ตอนที่109 นวดสปา
เมื่อจำต้องเผชิญหน้ากับ‘ความบ้าคลั่ง’อย่างฉันพลันของจ้าวเฉียน หวานเจียงพลันรู้สึกหวาดกลัว เสียศูนย์ไปชั่วขณะหนึ่ง
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ ใบหน้าเธอแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ตะคอกน้ำเสียงเกรี้ยวโกรธว่า
“นาย…นายกำลังทำบ้าอะไร ออกไป! อยากให้ฉันโทรหาตำรวจจริงๆใช่ไหม?”
จ้าวเฉียนพุ่งเข้าไปค่อมร่างของหวานเจียง ยกมือขึ้นบีบคางเธอ แสยะยิ้มมุมปากกล่าวตอบน้ำเสียงสุดแสนเย็นยะเยือกว่า
“คนทั้งโลกรู้ว่าเธอเป็นแฟนฉัน แล้วคิดเหรอว่าตำรวจจะทำอะไรได้? ไม่ว่าฉันจะรุมโทรมเธอสักกี่ร้อยพันครั้ง เอาให้มันจนเบื่อยังไง ก็ไม่มีใครทำอะไรฉันได้! จำไว้ซะ!”
“ไอ้หน้าด้าน! น่ารังเกียจจริงๆ! ลุกเดี๋ยวนี้! ไม่งั้น…ไม่งั้นฉันจะโกรธจริงๆแล้วนะ!!”
“เอาเลย! โกรธสิ! โกรธฉันเลย!! จะยอมรับเงื่อนไขของฉันไหม? ถ้าไม่ ฉันจะทำให้เธอท้องจริงๆแน่!”
“ไปให้พ้น!”
หวานเจียงพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักร่างสูงใหญ่ของจ้าวเฉียนออกไป ทว่ากลับไม่เป็นผล คล้อยหลังดิ้นอย่างแรงอยู่สองสามคราใหญ่ สักพักหนึ่งเธอก็หยุดเคลื่อนไหวไปดื้อๆคล้ายว่าอ่อนแรงเสียแล้ว
จ้าวเฉียนแสยะยิ้มบาง ยื่นมือออกไปปลดกระดุมคอเสื้อของเธอ ไล่ลงมาเรื่อยๆจนเห็นเนินอกสีขาวเนียนดุจหิมะ หวานเจียงเริ่มกลัวจริงๆแล้ว ถึงขั้นรีบคว้ามือของเขาไว้โดยเร็วเพื่อหยุด
“นายกำลังจะทำอะไรฉัน!? นาย…นายเสียสติไปแล้วรึไง?”
“จะกลัวอะไร? นอนหุบปากอยู่เฉยๆไม่ได้รึไง? เอาน่า นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของเราสักหน่อย ทำไมต้องอาย?”
พอจ้าวเฉียนพูดจบ เขาก็สะบัดมือเธอออกและไล่ปลดกระดุมต่อทันที
“โอเค! โอเค!! ฉันจะแบ่งหุ้นส่วนให้นาย! แต่ตั้ง30%คงไม่ไหวหรอก อย่างน้อยก็จ่ายเงินจริงมาแลกเปลี่ยนกับหุ้นส่วนพวกนี้บ้าง ไม่ใช่เอาไปเฉยๆ นายควรมีความเป็นมนุษยธรรมบ้างนะ อย่าเอาเปรียบกันขนาดนั้นเลย”
“แล้วเธอจะส่งเพื่อนฉันกลับเมืองตงไห่ตอนไหน?”
“ส่งแน่นอน ส่งตอนนี้ให้ไวเลย!”
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มอ่อนพลางติดกระดุมให้หวานเจียงกลับคืนไป ก่อนจะดึงร่างของเธอขึ้นมาจากบนเตียง
“รีบๆเก็บข้าวของเธอซะแล้วออกเดินทางเดี๋ยวนี้เลย เพื่อนร่วมงานแต่ละคนแตกตื่นหมดแล้ว ต้องรีบกลับ”
“อืม ฉันเก็บกระเป๋าก่อนนะ”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและหันไปเก็บข้าวของตัวเองลงในกระเป๋าเป้ ส่วนหวานเจียงก็เดินไปเก็บเสื้อผ้าจากไม้แขวนลงในกระเป๋าเดินทาง จากนั้นก็เดินออกไปเปิดประตูห้อง
ฟางนี่และทุกคนที่ยืนรออยู่ด้านนอกประตู พอเห็นหวานเจียงเปิดประตูออกหา ทุกคนก็พากันยิ้มให้และถามว่าเป็นยังไงบ้าง
หวานเจียงปั้นทีท่าเย็นชาใส่และเอ่ยกลับทุกคนแค่ว่า
“พวกคุณรีบแยะย้ายไปเก็บข้าวของเถอะ แล้วไปเจอกันที่ท่าเรือเฟอร์รี่ภายในครึ่งชั่วโมง นี่มาสายแล้ว!”
ทุกคนรีบวิ่งกลับห้องตะวเองทันทีเพื่อเห็บข้าวของและลงไปเช็คเอาท์ จากนั้นก็รวมกลุ่มเดินทางไปรอที่ท่าเรือดังกล่าว ในเวลานั้นจ้าวเฉียนกำลังยืนรอทุกคนอยู่บนเรือยอทช์ลำนั้นอยู่นานแล้ว
พอแต่ละคนทยอยขึ้นเรือยอทช์กันเสร็จ ท่าทางการแสดงออกของทุกคนก็ดูผ่อนคลายขึ้นมาก
“ตอนแรกฉันคิดว่าจะใช้ช่วงเวลานี้ สนุกสุดเหวี่ยงสักทีหน่อย แต่ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ เล่นซะหมดอารมณ์เลย”
“แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณจ้าวเฉียนที่หาแฟนรวยๆแบบนี้มานะ ไม่อย่างงั้น คืนนี้พวกเราได้นอนผวากันทั้งคืน!”
“ยังไงซะ จ้าวเฉียนนี่ก็น่าทึ่งจริงๆ ไปหาแฟนร่ำรวยขนาดนี้มาได้จริงๆ มีเรือยอทช์ส่วนตัวไว้เที่ยวเล่น นี่ต้องเศรษฐีระดับไหนกัน? ทำไมฉันถึงหาแฟนรวยๆแบบนี้ไม่ได้บ้าง!”
“โอ้ย แค่ถูกรางวัลที่หนึ่งแบบจ้าวเฉียนสักครั้งก็พอแล้ว ฉันไม่หวังสูงขนาดนั้นหรอก”
“ฮ่าฮ่าๆๆ…”
เมื่อได้ฟังบทสนทนาของบรรดาเพื่อนร่วมงาน เจียงเสี่ยวปิงที่อยู่ในวงพลันรู้สึกอึดอัดใจอย่างยิ่ง ตอนนี้เธอรู้สึกเศร้าใจเหลือเกินที่ตัดสินใจเลิกกับจ้าวเฉียนไป ไม่อย่างนั้นเธอคงมีบ้านหลังใหญ่โต ขับรถหรูไปเที่ยวเล่น แต่งงานกับจ้าวเฉียนและมีลูกกันไปนานแล้ว แล้วที่สุกคัญที่สุด…เธอคงไม่ถูกพวกลูกน้องหยางหมิงรุมโทรมในคืนนั้นแน่นอน นี่เปรียบเสมือนเงามืดติดตัวเธอไปตลอดชีวิต
ไม่นานเรือยอทช์ก็เข้าเทียบท่า ณ เมืองตงไห่ ทุกคนรีบลงมาและรอรถบัสกลับบ้าน
จ้าวเฉียนบอกลาหวานเจียงอยู่คำสองคำ และเดินทางกลับบริษัทไปพร้อมกับทุกคน
จางหยางรู้สึกว่า กิจกรรมทริปเที่ยวของทุกคนในครั้งนี้ไม่เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก และไม่มีใครสนุกไปกับมันแน่นอน เพื่อเป็นการกู้หน้าคืนมา เขาจึงตัดสินใจพาทุกคนไปรับประทานอาหารเย็นกันในตอนกลางดึก
พอบอกไปว่าบริษัทจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ทุกคนต่างบอกตกลงโดยไม่มีลังเล หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็รีบเดินทางไปยังโรงแรมแห่งหนึ่ง
ท้ายที่สุดนี้ มีพนักงานงานกว่า60คน จะไปใช้บริการโรงแรมระดับไฮเอนด์อย่าง โรงแรมตงไห่คงจ่ายไม่ไหว
หลังจากคัดกรองเลือสรรอยู่นาน จางหยางก็เลือกโรงแรมแห่งนี้ที่เกรดต่ำลงมาหน่อย แต่มีส่วนกลางที่เป็นศูนย์รวมความบันเทิง ทุกคนสามารถเข้าไปนวดหินร้อนภูเขาไฟ เพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานได้ ทั้งยังมีอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ ร้องคาราโอเกะ ทั้งหมดนี้มีค่าเข้าเพียงคนละ98หยวนเท่านั้น ซึ่งคุ้มค่าอย่างมาก
จางหยางต้องการกู้หน้าของตัวเองกลับคืนมา โดยพื้นฐานแล้วย่อมไม่เลี้ยงแค่นี้แน่นอน เขายังให้พ็อกเก็ตมันนี่อีกคนละ300หยวนติดตัวไว้ใช้มนการอัฟเกรดบริการนวด หรือสั่งอาหารจานพิเศษที่มีนอกเหนือจากในบุฟเฟ่ต์ เป็นต้น
จ้าวเฉียนไม่ได้ใช้บริการนวดหินภูเขาไฟ เขาเพียงเข้าอบอยู่ในห้องซาวน่าอยู่พักครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตบท้ายด้วยการแช่งอ่างน้ำเย็นเพื่อคลายกล้ามเนื้อ และอายน้ำขึ้นมาทานบุฟเฟ่ต์กับทุกคนต่อ ซึ่งเขาเองก็กินเร็วมากจนจางหยางต้องร้องทัก
“จ้าวเฉียน นายกินเร็วมาก! กินเสร็จแล้วจะไปไหนต่อ?”
จ้าวเฉียนเอ่ยตอบไปว่า
“กะจะไปนวดสปาต่อครับ กินกันเสร็จแล้วอย่าลืมตามผมมานะ”
พอพูดจบจ้าวเฉียนก็โบกมือลาทุกคนและขึ้นไปยังชั้นบน เพื่อจองคิวนวดและเข้าห้องส่วนตัวไป
สาวนวดคนที่มาบริการให้จ้าวเฉียนยังดูเด็กมาก เธอยังอายุไม่ถึงยี่สิบปีด้วยซ้ำ โดยส่วนใหญ่สาวๆในสถานที่แบบนี้ล้วนเป็นสาวเซ็กซี่ดูร้อนแรงมาก แต่เธอคนนี้กลับต่างออกไป แววตากลับดูใสซื่อ ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักดั่งสาวน้อยวัยแรกแย้มดูเหมือนกับนักศึกษาปีหนึ่งหรือเด็กกว่านั้นด้วยซ้ำ
จ้าวเฉียนอดถามขึ้นไม่ได้ว่า
“นี่เธออายุเท่าไหร่?”
“สิบเก้าค่ะ?”
“โอ๊ะ? ที่บ้านมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“คุณพ่อหนูเป็นอัมพาตนอนติดเตียงค่ะ ส่วนแม่ก็เป็นวัณโรค แต่เดิมคุณปู่กับคุณยายจะรับจ้างหาเงินมาช่วย แค่ตอนนี้พวกท่านก็อายุเยอะแล้ว ทำไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ฉันก็เลยต้องออกมาทำงานแทน แล้วยังต้องหาเงินส่งน้องเรียนอีกค่ะ”
เนื่องด้วยภาระทางครอบครัวที่มากขนาดนี้ เด็กสาวอายุสืบเก้าจึงจำเป็นต้องออกมาทำงานแบบนี้
จ้าวเฉียนที่ได้ฟังดังนั้นพลันรู้สึกหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก จึงกล่าวขึ้นว่า
“เธอยังเด็กมาก จะนวดไหวไหม?”
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณลูกค้า เห็นตัวเล็กแบบนี้แต่ฝีมือดีนะคะ หนูจะต้องทำให้คุณลูกค้าพอใจแน่นอน”
“โอ้ ขยันขันแข็งดีจัง ถ้านวดดีฉันจะให้ทิปหนักสักก้อน อ่อ…ไม่ต้องห่วงว่าจะโดนหักค่านายหน้าจากหัวหน้าเธอนะ ฉันโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารผ่านมือถือโดยตรงเลย”
แววตาคู่ใสของสาวน้อยเปล่งประกายขึ้นทันที เห็นได้ชัดว่า เธอกำลังขาดแคลนเงินอย่างหนักจริงๆ เธอรีบกล่าวขอบคุณในทันที
“ขอบคุณมากค่ะคุณลูกค้า หนูจะกดจุดให้หายเมื่อยเลยค่ะ”
จากนั้นจ้าวเฉียนก็พยักหน้าและล้มตัวนอนลง สาวน้อยคนนั้นก็เริ่มนวดทันที
การนวดสปาแบบนี้มันค่อนข้างน่าเบื่อ จ้าวเฉียนจึงเปิดประเดเนชวนสาวน้อยคุยไปพลาง
“สาวน้อย เธอชื่ออะไร? มาจากไหน?”
“หนูชื่อเฉียงกุยหลิง มาจากเมืองซุนยี่”
“นี่เธอไม่มีโอกาสเรียนหนังสือเลยเหรอ? เคยไปโรงเรียนไหม?”
เฉียงกุยหลิงชะงักไปชั่วขณะ ก่อนคลี่ยิ้มอย่างแสนขมขื่นใจออกมา เธอตอบไปว่า
“โลกนี้มันไม่ยุติธรรมค่ะ คนรวยใช้เงินคืนหนึ่งสามารถต่อชีวิตครอบครัวของหนูได้เกือบปี พวกคุณหนูคุณชายที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ไม่ต้องดิ้นรนอะไรก็ได้เรียนสูงๆกันทั้งนั้น แต่ยังไงหนูก็รู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่อย่างน้อย ยังสร้างให้หนูมีร่างกายครบสมบูรณ์ ไม่อย่างนั้นหากเจ็บป่วยกันหมด ใครจะเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัวจริงไหมค่ะ?”
จ้าวเฉียนหัวเราะเล็กน้อยและเอ่ยปากขึ้นชมเชยเธอว่า
“ในเรื่องร้ายก็ยังพอมีเรื่องดีอยู่นะ เพราะเป็นแบบนี้ก็เลยทำให้เธอเป็นเธออย่างทุกวันนี้ เด็กสาวที่ขยันขันแข็งใฝ่รู้ และพร้อมไขว้ขว้าโอกาสอยู่เสมอ ถ้าเธอยังมานะอดทนแบบนี้ต่อไป ฉันเชื่อนะว่าสักวันโอกาสที่ดีจะมาถึงแน่นอน แล้วผลการเรียนของน้องชายเธอเป็นยังไงบ้าง?”
เฉียงกุยหลิงหัวเราะขึ้นทันทีอย่างสุขอกสุขใจ เธอตอบอย่างภาคภูมิใจว่า
“น้องชายฉันเรียกได้ว่า อัจฉริยะเลยก็ว่าได้ ผลการเรียนติดอันดับหนึ่งทุกเทอม แล้วตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงอ่านหนังสือเตรียมสอบข้ามระดับไปเรียนมหาลัยแล้วค่ะ ดังนั้นช่วงนี้หนูก็เลยต้องทำงานหนักเป็นพิเศษ จะได้ส่งเขาไปเรียนพิเศษได้ ถ้าเขาสอบติดแล้วได้ทุน ไม่ว่าฉันจะเหนื่อยแค่ไหน ก็คุ้มค่าแล้ว”
ขณะที่ทั้งคู่กำลังคุยกันอยู่นั้นเอง จู่ๆประตูห้องก็เปิดออก ชายวัยกลางคนพุงพลุ่ยพร้อมกับชายอีกสี่คนก็เดินเข้ามาหาอย่างหยิ่งผยอง
“เสี่ยวหลิง! ฉันมาหาเธอน่ะ ไปบ้านฉันเดี๋ยวนี้!”
“นายท่านหวง หนูต้อขอโทษจริงๆค่ะ ตอนนี้กำลังติดลูกค้าอยู่ ทำไมไม่ออกไปรอข้างนอกก่อนสักครู่หนึ่ง แล้วดิฉันจะตามไปให้บริการค่ะ”
“นังกระหรี่! กู หวงตงเทียนไม่เคยรอใคร! ไอ้หนุ่มที่นอนอยู่อ่ะ มึงไปเปลี่ยนคนละกัน!”
จ้าวเฉียนคำรามตอบเสียงจริงจังทันทีว่า
“ออกไป!”
กลุ่มคนที่ติดตามหวงตงเทียนอยู่ด้านหลัง รีบตรงเข้ามาหาเรื่องทันที
“ไอ้เวร! มึงเป็นใครวะ กล้าพูดแบบนี้กับบอสหวงได้ไง?!”
“มึงนั้นแหละที่ออกไป บอสกูกำลังมีอารมรณ์ได้ที่ หรืออยากให้นังนี่นวดหำให้ขนาดนั้น?”
“นี่เตือนแล้วนะ รีบออกไปก่อนที่พวกเราจะลงมือ!”
เฉียงกุยหลิงรีบร้องขอกับหวงตงเทียนทันทีว่า
“นายท่านหวง อย่าทำแบบนี้เลยนะคพะ เขาเป็นลูกค้าของหนู ถ้าเขาไม่พอใจขึ้นมาแล้วไปร้องเรียนกับหัวหน้า หนูถูกไล่ออกแน่ค่ะ หนู…หนูยังมีที่บ้านต้องเลี้ยงดูอีกนะคะ”
หวงตงเทียนเอ่ยตอบพร้อมแววตาเปี่ยมล้นความเจ้าเล่ห์ แสยะยิ้มกล่าวว่า
“เหอะ! กูบอกมึงกี่ทีแล้ว ตราบใดที่กูต้องการมึง ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ที่ไหนมึงก็ต้องมาปรนนิบัติให้กู กูว่าก็ให้เงินมึงเดือนละ100,000หยวนทุกเดือนแล้วนะ ทำไมยังมาทำงานนวดหำให้คนอื่นอยู่ที่นี่อีก?”
“บอสหวง แต่หนูไม่ได้ต้องการเงินแสนเลยนะคะ ฉันก็แค่คนบ้านนอก เข้ามาเมืองใหญ่ก็เพื่อหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว อย่างทำแบบนี้เลยนะคะ ฉันต้องการยืนด้วยลำแข้งและความสามารถตัวเองค่ะ ไม่ใช่มาขายตัวแบบนี้”
หวงตงเทียนระเบิดหัวเราะลั่น ทั่วทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“หุบปาก แล้วเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว! จะออกไปกับฉันไหม!?”