หลิวเหมยเข้าไปในห้องนอนแล้ว เลี่ยวฟู่กุ้ยยืนอยู่ในห้องรับแขกด้วยสภาพหน้าแดงหูแดง กำลังนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
“กินข้าวเช้ายัง” เสี่ยวเชี่ยนถาม
“กินแล้ว” ฟู่กุ้ยเดินไปนั่งที่โซฟา เขารู้สึกคอแห้งมากจึงหยิบน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขกขึ้นมากระดกกินยกใหญ่
“วันนี้ยุ่งหรือเปล่า” เสี่ยวเชี่ยนพอเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว
“ก็ประมาณนึง มีธุระนิดหน่อย ต้องไปประชุม เธอแนะนำคนมาฝึกงานให้พี่ไม่ใช่เหรอ บอกเขามาหาสิเดี๋ยวพี่พาไปที่โรงพยาบาล”
“อ่อ ถ้าพี่ยุ่งงั้นก็ช่างเถอะ เดี๋ยวฉันหาคนอื่นช่วยหลิวเหมยแทน”
“หลิวเหมยเป็นอะไรเหรอ”
เสี่ยวเชี่ยนกวาดตามองไปยังห้องนอนหลิวเหมยที่ปิดสนิทอย่างมีลับลมคมใน แล้วส่งสายตาให้สุ่ยเซียน “สุ่ยเซียน ไปดูหลิวเหมยหน่อยสิ เขาอาจต้องการให้เธอช่วยเลือกชุดนะ ไปช่วยเขาหน่อย”
สุ่ยเซียนเข้าใจทันที เชี่ยนเอ๋ออยากจะคุยกับเลี่ยวฟู่กุ้ยที่ทุกคนต่างเชียร์เป็นการส่วนตัว เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการให้หลิวเหมยได้ยินด้วย
“วางใจได้ ฉันไม่ให้เขาออกมาก่อนหรอก สู้ๆนะ” สุ่ยเซียนเหลือบมองเลี่ยวฟู่กุ้ย เขารู้สึกว่าสายตาที่สุ่ยเซียนมองมาเหมือนพวกชาวบ้านเวลาเลือกเป็ดไก่ช่วงตรุษจีน
ทำไมอะ…ทำอย่างกับไม่เคยเจอกันมาก่อน
สุ่ยเซียนแน่ใจแล้วว่าตัวเองไม่ได้มองคนผิดไปจึงหันไปตบบ่าเสี่ยวเชี่ยน “จากใจฉันเลยนะ นายเลี่ยวฟู่กุ้ยฆ่าหม่าลุ่ยตายในพริบตา ถ้าเธอจัดการเรื่องนี้สำเร็จ เอาไปเลยกระเป๋าอีกใบ”
สุ่ยเซียนทนดูครอบครัวหม่าลุ่ยต่อไปไม่ไหวแล้ว อยากจะเข้าไปจับแยกให้รู้แล้วรู้รอด
“ขอเป็นกระเป๋าผู้ชายแล้วกัน เสี่ยวเฉียงยังขาดกระเป๋าใส่โทรศัพท์” เสี่ยวเชี่ยนตบมือสุ่ยเซียนเบาๆ สุ่ยเซียนเห็นท่าทางของเสี่ยวเชี่ยนก็วางใจ เชี่ยนเอ๋อกล้าเอ่ยปากขอของก็แสดงว่ามั่นใจเรื่องนี้แล้ว
เลี่ยวฟู่กุ้ยมองท่าทางของผู้หญิงสองคนตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ สุ่ยเซียนทำท่าสู้ตายให้เสี่ยวเชี่ยนแล้วเดินเข้าห้องไป เธอต้องไปถ่วงเวลาหลิวเหมยเอาไว้เพื่อให้มั่นใจว่าหลิวเหมยจะไม่ออกมาก่อนเสี่ยวเชี่ยนคุยเสร็จ
เสี่ยวเชี่ยนทำท่ากระดิกนิ้วเรียกเลี่ยวฟู่กุ้ย เป็นสัญญาณว่าให้เอาหูมาใกล้ๆ จากนั้นก็กระซิบถาม
“พี่ฟู่กุ้ย พี่จะยอมทำตัวเป็นมือที่สามเพื่อปกป้องความยุติธรรมสักครั้งได้หรือเปล่า”
มือที่สาม คำที่มีความหมายในเชิงไม่ดีแบบนี้ คนจิตใจสูงส่งอย่างเลี่ยวฟู่กุ้ยไม่เคยคิดเลยว่าชาตินี้จะได้สัมผัสกับมัน
เวลาเขาเห็นใครทำตัวเป็นมือที่สามเขาแทบอยากจะพูดคำสอนของท่านผู้นำเพื่อให้ล้มเลิกความคิดไม่ดีนั้นเสีย
แต่เวลานี้คำๆนี้มาอยู่กับคำว่ายุติธรรม เลี่ยวฟู่กุ้ยถึงกับหน้านิ่ว
“เชี่ยนเอ๋อ เธอหมายความว่าไง”
ฟู่กุ้ยคิดว่าต่อให้เป็นเพื่อความยุติธรรมก็ไม่สมควรไปเป็นมือที่สามแทรกกลางระหว่างใครอยู่ดี แบบนั้นมันเกินไป ถือเป็นการผิดต่อท่านผู้นำ ผิดต่อพรรคคอมมิวนิสต์ ผิดต่อประชาชน หรือแม้กระทั่งผิดต่อพ่อเขาที่เป็นถึงผู้พิพากษา
เลี่ยวฟู่กุ้ยมีขอบเขตของตัวเอง
“ฉันหมายความว่า เพื่อความสุขของหลิวเหมย พี่จะยอมเป็นมือที่สามสักครั้ง ล้มเรื่องานแต่งของหลิวเหมยกับผู้ชายฟีนิกซ์ได้หรือเปล่า”
“เขาจะแต่งงานแล้วเหรอ”
โวะ โว้ย
ประหนึ่งมีสายฟ้าฟาดลงมาที่ใจของเลี่ยวฟู่กุ้ยกลางวันแสกๆ
“ยังพี่ แต่ถ้าพวกเราไม่เข้าไปแทรกแซง ไม่แน่ได้แต่งแน่”
“เพื่อความสุขของเขา…พวกเรา…อย่า…ไปแทรกแซงเรื่องแต่งงานของเขาเลย…”
เหอๆ พูดติดๆขัดๆขนาดนี้แล้ว จริงใจเบอร์ไหน เสี่ยวเชี่ยนมองออกแต่ไม่พูดออกมา ทำเป็นพูดให้คิด
“แต่ครอบครัวของผู้ชาย…จึ๊ๆ ฉันขออธิบายแบบนี้แล้วกัน หลิวเหมยแต่งไปก็เท่ากับย้อนกลับไปในยุคโบราณ วันๆต้องตกเป็นที่ระบายอารมณ์ของแม่กับน้องสามี ส่วนผู้ชายก็ไม่เอาไหน หลับหูหลับตาทำตัวเป็นลูกกตัญญูแบบโง่ๆ”
“หลิวเหมย…ชอบ…ก็พอแล้ว…”
เสียงสั่นขนาดนี้ หน้าก็ซีด เสี่ยวเชี่ยนต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมากในการควบคุมตัวเองไม่ให้หัวเราะออกมา
ปากไม่ตรงกับใจเป็นแบบไหน ดูท่าทางของเลี่ยวฟู่กุ้ยตอนนี้ก็รู้แล้ว
“แต่ผู้ชายคนนั้นไม่โอเคเลยนะ เมื่อวานอวี๋หมิงหลางบอกเขาว่าย่าหลิวเหมยป่วยไม่มีเงินรักษา พี่รู้ไหมเขาตอบว่าไง…”
“ย่าป่วยไม่มีเงินรักษาเหรอ เอาเท่าไรล่ะ เอาของพี่ไปก่อนก็ได้นะ”
“ใจเย็น ยังไม่ต้องรีบร้อนทำคะแนน ย่าหลิวเหมยไปท่องแดนสวรรค์ได้ครึ่งปีแล้ว เสี่ยวเฉียงก็แค่หาเรื่องลองใจคน ปรากฏว่าครอบครัวนั้น…”
เสี่ยวเชี่ยนเล่าให้ฟัง เลี่ยวฟู่กุ้ยนั่งฟังอย่างตั้งใจ
ถ้าเลี่ยวฟู่กุ้ยไม่ได้ชอบหลิวเหมย เธอเฉินเสี่ยวเชี่ยนก็ออกจากวงการจิตแพทย์ไปได้เลย นี่ขนาดไม่สนิทยังจะควักเงินให้ จึ๊ๆๆ
“แล้วพี่ยังอยากให้หลิวเหมยแต่งงานกับคนแบบนี้เหรอ”
“นิสัยแย่ขนาดนี้…แต่หลิวเหมยชอบนี่นา” นี่เป็นจุดที่ปวดใจที่สุด ถ้าน้องนุ่มนิ่มชอบผู้ชายคนนั้น แล้วเขาจะทำอะไรได้
“หลิวเหมยไม่ได้ชอบ”
“ไม่ได้ชอบเหรอ” เขาพูดออกมาเสียงดังฟังชัด เสียงไม่สั่น เลี่ยวฟู่กุ้ยกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
“ไม่ได้ชอบหรอก เรื่องนี้น่ะนะ ปัญหามันเริ่มมาจากคำทำนายดวงของอาจารย์หลิวเหมย…”
เสี่ยวเชี่ยนใช้เวลาไม่นานเล่าสาเหตุของเรื่องอย่างกระชับ พยายามเน้นว่าคนครอบครัวนั้นเป็นอย่างไร พร้อมทั้งเล่าเรื่องเมื่อวานให้ฟัง
เลี่ยวฟู่กุ้ยถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวด
“เชี่ยนเอ๋อ เธอคงไม่ได้จงใจใส่ร้ายคนอื่นเพื่อที่จะจับพวกเขาแยกกันหรอกนะ”
โลกนี้มีครอบครัวที่ตรรกะเพี้ยนๆแบบนี้ด้วยเหรอ เลี่ยวฟู่กุ้ยไม่ค่อยอยากเชื่อ เขารู้สึกขยะแขยงผู้ชายที่ทำตัวข่มคนอื่นแบบนี้
“จะใช่หรือเปล่าพี่ไปดูเองก็รู้ วันนี้พวกเราจะไปกินบุฟเฟ่ต์ที่โครงการของพี่ใหญ่ ไปด้วยกันไหมล่ะ”
“พี่…” เลี่ยวฟู่กุ้ยลังเล เขาเองก็ไม่ได้สนิทกับหลิวเหมยมาก อยู่ๆโผล่เข้าไปร่วมด้วย หลิวเหมยจะรู้สึกแปลกๆหรือเปล่า
พอเสี่ยวเชี่ยนพูดมาถึงตรงนี้ หลิวเหมยก็เปลี่ยนชุดเสร็จออกมาพอดี วันนี้ไปสถานที่แบบนั้นแต่งตัวธรรมดาเกินไปคงดูไม่ดี สุ่ยเซียนจึงเลือกชุดเดรสที่มีอยู่เพียงชุดเดียวให้ ฟู่กุ้ยเห็นแล้วก็เอาแต่จ้องขายาวเรียว ยาวเหลือเกิน~
เสี่ยวเชี่ยนเห็นเลี่ยวฟู่กุ้ยเอาแต่จ้องขาหลิวเหมยก็นึกสนุกขึ้นมา เธอจงใจพูดเสียงดัง “อ่อ พี่ฟู่กุ้ยงานยุ่งมาก ไม่ว่างเหรอ งั้นก็ไม่เป็นไร ไปประชุมเถอะ ฉันจะผลักหลิวเหมยไปลงนรกเอง ปล่อยให้ครอบครัวหม่าที่เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ทรมานหลิวเหมยให้ตายทั้งเป็นไปนั่นแหละ”
“พี่ว่าง” นายเลี่ยวฟู่กุ้ยร้อนใจขึ้นมาทันที
ถ้าแค่เพื่อความยุติธรรมล่ะก็ เขาไม่มีทางไปเป็นมือที่สามแทรกกลางระหว่างใครแน่ เพราะมันผิดต่อท่านผู้นำ ผิดต่อพรรคคอมมิวนิสต์ ผิดต่อประชาชน และผิดต่อพ่อเขาที่เป็นถึงผู้พิพากษา
แต่ถ้าเพื่อน้องนุ่มนิ่ม ซิกแพ็ค ขาเรียวยาว ผิวสีน้ำผึ้งที่ชวนหลงใหล นิสัยร่าเริงเป็นกันเองแล้วล่ะก็ เลี่ยวฟู่กุ้ยคิดว่าเรื่องพวกนั้นไม่สำคัญแล้ว สลัดทิ้งไปได้
“เชี่ยนเอ๋อ เธอบอกเพื่อนหน่อยได้ไหมว่าวันมะรืนค่อยไปหาผู้อำนวยการโรงพยาบาล”
“หืม พี่งานยุ่งไม่ใช่เหรอ” เสี่ยวเชี่ยนแกล้งถาม
ฟู่กุ้ยมองหลิวเหมยด้วยสายตามุ่งมั่น จะยุ่งแค่ไหนก็ต้องมีเวลาให้น้องนุ่มนิ่ม ผู้หญิงดีๆแบบนี้จะปล่อยให้ไปลงนรกได้ยังไง
ท่านผู้นำกล่าวไว้ว่า เรื่องขัดแย้งที่ต่างกัน ต้องใช้วิธีที่ต่างกันเท่านั้นถึงจะแก้ปัญหาได้ ปัญหาเรื่องคู่ครองของน้องนุ่มนิ่ม เขาจะจัดการแก้ให้เอง