้องรุ่นพี่ของฉัน!”

โรเอลมองไปที่อาร์เทเชียด้วยสายตาที่สงบ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอันเรียบเฉยไม่แพ้กัน ความสามารถของเขาที่จะควบคุมอารมณ์นั้น ทำให้เขาดูน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก

เมื่อเห็นสิ่งนี้รอยยิ้มของอาร์เทเชียก็เริ่มบิดเบี้ยวอย่างลึกลับ

“อย่างนั้นหรือ? ก็ดี แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”

อาร์เทเชียทำหน้างอเล็กน้อย เป็นสัญญาณว่าการสนทนาของพวกเขาได้สิ้นสุดลงแล้ว

หลังจากนั้นสติของโรเอลก็ค่อย ๆ เลือนหายไป ไม่นานนักเขาก็นอนหลับสนิทลงไปในห้วงนิทรา

“!”

ระหว่างกลางดึกโรเอลตื่นขึ้นอีกครั้ง ทั้งห้องยังคงเงียบสนิท เตียงที่อยู่ข้างใต้เขารู้สึกสบายมากเสียจนยากที่จะแยกตัวออกจากเตียงได้

หลังจากพักผ่อนไปหลายชั่วโมง สภาพร่างกายของโรเอลก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แม้ว่าสภาพจิตใจของเขาจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ตามที

ให้ตายเถอะอาร์เทเชีย! ผู้หญิงคนนั้นมีแต่ปัญหาจริงๆ!

ขณะที่โรเอลกำลังคิดเช่นนั้น ทันใดนั้นเขาก็ได้รับการแจ้งเตือนจากระบบ

【กริ๊ง !】

【ได้รับทักษะใหม่ !】

【อัญเชิญอาร์เทเชีย

เลือกผู้หญิงที่จะเป็นร่างทรงของราชินีแม่มดอาร์เทเชีย ความแข็งแกร่งของอาร์เทเชียจะถูกกำหนดโดยความแข็งแกร่งของร่างกายที่เลือก

จำนวนครั้งในการใช้ : 1】

“… ยัยนั่น!”

โรเอลพึมพำพร้อมกับขมวดคิ้วลึก มันต่างจากคาถาเวทย์ที่โรเอลได้รับจาก กรันด้าและเปตราในสถานะผู้เฝ้ามองก่อนหน้านี้ อัญเชิญอาร์เทเชีย ไม่ใช่คาถาเวทย์เสริมพลัง แต่เป็นคาถาแลกเปลี่ยน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการอัญเชิญราชินีแม่มดนั้นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นี่อาจเป็นหนึ่งในคาถาเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามด้วยความจริงที่ว่าความแข็งแกร่งของอาร์เทเชีย จะถูกกำหนดโดยความแข็งแกร่งของร่างกายที่เลือก ทำให้เขาไม่สามารถเลือกใช้ร่างมั่ว ๆ สุ่มสี่สุ่มห้าได้…

หากโรเอลพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องการความช่วยเหลือจากราชินีแม่มด มันก็เป็นไปได้ว่าตอนนั้นเขาต้องการพลังมหาศาลมากพอที่จะสวนกลับศัตรูได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว โรเอลก็ต้องใช้ร่างของสตรีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูง มิฉะนั้นทุกอย่างก็จะเปล่าประโยชน์

ยิ่งไปกว่านั้น ความจริงที่ว่าคาถาเวทย์ นี้สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หมายความว่ามันเป็นคำขาดจากอาร์เทเชีย

เรียกได้ว่าอาร์เทเชีย เลือกที่จะมอบมีดให้โรเอล ทำให้เขามีสิทธิ์ตัดสินใจว่าเขาต้องการแทงใคร แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็แสดงเจตจำนงอันชัดเจน

เธอต้องการลิเลียน เพราะนั่นคือร่างในอุดมคติสำหรับเธอ…

ซึ่งแน่นอนว่าโรเอลไม่มีทางยอมแน่!

ลิเลียนเป็นเครือญาติทางพลังสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของเขาบนโลก ผู้ครอบครองพลังสายเลือดของตระกูลแอสคาร์ดคนที่สองภายในยุคเดียวกัน โอกาสที่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นนั้นมีน้อยมาก เรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์หรือของขวัญจากโลกก็ไม่ผิด และโรเอลก็หวงแหนของขวัญนี้เป็นอย่างมาก

ไม่ทันที่เขาจะได้รู้สึกตัว ลิเลียนก็ครอบครองตำแหน่งสำคัญในหัวใจของเขาไปแล้ว

เช่นเดียวกับที่ลิเลียนมองทุกคนที่พยายามทำร้ายและดูถูกโรเอลเป็นศัตรูของเธอ โรเอลเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน เขาจะไม่ทนต่ออันตรายใด ๆ ที่เกิดขึ้นกับพี่สาวของตน

นอกจากนี้ต่อให้โรเอลละทิ้งความรู้สึกของตัวเองออกไป และวิเคราะห์จากมุมมองที่มีเหตุผล เขาก็ยังไม่คิดที่จะใช้คาถาเวทย์นี้กับลิเลียน

อาร์เทเชียมีเป้าหมายที่จะครอบครองร่างกายของลิเลียน เพื่อเพิ่มพูนระดับพลังของเธอหรือเปล่า?

นั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผล แต่แน่นอนว่าโรเอลไม่คิดว่านั่นคือทั้งหมด

สิ่งที่เธอต้องการอย่างแท้จริงคือพลังสายเลือดของตระกูลแอสคาร์ด และลิเลียนนั้นก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่พิเศษแตกต่างไปจากผู้ครอบครองพลังสายเลือดของตระกูลแอสคาร์ดไปอีก

ลิเลียนเป็นอัจฉริยะโดยแท้จริง แม้จะไม่มีพลังของคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิด ที่เข้ากับพลังทางสายเลือด แต่เธอก็ยังสามารถดึงพลังของสายเลือดตระกูลแอสคาร์ดออกมาได้ในแบบของเธอเอง และปูเป็นเส้นทางใหม่สำหรับตัวเอง

จะเกิดอะไรขึ้นถ้า อาร์เทเชียได้ครอบครองร่างดังกล่าวและฟื้นคืนชีพขึ้นมาในโลกแห่งความเป็นจริง?

นั่นจะกลายเป็นจุดกำเนิดของสิ่งมีชีวิตขั้นสูงสุดที่มีทั้งพลังของสายเลือดตระกูลแอสคาร์ดและราชินีแม่มด ยิ่งไปกว่านั้นลิเลียนยังเป็นองค์หญิงแห่งจักรวรรดิออสทีนซึ่งเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์อีกด้วย ทำให้เธอมีทรัพยากรมากมายสำหรับแผนการของเธอ

ด้วยอำนาจและอิทธิพลดังกล่าว ทั่วทั้งทวีปเซีย อาจกลายเป็นของเล่นของอาร์เทเชียเลยก็เป็นได้!

การใช้คาถาเวทย์นี้ไม่เพียงแต่จะทำร้ายลิเลียนเท่านั้น แต่มันอาจทำให้ทั้งครอบครัว เพื่อนของเขา และมวลมนุษยชาติตกอยู่ในอันตรายเลยก็ว่าได้!

ไม่ว่ายังไงเราก็ห้ามใช้คาถานี้โดยเด็ดขาด

โรเอลมองดูพระจันทร์สีเงินนอกหน้าต่างขณะที่ตัดสินใจอย่างแน่วแน่