บทที่ 307 : ฝนดาวตก

แอสตริด อาร์เด้…!

สติของโรเอลวูบหายไปครู่หนึ่งเมื่อได้เห็นชื่อนั้น

อาร์เด้? พวกเขาคือตระกูลอาร์เด้ ที่เราเคยได้ยินใช่ไหม?

ตระกูลอาร์เด้เป็นที่รู้จักกันในฐานะเงาของจักรวรรดิออสทีนโบราณ และต้นตระกูลบรรพบุรุษของตระกูลแอสคาร์ด โรเอลยังคงตกตะลึงครู่หนึ่ง ก่อนที่หัวใจของเขาจะเริ่มเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น

เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะยังมีสมาชิกที่เหลือรอดจากตระกูลโบราณที่ไม่สามารถพบได้ในบันทึกประวัติศาสตร์อยู่ สิ่งนี้อธิบายได้ว่าทำไม ‘นักวิชาการ’ ถึงมีบทบาทเป็นสมาชิกหลักของสมัชชานักปราชญ์พลบค่ำ ที่แท้อีกฝ่ายก็เป็นหนึ่งในคนของตระกูลนั้นนี่เอง!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแอสตริด อาร์เด้ จะต้องมีคำตอบมากมาย สำหรับความลับที่เขาสงสัยมาตลอดจนถึงตอนนี้ เนื่องจากเธอมาจากตระกูลอาร์เด้อันเก่าแก่และเป็นสมาชิกหลักของสมัชชานักปราชญ์พลบค่ำ ถ้าเขาไปพบกับเธอได้ ทุกอย่างจะกระจ่างแจ้งในทันที

ไม่ ไม่ ไม่ เราต้องใจเย็น ๆ ก่อน!

โรเอลรีบดึงตัวเองออกจากความตื่นเต้น แล้วพิจารณาสถานการณ์ของเขาอีกครั้ง

มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลยที่จะไปยังกำแพงทางตอนเหนือของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าเพื่อพบกับ ‘ผู้พิทักษ์’ แอนโตนิโอ แต่เขาก็ยังคงลังเลเล็กน้อยที่จะออกไปแบบนั้น หลังจากผ่านอะไรมากมายมาในฐานะทูตศักดิ์สิทธิ์

เป็นไปได้ว่าภราดรภาพแห่งการกอบกู้เลือกที่จะไม่เคลื่อนไหวในคืนนี้ เพราะพวกเขากำลังรวบรวมกำลังพล เพื่อโจมตีทำลายล้างในรวดเดียว ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสสูงที่พวกเขาจะโจมตีในคืนต่อมา

ถ้าโรเอลออกไปในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ภาคีแห่งนักบุญจะต้องสูญสิ้นอย่างแน่นอน ด้วยที่ต้องสูญเสียเสาหลักแห่งการสนับสนุนไป เมื่อถึงตอนนั้นกลุ่มภราดรภาพแห่งการกอบกู้ก็จะหันความสนใจกลับไปที่การล้อมโจมตีสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า…

คงจะดีกว่า ถ้าเราอยู่สนับสนุนภาคีแห่งนักบุญในศึกสุดท้ายกับกลุ่มภราดรภาพแห่งการกอบกู้ ก่อนที่จะไป

รอยยิ้มค่อยๆ ก่อตัวขึ้นบนใบหน้าของโรเอล

สิ่งแรกที่ลิเลียนรู้สึกเมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น คือความอบอุ่นที่มือขวาของเธอ

นี่มัน…โรเอล เขายังอยู่ที่นี่!

ลิเลียนจำสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ ทำให้ใบหน้าของเธอแดงขึ้นด้วยความเขินอาย แต่ถึงอย่างนั้นเด็กสาวก็มีความสุขที่โรเอลอยู่เคียงข้างเธอตลอดทั้งคืน

โรเอลไม่จำเป็นต้องจับมือลิเลียนต่อหลังจากที่เธอหลับไปแล้ว แต่เขาก็ยังทำมัน เพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ นี่เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดสำหรับลิเลียน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอมีความสำคัญต่อเขามากเพียงใด…

ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านขึ้นในใจลิเลียน เต็มไปด้วยแรงจูงใจอันยิ่งใหญ่ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าโลกรอบตัวสว่างไสวขึ้น ประสบการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ทำให้เธอสับสน แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้เธอมึนเมาเช่นกัน

“ตื่นแล้วเหรอครับ? อรุณสวัสดิ์รุ่นพี่”

“อรุณสวัสดิ์…”

ลิเลียนทักทายโรเอลกลับด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน แต่จู่ ๆ เธอก็รีบปิดหน้าของตนเอาไว้

“รุ่นพี่?”

“อย่ามองนะ?!”

“หา?”

“ฉัน… ฉันต้องจัดระเบียบตัวเองก่อน”

ลิเลียนพูดด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ

โรเอลต้องใช้เวลาสักครู่กว่าจะเข้าใจ ทำให้เขารีบเดินจากไป

ปกติลิเลียนจะอาบน้ำเพื่อชำระร่างกายทุกเช้า แต่เนื่องจากไม่มีคนใช้ในปราสาทและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายในปราสาทเองก็พังไปแล้ว เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องละเลยมันไปบ้าง

เด็กสาวจัดระเบียบรูปลักษณ์ของเธอ ก่อนจะปรากฏตัวต่อหน้าโรเอลอีกครั้ง

โรเอลมองดูลิเลียน ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากเดิม ในท้ายที่สุดเขาจึงทำได้เพียงให้เหตุผลว่ามันเป็นความงามโดยธรรมชาติของเธอ หลังจากเหตุการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ เด็กหนุ่มก็แสดงซองจดหมายที่ได้รับมาเมื่อคืนนี้ให้กับเธอ

เนื้อหาในซองระบุว่าขณะนี้แอสตริดและแอนโตนิโออยู่ภายใต้คำสั่งของสมัชชา เพื่อปกป้องอุปกรณ์เวทย์ เนื่องจากมนุษยชาติกำลังถูกคุกคามโดยพวกกลายพันธุ์ อุปกรณ์เวทย์นี้จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับพวกเขาที่จะต้องรักษาเอาไว้ในมือของ’นักวิชาการ’

หากลางสังหรณ์ของโรเอลถูกต้อง อุปกรณ์เวทย์นี้คือเหตุผลที่ทำให้กลุ่มภราดรภาพแห่งการกอบกู้ก่อการจลาจลขึ้น ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเหตุการณ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับการล่มสลายของสมัชชานักปราชญ์พลบค่ำด้วยเช่นกัน หากตัดสินจากระยะเวลาแล้ว…

ลิเลียนฟังคำอธิบายของเขาและพยักหน้าอย่างครุ่นคิด ทว่าการเปิดเผยจากโรเอลกลับทำให้เธอตกตะลึง

“ท่านแอสตริด…เป็นบรรพบุรุษของฉันงั้นเหรอ?”

“ใช่ หรือพูดให้ถูกก็คือ เธอเป็นบรรพบุรุษของตระกูลแอสคาร์ดของผม แต่เนื่องจากคุณมีพลังสายเลือดตระกูลแอสคาร์ด คุณจึงนับว่ามีความผูกพันกับตระกูลอาร์เด้ด้วยเช่นกัน”

สายเลือดของตระกูลไม่มีทางปรากฏขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผลแน่

สาเหตุที่ว่าทำไมลิเลียนถึงแตกต่างจากตระกูลแอคเตอร์มันน์คนอื่น ๆ ในยุคปัจจุบันน่าจะเป็นเพราะ ‘การฟื้นฟูสายเลือดดั้งเดิม’ คล้าย ๆ กับกรณีของชาร์ล็อต แต่อย่างไรก็ตามเธออาจจะต้องใช้เวลาสักระยะกว่าเธอจะยอมรับความจริงได้ว่าสายเลือดของเธอนั้นไม่ ‘บริสุทธิ์’ เหมือนกับสมาชิกราชวงศ์ที่เหลือ

หลังจากส่งข้อมูลสำคัญนี้ให้ลิเลียนแล้ว โรเอลก็ตัดสินใจให้เวลาเธอคิดทบทวนเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เขารับประทานอาหารเช้า ก่อนที่จะเรียกสาวกของภาคีแห่งนักบุญมาเพื่อหารือเกี่ยวกับแผนสงคราม

โรเอลคิดเอาไว้แล้วว่าตนเองจะใช้ประโยชน์จากภาคีแห่งนักบุญได้อย่างไร เขาต้องการเป็นฝ่ายเปิดการโจมตีใส่กลุ่มภราดรภาพแห่งการกอบกู้

บางครั้งแทนที่จะรอให้โอกาสมาถึง มันคงจะดีกว่าที่จะสร้างโอกาสด้วยมือตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเวลาไม่ได้อยู่เคียงข้างฝั่งของเขา

แผนของโรเอลคือการให้ภาคีแห่งนักบุญโจมตีสวนกลับไปได้ครั้งใหญ่ในคืนนี้ แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปคือโรเอลจะไม่ได้ออกไปแนวหน้าเพื่อเสริมพลังให้ทุกคนแล้ว แต่เขาจะย้ายไปร่วมต่อสู้กับลิเลียนเพื่อล่อให้ ภราดรภาพแห่งการกอบกู้ออกไปทางอื่น

แม้ทหารในชุดเกราะสีดำและร่างชุดดำจะทรงพลัง แต่พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ฉลาด มันจึงไม่น่าจะยากเท่าไหร่ที่จะดึงพวกเขาออกจากแนวหน้า ก่อนจะพุ่งตรงไปที่สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าเพื่อลี้ภัย

ในขณะเดียวกันนี่ก็จะทำให้สมาชิกที่เหลือของภาคีแห่งนักบุญมีอิสระในการโจมตีสมาชิกของกลุ่มภราดรภาพแห่งการกอบกู้และตัดสินผลของสงคราม

แม้ว่าภาคีแห่งนักบุญจะเป็นลัทธิชั่วร้าย แต่โรเอลก็พร้อมจะให้ความช่วยเหลือพวกเขาโดยการล่อเหล่ากองทัพสัตว์ประหลาดออกไป ให้โอกาสในการสวนกลับแก่พวกเขา

มิฉะนั้นพวกเขาจะต้องสูญสิ้นเป็นแน่

ภาคีแห่งนักบุญจะได้รับโอกาสในการพลิกสถานการณ์ที่มีต่อภราดรภาพแห่งการกอบกู้ และโรเอลก็จะสามารถหลบหนีไปที่สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าได้ มันถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรม

เมื่อตัดสินใจเกี่ยวกับแผนแล้ว โรเอลก็ได้พูดคุยกับเหล่าสาวกของมารดาแห่งเทพธิดาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะแยกออกเป็นสามกลุ่มและมุ่งหน้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในเมืองเลนสเตอร์ เพื่อรอเวลาพลบค่ำ

นี่จะกลายเป็นคืนที่วุ่นวายสำหรับเมืองเลนสเตอร์

ทันทีที่พระอาทิตย์ตกดิน แอนโตนิโอก็กระโดดขึ้นไปบนกำแพงด้านเหนือของสถาบันเซนต์เฟรยา ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง กองทหานรักษาการณ์สีดำเริ่มเดินขบวนออกจากอาคารเป็นฝูง ที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง พร้อมกับแตรสงครามที่เริ่มส่งเสียง

ภายใต้ม่านแห่งราตรี อัศวินผู้หนึ่งในชุดเกราะสีน้ำเงินได้ก็ปรากฏตัวขึ้นที่แนวหน้าในเวลาไม่กี่วินาที การเกิดขึ้นของอัศวินในตำนานจากพงศาวดารของประวัติศาสตร์นั้นน่าประทับใจ แต่ก็ช่วยปลุกจิตวิญญาณของโรเอลขึ้นมาได้เพียงเล็กน้อย

เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว เขาได้รับข่าวกรองเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มภราดรภาพแห่งการกอบกู้ที่น่าประหลาดใจที่พวกเขาเลือกที่จะป้องกัน

นี่คือสิ่งที่โรเอลไม่เข้าใจ ด้วยบุคลิกของซาร์โทนี่ มันยากที่จะจินตนาการว่าเขาจะสามารถควบคุมตัวเองได้ให้ไม่บุกโจมตีเป็นเวลาสองวันติดต่อกัน

แนวหน้าที่เงียบสงบอย่างไม่คาดคิด ทำให้โรเอลรู้สึกไม่สบายใจ เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยเกี่ยวกับรอยยิ้มลึกลับของอาร์เทเชีย ก่อนที่พวกเขาจะจากกัน

ทั้งสองคนน่าจะปลอดภัยเมื่อพวกเขาเข้าสู่สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าได้สำเร็จ ซึ่งหมายความว่าแผนการณ์ใด ๆ ก็ตามที่อาร์เทเชียมีอยู่จะเป็นโมฆะ…แต่สิ่งต่าง ๆ จะดำเนินไปได้อย่างราบรื่นจริง ๆ งั้นหรือ?

โรเอลเริ่มครุ่นคิดเกี่ยวกับแผนการต่าง ๆ ที่ตนวางไว้ แต่แล้วจู่ ๆ ความคิดของเขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยร่างกายอันอบอุ่นที่เอนมาทางเขา

“กำลังคิดอะไรอยู่งั้นเหรอ?”

“รุ่นพี่… ม….ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่รู้สึกเหมือนว่ามีอะไรแปลก ๆ ไป”

โรเอลกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ลิเลียนเองก็ถอนหายใจเบา ๆ เช่นกัน ด้วยปัญญาของเธอ เธอเองก็สงสัยในสถานการณ์ที่เป็นอยู่เหมือนกัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้พวกเขาน่าจะขาดข้อมูลบางอย่างที่สำคัญมาก ๆ ไป ทำให้อาจจะเกิดการคำนวณที่ผิดพลาดที่ส่งผลให้แผนการทั้งหมดพังทลายลงได้

แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากต้องดำเนินการในตอนนี้

“ความได้เปรียบของเราจะลดลงไปมาก ถ้าเรายังยื้อเวลาออกไป ตอนนี้เราทำได้เพียงแค่พยายามให้ถึงที่สุดเพื่อให้แผนการสำเร็จ”

“ใช่ คุณพูดถูก…”

เมื่อได้ยินคำพูดของลิเลียน โรเอลก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ สองครั้งเพื่อทำให้ตัวเองสงบลงก่อนที่ทั้งสองคนจะเริ่มเดินทางสู่จุดหมาย

ด้วยเสียงแตรสงคราม ภาคีอัศวินสีครามของจักรวรรดิออสทีนโบราณก็ได้เปิดฉากการโจมตีอย่างรุนแรงบนทางแยกหลักทั่วเมืองเลนสเตอร์ งานของพวกเขาคือเปิดเส้นทางให้กับโรเอลและลิเลียนพร้อม ๆ กับดึงดูดความสนใจจากกองทหารรักษาการณ์

นี่เป็นผลให้ขบวนแปลก ๆ ที่ชวนให้นึกถึงขบวนแห่ปรากฏตัวขึ้น ณ แนวหน้าของสนามรบ ภายใต้ผ้าคลุมของอัศวินสีน้ำเงิน โรเอลและลิเลียนเดินผ่านถนนที่พลุกพล่านราวกับเป็นงานแต่งงาน เพียงแต่ว่าสิ่งที่พวกเขาได้รับไม่ใช่เสียงเชียร์ของฝูงชน แต่เป็นเสียงคำรามของทหารชุดเกราะดำ

หลังจากออกลาดตระเวนเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ภาคีอัศวินสีครามก็เริ่มบรรจบกันตรงจุดที่โรเอลและลิเลียนอยู่ โดยล่อสัตว์ประหลาดส่วนใหญ่ในแนวหน้าให้ออกไปพร้อม ๆ กับพวกเขา

ภายใต้การคุ้มครองของกองทัพ ทั้งสองเริ่มเดินทางไปทางกำแพงทางด้านเหนือของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า และเมื่อพวกเขาเริ่มเข้าใกล้จุดหมายปลายทาง ในที่สุดโรเอลก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างไรก็ตาม ลิเลียนกลับเริ่มขมวดคิ้วขึ้นมาแทน

“หืม? เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอคะรุ่นพี่?”

“…ฉันไม่ได้ยินเสียงแตรสงครามจากทางทิศตะวันออกเลย”

“ทิศตะวันออก?’

โรเอลกระพริบตาขณะที่เขาหันไปทางทิศตะวันออกอันมืดมิดของเมืองด้วยความงุนงง

ภาคีอัศวินสีครามที่ถูกส่งไปยังพื้นที่นั้นถูกกำจัดออกไปจนหมดงั้นเหรอ?

ไม่ นั่นเป็นไปไม่ได้!!

โรเอลส่ายหัวและปฏิเสธความเป็นไปได้นั้น เขาค่อนข้างรอบรู้ในกลยุทธ์ทางการทหาร และเขาไม่เชื่อว่าหนึ่งในกองทัพชั้นนำที่มีชื่อเสียงของจักรวรรดิออสทีนโบราณจะถูกกำจัดได้โดยสัตว์ประหลาดที่ไร้สมอง

ทว่าก่อนที่เด็กหนุ่มจะได้รู้ถึงเหตุผล เขาก็เห็นแสงแวบวาบมาแต่ไกล

นี่มัน…?!

โรเอลตกตะลึงไปกับการระเบิดของแสงที่ส่องประกายอย่างรวดเร็วในท้องฟ้ายามค่ำคืน ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะค่อย ๆ บิดเบี้ยวด้วยความสยดสยอง

มันเป็นระเบิดพลังเวทย์ทำลายล้าง และมันกำลังมุ่งหน้ามายังทิศทางของพวกเขา