บทที่ 2 ระบบผดุงคุณธรรม

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วกลับมาถึงห้อง ระบบก็ยังไม่ยอมหยุด

“สภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตได้รับการปรับให้เหมาะสมในขั้นต้นแล้ว ดัชนีสุขภาพการอยู่รอดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ระบบเริ่มพิจารณาถึงการดำเนินการต่อไป

ระบบกำลังพิจารณา…

ระบบกำลังพิจารณา…

ระบบตัดสินใจจะไปวิ่งตอนกลางคืน”

‘บัดซบ ฉันยอมแล้ว’ ฟางหนิงยังคิดอยู่เลยว่า ในเมื่อสามารถเลือกบทสนทนาได้ ก็คงจะเหมือนกับเกม พอเล่นไปถึงฉากหนึ่งเดี๋ยวร่างกายก็กลับมา แต่ตอนนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้แล้ว

เขาทำได้เพียงจำใจมองร่างกายตัวเองเปลี่ยนเป็นชุดกีฬาท่าทางชำนาญ จากนั้นก็สวมรองเท้าไนกี้ของปลอมคุณภาพสูงและราคาถูกที่เขาซื้อจากเว็บไซต์ออนไลน์ ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป

พอออกมาก็เจอกับผู้หญิงที่อาศัยใต้ชายคาเดียวกันอีกครั้ง อีกฝ่ายแต่งหน้า ดูแล้วสวยกว่าปกติ แต่ไม่รู้ทำไม ตอนกลางคืนก็ร้อนนะ แต่เสื้อผ้าที่เธอใส่เหมือนจะหนานิดหน่อย ไม่ได้สวมถุงน่อง กระโปรงสั้น หรือเสื้อปาดไหล่ตามปกติ แต่เป็นกางเกงยีนหนาๆ กับเสื้อคลุมสีชมพู

จ้าวอิ๋งก็ประหลาดใจเช่นกัน ผู้ชายที่เมื่อตอนนั้นยังมีสายตาเย็นชา ออกมาตอนเย็นอย่างนี้ทำไม?

เธอแต่งตัวสวยเพราะกำลังจะไปพบกับเพื่อนชาวเน็ตที่เป็นทายาทเศรษฐีที่พูดคุย (จีบ) กันมานาน วันนี้เป็นวันเทศกาลชีซีนี่นา แล้วคนโสดอย่างเขากำลังจะทำอะไรล่ะ?

หลังจากลงมาข้างล่าง เธอก็เข้าใจว่าเจ้าคนโสดคนนี้กำลังจะออกไปวิ่ง

“น่าสงสารจัง ทำได้แค่ระบายด้วยการวิ่ง พอทำตัวสะอาดๆ แล้วเขาก็ดูเป็นหนุ่มหล่อคนหนึ่งอยู่นะ แต่ก่อนไม่เห็นรู้เลย ทำไมถึงไม่มีแฟนสักทีนา?” จ้าวอิ๋งยกมุมปากขึ้น เอ่ยเสียดายอยู่สองสามประโยคแล้วเรียกแท็กซี่

ฟางหนิงมองระบบออกกำลังกายอย่างเบื่อหน่าย จนกระทั่งหลังจากจ็อกกิ้งไปครึ่งชั่วโมงเขาก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนใหม่ของระบบ

“สมรรถภาพร่างกายลดลง เมื่อถึงขีดจำกัดความเหนื่อยล้าจะพักผ่อน ระบบตัดสินใจจะพักผ่อน”

จากนั้นร่างของเขาก็เริ่มเดินช้าลง ฟางหนิงคิดว่า ‘เอาล่ะ แกเริ่มพักแล้ว แบบนี้ก็ควรคืนร่างให้เจ้าของใช่ไหม’

ถึงอย่างนั้นเขากลับต้องผิดหวัง เมื่อพบว่ายังขยับนิ้วก้อยไม่ได้

สิบนาทีต่อมา แจ้งเตือนใหม่ของระบบก็ปรากฏขึ้น “กู้คืนสมรรถภาพ สุขภาพร่างกายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ระบบเริ่มพิจารณาถึงการดำเนินการต่อไป…”

“ระบบกำลังพิจารณา…”

“ระบบกำลังพิจารณา…”

“ระบบตัดสินใจจะไปผดุงคุณธรรม…”

เดี๋ยวนะ ไอ้คุณระบบ นี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไร? ฟางหนิงตะลึงไปพักหนึ่ง ระบบแย่งร่างของเขาไปโดยไม่มีการแนะนำตัวใดๆ ทั้งนั้น

แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว ระบบที่ครอบครองร่างของเขาอาจเป็นระบบประเภทการต่อสู้ ไม่อย่างนั้นทำไมจู่ๆ ถึงมีรายการผดุงคุณธรรมนี่ขึ้นมาได้ล่ะ?

ข้อดีคือเมื่อพิจารณาจากการแจ้งเตือนของระบบ ต่อไปตนอาจจะไม่ต้องถูกบังคับให้ทำสิ่งเลวร้ายในอนาคต จนต้องทนทรมานทางศีลธรรมทุกวัน ส่วนข้อเสียคือนอกจากตัวเอก จอมยุทธ์ทุกคนก็เหมือนจะตายเร็วมาก!

อย่างไรก็ตาม ระบบไม่ได้ให้คำอธิบายแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าจะกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว เขาเดินตรงไปยังที่แห่งหนึ่ง ทางเลี้ยวลดคดเคี้ยวนั่นทำเอาฟางหนิงเวียนหัว

ระหว่างที่ระบบกำลังเดินทาง ฟางหนิงที่เคยอ่านวิธีการตายของจอมยุทธ์ในนวนิยายต่างๆ ก็กำลังตกอยู่ในความหวาดกลัว ในหัวฉุกคิดบางอย่างได้ทันที

“เดี๋ยวก่อน ระบบ คุณระบบ ถ้าอยากจะผดุงคุณธรรม ฉันก็ขวางคุณไม่ได้ แต่โปรดเปลี่ยนร่างก่อนเถอะ นี่ไม่ใช่สมัยโบราณนะ ที่นี่มีการตรวจสอบเฝ้าระวังอยู่ทุกแห่ง ฉันไม่อยากดังขนาดนั้น ถ้ามีนิ้วทองคำก็ต้องเก็บซ่อนไว้ก่อน นี่คือมาตรฐานข้อแรกของนิยาย ถ้าแสดงตัวมันจะตายเร็วนะ!” ฟางหนิงตะโกนอยู่ในหัว

แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะมีเรื่องให้บ่นอยู่หลายครั้ง แต่ระบบก็ไม่สนใจ แต่ข้อเสนอแนะที่ฟางหนิงเสนอให้ ก็ยังพอมีความหวังอยู่บ้าง

ถึงอย่างไรเมื่อครู่ที่เป็นการสนทนาพูดคุยกับคนอย่างง่ายๆ ระบบก็ขอให้เขาเลือกบทสนทนาเอง เป็นไปได้ว่าเรื่องบางเรื่อง ไอคิวของระบบนี้ก็ยังค่อนข้างต่ำ จำเป็นต้องให้โฮสต์เป็นคนจัดการ

และสิ่งที่ทำให้ฟางหนิงดีใจก็คือ ความคิดของเขาถูกต้อง นี่เป็นครั้งแรกที่ระบบตอบรับข้อเสนอของเขา

“โฮสต์แนะนำได้ถูกต้อง ระบบกำลังพิจารณา…”

อืม ดูเหมือนว่าระบบยังพอจะฟังรู้เรื่องสินะ ในที่สุดฟางหนิงก็ค้นพบความลับของระบบ นั่นก็คืออีกฝ่ายดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับการเอาชีวิตรอดเป็นอันดับหนึ่ง แต่เขารู้สึกว่าหลักการของ ‘เอาชีวิตรอดเป็นอันดับหนึ่ง’ กับ ‘ผดุงคุณธรรม’ เหมือนจะไปกันคนละทางและขัดแย้งกันอยู่

โชคดีที่เรื่องนี้ไม่อยู่ในขอบเขตความกังวลของเขา ตอนนี้ฟางหนิงรู้แค่ว่าชีวิตที่มืดมิดยังมีแสงสว่างอยู่เล็กน้อยในอนาคต เนื่องจากระบบยินดีรับฟังคำแนะนำ ถ้าอย่างนั้นก็อาจเป็นไปได้ที่ตนจะได้กลับมาครองร่าง อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นาน ความจริงก็ทำให้เขารู้ว่าตอนนี้เขาคิดมากเกินไปแล้ว

“ระบบตัดสินใจแปลงโฉม ระดับการแปลงโฉมปัจจุบันคือ 1” แจ้งเตือนข้อมูลดังเข้ามาในหัวทันที

ตอนนี้ไม่มีกระจกอยู่รอบๆ ฟางหนิงไม่รู้เลยว่าหน้าตาของเขาเป็นอย่างไร แต่เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าส่วนสูงกำลังเพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถรับรู้ได้จากการเปรียบเทียบกับทิวทัศน์โดยรอบ

ระบบทรงพลังมาก บอกจะแปลงโฉมก็แปลงโฉม แม้แต่ส่วนสูงก็ยังเพิ่มได้? ฟางหนิงมองตัวเองเปลี่ยนจากการเป็นเจ้าคนพิการระดับสามที่สูง 168 ซม. ไปเป็นความสูงมาตรฐานของเทพบุตรที่ 180 ซม.

นี่ทำให้เขาอดหัวเราะคิกคักไม่ได้ ถ้าเขาชิงร่างของตัวเองกลับมาได้ในอนาคต เรื่องแบบนี้จะคงอยู่หรือเปล่านะ?

“การแปลงโฉมเสร็จสิ้น ระบบตัดสินใจผดุงคุณธรรมต่อไป”

ฟางหนิงตื่นขึ้นมาจากภาพลวงตาของตัวเอง เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยระบบน่ารังเกียจนี้ คิดเสียว่าตนกำลังดูเรื่องสนุกแล้วกัน ดูว่ามันจะผดุงคุณธรรมอย่างไร ขอแค่อย่าทำร้ายร่างกายของตนก็เป็นพอ

อย่างไรก็ตาม ไม่นานระบบก็ทำให้เขาตกตะลึง

หลังจากระบบเปลี่ยนแปลงร่างกายเสร็จสิ้นแล้ว มันก็ควบคุมร่างของเขาแล้วเดินไปยังถนนเส้นเล็กๆ

ทางเดินนี้ไม่มีแม้แต่ไฟถนน ตอนกลางคืนมีเพียงแสงจากที่ไกลๆ เล็กน้อยเท่านั้น มืดสลัวอย่างยิ่ง แต่ฟางหนิงกลับพบว่าสายตาของเขาดีมาก

ดีจนเขาเห็นผู้หญิงรูปร่างผอมเพรียวอยู่ห่างออกไปราวๆ สิบก้าวกำลังตบชายอ้วนข้างหลังเธอด้วยกระเป๋าถือ

“นี่! จะทำอะไรน่ะ? พวกเราเพิ่งเจอกันครั้งแรก อย่ามือไม้รุ่มร่ามสิ”

“ต้องไปเปิดห้องสิ ได้เจอหน้าเพื่อนในเน็ตทั้งทีนา ถ้าไม่เปิดห้องแล้วจะให้ทำอะไรล่ะ? ฉันตั้งใจนั่งรถไฟฟ้ามาที่นี่เลยนะ ถ้าอย่างนั้นเธอก็คืนค่าตั๋วรถไฟฟ้ามาให้ฉันสิ” ชายอ้วนยิ้มกระหยิ่มท่าทางลามก พร้อมกับพยายามกกกอดผู้หญิงคนนั้น

ฟางหนิงเพ่งมองดีๆ ก็พบว่าผู้หญิงคนนั้นคือเพื่อนร่วมบ้านคนสวยของเขานี่นา เพิ่งเจอหน้ากันสองครั้ง ความประทับใจก็สลักลึกแล้ว

ส่วนเจ้าอ้วนก็ชวนน่ารังเกียจมาก ผู้หญิงสวยขนาดนี้เป็นดั่งน้ำตาลใกล้มดสำหรับเขา แต่เขายังไม่กล้าพูดอะไรเลย อยู่มานานขนาดนี้กลับยังไม่เคยถามชื่อแซ่ แต่ตอนนี้กลับโดนเจ้าอ้วนจากไหนก็ไม่รู้จีบจนถึงขั้นนัดเจอตัวจริงกันซะแล้ว

คิดดูแล้ว ถ้าเจ้าอ้วนนี่ไม่ใช่พวกหน้าเจอแสงแล้วไปไม่รอด แต่แทนที่ด้วยรูปลักษณ์ที่แท้จริงของตัวเขา ตอนนี้ก็คงจะได้เปิดห้องสำเร็จแล้วใช่ไหมนะ?

ขณะที่ฟางหนิงนึกถึงเรื่องลามกตามความเคยชิน เขาก็พบว่าปากของเขากำลังขยับ

“หยุดนะ กลางวันแสกๆ กลางจักรวาลกว้างใหญ่ไพศาล คุณกลับกล้าฉุดหญิงสาวเช่นนี้ คุณสมควรได้รับโทษ”

ฟางหนิงไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาสามารถสร้างเสียงของผู้ชายที่มีเสน่ห์ดึงดูดและน่าเกรงขามขนาดนี้ได้

จากนั้นเขาก็ได้สติ ‘บัดซบเอ๊ย นี่มันเสียงระบบชัดๆ! ทำไมคราวนี้ไม่ให้ตัวเลือกจากระบบเล่า?’

ไม่อย่างนั้นละก็ เขาไม่มีทางพูดประโยคนี้เด็ดขาด ตอนนี้เป็นเมืองยามค่ำคืนที่ยากจะมองเห็นแสงจันทร์นะ พูดไปแล้วก็อายชะมัด

เจ้าอ้วนตกใจมาก ไม่คิดว่าจะมีคนทำตัวเบียวขนาดนี้อยู่จริงๆ

พอเขามองดูอีกครั้ง เขาก็ต้องหัวเราะ ดูหน้าตาของฟางหนิงสิ แล้วลองเปรียบเทียบกับเขา เอาแค่รูปร่างก็ด้อยกว่ามากแล้ว เจ้านั่นผอมกว่าเขามาก เหมือนกับผ้าป่านที่โดนลมพัดก็ปลิว

เขาย่อมไม่รู้ว่า นี่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนร่างของฟางหนิง หลังจากความสูงเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันสิบกว่าเซนติเมตรแต่ยังมีน้ำหนักตัวเท่าเดิม เขาย่อมผ่ายผอมลงเป็นธรรมดา

แต่ระบบก็ยังคงพิจารณาถึงกฎวิทยาศาสตร์ ไม่ได้ทำตัวเหมือนเทพแห่งความตายหรือเด็กนักเรียนตัวน้อยที่จะไม่สนใจกฎการสมดุล แล้วเปลี่ยนขนาดเอาตามใจชอบ เมื่อคุณสูงขึ้นแต่น้ำหนักเท่าเดิม คุณจะยิ่งผอมลง จึงต้องเพิ่มน้ำหนักอีกมากถึงจะพอดี

“ไอ้ผ้าป่าน แกอยากหาเรื่องเหรอ นี่แฟนฉัน เกี่ยวอะไรกับแกไม่ทราบ! กลางค่ำกลางคืนแบบนี้ไปที่ชอบๆ เถอะไป! ฉันน่ะเคยฆ่าคนนะโว้ย!” ในขณะที่พูด เขาก็หยิบมีดผลไม้ออกมาด้วยท่าทางดุร้าย แล้วพุ่งเข้าใส่ฟางหนิงโดยหวังจะแทง

ฟางหนิงหน้าซีด จู่ๆ หัวก็ว่างโล่ง เขาอยากหนี เขาต้องการหันหลังวิ่ง แต่กลับพบว่าตนยังคงควบคุมร่างกายไม่ได้ หรือว่าเขาจะถูกระบบนิ้วทองคำหลอกมาให้ตาย?

แต่วินาทีต่อมา เขาก็รู้ว่าความหวาดกลัวของตนน่าหัวเราะขนาดไหน รวมถึงรู้แล้วว่าต้นขาของระบบหนาแค่ไหน

เขาเห็นเพียงร่างกายของตนอยู่ภายใต้การควบคุมของระบบ ด้วยความเร็วที่คนทั่วไปแทบจะมองไม่เห็น เขาหลบซ้ายขวาอย่างรวดเร็ว แล้วตบเข้าไปทางชายอ้วนที่พุ่งเข้ามาอย่างง่ายดาย

จากนั้นฟางหนิงก็เห็นใบหน้าดุร้ายหยุดนิ่ง เจ้าอ้วนยกมือข้างหนึ่งปิดหน้าอกแล้วล้มลงอย่างช้าๆ แต่ดวงตาทั้งสองข้างยังเปิดอยู่ ท่าทางนั้นบอกชัดถึงความไม่อยากเชื่อ ตายตาไม่หลับก็คือเขานี่แหละ

ฟางหนิงอึ้งไปพักหนึ่ง ระบบจะโหดเกินไปแล้ว นี่มันลีลาของจอมยุทธ์โบราณเมื่อเห็นความอยุติธรรมจริงๆ ขนาดตอนหลู่ถีเสียออกหมัดต่อยกวานซีก็ยังไม่ง่ายดายขนาดนี้เลย เขาใช้ถึงสามหมัด แต่ระบบนี่ใช้หนึ่งหมัดในเวลาเพียงเสี้ยววิ นิ้วทองคำนี่มันสุดยอด!

จากนั้นเขาก็เห็นข้อความแจ้งเตือนจากระบบปรากฏขึ้นในใจ

………………………………………………………