บทที่ 393 อย่าเข้ามาเพิ่มความวุ่นวาย / บทที่ 394 สิ่งที่ไม่อาจยั่วโมโหได้

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 393 อย่าเข้ามาเพิ่มความวุ่นวาย / บทที่ 394 สิ่งที่ไม่อาจยั่วโมโหได้ Ink Stone_Romance

บทที่ 393 อย่าเข้ามาเพิ่มความวุ่นวาย

“แล้ว…แล้วตอนนี้ต้องทำอย่างไร! อาการสาหัสมากหรือเปล่า?” หลิวอิ่งเองก็ลนลานแล้ว

“ใช้ยารักษาไปก่อน จะช่วยประคองอาการได้ชั่วคราว จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลที่เชี่ยวชาญเพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติม!” คุณหมออธิบายพลางฉีดยาให้กับซือเยี่ยหาน จากนั้นก็รีบหยิบยาเม็ดออกมาจากกล่องยา เตรียมป้อนให้ซือเยี่ยหานกิน

ยิ่งลนก็ยิ่งวุ่นวาย ป้อนยาให้ซือเยี่ยหานเท่าไรก็ป้อนไม่สำเร็จสักที

ผู้คนในห้องต่างรู้สึกกลัดกลุ้ม ว้าวุ่นใจ…

ในเวลานี้เอง ก็มีเสียงผลักประตูเปิดออกดัง “ปัง”

มีคนคนหนึ่งเดินรีบร้อนเข้ามา

ตอนที่เยี่ยหวันหวั่นมาถึงหน้าประตูห้องนอน เห็นเพียงซือเยี่ยหานนอนอยู่บนเตียงใบหน้าซีดขาว ในห้องมีสวี่อี้ หลิวอิ่งและบรรดาผู้บริหารระดับสูงอยู่กันครบหมด แล้วยังมีคุณหมออีกสองสามคนห้อมล้อมอยู่ด้วย

คุณหมอเหล่านั้นดูเหมือนจะกำลังพยายามป้อนยาให้ซือเยี่ยหาน แต่ก็ป้อนไม่สำเร็จสักที น้ำหกเลอะคอเสื้อของซือเยี่ยหานจนเปียกไปหมด

คุณหมอร้อนใจอย่างที่สุด บ่นอุทาน “แล้วนี่จะทำอย่างไรดี…”

หลิวอิ่งที่ยืนคุ้มกันอยู่ข้างเตียงกำลังอารมณ์เสียอยู่ เมื่อได้ยินเสียงผลักประตูเปิดเข้ามา ก็ตวาดเสียงดังด้วยความหงุดหงิดทันที “ใคร? แม่งไม่ต้องเข้ามาเพิ่มความวุ่นวายเลย!”

เยี่ยหวันหวั่นมองจ้องชายหนุ่มที่นอนหมดสติไร้ซึ่งการรับรู้ใดๆ บนเตียงผู้ป่วย ใบหน้าเย็นเยียบคล้ายกับมีน้ำค้างแข็งเคลือบอยู่ชั้นหนึ่ง  เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปยังเตียงผู้ป่วย

หลิวอิ่งเห็นว่าเป็นเยี่ยหวันหวั่น สีหน้าพลันแย่ลงกว่าเก่า พลันกล่าวด้วยสายตาเย็นชาดั่งน้ำแข็ง “ขอเชิญคุณออกไปด้วยครับ! อย่ามาขวางทาง! ไม่เช่นนั้นผม…”

เยี่ยหวันหวั่นไม่มองหน้าเขาเลยสักนิด แววตาดั่งคมมีดพุ่งไปทางหลิวอิ่งที่เข้ามาขวางทางตน พลันตวาดใส่ “หลบไป!”

พูดจบก็เดินผ่านหลิวอิ่งมาเลย ผลักคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าเตียงผู้ป่วยออก หยิบแก้วน้ำและยาในมือของเขามาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกรอกยาเข้าปากตัวเอง ตามด้วยน้ำอีกหนึ่งคำ จากนั้นก็ประกบลงที่ริมฝีปากของซือเยี่ยหานท่ามกลางสายตาของทุกคน

ลำคอของซือเยี่ยหานกระดกเคลื่อนที่อยู่สองที เม็ดยาที่ถูกปลายลิ้นอันอ่อนนุ่มกดไว้ ได้ถูกส่งลงคอไปอย่างราบรื่น…

ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ถึงสามวินาที

ทุกคนต่างนิ่งอึ้งพูดไม่ออก

สวี่อี้และบรรดาผู้บริหารชั้นสูง อีกทั้งบรรดาคุณหมอต่างมองภาพนี้ด้วยอาการตกตะลึง ยืนอึ้งกันอยู่ตรงนั้น แม้แต่หลิวอิ่งที่แสดงอาการโกรธอยู่ยังตกตะลึงไปด้วย

ในขณะที่ทุกคนยังดึงสติกลับมาไม่ได้ เยี่ยหวันหวั่นก็หยิบเสื้อผ้าสะอาดจากในตู้ออกมา แกะเสื้อเชิ้ตของซือเยี่ยหานออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงสวมเสื้อตัวใหม่ให้แทน

เห็นว่าเยี่ยหวันหวั่นจัดการเรื่องยุ่งยากเหล่านี้ได้อย่างเรียบร้อยและรวดเร็ว ทุกคนต่างพากันถอนใจโล่งอก

“รบกวนคุณหนูหวันหวั่นแล้ว!” สวี่อี้กล่าวอย่างซาบซึ้ง

คุณหมอก็กล่าวขอบคุณเช่นกัน “ขอบคุณคุณหนูหวันหวั่น!”

หลิวอิ่งไม่ได้พูดอะไร หน้าตาบูดบึ้ง แต่ว่าสีหน้าก็ผ่อนคลายลงไปหลายส่วน

“สถานการณ์ของซือเยี่ยหานเป็นอย่างไรบ้าง?” เยี่ยหวันหวั่นสอบถาม

เวลานี้ เยี่ยหวันหวั่นเข้าใจแล้วว่าทำไม ช่วงเวลานี้ในชาติก่อนซือเยี่ยหานจึงสูญเสียหนักขนาดนั้น ด้านหนึ่งเป็นเพราะคนเหล่านั้นเก่งกาจยากจะจัดการ อีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญ แน่นอนว่าเป็นเพราะซือเยี่ยหานล้มป่วยหนักอย่างกะทันหัน…

ก่อนหน้านี้เธอคอยเป็นห่วงเรื่องสภาพร่างกายของซือเยี่ยหานมาโดยตลอด สุดท้ายเรื่องที่เป็นห่วงที่สุดก็เกิดขึ้นจนได้

ภายใต้การทำงานอย่างหนักหน่วงและการเดินทางที่ยาวนาน ภัยเงียบในร่างกายของซือเยี่ยหานพลันถูกกระตุ้น จึงปะทุออกมาอย่างไม่มีการเตือนล่วงหน้าเช่นนี้

สุขภาพของซือเยี่ยหานในตอนนั้นยังไม่สาหัสเท่าตอนหลังจากนี้ และไมได้แสดงอาการผิดปกติใดๆ ดังนั้นแม้ว่าจะมีคุณหมอหลายท่านบอกว่าหากเขายังทำแบบนี้ต่อไป สุขภาพของเขาคงจะรับไม่ไหวแน่ แต่ว่าภาพลักษณ์ของซือเยี่ยหานในสายตาของทุกคนช่างสมบูรณ์แบบเกินไป ราวกับเทพเซียนที่ไม่มีเรื่องใดจะล้มเขาได้

กระทั่งถึงตอนนี้ ทุกคนถึงได้รู้ซึ้งว่าคำพูดของคุณหมอไม่ได้มีเจตนาพูดให้คนต้องตกใจ บอสหรือนายท่านของพวกเขาได้ยืนหยัดมาถึงที่สุดแล้วจริงๆ…

…………………………………

บทที่ 394 สิ่งที่ไม่อาจยั่วโมโหได้

เพียงพริบตา ทุกคนต่างนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น ราวกับไม้พายที่สูญเสียทิศทาง

“คุณชายซือจำเป็นต้องได้รับการตรวจและรักษาอย่างครบถ้วนโดยเร็วที่สุด จะช้าไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว!” คุณหมอเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหน?” สวี่อี้ถาม

หลิวอิ่งกัดฟัน “การรักษาพยาบาลของที่นี่ไม่ดี จะส่งนายท่านไปโรงพยาบาลแบบนั้นได้อย่างไร สุขภาพของนายท่านสำคัญที่สุด กลับประเทศกันเถอะ!”

ทันทีที่ได้ฟังคำพูดของหลิวอิ่ง ทุกคนต่างพากันมองหน้ากัน จมอยู่ในความเงียบ

พรุ่งนี้ก็จะถึงวันเจรจาแล้ว จะกลับประเทศตอนนี้อย่างนั้นหรือ?

แต่หากไม่กลับละก็ อาการสุขภาพของบอสตอนนี้ก็เป็นอย่างที่เห็น…

เยี่ยหวันหวั่นมองไปยังขอบฟ้านอกหน้าต่าง หัวใจเหมือนมีหมอกหนาหนักอึ้ง

กลับประเทศอย่างนั้นเหรอ?

กลัวว่า…จะกลับไม่ได้แล้วน่ะสิ…

ขณะที่ทุกคนทางนี้กำลังปรึกษาหนทางรับมือกันอย่างเคร่งเครียด ทันใดนั้น มีลูกน้องคนหนึ่งรีบร้อนพุ่งเข้ามา “หัวหน้าครับ! แย่…แย่แล้ว!”

“อะไรแย่แล้ว? เสียงดังโวยวายอะไร?” หลิวอิ่งตวาดกลับด้วยความหงุดหงิด

“พวก…พวกเราถูกล้อมไว้แล้วครับ!” ลูกน้องคนนั้นตอบด้วยความลนลาน

สีหน้าของหลิวอิ่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย กระชากคอเสื้อของคนคนนั้นด้วยมือเดียว “นายพูดว่าอะไรนะ? ที่ว่าพวกเราถูกล้อมไว้แล้วมันหมายความว่าอะไร! สิบห้านาทีก่อนฉันยังส่งคนไปตรวจดูรอบโรงแรมอยู่เลย! ต่อให้ถูกล้อม จะไม่มีใครแจ้งเตือนพวกเราเลยหรือไง?”

ลูกน้องกลืนน้ำลาย เอ่ยตอบอย่างตะกุกตะกัก “พวกเราถูกล้อมไว้ทั้งเมือง! ตอนนี้ที่นอกเมืองถูกกลุ่มอำนาจหนึ่งปิดล้อมไว้หมดแล้ว! ผู้ที่มาไม่ได้มีเจตนาดีแน่ มุ่งเป้ามาที่พวกเราแน่นอน!”

หลิวอิ่งได้ยินดังนั้น หน้าเขียวในพริบตา สีหน้าของสวี่อี้ที่อยู่ด้านข้างเปลี่ยนไปเช่นกัน “เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร? กลุ่มอำนาจฝ่ายไหน? กล้าขนาดนี้เชียว? รู้ว่าเป็นคนของตระกูลซือ ยังกล้าทำแบบนี้อีกหรือ?”

สีหน้าของลูกน้องบอกชัดถึงความสิ้นหวัง เอ่ยตะกุกตะกัก “เมื่อครู่ผมไปสืบความมาได้แล้ว ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด ฝ่ายตรงข้ามคือ…คือคนของพันธมิตรเลือด…”

“ล้อเล่นอะไรกัน!” ใบหน้าของหลิวอิ่งและสวี่อี้เผยความตกใจถึงขีดสุด

พันธมิตรเลือดคือกลุ่มคนเดนตายที่โหดเหี้ยมที่สุดของแต่ละประเทศมารวมตัวกัน ชื่อเสียงในวงการเลวร้ายเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะโลกขาวหรือดำต่างไม่คิดจะผิดใจด้วย

และพวกเขาก็ไม่ยอมสังกัดและพึ่งพาองค์กรไหนหรือบุคคลใด

ตระกูลซือกับองค์กรนี้ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกันมาก่อน ทำไมอีกฝ่ายถึงได้ตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกเขา? มีเป้าหมายอะไรกันแน่?

ตอนนี้ซือเยี่ยหานกำลังหมดสติ ฝูงมังกรที่ไร้ผู้นำ สมองของทุกคนล้วนสับสันไปหมด

เยี่ยหวันหวั่นเฝ้าอยู่ที่ข้างเตียง มองชายหนุ่มที่ดูอ่อนแรงบนเตียงอย่างเลื่อนลอย

เคยชินกับท่าทางเย่อหยิ่งเย็นชาไม่เหมือนคนทั่วไปของเขาเสียแล้ว หรือแม้แต่ท่าทางโหดร้ายทารุณ  ทว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นท่าทางอ่อนแอเช่นนี้

ในชาติก่อน เธอรู้เพียงว่าสุขภาพของซือเยี่ยหานไม่ค่อยดีนัก แต่กลับไม่เคยท่าทางอ่อนแอเจ็บป่วยกับตาตัวเองสักครั้ง

บรรยากาศเงียบสงัดอย่างน่ากลัว

ท้ายที่สุด เป็นสวี่อี้ที่ทำลายความเงียบ

สวี่อี้เหลือบตามองไปที่เยี่ยหวันหวั่นครั้งหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นอย่างแน่วแน่ “จัดทีมย่อยลับ 1 ส่งคุณหนูหวันหวั่นออกไปก่อน!”

หลิวอิ่งสีหน้ามืดคล้ำ “ล้อเล่นอะไร? ศัตรูอยู่ตรงหน้า แต่จะแบ่งกำลังคนไปส่งเขาออกไปเนี่ยนะ?”

สวี่อี้เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “หลิวอิ่ง นายรู้ดี ต่อให้มีทีมย่อยลับ 1 อีกสักสิบทีม ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนพวกนั้น คุณหนูหวันหวั่นไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลซือ พวกมันก็ไม่มีทางสนใจที่ผู้หญิงคนหนึ่งหายไป การส่งเธอออกไปเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ฉวยโอกาสที่พวกนั้นยังไม่กระชับกำลังเข้ามา รีบส่งเธอออกไป! ไม่อย่างนั้นหากช้ากว่านี้จะไม่ทันการ!”

………………………………………………………