บทที่ 395 หนีไปคนเดียว / บทที่ 396 กรงขัง

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 395 หนีไปคนเดียว / บทที่ 396 กรงขัง Ink Stone_Romance

บทที่ 395 หนีไปคนเดียว

หลิวอิ่งปฏิเสธข้อเสนอของสวี่อี้ด้วยความเด็ดขาด “ฉันไม่เห็นด้วย! ต่อให้มีความหวังแค่เพียงนิดเดียวก็จะต้องคุ้มกันนายท่านอย่างเต็มที่! ทำแบบนี้จะทำให้นายท่านตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น! เพียงเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งอย่างเธอน่ะเหรอ?”

สีหน้าของสวี่อี้เคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เอ่ยขึ้นอย่างเฉียบขาด “หลิวอิ่ง! ถ้าหากพวกเราปกป้องไม่ได้แม้แต่คุณหนูหวันหวั่น รอให้นายท่านฟื้นขึ้นมา นายจะบอกเขาว่าอะไร?”

“ฉัน…” หลิวอิ่งเองก็รู้ดีว่าซือเยี่ยหานปฏิบัติตนอย่างไรกับเยี่ยหวันหวั่น จึงไม่อาจคัดค้านคำพูดของสวี่อี้ได้อีก แต่ว่า เขาก็ไม่มีทางยอมเสียสละมากมายขนาดนี้เพื่อผู้หญิงที่ไม่มีอะไรดีอย่างเยี่ยหวันหวั่น

ขณะที่สวี่อี้กับหลิวอิ่งกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น เยี่ยหวันหวั่นเอาแต่มองซือเยี่ยหาน ไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ

“คุณหนูหวันหวั่น รบกวนคุณเตรียมตัวสักหน่อย ผมจะจัดคนส่งคุณออกจากประเทศ B เดี๋ยวนี้เลย!” สวี่อี้ไม่ชักช้า หันไปบอกกับเยี่ยหวันหวั่น

ภายในพริบตา สายตาของทุกคนในห้องต่างก็จับจ้องอยู่ที่หญิงสาวแสนสวยคนนั้น

ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ เธอจะเลือกอะไรกันนะ?

ถ้าหากเธอจริงใจต่อซือเยี่ยหาน จะต้องไม่ยอมจากไปในเวลานี้แน่ จะต้องเลือกที่จะอยู่ร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันใช่ไหม?

หลังจากความเงียบในช่วงสั้นๆ หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้น ตอบด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “ได้ ฉันรู้แล้ว”

พริบตาที่เยี่ยหวันหวั่นพูดจบ ทุกคนต่างขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว สายตาที่มองไปที่เยี่ยหวันหวั่นนั้นไม่ค่อยดีนัก

ความเหยียดหยามบนใบหน้าหลิวอิ่งแผ่ขยายในพริบตา หัวเราะอย่างเย็นชาเบาๆ “นายท่าน นี่คือผู้หญิงที่นายท่านคอยรักคอยห่วงใยมาตลอด…”

ถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแม้แต่จะคิดหรือลังเลสักนิดยังไม่มี คิดหนีเอาชีวิตรอดคนเดียวทันที

ถ้าหากเป็นคุณหนูรั่วซี ไม่มีทางทิ้งนายท่านที่กำลังป่วยหนักไว้คนเดียวแน่!

สวี่อี้เพียงแต่ถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้พูดอะไร ในเมื่อเยี่ยหวันหวั่นเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง ในเวลาแบบนี้คิดอยากจะรักษาชีวิตรอดก็เป็นเรื่องของสัญชาตญาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับนายท่านอยู่แล้วด้วย…

ภายใต้สายตาทิ่มแทงของทุกคน เยี่ยหวันหวั่นหันมองชายหนุ่มที่นอนป่วยอยู่บนเตียงอยู่นาน จากนั้นก็หันกายจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย

อย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มสวมชุดทะมัดทะแมงสีดำทั้งตัวสองคน ทำหน้าเข้มเข้ามารับเยี่ยหวันหวั่น

“คุณหนูเยี่ย รีบขึ้นรถเถอะครับ!” บอดี้การ์ดชุดดำเอ่ยเร่ง

“เดี๋ยวก่อน!” เยี่ยหวันหวั่นพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“คุณหนูเยี่ยมีอะไรอีกหรือครับ?” หนึ่งในคนเหล่านั้นเอ่ยปากถามขึ้น

“ช่วยเอากระเป๋าสีดำในห้องฉันมาให้ด้วย” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยขอ

“คุณหนูเยี่ย การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก อย่าเอาสัมภาระไปเยอะแยะเลยจะดีกว่า!”

คนชุดดำทำหน้านิ่งก็เลยมองอารมณ์ไม่ออก และเพราะว่าได้รับการฝึกฝนมาอย่างนี้จึงทำให้เดาอารมณ์จากน้ำเสียงไม่ออกด้วยเช่นกัน แต่เยี่ยหวันหวั่นแค่เดาก็รู้ได้ถึงความโมโหในใจของทั้งสอง ดีไม่ดีคงจะคิดว่าในกระเป๋าจะมีทรัพย์สมบัติมีค่าที่เธอสะสมจากซือเยี่ยหาน

สีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เอ่ยยืนกรานว่า “กระเป๋าใบนี้สำคัญมาก จำเป็นต้องเอาไปด้วย ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น!”

ได้ยินเยี่ยหวันหวั่นพูดแบบนี้ บรรยากาศพลันอึมครึมขึ้นมา

คนชุดดำสองคนสบตากันทีหนึ่ง สุดท้ายหนึ่งในสองคนนั้นก็ไปลากกระเป๋าใบนั้นมา “คุณหนูเยี่ย ตอนนี้ไปกันได้หรือยังครับ?”

เยี่ยหวันหวั่นถึงได้พยักหน้า “ได้แล้ว!”

รถสีดำคันหนึ่งสตาร์ทเครื่องยนต์ ปะปนไปกับกลุ่มแขกที่ออกจากที่พัก แล่นออกจากโรงแรมไปอย่างรวดเร็ว โดยมีทีมย่อยลับ 1 ทั้งทีมคอยซุ่มตามคุ้มครองไปส่ง…

…………………………………………………..

บทที่ 396 กรงขัง

หลังจากส่งเยี่ยหวันหวั่นให้จากไปแล้ว คนที่เหลือก็รีบจัดเตรียมที่จะคุ้มครองซือเยี่ยหานออกไปทันที

ใบหน้าของหลิวอิ่งนิ่งสนิท

ออกจากโรงแรมไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร?

ตอนนี้เมืองทั้งเมืองตกอยู่ในมือของพวกมัน พวกเขาจะไปที่ไหนก็เป็นลูกไก่ในกำมือ

พวกเขาออกไปไม่ได้ ความช่วยเหลือก็เข้ามาไม่ได้เช่นเดียวกัน

ต่อให้รอความช่วยเหลือฝ่าเข้ามาได้ ก็คงไม่ทันการ น้ำไกลดับไฟใกล้ไม่ได้

ดูทั้งเมืองจากภายนอกดูคลื่นสงัดลมสงบ แต่ความเป็นจริงแล้วเป็นกรงขังแห่งความตายขนาดมโหฬาร ยิ่งกระชับก็ยิ่งแน่น จนกระทั่งคณะเดินทางของพวกเขาต้องจบชีวิตลงที่นี่

และในเวลานี้นายท่านก็มาล้มป่วยหนัก แม้แต่กำลังใจที่จะยืนหยัดสุดท้ายของพวกเขาก็สลายลงแล้ว

สถานการ์ณของซือเยี่ยหานไม่ดีนัก ระหว่างทางมีไข้สูงขึ้นอีกครั้ง

ตั้งแต่ปฎิบัติภารกิจมา หลิวอิ่งไม่เคยสิ้นหวังขนาดนี้มาก่อนเลย

บนรถ สีหน้าหลิวอิ่งเย็นยะเยือกราวกับก้อนน้ำแข็ง  สำรวจตรวจสอบอาวุธซ้ำไปซ้ำมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด นัยน์ตาวาวด้วยโรจน์อย่างเยือกเย็น การเดินทางครั้งนี้เตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดอย่างดีที่สุดแล้ว

คนอื่นก็เช่นเดียวกัน ความมืดมนปกคลุมไปทั่วทั้งคันรถ

สวี่อี้มองซือเยี่ยหานที่เบาะหลังด้วยสีหน้าร้อนใจเอ่ยถามขึ้นอย่างเคร่งเครียด “หลิวอิ่ง ทางประเทศ B มีตอบอะไรกลับมาหรือยัง?”

หลิวอิ่ง “ยัง”

ความช่วยเหลือจากประเทศ B เป็นเหมือนโยนหินลงทะเล

หลิวอิ่งมองกลุ่มควันที่ฟุ้งตลบอยู่ ณ เส้นขอบฟ้าพลันเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “นี่มันเป็นกับดัก ตั้งใจวางแผนปล้นฆ่ากันชัดๆ!”

สวี่อี้กำหมัดแน่น “พวกมันเป็นใครกันแน่? ไม่แค่สามารถเคลื่อนไหวอำนาจขนาดใหญ่ขนาดนี้ได้ ควบคุมได้แม้แต่คนของพันธมิตรเลือด!”

หลิวอิ่งหัวเราะฮึๆ “จะไปสนใจว่าเป็นใครไปทำไม คนที่อยากให้นายท่านตายมีน้อยซะที่ไหน?”

ตอนนี้คำถามนี้ไม่สำคัญแล้ว

หากไม่ใช่พันธมิตรเลือด พวกเขาอาจจะยังมีทางรอด

แต่กลับเป็นพันธมิตรเลือด คนในวงการต่างรู้ดี ขอแค่พันธมิตรเลือดเคลื่อนไหว ไม่มีทางเหลือผู้รอดชีวิตแน่นอน

เดิมทียังคิดว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายก็แค่อุปกรณ์ลอตนี้ ทว่าตอนนี้…

ชัดเจนว่าต้องการเล่นงานพวกเขาถึงตาย

สวี่อี้ไม่รู้ว่าควรจะพูดสิ่งใด จึงไม่ได้พูดอะไรออกมาอยู่ครู่หนึ่ง

เนิ่นนาน ถึงได้เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเหนื่อยล้า “สถานการณ์ทางด้านคุณหนูหวันหวั่นเป็นอย่างไรบ้าง?”

หลิวอิ่งแค่นหัวเราะออกมาทีหนึ่ง มองไปที่อุปกรณ์สื่อสาร “ตอนนี้คงจะติดปีกหนีไปไกลแล้วละมั้ง?”

เป้าหมายของฝ่ายตรงข้ามคือซือเยี่ยหาน ต่อให้รู้ว่าปลาน้อยกุ้งน้อยหนีไปได้ตัวสองตัวก็คงไม่เสียแรงไปตามหรอก

สวี่อี้ได้ยินดังนั้น ก็จมสู่ความเงียบอีกครั้ง

เส้นทางและความพลุกพล่านของเมืองไหลผ่านสวนทางกับหน้าต่างรถ คณะเดินทางเข้าใกล้ชายแดนมากขึ้นเรื่อยๆ…

มองเห็นหนทางรอดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทว่าสิ่งที่อยู่ในใจของทุกคนไม่ใช่ความหวัง แต่เป็นความสิ้นหวังที่ยิ่งเข้นข้นขึ้นเรื่อยๆ

คนเหล่านั้นราวกับกำลังดื่มด่ำกับการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายของนักโทษประหาร จึงไม่ยอมออกมาเสียที

ในที่สุดหลิวอิ่งก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป ตะโกนออกไปยังความเงียบนอกหน้าต่างรถ “ไสหัวออกมาเส่! ที่แท้พี่น้องพันธมิตรเลือดก็เป็นพวกหนูที่มุดหัวแต่โผล่หางอย่างนั้นเหรอ?”

ในเวลานี้เอง แสงเลเซอร์สีแดงพลันปรากฏบนศีรษะของหลิวอิ่ง

สีหน้าสวี่อี้เปลี่ยนไปทันที รีบกระโจนตัวเข้าไปทางหลิวอิ่ง “หลิวอิ่ง! ระวัง! ทุกคนหมอบลง!”

พริบตาที่ทุกคนหมอบตัวลง รถคันของหลิวอิ่งทั้งคันก็ถูกระเบิดจนลอย แผ่นหลังของคนในรถล้วนแสบร้อนราวถูกไฟคลอก หูอื้ออึง นานกว่าที่การได้ยินจะฟื้นคืนกลับมา

เมื่อทุกคนได้สติคืนมา ก็พบว่าคนพวกนั้นได้ปิดล้อมพวกเขาไว้แล้ว

รอบด้านมีรถสีดำจำนวนมากปรากฏราวตาข่ายขนาดใหญ่ ด้านหน้าขบวนรถของพวกเขา รถออฟโรดดัดแปลงสีดำคันหนึ่ง ขวางอยู่ตรงนั้นราวกับสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ คนบนรถกำลังทยอยกันเดินลงมา…

เมื่อเห็นคนเหล่านั้นที่กำลังเดินลงมาชัดเจนแล้ว หัวใจของหลิวอิ่งพลันตกไปอยู่ที่ก้นเหว…

……………………………………………………….