ตอนที่ 535 ความน่าสงสารของอาจารย์เหม่ยเหริน
น้ำเสียงของฟังจือหันหนักแน่น “คุณบอกว่าปลอดภัยมาก แต่ต่อให้เป็นนักสะกดจิตเองก็ไม่มีทางมั่นใจได้ว่าคนที่ถูกสะกดจิตหลังจากนั้นจะเกิดผลข้างเคียงหรือไม่”
อวี๋กานกานกะพริบตา เห็นเขาพูดเคร่งเครียดขนาดนี้เธอจึงค่อยๆ พูด “แต่ก่อนคุณถามฉันว่าเคยคิดจะตามตาพ่อแม่ของตัวเองไหม ที่จริงฉันบอกว่าไม่อยากคือไม่จริงเลย ฉันแค่รู้สึกว่าพวกเขาไม่ต้องการฉันแล้ว เพราะอย่างนั้นฉันก็ไม่ต้องการพวกเขา แต่ว่าความฝันไม่กี่วันก่อนหน้าทำให้ฉันคิดว่าฉันไม่ใช่เด็กที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งหรอก บางทีฉันอาจจะเป็นเด็กที่ถูกลักพาตัวมาขายไหมนะ พ่อแม่ฉันสูญเสียฉันไปแล้ว พวกเขาจะเสียใจแค่ไหน หลายปีมานี้พวกเขาตามหาฉันอยู่ตลอดใช่หรือไม่นะ”
เธอมองจ้องฟังจือหัน ดวงตาดำขลับมองเขานิ่งฉายประกายแห่งความคาดหวัง
ฟังจือหันเงียบไปหลายวินาทีจึงยื่นมือไปกุมมือเธอ บีบนวดเบาๆ ไปตามฝ่ามือของเธอ “ผมรู้ ผมจะช่วยคุณติดต่อให้”
อวี๋กานกานส่งยิ้มสดใสให้เขา
คีบอาหารให้เขา “ถ้าฉันลืมคุณแล้ว งั้นคุณก็จีบฉันอีกครั้งสิ”
ชายหนุ่มเอ็นดูและตอบรับอย่างไม่มีทางเลือก “ได้”
อวี๋กานกานกลับถึงบ้านก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว ไฟในบ้านสว่างทั้งหมด เงียบกริบเป็นอย่างยิ่ง
เหอสือกุยกำลังเก็บของอยู่ในห้องตนเอง อวี๋กานกานเคาะประตูและเดินเข้าไป เอื้อมมือไปแย่งเสื้อผ้าในมือของเหอสือกุย “อาจารย์เหม่ยเหริน แผลคุณยังไม่หายดี มาให้ฉันทำเถอะค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันทำเอง” เหอสือกุยไม่อยากให้อวี๋กานกานช่วย แต่ว่าอวี๋กานกานดึงเขาเอาไว้ นั่งลงบนเก้าอี้เล็กด้านข้างอย่างดื้อดึง
แววตาของเขาอ่อนโยน มองอวี๋กานกานเก็บของนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งและยิ้มพร้อมกับเอ่ย “จริงด้วย เด็กยังไงก้ต้องปล่อยมือถึงจะได้โตขึ้น”
“อาจารย์เหม่ยเหรินรู้สึกใช่ไหมว่าตอนนี้ฉันเก่งมาก เก็บกระเป๋าได้แล้วด้วย” แต่ก่อนกระเป๋าเดินทางของเธอล้วนเป็นเหอสือกุยที่เก็บให้
“แต่ว่าอาจารย์ไม่ได้อยากให้เธอเก็บของเป็นหรอกนะ อยู่บ้านอาจารย์ช่วยเธอเก็บของ ถ้า…แต่งงานไปแล้วก็ควรให้อีกฝ่ายเก็บของให้เธอ” ในใจของเหอสือกุยยึดมั่นเช่นนี้ เด็กสาวที่เขารักใคร่เอ็นดูตั้งแต่เล็กจนโตไม่มีทางที่จะแต่งเข้าครอบครัวอื่น เพื่อไปซักผ้า ทำอาหาร เก็บกระเป๋าให้ผู้ชายอย่างเด็ดขาด
“งั้นต่อไปฉันจะให้ฟังจือหันเก็บ เขาเก็บได้แน่” อวี๋กานกานพับเสื้อผ้าเสร็จก็พูดกับเหอสือกุยขึ้นมาอีก “อาจารย์เหม่ยเหรินคะ หลังจากนี้คุณไม่ต้องเกรงใจเขาแล้ว อยากทำอะไรก็เชิญบอกเขาได้ตามสบายเลย”
เหอสือกุยหัวเราะเบา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
จนกระทั่งอวี๋กานกานเก็บของเสร็จแล้วเขาถึงได้โบกมือ “นั่งลง คุยเป็นเพื่อนอาจารย์หน่อย”
อวี๋กานกานจึงนั่งลงบนเตียง มือทั้งสองข้างวางบนหน้าขา ขาข้างหนึ่งไขว้ไว้ มองเหอสือกุยที่อยู่ตรงข้ามพร้อมกับเอ่ยถาม “อาจารย์เหม่ยเหรินคะ เรื่องของฉันคลี่คลายแล้ว วันมะรืนพวกเราก็จะไปเมืองหลวงด้วยกัน”
สีหน้าของอ่อนโยนของเหอสือกุยส่งยิ้มให้อวี๋กานกาน “บางครั้งฉันก็มักจะคิดว่าถ้าฉันไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน เธอก็คงไมต้องเจอเรื่องแบบนี้”
อวี๋กานกานหลุดขำ “อาจารย์เหม่ยเหรินคะ เรื่องของฉันนี่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ อีกอย่างฉันไม่คิดว่าคุณยุ่งเรื่องชาวบ้าน ใครให้พวกเราเป็นหมอกันล่ะ! ถึงอย่างไรต่อไปเรื่องพวกนี้คุณก็ไม่ต้องคิดแล้ว คนเรามีชีวิตมักจะมีอุปสรรคขึ้นๆ ลงๆ ตอนนี้เรื่องที่คุณต้องคิดมีอีกเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องไหน”
“แม้ว่าต่อไปฉันจะดูแลคุณหลังเกษียณ แต่คุณอายุไม่น้อยแล้วจริงๆ”
อาจารย์เหม่ยเหรินของเธอหน้าตาดูดีขนาดนี้ ต้องกระชากหัวใจสาวน้อยกลุ่มหนึ่งได้แน่ ก็เขาค่อนข้างหัวโบราณอีกทั้งงานยุ่งเสียจนหาแฟนไม่ได้ เธอจำเป็นต้องช่วยเขาเลือกให้ดีหน่อย
ตอนที่ 536 อวี๋กาน หวาน
เหอสือกุยอึ้งไปแป๊บหนึ่งถึงเข้าใจความหมายของเธอ หัวเราะพลางถอนหายใจอย่างจนปัญญา “ยัยหนูตอนนี้ไม่น่ารักจริง มีวิธีไหนไหมที่จะเปลี่ยนเธอกลับไปอีกครั้ง จะดีที่สุดเป็นตอนที่เพิ่งเข้ามาในบ้าน…”
อวี๋กานกานยิ้มอย่างซุกซน “เปลี่ยนกลับไปไม่ได้แล้วค่ะ อาจารย์เหม่ยเหรินยังจำเรื่องฉันตอนนั้นเหรอ”
“จำได้แน่นอน ฉันโตกว่าเธอหกเจ็ดขวบเชียว…”
เหอสือกุยเล่าพลางนึกย้อนไปถึงหลายปีก่อนหน้า
ในปีนั้นเหอสือกุยกับปู่เหอเดินทางแถบชานเมืองเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งเป็นลมอยู่ข้างทาง ปู่เหอลงจากรถและอุ้มเด็กผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาอีกทั้งพากลับบ้าน
บนตัวของเด็กหญิงคนนั้นเต็มไปด้วยรอยแผล ที่คอก็คล้ายกับว่าถูกคนบีบมา
มีไข้ขึ้นสูง ปากก็พูดเพ้อเป็นตุเป็นตะ พักหนึ่งตะโกนว่าอย่าฆ่าเธอ อีกพักหนึ่งตะโกนว่าพี่เจียง และอีกพักหนึ่งเนื้อตัวเย็นเฉียบ สั่นราวกับเป็นโรคมาลาเรีย
ปู่เหอดูแลอยู่ข้างเตียง รักษาเธออยู่ครึ่งเดือนจึงได้ดึงเธอกลับมาจากเส้นทางแห่งความตาย
หลังจากหายดีแล้วเธอบอกว่าตนเองชื่อเสี่ยวอวี๋ ส่วนทำไมเธอถึงได้หมดสติอยู่ข้างทาง ตัวเธอเองก็จำไม่ได้แล้ว พ่อแม่ของเธอเป็นใครเธอก็นึกไม่ออกเลย
แต่ว่าที่หัวของเธอก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ เธอนึกไม่ออกนั้นไม่ใช่การสูญเสียความทรงจำแต่ปิดล็อกประตูหัวใจของตัวเอง ตั้งใจลืมเรื่องทุกอย่างที่ไม่อยากจำ
เหลือไว้แค่คนที่เธอคิดว่าสำคัญที่สุด
พี่เจียง
เธอจำคนนี้ได้ เธอบอกว่าเป็นคนที่สนิทที่สุด แต่ว่าหน้าตาเป็นยังไง เธอไม่สามารถบรรยายได้
บนโลกนี้แซ่เจียงเยอะขนาดนั้น บางทีเจียงนี้อาจอยู่ในชื่อก็ได้
ด้วยสองคำนี้จะตามหาญาติของเธอได้ยังไง
ด้วยเหตุนี้จึงให้เธออยู่ที่ตระกูลเหอต่อ
ปู่เหอตั้งชื่อให้เธอว่าอวี๋กาน
อวี๋กานเป็นผลไม้ประเภทหนึ่งที่มีความพิเศษมาก ตอนที่เพิ่งจะเริ่มกินจะรู้สึกว่ารสชาติของมันขมเป็นพิเศษ แต่ว่ากินไปจนถึงตอนสุดท้ายจะกลายเป็นหวาน
ปู่เหอหวังว่าชีวิตของเธอจะสามารถเป็นเหมือนกับผลอวี๋กาน ผ่านความเจ็บปวดจากการสูญเสียญาติ ต่อไปล้วนเป็นความหวาน
ต่อมาก็กลัวว่าผลอวี๋กานนี้จะทิ้งรสหวานติดอยู่นานเกินไป
ปู่เหอจึงตั้งแก้ชื่อให้เธออีกครั้ง อวี๋กานกาน!
ขอให้นับจากนี้ในชีวิตของเธอมีเพียงความหอมหวาน
ปู่เหอยุ่งอยู่กับคลินิก ยุ่งกับการตรวจคนไข้ เวลาที่ดูแลอวี๋กานกานมีจำกัด เพราะฉะนั้นอยู่ในคลินิกอวี๋กานกานตามปู่เหอ นอกจากที่คลินิกอวี๋กานกานก็ตามเหอสือกุย
เหอสือกุยวัยหนุ่มเหมือนกับคุณพ่อที่ดูแลอวี๋กานกาน
เขาพาเธอไปรายงานตัวที่โรงเรียน ไปส่งเธอเข้าเรียน รับเธอเลิกเรียนทุกวัน
เด็กน้อยต้องการความรักจากพ่อแม่
ตอนที่เธอเห็นพ่อแม่ของเด็กคนอื่นมารับ มีวันหนึ่งเธอวิ่งเข้ามากอดเหอสือกุยที่มารับเธอและเรียกด้วยเสียงดัง “คุณพ่อ”
เหอสือกุยวัยหนุ่มจะเป็นไปได้ยังไงที่มีลูกสาวโตขนาดนี้
ยามที่เผชิญหน้ากับสายตาสงสัยจากคนรอบข้าง เขาก็เขินอายราวกับอยากจะหาโพรงมุดลงไป
เธอผมยาวแล้ว เขาจึงซื้อยางรัดผมให้เธอ สอนเธอมัดผมหางม้า แต่ความจริงเขาก็ทำไม่เป็น มัดอยู่นานก็มัดไม่เสร็จ สุดท้ายแบกผมทรงรังนกไปเรียน
คุณครูถามเธอว่าทำไมไม่หวีผม เธอชี้ไปที่เหอสือกุยพร้อมกับบอก “หวีแล้วค่ะ เขาหวีให้”
เธอค่อยๆ เติบโตขึ้นแล้ว หน้าตาน่ารักรูปร่างยิ่งบอบบาง ตอนมัธยมต้นเริ่มมีเด็กผู้ชายส่งจดหมายรักให้เธอแล้ว
เขาจำได้ว่าตอนที่เธอได้รับจดหมายรัก เธอถามเขาด้วยความแปลกใจว่าจดหมายรักคืออะไร ชอบแล้วทำไมต้องเขียนจดหมายรัก ฉันก็ชอบอาจารย์เหม่ยเหริน งั้นฉันก็ต้องเขียนจดหมายรักให้อาจารย์เหม่ยเหรินด้วยใช่ไหม