ตอนที่ 1344 ที่สุดของความไร้ยางอาย (2)

 

 

“หลิงเฉินไปหาหงหลวนงั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้วแล้วถาม

 

 

เซี่ยชูพยกหน้า “ตอนนี้พวกเขากำลังเดินจับมือคุยกันอยู่ ข้ารู้สึกไม่ดีก็เลยออกมาเจ้าค่ะ”

 

 

เป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่บุรุษจะรู้สึกหึงหวงหากได้ยินว่าสตรีของตัวเองกำลังเดินจับมือกับบุรุษอื่น ทว่าอวิ๋นลั่วเฟิงกลับยังคงหมุนถ้วยชาในมือเล่นอย่างสง่างาม แล้วรอยยิ้มเหม่อลอยก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าไร้ที่ติของนาง

 

 

เซี่ยชูกะพริบตา อวิ๋นลั่วเฟิงมีท่าทีเฉยชาต่อหงหลวน นี่ก็หมายความว่าพวกเขาคงมีความสัมพันธ์กันแค่ผิวเผิน เช่นนั้นนางอาจจะยื่นเท้าเขาไปแทรกกลางได้!

 

 

หลังจากนั้นสักพักใหญ่อวิ๋นก็วางถ้วยชาลง “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เจ้าก็ออกไปได้”

 

 

“นายน้อยอวิ๋น”

 

 

ทันใดนั้นเซี่ยชูก็พุ่งตัวเข้ามาหาอวิ๋นลั่วเฟิง นางไม่ได้กระโดดเข้าสู่อ้อมอกเขาแต่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านเขาแทน

 

 

“นายน้อยอวิ๋น ตั้งแต่ที่เราพบกันครั้งแรก เซี่ยชูก็เพิ่งได้เข้าใจความหมายของคำว่าสิ่งมีชีวิตบนสรวงสวรรค์ ถึงแม้ว่าท่านจะใจร้ายกับชูเอ๋อร์ แต่หัวใจของชูเอ๋อร์ก็ยังคงเป็นของท่านอยู่ดีเจ้าค่ะ”

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงก้มลงใช้นิ้วมือค่อยๆ ยกคางเซี่ยชูขึ้นแล้วเผยรอยยิ้มบาง “เจ้าหมายความว่า…เจ้ากำลังยั่วยวนข้างั้นหรือ”

 

 

เซี่ยชูก้มหน้าด้วยความเขินอาย “ชูเอ๋อร์ไม่หัวแข็งและไร้เหตุผลเหมือนคุณหนูหง ถึงชูเอ๋อร์จะทำได้แค่รอนายน้อยในยามค่ำคืน แต่แค่นี้ก็พอแล้วใจแล้วเจ้าค่ะ”

 

 

หงหลวนหัวแข็งและไร้เหตุผลงั้นหรือ

 

 

ดวงตาของอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นประกายชั่วร้ายขณะที่นางยกขาขึ้นเตะเซี่ยชูจนลอยไปกระแทกผนังดังปัง

 

 

เซี่ยกระแทกผนังจนล่วงลงมา แล้วนางก็เงยหน้าใช้สายตาสับสนมองไปที่อวิ๋นลั่วเฟิงอย่างไม่อยากเชื่อ

 

 

เมื่อเผชิญหน้ากับสตรีที่อ่อนโยนบอบบางเช่นนาง เขากล้าโจมตีอย่างป่าเถื่อนใส่นางหรือ

 

 

เซี่ยชูคิดมาตั้งแต่แรกว่าอวิ๋นลั่วเฟิงอยากได้อำนาจของจวนเจ้าเมืองจึงปกป้องหงหลวนต่อหน้าสาธารณะ ยิ่งไปกว่านั้นจะมีใครชอบพอสตรีไร้เหตุผลอย่างหงหลวนบ้าง แต่นางไม่คาดคิดว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะทำร้ายนางถึงแม้หงหลวนจะไม่อยู่!

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงนั่งเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน นางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากเสื้อแล้วเช็ดนิ้วมือที่ใช้จับคางเซี่ยชูอย่างระมัดระวัง สีหน้าของนางแสดงออกเหมือนกับว่า…เซี่ยชูเป็นเชื้อโรคที่ทำให้นิ้วนางติดเชื้อได้!

 

 

“ในเมื่อเจ้าไม่ยินดีรับข้าไว้ ก็อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน!”

 

 

เซี่ยชูกะพริบตาที่ประกายชั่วร้ายพาดผ่าน นางฉีกกระชากเสื้อผ้าของตนเองจนเกิดเสียงฉีกขาด เผยให้หน้าอกครึ่งหนึ่งจนดูล่อลวง หลังจากนั้นนางก็ขยี้ผมจนยุ่งแล้วพุ่งออกห้องพร้อมตะโกน “ช่วยด้วย! มีคนพยายามขืนใจข้า!”

 

 

เซี่ยชูร้องไห้คร่ำครวญอย่างเศร้าโศก สภาพยุ่งเหยิงของนางทำให้คนอื่นเชื่อว่าเรื่องที่นางพูดเป็นความจริง

 

 

คนแรกที่ปรากฏตัวคือผู้ติดตามของหลิงเฉินที่ถูกส่งมาปกป้องเซี่ยชู หลิงเฉินสั่งเขาว่าถ้าได้ยินเสียงเซี่ยชูร้องให้เขาปรากฏตัวต่อหน้านางทันที เมื่อเห็นสภาพไม่เรียบร้อยของเซี่ยชูเขาก็เดือดดาล “แม่นางเซี่ยชู โปรดวางใจขอรับ นายน้อยของข้าจะต้องทวงความยุติธรรมให้ท่านแน่!”

 

 

ขณะที่เขาพยายามปลอบนาง คนของจวนเจ้าเมืองที่ได้ยินเสียงเอะอะก็มาถึง คนที่นำมาคือเจ้าเมืองหงหลิงที่กำลังอยู่ระหว่างเดินทางพอดี ข้างหลังหงหลิงคือหงหลวนและหลิงเฉินที่รีบวิ่งมาต่อกัน

 

 

เมื่อเห็นหลิงเฉิน เซี่ยชูก็รีบพ่งเข้าไปในอ้อมกอดเขาแล้วเริ่มร้องไห้เสียงดัง

 

 

“ชูเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้น ไอ้ตัวบัดซบนั่นพยายามลวนลามเจ้าหรือ” เมื่อหลิงเฉินเห็นเซี่ยชูที่อยู่ในอ้อมกอด เขาก็กำหมัดแน่นดวงตาลุกเป็นไฟ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1345 ที่สุดของความไร้ยางอาย (3)

 

 

ชูเอ๋อร์ที่ตอนนี้ผมเผ้ายุ่งเหยิงและเหลือเสื้อผ้าปิดแค่ครึ่งอกก็ร้องไห้ ทำให้ทุกคนคาดเดาเหตุการณ์ที่นางเพิ่งเผชิญได้ไม่ยาก

 

 

“นายน้อย…” เซี่ยชูพยายามหยุดร้องไห้อย่างยากลำบากแล้วเหลือบตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาขึ้นมอง จนนางดูเป็นสตรีงดงามที่น่าสงสาร “ท่านต้องคืนความยุติธรรมให้ชูเอ๋อร์นะเจ้าคะ!”

 

 

คำพูดของนางเป็นการกล่าวหาว่าอวิ๋นลั่วเฟิงว่าตั้งใจย่ำยีนางทางอ้อม

 

 

“ดี ดีมาก!” หลิงเฉินขบฟันแน่นจนคนรอบข้างได้ยินเสียง “หงหลวน นี่คือบุรุษที่เจ้าชื่นชอบสินะ ช่างเป็นบุรุษที่มักมากยิ่งนัก! มิใช่แค่บ้าตัณหาเท่านั้น แต่ยังกล้าย่ำยีชูเอ๋อร์ บุรุษเช่นนี้ไม่คู่ควรกับนาง!”

 

 

หงหลวนยิ้มเยาะแล้วใช้นิ้วเล่นเส้นผมของตัวเอง “ระว่างข้ากับชูเอ๋อร์ใครงดงามกว่ากัน อวิ๋นลั่วเฟิงน่ะหรือจะแอบเหลือบตามองนาง ตลกน่า! นางเทียบกับนิ้วสักนิ้วของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำไป แล้วเจ้าคิดว่านางมีค่าพอให้เฟิงเอ๋อร์แอบมองหรือ”

 

 

ทุกคนในจวนเจ้าเมืองจ้องหน้าหลิงเฉินด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ถ้าเจ้ากล้าพูดว่าความงามของคุณหนูของพวกเขาเทียบกับเซี่ยชูไม่ได้ พวกเขาจะพุ่งเข้ามาล้อมตีจนกว่าจะใกล้ตายเพื่อสั่งสอน!

 

 

ใครจะสนว่าเขาเป็นนายน้อยของเมืองอุดร ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำให้คุณหนูอับอาย!

 

 

หลิงเฉินตอบด้วยความเดือดดาล “ใช่แล้ว ถึงแม้ว่าเจ้าจะงดงามแต่เจ้าดื้อรั้นเกินไป ไร้เหตุผลและเอาแต่สร้างปัญหาโดยไม่จำเป็น! แล้วเจ้าจะเทียบกับความอ่อนโยนของชูเอ๋อร์ได้อย่างไร อีกประการ บุรุษเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักพอ มีผู้ใดกล้าสาบานว่าตัวเองจะไม่มีภรรยาสามอนุสี่กันบ้าง”

 

 

พูดจบหลิงเฉินก็หันไปหาหงหลิงที่ยืนอย่างเงียบขรึมโดยไม่ได้เอ่ยอะไร “ท่านลุงหง ท่านควรให้คำอธิบายแก่ข้า!”

 

 

หงหลิงตวัดสายตาทรงอำนาจไปที่สตรีที่อยู่ในอ้อมกอดของหลิงเฉินแล้วพูดอย่างเคร่งเครียดว่า “ใครอนุญาตให้สตรีผู้นี้เข้ามาในจวนเจ้าเมือง”

 

 

เขาไม่ได้ตอบคำถามของหลิงเฉินแต่หันไปถามคนของตัวเอง

 

 

“เจ้าคิดว่าจวนเจ้าเมืองของข้าเป็นอะไร เป็นที่ที่สตรีน่าสงสัยแบบนี้จะเข้ามาได้หรือ” หงหลิงโกรธจนดวงตาลุกเป็นไฟน้ำเสียงของเขาทั้งเย่อหยิ่งและเผด็จการ “หลิงเฉิน ข้ายอมให้เจ้ามีอนุก็จริงแต่มิได้บอกว่าเจ้าสามารถเอาอนุมารังแกบุตรสาวข้าได้! ดังนั้นเจ้าควรเก็บคำเรียกว่าลุงหงเอาไว้ ข้าไม่มีญาติเช่นเจ้า!”

 

 

หลิงเฉินหน้าถอดสีจนซีดเผือดขณะที่กัดฟันพูดออกมาว่า “ท่านเจ้าเมืองหง…หลิง ท่านตั้งใจจะปกป้องอวิ๋นลั่วเฟิงงั้นหรือ”

 

 

“ฮึ่ม แค่ความข้างเดียวจากนาง เจ้าก็ตัดสินว่าอวิ๋นลั่วเฟิงย่ำยีนางแล้วงั้นหรือ กลับกัน ข้ากลับคิดว่าสตรีผู้นี้มีแรงจูงใจอะไรลับๆ ที่ไม่สามารถเห็นบุตรสาวข้ามีความสุขได้ ดังนั้นนางก็เลยมาที่นี่เพื่อทำลายการแต่งงานที่ถูกกำหนดโดยโชคชะตา”

 

 

หงหลวนหันไปมองหงหลิงด้วยสายตาแปลกๆ

 

 

ตามนิสัยของบิดานาง เขาควรจะเข้าข้างหลิงเฉินในสถานการณ์แบบนี้เพราะถึงอย่างไรหลิงเฉินก็เป็นนายน้อยของเมืองอุดร บิดานางเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับอำนาจและความสัมพันธ์ระหว่างแคว้น แล้วเขาจะกล้าตำหนิหลิงเฉินเพื่อนางได้อย่างไร

 

 

ต่อให้เป็นเพราะความสัมพันธ์กับตระกูลจวินก็ยังดูไม่ใช่อยู่ดี เพราะยังไม่มีการยืนยันว่าอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นบุตรของคุณหนูใหญ่ตระกูลจวินจริงหรือไม่ ดังนั้นเขาไม่มีทางตัดสินใจทำอะไรที่เขาไม่แน่ใจ

 

 

หรือว่า…ชายคนนี้เปลี่ยนนิสัยแล้ว

 

 

“นายน้อย” น้ำตาของเซี่ยชูไหลอาบแก้มเสียงของนางเต็มไปด้วยความโศกเศร้าจนทำให้คนต้องรู้สึกเสียใจไปกับนาง

 

 

“ข้าขอโทษเจ้าค่ะ เป็นความผิดของข้าเอง ถ้าไม่ใช่เพื่อชูเอ๋อร์ ท่านก็คงไม่ต้องมาเผชิญกับเรื่องแบบนี้ ตอนแรกชูเอ๋อร์ตั้งใจจะมาพบอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยความหวังดีเพราะอยากจะขอให้เขาอวยพรให้ท่านกับคณหนูหงหลวน แต่ใครจะคิดว่า…ใครจะคิดว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะเป็นบุรุษบ้าตัณหา” เซี่ยชูกัดริมฝีปากแล้วเงยหน้ามองหลิงเฉิน “แต่อวิ๋นลั่วเฟิงเป็นอนาคตเขยของจวนเจ้าเมือง ดังนั้นพวกเราควรไปกันดีกว่าเจ้าค่ะ ข้าไม่ต้องการดึงนายน้อยเข้ามาเกี่ยว ชูเอ๋อร์จะอดทนกับความอยุติธรรมนี่เองเจ้าค่ะ”