บทที่ 3 ระบบกำลังสัมผัสศพ

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

“ระบบได้พบกับหวังหงเต๋อ อาชญากรที่ถูกประกาศจับ

ฝ่ายตรงข้ามพร้อมจะโจมตีด้วยมีดสั้น ระบบจึงใช้กลอุบาย ‘ไร้ทิศทาง’ เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย

ระบบใช้การเคลื่อนไหวของ ‘ทะลวงภูเขาทุบตีโคศึก’ หวังหงเต๋อไม่มีพลังปราณป้องกัน จึงระเบิดการโจมตี! ละเว้นการป้องกัน!

ระบบสร้างความเสียหาย 225 หน่วยแก่หวังหงเต๋อ

หวังหงเต๋อถูกตีจนตาย!

ระบบได้รับคะแนนประสบการณ์ 100 คะแนน ห่างจากคะแนนอัปเกรด 400 คะแนน”

ชายอ้วนคนนั้นตายแล้วจริงๆ ด้วย หลังจากที่ฟางหนิงเห็นการแจ้งเตือนแล้ว เขาก็สงบลงมาก เขาประหลาดใจที่พบว่าตนไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไร อย่างน้อยความรู้สึกหลังจากการฆ่าคนครั้งแรกก็ไม่ได้ปรากฏ ทั้งไม่มีอาการคลื่นไส้และเขาก็ไม่อยากอาเจียน

คิดไปแล้ว เขาก็ต้องโทษที่ตัวเองทำได้แค่ดูอยู่ข้างๆ ตลอดเหตุการณ์ ไม่ได้ต่างจากเห็นรถชนคนเลยสักนิด แต่อย่างหลังจะมีเลือดนองมากกว่า พวกคนที่มามุงดูส่วนใหญ่ก็ไม่มีปฏิกิริยาพิเศษอะไรอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่มีคนมารุมล้อมที่เกิดเหตุกันตั้งเยอะแยะหรอก

พอคิดดูอีกทีก็รู้สึกว่าความจริงแล้วแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน ถ้าปล่อยให้เขาลงมือฆ่าคนจริงๆ ล่ะก็…เขาในตอนนี้จะต้องยั้งมือยั้งเท้าไม่ได้แน่ และคงจัดการอย่างง่ายดายแบบนี้ไม่ได้เช่นกัน ถึงจะมีความแข็งแกร่ง แต่คงแสดงพลังการต่อสู้ได้ไม่ถึงสามส่วนของระบบหรอก พอเจอเรื่องอันตรายที่แท้จริงก็จะสาหัสอย่างยิ่ง

เขาคิดว่าอารมณ์สงบนิ่งของตัวเองเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือท่าทางของหญิงสาวผู้เป็นเหยื่อหนึ่งเดียวของเหตุการณ์นี้และอยู่บ้านเดียวกันซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากระบบ เมื่อเธอเห็นเจ้าอ้วนล้มลงกับพื้น เธอกลับสงบนิ่งยิ่งกว่าเขาเสียอีก

เห็นเพียงแต่ผู้หญิงคนนี้กำลังจ่อโทรศัพท์ไปที่ชายอ้วนที่ล้มลงกับพื้นอย่างว่องไว หลังจากแสงแฟลชสาดสองสามครั้ง เธอก็หันโทรศัพท์มาหาเขา

ทันทีที่แสงแฟลชสว่างวาบ ฟางหนิงก็รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้กำลังถ่ายรูป

จากนั้นเขาเห็นเธอก้มศีรษะลง ไม่แม้แต่จะมองที่เกิดเหตุด้วยซ้ำ ทำเพียงแค่ปัดนิ้วไปมาบนโทรศัพท์

ตอนนี้ฟางหนิงตาดีพอ อีกทั้งตัวก็สูง เขาจึงเห็นข้อความที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของอีกฝ่าย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ผู้หญิงคนนี้กำลังโพสต์เว่ยป๋ออยู่ข้างๆ ศพเหรอเนี่ย?

จากนั้น สิ่งที่เหลือเชื่อยิ่งกว่าก็เกิดขึ้น

เขาเห็นเพียงระบบกำลังควบคุมร่างกายของเขาอยู่ แล้วก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าข้างๆ ไม่มีคน จากนั้นก็เอื้อมมือไปสัมผัสร่างของชายอ้วน

“ใส่ถุงมือสิ อย่าทิ้งรอยนิ้วมือไว้เด็ดขาดนะ” ฟางหนิงเอ่ยเตือนประโยคนี้ในใจได้ทันเวลา

ตอนนี้เอง ระบบก็ทำตามคำแนะนำของเขาอีกครั้ง ฟางหนิงเห็นเพียงข้างหน้ากลายเป็นภาพพร่าเบลอ จากนั้นมือของเขาก็สวมถุงมือพลาสติกเอาไว้แล้ว คิดดูแล้วมันคงจะอยู่ในกระเป๋ากางเกงตอนที่ทำความสะอาดก่อนหน้านี้ จากนั้นเขาก็เห็นระบบควบคุมร่างกายของเขาเข้าไปสัมผัสเจ้าอ้วนอย่างรวดเร็ว

หลังจากอ่านแจ้งเตือนของระบบที่ปรากฏขึ้นต่อจากนั้น ฟางหนิงก็ร้องไห้อยู่ในใจและรู้สึกซาบซึ้งทันที

เขารู้แล้ว

ทำไมระบบที่มีหลักการอันดับหนึ่งคือ ‘เอาชีวิตรอด’ ถึงต้องมาวิ่งออกกำลังกายให้เหนื่อยในตอนกลางคืนด้วย ทำไมไม่นอนหลับพักผ่อน แต่กลับวิ่งมาเสียไกลเพื่อ ‘ผดุงคุณธรรม’

“ระบบได้ใช้กรงเล็บเมฆามังกรบิน และตรวจค้นศพของหวังหงเต๋อ ผู้เป็นอาชญากรที่ถูกประกาศจับแล้ว ระบบพบเงินสดสี่พันสองร้อยห้าสิบหยวน โทรศัพท์ไอโฟน 7 หนึ่งเครื่อง บัตรธนาคารสองใบ สร้อยคอทองคำหนึ่งเส้น และแหวนทองคำหนึ่งวง…”

ระบบ แกจะต้องรู้มาจากความทรงจำของฉันแน่ว่าฉันเหลือเงินในบัตรธนาคารอยู่แค่แปดร้อยห้าสิบหยวน และแกคงรู้ด้วยว่ามะรืนนี้เป็นวันที่ฉันต้องจ่ายค่าเช่า ซึ่งเงินเดือนของฉันจะจ่ายในวันมะรืนของมะรืนนู่น!

ฟางหนิงซาบซึ้งใจมาก ร่างกายที่ถูกระบบควบคุมไม่ได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว อย่างน้อยตอนนี้ก็มีประโยชน์มาก นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนสนใจว่าเขาจะมีเงินใช้ไหม เป็นครั้งแรกที่มีคนอยากเอาเงินให้เขาใช้!

แม้ว่าด้วยเหตุผลบางอย่างที่เขาคิดว่าจำเป็นอย่างยิ่ง เขาเลยต้องเริ่มทำงานเร็ว จนถึงปีนี้ก็ทำงานมาสิบปีแล้ว เงินเดือนของเขาก็ไม่เลวเลย แต่เขาเก็บเงินไม่เก่ง ในหนึ่งเดือนต้องมีสองสามวันที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก

หลังจากที่ระบบสัมผัสศพแล้ว ฟางหนิงก็พบว่าตัวเองกำลังจะได้ถูกใช้งาน เนื่องจากตัวเลือกของระบบได้ปรากฏขึ้นในหัวของเขาอีกครั้ง

“ระบบได้ช่วยเหลือหญิงสาวบอบบางจากหวังหงเต๋อ อาชญากรที่ติดหมายจับ ตอนนี้อีกฝ่ายดูเหมือนจะยังงุนงงเพราะความตกใจ คุณจึงก้าวไปข้างหน้าและพยายามปลอบอีกฝ่าย ตัวเลือกที่หนึ่ง…”

เอาล่ะ ฉันรู้แล้ว ลูกพี่ระบบไม่ได้ต้องการจะปลอบอีกฝ่ายหรอก แต่คิดจะขอค่าตอบแทนจากการช่วยชีวิตล่ะสิ แต่แกมองผิดแล้ว ผู้หญิงคนนั้นตกใจที่ไหนกันล่ะ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังมีช่วงเวลาดีๆ อยู่บนโลกออนไลน์ ฟางหนิงเดาได้ถึงตัวเลือกที่จะปรากฏขึ้นจากระบบ

ฟางหนิงมองร่างกายของเขาก้าวไปข้างหน้า เข้าใกล้กับผู้หญิงคนนั้น ขณะที่ในหัวก็ปรากฏตัวเลือกจากระบบขึ้นมา

ตัวเลือกที่หนึ่ง: คุณปลอบอีกฝ่ายเบาๆ ว่า ‘สาวน้อย ไม่เป็นอะไรแล้ว อยากให้ฉันไปส่งที่บ้านหรือไม่? ไม่ทราบว่าทรัพย์สินของเธอมีมากแค่ไหนเหรอ?

ตัวเลือกที่สอง: คุณตบอีกฝ่ายที่ยังงุนงงอยู่ แล้วหัวเราะเบาๆ ว่า ‘ช่วยชีวิตคนได้ มีค่ายิ่งกว่าทองพันชั่ง แล้วเธอคิดว่าชีวิตของเธอควรแลกด้วยทองคำเท่าไหร่ล่ะ?

ตัวเลือกที่สาม: คุณเดินเข้าไปมองผู้หญิงคนนั้นสักพัก และพบว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ แต่เธอไม่แยแสต่อผู้มีบุญคุณช่วยชีวิต คุณผิดหวังมากจึงหันหลังกลับและเดินจากไป

‘เอาล่ะ เป็นอย่างที่คิดเลย ในสามตัวเลือกมีสองตัวเลือกที่ต้องการค่าตอบแทน แม้ว่าฉันจะไม่กล้าให้ไอ้คุณระบบทำงานเสียแรงเปล่า แต่ความปลอดภัยต้องมาก่อน เพิ่งจะฆ่าคนตายแท้ๆ แต่พอค้นศพเสร็จดันไม่รีบหนี ระบบน่ารังเกียจนี่กลับคิดจะเอาตังค์อีก ไอคิวของมันคงติดลบจริงๆ สินะ’ ฟางหนิงคิดอยู่ในใจ สุดท้ายเขาจึงเลือกตัวเลือกที่สาม

จ้าวอิ๋งผู้ซึ่งใช้มือถือโพสต์เว่ยป๋ออย่างแข็งขัน ตอนนี้กลับไม่สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของฟางหนิงเลยสักนิด เธอรู้สึกประหลาดใจมากที่พบว่าตนอาจจะได้ขึ้นอันดับโพสต์ยอดนิยมในเว่ยป๋อก็ได้

‘ถ่ายแบบเรียลไทม์ มีรูปเป็นหลักฐาน เพิ่งจะมาเจอเพื่อนในเน็ตครั้งแรก นายนั่นก็คิดจะลวนลามฉันแล้ว แต่เขาดันถูกเทพบุตรที่เดินผ่านมาต่อยจนสลบเหมือดอยู่บนพื้น’

มีทั้งรูปภาพและหลักฐานยืนยัน แถมยังมีรูปหนุ่มหล่อด้วย แม้ว่าวีรบุรุษช่วยสาวงามจะเป็นเรื่องเชยๆ แต่เรื่องเชยๆ กลับดึงดูดผู้คนได้ง่าย เพราะถึงอย่างไรก็ยังยากที่จะเห็นได้ในความเป็นจริง

หลังจากโพสต์ได้ไม่นาน เว่ยป๋อของเธอก็มีความคิดเห็นมากกว่าร้อยความเห็นและมียอดไลก์เป็นพัน นี่เป็นประสบการณ์ที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน มันทำให้เธอตื่นเต้นมาก

‘นี่มันเทพบุตรชัดๆ หล่อมาก! หาได้ยากที่เจ้าของโพสต์จะไม่ใช่พวกล่อคลิก @[email protected]@XXXX …รีบมาดูหนุ่มหล่อเร็ว’

‘จริงด้วย นี่คงไม่ใช่ดาราหรอกนะ ดูสิ เขาผอมจังเลย’

‘นั่นเรียกว่าแต่งตัวให้ผอม พอถอดเสื้อผ้าออกก็มีเนื้อมีหนังแล้ว’

ฟางหนิงรอให้ระบบควบคุมร่างกายของเขาให้เดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้น ด้วยสายตาที่เฉียบคมของระบบ เขาจึงสามารถเห็นเนื้อหาเว่ยป๋อที่แสดงอยู่บนโทรศัพท์ของอีกฝ่าย ตอนนี้เองเขาถึงตระหนักได้ในทันที

ไม่แปลกเลยที่ผู้หญิงคนนี้ยังใจกล้า เป็นเพราะเธอคิดว่าเพื่อนชาวเน็ตตัวอ้วนที่มาวอแวตัวเองถูกต่อยจนหมดสติ

แต่นี่ก็โทษเธอไม่ได้ เธอไม่ได้เป็นหมอหรือตำรวจ เป็นเรื่องยากสำหรับคนธรรมดาที่จะบอกได้ว่าคนคนนั้นตายหรือสลบ โดยเฉพาะเมื่อครู่ คนคนนั้นยังมีชีวิตชีวาดี

อย่างไรก็ตาม ฟางหนิงจึงรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่เป็น ‘คนธรรมดา’ ในไม่ช้าก็มีใครบางคนค้นพบ ‘ความจริง’ โดยเฉพาะในอินเทอร์เน็ตที่มีเทพผู้ยิ่งใหญ่อยู่ทุกประเภท

โชคดีที่ตอนนี้ ระบบกำลังทำตามตัวเลือกที่สามของฟางหนิงอยู่ หลังจากดูหญิงสาวเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างศพ เขาก็หันหลังกลับด้วยความผิดหวัง

ไม่นานหลังจากที่ฟางหนิงจากไป จ้าวอิ๋งก็เห็นเนื้อหาสยองขวัญเริ่มปรากฏบนเว่ยป๋อแล้ว หัวข้อสนทนาเริ่มเปลี่ยนไป

‘เจ้าของโพสต์รีบหนีเร็ว! อย่าหันไปมองนะ!’

‘ไม่คิดว่าชายอ้วนที่นอนอยู่บนพื้นนั่นดูผิดปกติเหรอ @หมอตรวจกลางป่า’

‘ผิดปกติจริงๆ ฉันดูแล้วไม่เหมือนกำลังสลบไปเลย เจ้าของโพสต์หนีเร็วเข้า เราจะช่วยแจ้งความแทนนะ ชายคนนั้นไม่ได้ถูกต่อยจนหมดสติ แต่ถูกฆ่าตาย ในรูปภาพที่เจ้าของโพสต์อัปโหลด ดวงตาของผู้ชายคนนี้ไม่ได้ปิด และรูม่านตาขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติของดวงตาของคนที่ตายแล้ว @XXความสงบของสังคม’

เมื่อจ้าวอิ๋งเห็นความคิดเห็นเหล่านี้ ร่างกายของเธอก็สั่นเทาทันที เธอออกจากเว่ยป๋อแล้วกลับสู่โลกความเป็นจริง

เธอค่อยๆ ก้มหน้ามองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา และเห็นร่างของชายอ้วนนอนอยู่บนพื้นไม่ไกลนัก

ใบหน้าของอีกฝ่ายยังคงดุร้ายน่ากลัวเช่นเดิม ประกอบกับดวงตาเบิกโพลงและนอนราบอยู่บนพื้น ดูน่ากลัวยิ่งกว่าก่อนหน้านี้อีก ร่างกายของเขาไม่ขยับเลยสักนิด ดูแล้วเหมือนร่างไร้วิญญาณ

เธอตกใจกลัวและเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง แต่ ‘เทพบุตร’ ที่ผดุงคุณธรรมเมื่อครู่กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว มีเพียงเธอเท่านั้นที่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังกับศพ บวกกับสายลมพัดแผ่ว กิ่งก้านใบไม้ก็แกว่งไกว แสงไฟสลัว เงาพลิ้วไหว เป็นฉากฆาตกรรมที่น่ากลัวยิ่งกว่าอะไร

“กรี๊ดด!!! คนตาย!” เธอกรีดร้องพลางสับขาวิ่งไปหาแสงไฟ

ฟางหนิงหนีไปไกลแล้ว แต่เขาได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิงคนนั้นดังมาจากข้างหลัง ตัวเขาวิ่งมาไกลถึงสองร้อยเมตรผู้หญิงคนนั้นถึงได้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ คาดว่าคงได้รับการเตือนสติจากท่านเทพทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตแล้วสินะ ไอคิวแบบนี้เทียบกับระบบได้เลยนะเนี่ย

ฟางหนิงไม่สนใจเธอ ภายใต้การสั่งการของระบบที่เกิดจากการเตือนของเขา เขาได้แต่มองร่างกายของตนมองหาสถานที่เงียบๆ เพื่อเปลี่ยนหน้าตากลับสู่รูปลักษณ์เดิม จากนั้นก็เดินอ้อมเป็นวงกลม แล้ววิ่งกลับไปที่ห้องเช่า

จะว่าไป ฝีเท้านี่วิ่งเร็วชะมัด ฟางหนิงรู้สึกว่าเขาขี่สกูตเตอร์ยังไม่เร็วเท่านี้เลย เป็นไปได้ไหมว่าระบบจะใช้วิชาตัวเบา?

น่าเสียดายที่เขาไม่เห็นแจ้งเตือนที่เกี่ยวข้องจากระบบ

หลังจากพักผ่อนอย่างเหนื่อยหอบอยู่ในห้องเช่าเป็นเวลานาน ฟางหนิงก็ยังคงไม่สามารถควบคุมร่างกายของเขาได้

แต่สำนึกผิดชอบชั่วดีของเขาก็ทำให้รู้ถึงหนทางในอนาคตของประสบการณ์คืนนี้แล้ว นั่นก็คือ ตราบใดที่คำเตือนของเขาเป็นประโยชน์ต่ออัตราการอยู่รอดของระบบ มันก็จะฟังคำแนะนำ

เมื่อเป็นอย่างนี้ สักวันหนึ่งเมื่อระบบพังๆ นี่คิดว่าถ้าเขาควบคุมร่างกายแล้วอัตราการรอดชีวิตสูงขึ้น ก็อาจมอบอำนาจควบคุมให้พักหนึ่งก็ได้

ฟางหนิงคิดว่าจุดแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือ การไม่เคยสิ้นหวัง ตอนนี้เขาได้แสดงข้อดีในจุดนี้ของตนเองออกมา แล้วมองหาความหวังในอนาคตต่อไป

ผ่านไปไม่นาน ระบบก็ควบคุมร่างกายของฟางหนิงให้ไปอาบน้ำ ฟางหนิงคิดว่าคราวนี้ระบบคงจะปล่อยให้เขาได้นอนหลับพักผ่อนแล้ว บางทีในตอนนั้นระบบอาจคืนร่างให้เขาก็ได้

แต่แล้วแจ้งเตือนก็โผล่ขึ้นมาอีกรอบ “ระบบตัดสินใจจะเก็บตัวฝึกพลัง”

ฟางหนิงรู้สึกทะแม่งๆ ในใจ ตอนนั้นเองก็เห็นว่าระบบเริ่มนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงในท่า ‘ห้าจิตสู่ฟ้า’

ฟางหนิงได้แต่บ่นอยู่ในใจว่า “ช่างโหดร้าย” จากนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีลมปราณอุ่นพุ่งจากท้องน้อย แล้วแบ่งออกเป็นสี่สาย สองสายแพร่ไปยังขาล่างข้างซ้ายและขวา

อีกสองสายแพร่ผ่านหน้าอกและช่องท้อง แล้วพุ่งไปที่แขนซ้ายและขวาตามลำดับ หลังจากแพร่ไปถึงมือและเท้าแล้ว ในที่สุดปราณทั้งสี่สายก็วกมาบรรจบกันที่ท้องน้อยเช่นเดิม ทำแบบนี้อยู่ซ้ำๆ

…………………………………………………….