Ep.577 – มรดกของเหล่าทวยเทพ

 

ลอร่านั่งสบายๆลงบนไหล่ของกู่ฉิงซาน

 

บังเกิดความเงียบงันขึ้นโดยรอบ

 

ทหารพิทักษ์แต่ละคนมองหน้ากันด้วยความตกใจ

 

เหมันต์ยามค่ำอีเลียเบิกตากว้าง จ้องมองดูฉากนี้ด้วยความเหลือเชื่อ

 

หากคุณติดตามอ่านทุกประโยค ไทม์ไลน์ของเหตุการที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะเป็นเช่นนี้ –

 

กู่ฉิงซานควบตะบึงม้าทมิฬออกไป

 

ลอร่าให้คำมั่นสาบานตนว่าจะขึ้นเป็นกษัตรีย์อย่างเหมาะสม

 

กู่ฉิงซานกลับมาอีกครั้ง

 

และอุ้มลอร่าที่พึ่งสาบานตนไป นั่งลงบนไหล่เขา

 

ทหารพิทักษ์มองหน้ากันและกัน ในแววตาสื่อความหมายว่าต้องการคำอธิบายจากอีกฝ่าย

 

นี่ใช่เป็นการล่วงเกินหรือไม่?

 

เหมือนกับว่าจะมีบางอย่างไม่ถูกต้องนะ

 

ไอ้บ้าเอ๊ย!

 

แบบนี้มันไม่ถูกแน่นอนอยู่แล้ว!

 

กษัตรีย์แห่งวิหคหนามผู้ยิ่งใหญ่ จะไปนั่งลงบนไหล่ของมนุษย์ได้อย่างไรกัน!?

 

ลอร่าสังเกตได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่างออกไปจากเดิมได้อย่างรวดเร็ว

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากในร่างกายของอีเลีย ที่แทบจะควบคุมแรงกดดันเอาไว้ไม่อยู่แล้ว

 

ลอร่าเร่งสงบใจ และเอ่ยปากออกมา “กู่ฉิงซาน นี่คือนายพลหนามของเรา เหมันต์ยามค่ำอีเลีย”

 

“อีเลีย นี่คือกู่ฉิงซาน เขาช่วยเราหลบหนีจากการไล่ล่าของทริสเต้ และตลอดทาง เขาได้ช่วยชีวิตเราเอาไว้อยู่หลายครั้ง”

 

นี่คือคำอธิบายที่รวดเร็ว และเหมาะสมที่จะใช้แก้สถานการณ์

 

อีเลียจึงจำใจทำได้เพียงพยักหน้าเท่านั้น

 

“ขอบคุณเจ้ามาก ที่ช่วยชีวิตกษัตรีย์ของข้าเอาไว้” เธอโค้งกายให้แก่เขา

 

“โอ้ ไม่จำเป็นต้องสุภาพถึงขนาดนั้น ผมยินดีที่จะช่วยอยู่แล้ว” กู่ฉิงซานตอบกลับอย่างรวดเร็ว

 

ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนทักทายกัน

 

บรรยากาศจึงค่อยผ่อนคลายลง

 

อีเลียสูดลมหายใจ เหมือนพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อมองไปยังท่าทีกระวนกระวายและแววตาอ้อนวอนของลอร่า เธอก็ถอนหายใจออกมาในที่สุด

 

ลืมมันเถอะ ลอร่าถึงยังเป็นเด็ก แต่หากคิดลงมือทำสิ่งใด เธอย่อมมีเหตุผลเป็นของตัวเองอยู่เสมอ

 

นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ลอร่าก็นั่งบนไหล่ของอีกฝ่ายอยู่ก่อนแล้ว

 

ดูเหมือนว่าลอร่าจะยอมรับในตัวอีกฝ่ายไม่น้อยเลย

 

หลังจากที่สูญเสียสมาชิกในครอบครัว หากมีคนที่สามารถให้ความอบอุ่นเด็กสาวเหมือนกับพ่อของเธอได้ มันก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดี 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ในสงครามครั้งนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงเพียงลอร่า แต่กระทั่งตัวเธอเองก็ยังเหมือนกับว่าจะได้รับการช่วยชีวิตโดยอีกฝ่าย

 

ในช่วงที่กำแพงเมืองถูกตีแตก และกองทัพสัตว์ประหลาดผีที่ปิดล้อมกรูกันเข้ามาในเมือง เขาก็ได้ล่อพวกมันออกไป

 

‘แต่ว่านะ -’

 

‘พลังของเขามันไม่ได้แข็งแกร่งถึงขนาดนั้นซักหน่อย?’

 

‘แล้วมนุษย์ผู้นี้สามารถกระทำการดังที่กล่าวมาได้อย่างไรกัน …’

 

‘ไม่ มันต้องมีอะไรแปลกๆเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน’

 

‘แต่รอก่อนดีกว่า เอาไว้หาโอกาสเหมาะๆ แล้วค่อยไปถามลอร่าเป็นการส่วนตัวในภายหลัง’

 

ฝูงชนได้มารวมตัวกันอีกครั้ง และออกเดินทางกลับไปยังเมืองไห่เช่า

 

ณ กลางดึก

 

เบื้องบนท้องฟ้า แสงสีทองที่กระเพื่อมไหวอยู่อย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน ค่อยๆแผ่วจาวลง

 

ผีแห่งความอลหม่านทั้งหมดได้เข้ามาสู่โลกใบนี้แล้ว ดังนั้นกำแพงอุปสรรคของทวยเทพจึงไม่ถูกกระตุ้นอีกต่อไป พวกมันจึงค่อยๆสงบลง

 

ตกดึก

 

ไร้ซึ่งเสียงใดๆภายในตัวเมือง

 

มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเอาชีวิตรอดจากการโจมตีอย่างรุนแรงของกองทัพผีมาได้

 

แม้แต่เหล่าสายพันธุ์เทพ ก็ยังรอดมาได้เพียง 20 กว่าชีวิตเท่านั้น

 

สายพันธุ์เทพได้ทำการแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งนำโดยเหลาเจียวมุ่งหน้าเข้าสู่วิหารใจกลางเมือง ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งออกไปนอกเมืองไห่เช่า เพื่อทำการซ่อมแซมกำแพงที่เสียหาย

 

ทุกคนต่างถูกระดมกันไปเพื่อปรับปรุงมาตรการป้องกันเมือง

 

ส่วนเหมันต์ยามค่ำอีเลีย ได้นำตัวลอร่าไปหาสถานที่พักผ่อน

 

เธอต้องการที่จะพูดคุยกับลอร่าเป็นการส่วนตัว

 

ดังนั้นจึงหลงเหลือกู่ฉิงซานเพียงลำพังภายในเมือง

 

ด้วยอำนาจของมนุษย์ผู้นี้เพียงลำพัง แต่กลับสามารถพลิกสถานการณ์รบทั้งหมดได้ ดังนั้นเวลานี้จึงไม่มีใครกล้าที่จะเรียกตัวเขาไปใช้งาน หรือกระทำสิ่งใด

 

เดินเล่นไปสักพัก กู่ฉิงซานก็สะกิดๆสายพันธุ์เทพที่เดินผ่านมาเพื่อถามบางสิ่ง

 

“เกิดอะไรขึ้นกับเหลาเจียว เขาหายไปไหนแล้ว?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 

“เขาไปเข้ารับการทดสอบจากมรดกตระกูลของพวกเรา” สายพันธุ์เทพตอบ 

 

อีกฝ่ายดูจะโล่งใจไม่น้อยที่สามารถรอดพ้นจากภัยพิบัติที่กองทัพผีปิดล้อมเมืองเอาไว้ได้ สายพันธุ์เทพจึงตอบคำถามทั้งหมดโดยไม่คิดปิดบังใดๆ

 

“การทดสอบอย่างงั้นหรือ?” กู่ฉิงซานทวนซ้ำด้วยความสงสัย

 

“ถูกต้อง เพราะเหล่าสัตว์ประหลาดผีและผู้เข้าสู่วิถีมาร พวกมันทั้งหมดกำลังหมายปองสมบัติของตระกูลเรา มรดกที่เหล่าทวยเทพทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง”

 

“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่านั่นคือสิ่งที่พวกมันต้องการ?”

 

“เพราะพวกมันได้ส่งทูตมาอยู่หลายครั้ง แต่เราไม่เคยตกลงที่จะแลกเปลี่ยนวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลชิ้นนั้นกับพวกมันเลย ดังนั้น สุดท้ายสงครามจึงเกิดขึ้น”

 

กู่ฉิงซานพอได้ฟัง ก็สามารถตระหนักได้ถึงใจความสำคัญของเรื่องนี้ทันที

 

ต้นกำเนิดทุ่มโจมตีโลกใบนี้อย่างบ้าคลั่ง ก็เพื่อต้องการค้นหาบางสิ่งบางอย่างที่สามารถช่วยให้มันอัพเกรดตัวเองได้

 

มันคือวัตถุพิเศษที่เทพวิญญาณจากโบราณอันไกลโพ้นทิ้งเอาไว้เบื้องหลังในโลก 900 ล้านชั้น เป็นสิ่งที่มีอำนาจบังคับไม่ให้ทุกชีวิตไม่อาจวิวัฒนาการได้

 

สายพันธุ์เทพถอนหายใจ และกล่าว “อันที่จริงมันก็เป็นเวลานานนับหลายปีแล้ว ที่คนในตระกูลเราเฝ้าบูชามรดกของทวยเทพชิ้นนั้น แต่ไม่เคยคิดเป็นเจ้าของมันเลย ทว่ายามนี้สถานการณ์น่าหวาดวิตกยิ่ง พวกเราจึงต้องเข้ารับการทดสอบจากมัน และดูว่าใครกันจะกระตุ้นอำนาจของเหล่าทวยเทพเพื่อช่วยปกป้องบ้านเกิดของพวกเราได้”

 

“เดี๋ยวก่อนะ – คุณปล่อยให้เหลาเจียวไปเข้ารับการทดสอบมรดก ถ้าอ้างอิงตามคำพูดที่ว่ามานี้ หมายความว่าตัวคุณเองไม่ได้ไปรับการทดสอบหรือ?”

 

“น่าเสียดายที่การทดสอบของเหล่าทวยเทพน่ะยากเย็นเกินไป ยิ่งกว่านั้น ทุกคนยังได้รับการทดสอบที่แตกต่างกันออกไปอีก ดังนั้นจนถึงตอนนี้ ทางเราจึงไม่มีใครผ่านการทดสอบเลยแม้แต่คนเดียว”

 

“แต่ฉันคิดว่าพวกคุณก็ยังมีกันอีกหลายคนนี่นา ไม่ใช่หรอ?”

 

“ในหมู่พวกเรา มีเพียงสายพันธุ์เทพเท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัติพอ ที่จะเข้ารับการทดสอบเพื่อสืบทอดมรดกได้ ผู้ที่ไม่ใช่สายพันธุ์เทพ ย่อมไม่มีทางทานรับทดสอบได้ไหว และไม่อาจใช้วิชาที่เทพทิ้งไว้เพื่อผสานรวมกับมรดก”

 

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้”

 

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเหลาเจียวถึงได้รีบร้อนนัก

 

เพราะหากเขาสามารถได้รับมรดกของเหล่าทวยเทพได้ ความแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกัน เป้าหมายของต้นกำเนิดก็จะสูญสิ้นไป

 

เหลาเจียวจึงเป็นกุญแจสำคัญสำหรับเรื่องนี้

 

แต่ … แล้วถ้าหากเขาล้มเหลวล่ะ?

 

“ถ้าเหลาเจียวล้มเหลว พวกคุณจะทำอย่างไรกับวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ว่า?” กู่ฉิงซานถามอย่างรวดเร็ว

 

“สายพันธุ์เทพที่เหลืออยู่จะไม่มีทางหักหันหลังให้แก่วัตถุศักดิ์สิทธิ์ของเทพวิญญาณ พวกเราจะสู้จนถึงวินาทีสุดท้ายและทำลายมันทิ้งเสีย!”

 

“ช่างเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก!” กู่ฉิงซานยกย่อง

 

ในกรณีที่ทุกอย่างจบลง พวกเขาก็ไม่ยินยอมมอบวัตถุศักดิ์สิทธิ์ให้แก่ศัตรู แม้จักต้องทำลายมันลงก็ตาม

 

เหล่าผู้ที่ยังรอดชีวิต มีความกล้าหาญเสียจริงๆ

 

ในเมื่อเป็นอย่างนี้ มันก็ไม่มีอะไรที่น่าห่วงแล้ว

 

กู่ฉิงซานค่อยๆผ่อนคลายความตึงเครียดในจิตใจลง

 

ในตอนนั้นเอง เสียงของผู้หญิงก็ดังมาจากเบื้องหลังเขา

 

“มิสเตอร์กู่ฉิงซาน”

 

เมื่อกู่ฉิงซานหันกลับไปมอง เขาพบว่าต้นตอของเสียงคืออีเลีย

 

“แล้วลอร่าล่ะ ไปอยู่ที่ไหน?” เขาเอ่ยถาม

 

“องค์กษัตรีย์กำลังมอบอุปกรณ์รบให้แก่ทุกคน” อีเลียกล่าว

 

“อ้อ -”

 

“มิสเตอร์กู่ฉิงซาน แม้ว่าสัตว์ประหลาดผีจะล่าถอยกลับไปแล้วก็ตามที แต่ลางสังหรณ์ร้ายในจิตใจของข้ายังคงเด่นชัดมิจางลงเลย ดังนั้นข้าจึงตั้งใจว่าจะไปตรวจสอบดูพวกมันเสียหน่อยว่ากำลังทำอะไรกันอยู่ เจ้าสนใจจะไปด้วยกันหรือไม่?”

 

“ไม่มีปัญหา!”

 

กู่ฉิงซานตอบตกลงทันที

 

กล่าวตามตรง ลางสังหรณ์ในหัวใจของเขาเองก็ไม่สู้ดีนักเช่นกัน

 

“ยังไงก็ตาม ดูเหมือนว่าสภาพคุณคงไม่เหมาะที่จะไปตรวจสอบสถานการณ์ทางทหารนะ ผมว่าคุณควรไปพักผ่อนก่อนจะดีกว่า”

 

กู่ฉิงซานมองไปยังอีกฝ่าย

 

มีบาดแผลฉกรรจ์ไม่น้อยเลยบนตัวของอีเลีย

 

แม้ว่าเลือดจะหยุดไหลแล้ว แต่บาดแผลค่อนข้างลึก หากในกรณีที่เกิดการต่อสู้ขั้นรุนแรงขึ้น เกรงว่าเธอคงมิอาจสำแดงพลังที่แท้จริงของตัวเองออกมาได้

 

“มันไม่สำคัญหรอก อาการบาดเจ็บเท่านี้ไม่นับว่าเป็นสิ่งใด” อีเลียยิ้มกว้างและกล่าว

 

กู่ฉิงซานเงียบไป

 

เขาตบลงในถุงสัมภาระทันใด คว้าเม็ดยารักษา แล้วโยนมันออกไป

 

“นี่คืออะไร?” อีเลียคว้าเม็ดยาเอาไว้และเอ่ยถาม

 

“มันคือเม็ดยาที่ปรุงด้วยเทคนิคพิเศษ ใช้ในการรักษาบาดแผล” กู่ฉิงซานกล่าว

 

อีเลียอังมันใต้จมูก สูดดมกลิ่นบางเบาของมัน ใบหน้าของเธอค่อยๆเริ่มเผยถึงความปิติ

 

“หกศิลในโลกแห่งผู้ใช้วรยุทธ นับว่าค่อนข้างที่จะมีชื่อเสียงในโลกนับล้านล้านใบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องค่ายกลและเม็ดยารักษา ข้าชื่นใจนักที่มีโอกาสได้เชยชมมัน”

 

ขณะกล่าว อีเลียก็โยนเม็ดยาเข้าไปในปากเธอ และเคี้ยวมันสองสามครั้ง

 

กู่ฉิงซานเฝ้ามองอีกฝ่ายกัดกินเม็ดยาครอบจักรวาลของตน และเริ่มตระหนักได้ว่าฉากนี้มันช่างดูคุ้นเคย …

 

เขาตบเพี๊ยะ! ลงบนหัวของตัวเอง

 

“อ่า ขอโทษที ผมลืมบอกไปว่าเม็ดยานี้มันช่วยรักษาอาการบาดเจ็บได้ผลทันทีก็จริง แต่มันยังมีผลในการชำระล้างภายในร่างกายอีกด้วย”

 

ชำระล้างภายใน?

 

สีหน้าของอีเลียเริ่มเขียวคล้ำ

 

วินาทีต่อมา คิ้วของเธอก็เริ่มขมวดเข้าหากัน ตามด้วยสองมือที่กุมลงบนท้องน้อยตนเอง

 

ไม่ผิดแล้ว ความรู้สึกนี้มัน –

 

“ขอตัวสักครู่!”

 

เธอสาดเสียงเย็นออกมา และหายตัวไปทันที

 

กู่ฉิงซานตกใจ นิ่งงันอยู่ในสถานที่เดิมไปพักหนึ่ง

 

ตามตัวของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ เกรงว่าในระหว่างที่กำลังจัดการกับปัญหาของตน เธอสมควรรู้สึกปวดร้าว ด้านชาไปทั้งแข้งขาเหมือนกันกับเหลาเจียวแน่ๆ

 

ซู้ด.. ..

 

กู่ฉิงซานสูดลมหายใจ และไม่กล้าที่จะคิดเกี่ยวกับมันอีกต่อไป

 

… ขี้เสร็จแล้ว เธอจะมาทุบตีฉันไหมนะ?

 

ลืมมันเถอะ ตอนนี้เขาคงต้องวางแผนแก้ปัญหานี้ล่วงหน้าไปก่อน

 

เพราะแม้ว่าจะมีเจตนาดี แต่จะต้องใส่ใจกับวิธีการด้วย

 

ถ้างั้นแล้วตอนนี้ฉันควรจะทำอย่างไรดี?

 

กู่ฉิงซานหันไปมองรอบๆ

 

สายพันธุ์เทพที่เคยอยู่ตรงจุดนี้ได้จากไปนานแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไปช่วยซ่อมแซมกำแพงเมือง

 

ดังนั้นจึงไม่มีใครอยู่รอบๆนี่เลย

 

งั้น ฉันควรจะรอสินะ อื้ม ไม่หนีหายไปดื้อๆคงจะดีกว่า

 

ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ทำอะไรให้อีกฝ่ายผิดใจไปมากกว่านี้ จะเป็นการดีที่สุด