ตอนที่ 729 ชนชั้นแรงงานฮึกเหิมสู้กับคนอ่อนหัด

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

เสี่ยวเชี่ยนที่ประสบความสำเร็จในการจุดไฟในใจเลี่ยวฟู่กุ้ยให้ลุกโชติช่วงกำลังยิ้มอย่างภูมิใจ หลิวเหมยมองพี่สะใภ้ที่ยิ้มอย่างมีเลศนัย มองเลี่ยวฟู่กุ้ยที่กำหมัดแน่น สายตามุ่งมั่น เธอรู้สึกงงกับสถานการณ์ในตอนนี้

 

 

เธอแค่เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นาน ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย

 

 

“พี่จะไปดูบ้านด้วย” เลี่ยวฟู่กุ้ยพูดกับหลิวเหมยด้วยสายตามุ่งมั่น

 

 

สุ่ยเซียนที่ยืนอยู่ข้างหลังหลิวเหมยยกนิ้วโป้งให้เสี่ยวเชี่ยน เธอไม่เคยรู้สึกนับถือใครในความเก่งเท่าเสี่ยวเชี่ยนมาก่อน

 

 

เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็พูดล้างสมองผู้ชายได้แล้ว ถ้าจะบอกว่าก่อนสุ่ยเซียนเข้าไปในห้องยังมองท่าทีของเลี่ยวฟู่กุ้ยไม่ออก แต่หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนคุยกับเขาแค่ครู่เดียว พอสุ่ยเซียนออกจากห้องมาก็เห็นสายตาของเลี่ยวฟู่กุ้ยที่มองหลิวเหมยเปลี่ยนไป

 

 

สมกับเป็นประธานเชี่ยนจริงๆ ไม่ใช่แค่พูดเกลี้ยกล่อมเลี่ยวฟู่กุ้ยได้ ยังได้ทลายกำแพงในใจของเลี่ยวฟู่กุ้ยอีกด้วย สุดยอด

 

 

กำหนดการวันนี้คือไปดูบ้าน แต่สิ่งที่แฝงอยู่ก็คือจัดการเรื่องครอบครัวหม่าให้จบ

 

 

เดิมอวี๋หมิงหลางก็อยากไปด้วย แต่เขายังมีงานที่ต้องทำ จึงได้มอบหมายภารกิจกำจัดครอบครัวหม่าให้เสี่ยวเชี่ยน ภารกิจปีศาจอุทกภัยที่เบื้องบนมอบให้เขานั้น ให้สิทธิ์ออกมาทำแค่ตอนที่เขาว่าง มาคอยสอดส่องอาเหม็ด ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องกลับไปทำงานที่หน่วย ตอนนี้ที่หน่วยยังมีอีกหลายเรื่องต้องจัดการ

 

 

สุ่ยเซียนเองก็ไม่ได้ตามไป เธอรู้สึกว่ามีประธานเชี่ยนคนเดียวก็พอแล้ว จึงกลับโรงแรมไปนอนพักอย่างสบายใจ

 

 

เนื่องจากครอบครัวหม่ามีสมาชิกหลายคน เสี่ยวเชี่ยนกับฟู่กุ้ยจึงแยกกันขับรถไปรับครอบครัวนั้น

 

 

เมื่อวานครอบครัวหม่าไม่พอใจที่หลิวเหมยออกมาก่อนที่จะจ่ายเงินซื้อของให้ ดังนั้นวันนี้จึงยืนรอหน้าโรงแรมด้วยสีหน้าไม่พอใจ หม่าลุ่ยลางานมาเพื่อไปดูบ้านพร้อมกับทุกคน สีหน้าของเขาเองก็ไม่ค่อยดีเท่าไร

 

 

ถึงจะรู้ว่าหลิวเหมยออกไปเพราะที่บ้าน ‘มีธุระ’ แต่ก็ไม่มีใครพยายามเข้าใจหลิวเหมย ถึงขนาดที่คิดว่าหลิวเหมยเป็นคนที่ ‘ไร้มารยาท’

 

 

ในสายตาของครอบครัวหม่า ผู้หญิงไม่เหมือนกับผู้ชาย ควรรู้จักให้ลำดับความสำคัญก่อนหลัง รู้ว่าตัวเองกำลังจะแต่งงานทำไมยังคิดจะยุ่งกับเงินซื้อบ้านของ ‘ทั้งครอบครัว’

 

 

เรื่องบ้านต้องล่าช้าเพราะย่าเพียงคนเดียวถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ครอบครัวหม่าลงมติกันแล้วว่าจะไม่ไว้หน้าหลิวเหมย ต้องทำให้หลิวเหมยกลับไปคิดทบทวนตัวเอง

 

 

สีหน้าของคนพวกนี้อยู่ในสายตาของเลี่ยวฟู่กุ้ย ยิ่งเป็นการยืนยันคำพูดที่เสี่ยวเชี่ยนพูดกับเขา ครอบครัวนี้ไม่ดีกับหลิวเหมย ฟู่กุ้ยเป็นผู้ชายตรงๆก็มีสีหน้าไม่ดีเช่นกัน ตอนที่หม่าลุ่ยจ้องหน้าหลิวเหมยด้วยความไม่พอใจ เขาที่ยืนอยู่ข้างหลังหลิวเหมยก็ถลึงตาใส่กลับไป

 

 

มองหาXXXเหรอ อั๊วะตาสองชั้นเฟร่ยตาโตกว่าไอ้ตี๋อย่างเอ็งเยอะ

 

 

น่าเสียดายที่การจ้องอย่างอาฆาตของเลี่ยวฟู่กุ้ยนั้นถูกอีกฝ่ายมองข้ามโดยสิ้นเชิง หม่าลุ่ยไม่เห็นท่าทางของเลี่ยวฟู่กุ้ย เขาถามหลิวเหมย

 

 

“เรื่องที่ผมบอกเมื่อวานคุณคิดได้หรือยัง”

 

 

หลิวเหมยรู้ว่าเขาหมายถึงเรื่องที่ให้เอาเงินมาซื้อบ้านไม่ให้เอาเงินไปรักษาย่า ถึงจะรู้ว่าเรื่องนี้อวี๋หมิงหลางพี่ชายเธอแกล้งลองใจหม่าลุ่ย แต่พอได้ยินหม่าลุ่ยพูดกดดันแบบนี้ หลิวเหมยก็รู้สึกอึดอัดใจ

 

 

ย่าเสียไปแล้วแต่ปู่ยังอยู่ แถมยังมีผู้ใหญ่อยู่อีกตั้งหลายคน หม่าลุ่ยทำแบบนี้กับย่าของเธอ ก็เท่ากับแสดงท่าทีต่อทุกคนในครอบครัวแบบเดียวกัน—ถึงแม้หลิวเหมยจะรู้สึกว่าคงไม่มีใครในครอบครัวเธอเดือดร้อนเรื่องเงินถึงขนาดไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาล แต่ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี

 

 

หลิวเหมยยังไม่ตอบ แต่ฟู่กุ้ยทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว กล้าดียังไงใช้น้ำเสียงแบบนั้นพูดกับน้องนุ่มนิ่ม พูดจากับผู้หญิงจะอ่อนโยนหน่อยไม่ได้หรือไง

 

 

อันที่จริงวันนี้ถือว่าหม่าลุ่ยพูดจาเกรงใจแล้ว ปกติไม่เกรงใจยิ่งกว่านี้

 

 

“เรื่องในครอบครัวหลิวเหมยซับซ้อนกว่าที่คุณคิด เรื่องบางอย่างต้องมองระยะยาวครับ” เลี่ยวฟู่กุ้ยจงใจพูดขึ้น

 

 

เสี่ยวเชี่ยนขยิบตาให้ ไอ๊หยา ไม่มีที่ให้เธอลงอาวุธเลยนะเนี่ย ดูสีหน้าเอาเรื่องของพี่ใหญ่ฟู่กุ้ยสิ

 

 

ในที่สุดหม่าลุ่ยก็สังเกตเห็นผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังหลิวเหมย รูปร่างไม่ถือว่าสูงมาก—อันที่จริงเลี่ยวฟู่กุ้ยสูง176ซม.ก็ยังสูงกว่าหม่าลุ่ย 1 ซม. แต่หม่าลุ่ยเห็นแล้วรู้สึกว่าเลี่ยวฟู่กุ้ยไม่สูงเท่าไร มองข้ามความจริงที่ว่าตัวเองก็ไม่สูงเหมือนกัน เห็นเลี่ยวฟู่กุ้ยใส่แว่นท่าทางเหมือนคนมีการศึกษาสูง เขาก็รู้สึกได้ถึงอันตราย

 

 

“เขาเป็นใคร” หม่าลุ่ยถามหลิวเหมย

 

 

“เขาเป็นพี่ชายฉัน วันนี้อยากมาดูบ้านพอดี ก็เลยมาด้วยกัน” เสี่ยวเชี่ยนแสร้งทำเป็นหาข้ออ้าง วันนี้เลี่ยวฟู่กุ้ยมาเป็นพระเอกต่างหาก

 

 

ถึงจะบอกว่าเป็นพี่ชายของเสี่ยวเชี่ยน หม่าลุ่ยก็ยังมองเลี่ยวฟู่กุ้ยอย่างระแวง ฟู่กุ้ยใช้ตาโตๆของตัวเองจ้องกลับ แสดงท่าทางฮึดสู้แบบชนชั้นแรงงานที่ต่อสู้เพื่อตัวเอง แบบนี้มันต้องข่ม

 

 

ท่านผู้นำกล่าวไว้ว่า ชนชั้นแรงงานไม่เพียงแต่ต้องปลดปล่อยตัวเอง ยังต้องปลดปล่อยคนอื่นด้วย โดยเฉพาะปลดปล่อยเหมยจื่อคนที่เขาถูกใจ เขาสู้ตาย

 

 

อยู่ๆหม่าลุ่ยก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ที่มีเลี่ยวฟู่กุ้ยเพิ่มเข้ามา แต่ด้วยความที่อยู่กันหลายคนเขาจึงได้แต่ระงับอารมณ์ไว้ พอก้มหน้ามองก็ยิ่งเกิดความรู้สึกไม่พอใจ

 

 

วันนี้หลิวเหมยใส่ชุดกระโปรง แถมยังใส่รองเท้าส้นสูงเพื่อให้เข้ากับชุด เดิมเธอก็ตัวสูงอยู่แล้ว พอใส่รองเท้าส้นสูงไปยืนข้างๆหม่าลุ่ยทำให้สูงกว่าหม่าลุ่ยเล็กน้อย

 

 

หม่าลุ่ยคิดว่าเธอจงใจ หน้ายิ่งบึ้งกว่าเดิม

 

 

เสี่ยวเชี่ยนทำเป็นไม่เห็น ในใจเธอยังมีแผนอีกเยอะ แต่วันนี้เลี่ยวฟู่กุ้ยเป็นพระเอก งั้นเธอจะทำตัวเป็นผู้ช่วยก็แล้วกัน หลังจากวันนี้ไปหม่าลุ่ยจะถูกจัดการ แล้วเธอก็จะสบายใจ

 

 

“คุณลุงคุณน้านั่งรถพี่ชายฉันไปแล้วกันนะคะ นั่งสบายหน่อย หลิวเหมยเธอก็นั่งไปด้วยกัน อย่าทำให้คุณลุงคุณน้าลำบากใจ” เสี่ยวเชี่ยนหันไปยิ้มให้สองพี่น้องครอบครัวหม่า “รถของฉันตอนนี้เครื่องยนต์มีปัญหาเลยทำให้นั่งไม่สบายเท่าไร พวกคุณสองคนมานั่งรถฉันแทนก็แล้วกัน”

 

 

มันดูแปลกๆตรงไหนนะ

 

 

ในที่สุดหม่าลุ่ยก็คิดได้ ทำไมแฟนเขาไม่ไปนั่งกับเขา แต่ไปนั่งรถไอ้แว่นนั่น

 

 

“ผมจะนั่งกับหลิวเหมย เบียดๆกันหน่อยก็ได้” หม่าลุ่ยลองคัดค้าน

 

 

เสี่ยวเชี่ยนคิดไว้แล้วว่าต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เธอมาเพื่อเป็นผู้ช่วยให้หลิวเหมยกับพี่ชายตัวเอง ไม่ได้มาช่วยหม่าลุ่ย

 

 

ถ้าหม่าลุ่ยนั่งไปด้วย งั้นก็กลายเป็นแม่หม่าลุ่ยนั่งข้างคนขับ หม่าลุ่ยไปนั่งข้างหลังกับหลิวเหมย ส่วนพ่อก็นั่งข้างๆเขา

 

 

แบบนั้นไม่เท่ากับเข้าทางหม่าลุ่ยเหรอ

 

 

ฟู่กุ้ยคิดในใจว่า ถ้าไอ้กร๊วกนี่กล้านั่งรถเซี่ยลี่ของเขา เขาก็จะขับไปทางที่มีหลุมเยอะๆ เอาให้ตูดระบมเลยคอยดู

 

 

“คุณไปรถฉันเถอะค่ะ แฟนฉันก็เป็นทหารเหมือนกับคุณ ฉันมีเรื่องอยากจะถามคุณด้วย”

 

 

“ลงรถแล้วค่อยถามก็ได้ ผมไม่สบายใจให้หลิวเหมยไปนั่งคันนั้น”

 

 

“เคยได้ยินชื่อOneไหม แฟนฉันรู้จักเขานะ”

 

 

หลิวเหมยกับฟู่กุ้ยมองเสี่ยวเชี่ยนด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ Oneก็แฟนเสี่ยวเชี่ยนไม่ใช่หรือไง เล่นอะไรอยู่

 

 

One

 

 

หม่าลุ่ยตื่นเต้นขึ้นทันที

 

 

เขามาจากชายแดนที่ไกลมากเพื่อมาเยี่ยมชมทหารหน่วยรบพิเศษของหน่วยที่เพิ่งก่อตั้งในเมืองนี้

 

 

ถึงจะบอกว่ามาเยี่ยมชม แต่จริงๆแล้วก็คือมาเรียน

 

 

ถึงแม้ค่ายทหารหน่วยรบพิเศษของเมืองนี้เพิ่งจะก่อตั้ง แต่ชื่อหน่วยเสินเจี้ยนก็เป็นที่กล่าวถึงมากในหมู่ทหารบก เพราะได้Oneผู้โด่งดังมารักษาการในตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ของค่าย เขาจึงทำให้ค่ายนี้ดังไปก่อนแล้ว

 

 

ผู้หญิงคนนี้บอกว่าแฟนรู้จักกับOneงั้นเหรอ หม่าลุ่ยรีบเอาเรื่องของแฟนตัวเองไว้ก่อนทันที