ตอนที่ 559 ความจริงที่ปรากฏ (7) / ตอนที่ 560 ความจริงที่ปรากฏ (8)

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 559 ความจริงที่ปรากฏ (7)

 

 

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้สีหน้าของพนักงานแต่ละคนต่างก็เปลี่ยนไป

 

 

ในใจแอบก่นด่าว่าเหนียนเสี่ยวมู่เป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์

 

 

แต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าอวี๋เยว่หาน กลับไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาทั้งนั้น

 

 

เห็นพนักงานที่เข้าไปช่วยเหนียนเสี่ยวมู่ลองชุดเดินออกมาจากห้องลองเสื้อผ้า ในมือมีสายผูกผมหลายเส้น เธอเดินไปหยุดตรงหน้าเหนียนเสี่ยวมู่

 

 

“คุณเหนียนคะ นี่เป็นสายผูกผมที่เข้ากับชุดของคุณ เชิญคุณเลือกมาเส้นหนึ่งค่ะ”

 

 

“……”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่กวาดตามองดูสายผูกผมที่อยู่ในมือของเธอ แบบมันแตกต่างกันมาก

 

 

บางเส้นก็เห็นได้ชัดว่าตกรุ่นไปแล้ว

 

 

เธอจงใจแอบใส่มันปนไว้กับรุ่นที่กำลังได้รับความนิยม คือต้องการให้เธอเลือกผิด จากนั้นก็ขายหน้าใช่ไหม

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ใช้สายตาเย็นชากวาดมองไปแวบหนึ่ง

 

 

วันนี้เธอมาเพื่อลองชุด ไม่ได้มาเพื่อระบายอารมณ์ แต่ว่าต่อให้เป็นคนใจเย็นขนาดไหนโดนยั่วโมโหหลายครั้งแบบนี้ ก็คงต้องระเบิดออกมาบ้างเหมือนกัน

 

 

หญิงสาวไม่ได้มองไปทางพนักงานเลยด้วยซ้ำ กอดแขนอวี๋เยว่หานเอาไว้แล้วพูดอ้อน

 

 

“เปลี่ยนชุดจนเหนื่อย ฉันไม่อยากเลือกสายผูกผมพวกนี้แล้ว เราซื้อกลับไปทั้งหมดเลยดีกว่า อันที่เหลือก็เอาไว้ให้เสี่ยวลิ่วลิ่วเล่น”

 

 

สายผูกผมสั่งทำที่แพงขนาดนี้ ซื้อทีเดียวทั้งหมด

 

 

อวดรวยเกินไปแล้ว!

 

 

พนักงานพวกนั้นคิดว่าเธอไม่เหมาะกับอวี๋เยว่หาน มีแต่จะทำให้ชายหนุ่มตกต่ำลงไม่ใช่เหรอ

 

 

อย่างนั้นก็ดีเลย วันนี้เธอจะแกล้งทำเป็นไม่มีสมองก็แล้วกัน แถมยังทำให้อวี๋เยว่หานดูหลงเธอมากกว่าเดิมด้วย ดูซิว่าพวกเธอจะโมโหตายกันไปเลยหรือเปล่า

 

 

เป็นดังที่คิดจริงๆ ได้ยินคำพูดของเธอ สีหน้าของคนพวกนั้นก็แย่ลงในทันที

 

 

สีหน้ารับไม่ได้

 

 

สายตาที่มองมายังเธอ ริษยาราวกับจะฉีกเธอออกเป็นสองส่วน!

 

 

“ซื้อทีเดียวหมดเลย มันดูสิ้นเปลืองเกินไป ถ้าเกิดว่าคุณเหนียนดูไม่ออกจริงๆ ว่าเส้นไหนคือรุ่นใหม่ เดี๋ยวฉันช่วยเลือกให้ก็ได้นะคะ”

 

 

คำพูดของเธอ นัยหนึ่งก็ดูเหมือนจะหวังดีกับเหนียนเสี่ยวมู่

 

 

แต่ถ้าพิจารณาดีๆ แล้ว อีกนัยแฝงก็คือกำลังดูถูกที่เหนียนเสี่ยวมู่ไม่รู้จักแฟชั่น

 

 

ขนาดสายผูกผมยังเลือกไม่เป็นเลย ต้องซื้อไปทีเดียวทั้งหมด

 

 

คิดว่าเมื่อพูดจบจะได้เห็นสีหน้าที่ดูลำบากใจของเหนียนเสี่ยวมู่ แต่นึกไม่ถึงว่าเหนียนเสี่ยวมู่จะไม่โกรธแต่กลับยิ้มออกมาแทน

 

 

เอื้อมมือไปรับสายผูกผมทั้งหมดมา

 

 

ดึงออกมาทีละเส้น แล้วโยนไปบนเคาท์เตอร์แคชเชียร์

 

 

“เส้นนี้ของคอลเล็กชั่นที่แล้ว รุ่นซากุระ”

 

 

“อันนี้เป็นของคอลเล็กชั่นก่อนหน้าคอลเล็กชั่นที่เล้ว รุ่นการ์ตูน”

 

 

“เส้นนี้เป็นคอลเล็กชั่นใหม่ แสงอบอุ่นในฤดูหนาว”

 

 

“แล้วก็เส้นนี้ ถ้าฉันจำไม่ผิด ถ้าจะเป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่เพิ่งออกใหม่ล่าสุด ในประเทศน่าจะมีอยู่ไม่ถึงสามเส้น……”

 

 

“ส่วนเส้นนี้……”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่บอกรายละเอียดของสายผูกผมทุกเส้นที่โยนลงไป

 

 

แถมก็บอกได้อย่างแม่นยำร้อยเปอร์เซ็นอีกด้วย

 

 

ต่อให้เป็นพนักงานในร้านนี้ ก็ไม่แน่ว่าจะจำได้แม่นขนาดนี้ไหม

 

 

พนักงานที่นึกว่าจะทำให้เหนียนเสี่ยวมู่อับอายได้ อ้าปากค้างอย่างตะลึง พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ

 

 

จำข้อมูลของสายผูกผมได้เยอะขนาดนี้ ใครยังจะกล้าพูดว่าเธอไม่เข้าใจแฟชั่นอีก

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่โยนสายผูกผมเส้นสุดท้ายไปบนเคาท์เตอร์แคชเชียร์

 

 

ร่างผอมเพรียวของหญิงสาว เดินไปหยุดอยู่หน้าพนักงานที่ดูถูกเธอ

 

 

เลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ร่างแผ่รัศมีที่ดูน่ายำเกรงออกมา ราวกับเธอคือราชินี ทำให้ทุกคนต่างตะลึงกันไปหมด เธอพูดออกมาทีละคำ

 

 

“ตอนนี้ ห่อสายผูกผมพวกนี้ให้ฉันได้หรือยัง”

 

 

“……” พนักงานพวกนั้นราวกับโดนตบหน้า ทุกคนหูหน้าแดงกันไปหมด ไม่กล้าพูดอะไรอีก รีบห่อสายผูกผมที่อยู่บนเคาท์เตอร์แคชเขียร์พวกนั้นแล้วส่งให้เธออย่างรวดเร็ว

 

 

 

 

 

ตอนที่ 560 ความจริงที่ปรากฏ (8)

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่หันไปมองทางอวี๋เยว่หานแวบหนึ่ง จงใจขยับเข้าไปชิดชายหนุ่ม เขย่งปลายเท้าหอมไปที่แก้มของเขา “รอฉันแปปนึงนะ ฉันไปห้องน้ำก่อน”

 

 

ภาพความใกล้ชิดของคนทั้งคู่ ทำเอาคนทั้งหมดเหมือนโดนโชว์สวีทใส่

 

 

ในใจของพวกพนักงานเมื่อครู่ ตอนนี้อิจฉาเหนียนเสี่ยวมู่แทบบ้า!

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่เปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เดินไปด้านนอก

 

 

เธอเพิ่งได้ระบายอารมณ์ออกไป ตอนนี้รู้สึกดีมาก

 

 

เดินฮำเพลงออกจากร้านไป

 

 

เมื่อเดินมาถึงหน้าร้าน ก็เห็นร่างของฟ่านอวี่ยืนอยู่ที่หน้าประตู

 

 

ร่างที่ชะงักทื่ออยู่นั้น ไม่รู้ว่ายืนอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่แล้ว

 

 

สีหน้าแปลกใจนั้น ราวกับเหมือนเห็นภาพเหลือเชื่อ ดวงตาอ่อนโยนเอาแต่มองมาที่เธอ

 

 

จ้องจนเหนียนเสี่ยวมู่เริ่มรู้สึกขนลุก

 

 

นึกอะไรขึ้นได้ ก็รีบหันกลับไปมอง

 

 

พอว่าที่ที่เธอยืนอยู่ไม่มีอวี๋เยว่หาน เส้นประสาทที่ตึงเครียดก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง

 

 

เดินตรงไปด้านหน้า ทักทายฟ่านอวี่อย่างเป็นกันเอง “คุณมาช็อปปิ้งเหรอ”

 

 

“……คุณกับอวี๋เยว่หานมาลองชุด เพราะต้องไปออกงานอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงอ่อนโยนของฟ่านอวี่ แหบต่ำลงเล็กน้อย

 

 

ราวกับอยากจะหลีกหนีอะไร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะบังคับให้ตัวเองเผชิญหน้า

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้สังเกตความคิดของชายหนุ่ม ตอบอย่างตรงไปตรงมา “เปล่าค่ะ ฉันกับอวี๋เยว่หานมาลองชุดหมั้น เรากำลังจะหมั้นกันแล้ว!”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่พูด ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มหวานขึ้นตาม

 

 

มุมปากและดวงตาเป็นประกายขึ้นเพราะเอ่ยถึงคนรัก

 

 

นั่นคือปฏิกิริยาของคนที่มีความรักที่ลึกซึ้งเท่านั้น

 

 

มือที่วางอยู่แนบลำตัวของฟ่านอวี่กำแน่นขึ้น

 

 

ได้ยินคำพูดของหญิงสาว เขาก็หันไปมองที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธออย่างรวดเร็ว

 

 

เมื่อเห็นแหวนราชินีที่เธอสวมอยู่ แววตาก็สั่นไหวเล็กน้อย

 

 

“ตอนที่คุณยืนสั่งสอนพวกพนักงานไม่เจียมตัวตรงเคาท์เตอร์แคชเชียร์นั่น เยี่ยมยอดไปเลย” ฟ่านอวี่จงใจเมินเรื่องที่เธอจะหมั้นกับอวี๋เยว่หาน เขาเอ่ยพูดขึ้น

 

 

ภาพเมื่อครู่ที่เขาเห็นเหนียนเสี่ยวมู่ เขานึกว่าตัวเองเห็นเสี่ยวลิ่วลิ่ว

 

 

ก็เลยยืนตะลึงอยู่อย่างนั้น

 

 

เธอยืนพูดอยู่ที่เคาท์เตอร์แคชเชียร์นานเท่าไหร่ เขาก็ยืนอยู่นานเท่านั้น

 

 

ขนาดตอนที่เธอกลับเข้าไปเปลี่ยนชุด เขาก็ยังไม่ได้สติเลย

 

 

แต่ตอนนี้ เขาอยากให้เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ใช่ลิ่วลิ่วยังจะดีเสียกว่า

 

 

ลิ่วลิ่วของเขา ต่อให้ไปชอบคนอื่นก็ไม่มีทางจะลืมเขา

 

 

ลืมไปอย่างหมดสิ้นแบบนี้……

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่อาจจะแค่มีหน้าตาคล้ายเธอก็เท่านั้น……

 

 

ฟ่านอสี่หลุบตาลง ปกปิดความว้าเหว่ในแววตา

 

 

เขาเอ่ยชมยิ้มๆ “มองไม่ออกเลยว่าคุณจะชอบเรื่องแฟชั่น”

 

 

“ไม่เท่าไหร่หรอก ของพวกนี้แค่ฉันมองรอบเดียวก็จำได้แล้ว ถ้าอยากจะชมฉันว่ารู้เรื่องแฟชั่นคุณชมว่าฉันความจำดีดีกว่า!” เหนียนเสี่ยวมู่พูดแซวยิ้มๆ

 

 

สิ้นเสียง เธอก็กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่จู่ๆ ฟ่านอวี่ก็ยื่นมือมาจับข้อมือเธอเอาไว้

 

 

“คุณว่าอะไรนะ”

 

 

น้ำเสียงของฟ่านอวี่มีความร้อนรน

 

 

ราวกับอยากได้คำตอบเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง

 

 

ในสมอง มีเรื่องราวเกี่ยวกับความจำของลิ่วลิ่วโผล่ขึ้นมาไม่หยุด

 

 

“พี่ฟ่านอวี่ ภารกิจของพี่ง่ายเกินไปแล้ว ฉันมองรอบเดียวก็จำได้แล้ว!”

 

 

“ถ้าเกิดจะชมว่าฉันฉลาด สู้ชมว่าฉันความจำดีดีกว่า ฉันมองรอบเดียวก็ไม่เคยลืม”

 

 

ลิ่วลิ่วของเขา เป็นเด็กสาวที่มีพรสวรรค์

 

 

ตั้งแต่เด็กจนโต ขอแค่เป็นสิ่งที่เธออยากจะเรียน เธอก็จะทำได้ดีกว่าคนอื่น

 

 

เขานึกว่าคำพูดแบบเดียวกันนี้ ชาตินี้เขาคงไม่มีวันได้ยินมันอีก

 

 

จวบจนเมื่อครู่……

 

 

คำพูดประโยคเมื่อครู่ของเหนียนเสี่ยวมู่ รวมถึงท่าทางการพูด เหมือนกับลิ่วลิ่วเป๊ะ!