ตอนที่ 520

Elixir Supplier

520 มองไปรอบๆ

 

หวังเย้ายังคงอยู่นั่งอยู่ภายในคลินิก มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ข้างฝา

 

“เชิญเข้ามาครับ” น้ำเสียงที่ไม่ได้ดังมาก แต่กลับสามารถดังผ่านหน้าต่างและสวนจนไปถึงด้านนอกได้ ทำให้คนที่อยู่ด้านนอกได้ยอนอย่างชัดเจน

 

คนที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงของเขา แล้วจึงผลักประตูเปิดออกและเดินเข้าไป เขาก็คือ หวูถงชิ่ง ที่มีเหงื่อไหลเต็มหน้าผาก

 

“สวัสดีครับ หมอหวัง” เขาพูด

 

“คุณหวู?” หวังเย้ารู้สึกแปลกใจ เขาคิดไม่ถึงว่า หวูถงชิ่งจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง ทั้งที่เพิ่งผ่านไม่ได้ไม่นานนี้เอง เขาคิดจะมาที่นี่อีกกี่ครั้งกัน?

 

“ผมต้องมารบกวนคุณอีกครั้งแล้วล่ะครับ” หวูถงชิ่งรู้สึกกังวลใจอย่างมาก เมื่อพบหน้าหวังเย้า เขาก็พยายามรักษาท่าทีของตัวเองเอาไว้

 

“อาการของคนไข้แย่ลงเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ครับ ตอนนี้สถานการณ์อันตรายมาก” หวูถงชิ่งพูด “ได้โปรดเถอะครับ ผมขอร้อง ขอให้คุณไปปักกิ่งทีนะครับ”

 

ครั้งนี้ หวังเย้าไม่ได้ตอบปฏิเสธเขา หวูถงชิ่งมาที่นี่ถึงสี่ครั้ง เขามีความอดทนและแสดงความจริงใจออกมาให้หวังเย้าได้เห็น ทั้งๆที่เขาไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แต่เขากลับไม่มีความหยิ่งผยองให้เห็นเลยสักนิด ซึ่งมันเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก

 

หวังเย้าคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดออกมาว่า “คืนนี้ คุณควรจะนอนค้างที่เหลียนชานไปก่อน แล้วผมจะเตรียมยาให้คุณเอากลับไปวันพรุ่งนี้”

 

เมื่อได้ยินประโยคนี้ หวูถงชิ่งก็เบาใจ “ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ”

 

“เดินทางระวังนะครับ” หวังเย้าพูด

 

หวูถงชิ่งลงจากเครื่อง แล้วจึงรีบเดินทางมาที่คลินิกในทันที ความวิตกกังวลของเขาทำให้เขารู้สึกเหนื่อยล้าเป็นพิเศษ เขากลับไปขึ้นรถเพื่อเอนตัวและหลับไป

 

“ขับช้าๆนะ” เลขาที่ตามเขามาด้วยพูดกับคนขับ

 

ท้องฟ้าเริ่มมืดลง รถขับไปตามทางบนภูเขาอย่างนิ่งเรียบ

 

“มีคนไข้เหรอจ๊ะ?” แม่ของหวังเย้าถาม

 

“ครับ มาตอนใกล้ค่ำคนหนึ่ง” หวังเย้าพูด “กินข้าวเถอะครับ”

 

หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ หวังเย้าก็กลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน เขาจำเป็นต้องเตรียมสมุนไพรและทำซุปเป่ยหยวน

 

เขาพอจะเข้าใจอาการป่วยพ่อของหวูถงชิ่งอยู่บ้าง อาการที่ทรุดลงของคนไข้เกิดจากสาเหตุของโรคที่เขาเป็นอยู่ อีกทั้งคนไข้ยังอายุมากและป่วยหนัก ด้วยปัจจัยทั้งสองอย่างนี้ จึงทำให้ร่างกายของเขาต้องรับภาระหนักไปด้วย สถานการณ์ของเขานั้นคล้ายกับเว่ยห่าย ซูเสี่ยวซวี และซุนหยุนเชิง สิ่งแรกที่ควรทำไม่ใช่การรักษาโรค แต่คือการบำรุงร่างกายและเสริมความแข็งแรงให้กับร่างกายผู้ป่วย มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้น ถึงจะทำให้ผู้ป่วยสามารถต่อสู้กับโรคร้ายได้

 

โสม, เก๋ากี่, ซิลเวิร์ธ, เชียนชื่อ, หลินจือ, ชานจิง, กุยหยวน… หวังเย้าเตรียมสมุนไพรที่จำเป็นทั้งหมดเอาไว้สำหรับคืนนี้

 

หวังเย้าคิด ยาตัวนี้อาจจะแค่ช่วยเขาได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ไปเห็นคนไข้กับตาตัวเอง แต่เขาก็พอจะเดาได้ว่า อาการของคนไข้คงจะหนักมากแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้น เขาก็คงจะไม่บอกให้หวูถงชิ่งอยู่ค้างคืน

 

“ท่านครับ เรามาถึงโรงแรมแล้วครับ” เลขาของเขาได้จัดการเรื่องห้องพักเรียบร้อยแล้ว จึงเดินกลับมาปลุกหวูถงชิ่ง

 

“โอ้ ดีๆ” หวูถงชิ่งตื่นขึ้นมาและลูบใบหน้าของตัวเอง “ข้างนอกหนาวจริงๆ”

 

อากาศหนาวเย็นมาก แต่มันก็ยังเทียบไม่ได้กับที่ปักกิ่ง

 

เมื่อมาถึงที่ห้องแล้ว หวูถงชิ่งก็โทรกลับไปหาครอบครัวและสอบถามถึงอาการของพ่อเขา “พี่ใหญ่ อาการพ่อเป็นยังไงบ้าง?”

 

“อาการของพ่อคงที่ชั่วคราว แล้วทางนั้นเป็นยังไงบ้าง?” พี่ชายของเขาถาม

 

“ผมได้เจอเขาแล้ว เขาบอกว่า เขาจะเตรียมยาให้” หวูถงชิ่งพูด “ผมจะไปเอายาที่เขาวันพรุ่งนี้”

 

“เขายังไม่ยอมตกลงมาปักกิ่งเหรอ?” พี่ชายของเขาถาม

 

“ไม่” หวูถงชิ่งตอบ

 

“เขามัน…” พี่ชายของเขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมา ในปักกิ่ง มีน้อยคนนักที่กล้าไม่ไว้หน้าเขา ดังนั้น ไม่ต้องพูดถึงคนในเมืองเล็กๆอย่างเหลียนชานเลย

 

“พี่อย่ากังวลเลย การที่เขาตกลงมอบยาให้กับเรา มันก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้วนี่” หวูถงชิ่งพูด

 

“ดี” พี่ชายของเขาพูด

 

หลังจากที่วางสายเสร็จ หวูถงชิ่งก็เข้าไปอาบน้ำและนอนหลับไปอย่างรวดเร็ว

 

วันต่อมา อากาศในวันนี้ดูอึมครึม บนเนินเขาหนานชาน มีเสียงของฟืนที่กำลังเผาไหม้ และกลิ่นเฉพาะของตัวยาลอยออกมาจากกระท่อม

 

หวังเย้านั่งอยู่หน้าเตาที่มีหม้อต้มยากำลังเดือกปุดๆและเติมฟืนเข้าไปเป็นครั้งคราว ยาตัวนี้คือยาที่เขาตมบ่อยที่สุดและคุ้นเคยด้วยมากที่สุด

 

เขาจดจำปริมาณสมุนไพรที่ต้องใช้ ขั้นตอนการต้ม สีของตัวยา และแม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงของกลิ่น เพียงแค่มองดูสีและดมกลิ่น เขาก็สามารถบอกได้ว่ายาพร้อมแล้วหรือไม่

 

ที่ตีนเขา หวูถงชิ่งเดินทางมาถึงที่คลินิกตั้งแต่เช้าตรู่ เขาพบว่าหวังเย้าไม่ได้อยู่ที่คลินิก ดังนั้น เขาจึงรออยู่ภายในรถและมองดูนาฬิกาข้อมือเป็นครั้งคราว

 

“ท่านครับ ให้ผมไปดูที่บ้านของเขาดีไหมครับ?” คนขับของเขาถาม

 

“ไม่ต้องไป แค่รออยู่นี่ก็พอ” หวูถงชิ่งพูด

 

พวกเขารออยู่ภายในรถเกือบหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะเห็นหวังเย้าเดินลงมาจากเขาอย่างช้าๆ

 

“ท่านครับ เขามาแล้ว” คนขับพูด

 

“อ้อ” หวูถงชิ่งลงไปจากรถ

 

“คุณมาเช้ามากเลยนะครับ!” หวังเย้ามองเห็นรถที่จอดอยู่ จึงเดินเร็วขึ้น “ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ”

 

“เราเพิ่งมาไม่นานเองครับ” หวูถงชิ่งยิ้ม

 

“เข้าไปข้างในกันดีกว่าครับ ข้างนอกมันหนาว” หวังเย้าพูด

 

สภาพอากาศในเวลานี้ทั้งอึมครึมและเย็นเฉียบ เมื่อมีลมพัดมาโดนใบหน้า ก็ทำให้รู้สึกเจ็บได้

 

ภายในคลินิก หวังเย้าหยิบยาที่เขาเตรียมเอาไว้ออกมา “นี่คือซุปเป่ยหยวนครับ มันสามารถช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรงได้”

 

“ยานี่แหละ!” ดวงตาของหวูถงชิ่งเป็นประกายขึ้นมา เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับมันจากเฉินเหล่าแล้ว

 

“นี่เป็นวิธีการใช้ยา ตัวยาจะต้องอุ่นก่อนใช้และสามารถเพิ่มได้ตามความเหมาะสมนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“โอ้ โอเคครับ ขอบคุณมาก แล้วราคาล่ะครับ?” หวูถงชิ่งถาม

 

“หนึ่งล้านครับ” หวังเย้าพูด

 

หวูถงชิ่งจ่ายเงินทันทีโดยไม่พูดอะไรให้มากความ นอกจากคำขอบคุณ “ขอบคุณครับ”

 

“รอเดี๋ยวครับ ผมมียาอยู่นี่สองสามเม็ด ผมคิดว่า ความมุ่งมั่นในหลายวันนี้ของคุณคุ้มค่าที่จะได้รับมันไป” หวังเย้าหยิบเอาเม็ดยาจิ่วเฉาออกมาสามเม็ด และมอบมันให้กับเขา “นี่คือเม็ดยาจิ่วเฉา มันสามารถใช้ในช่วงที่อาการของโรคกำเริบขึ้นมาได้”

 

ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีความมหัศจรรย์เท่ากับยาอายุวัฒนะ แต่มันก็สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีได้เช่นกัน

 

“ขอบคุณครับ ขอบคุณมากๆ!” หวูถงชิ่งเชื่อไปแล้วว่า มันคือตัวยาที่สามารถช่วยชีวิตคนที่ใกล้ตายให้ฟื้นกลับคืนมาได้ จากที่เฉินเหล่าเคยเล่าให้ฟัง แล้วเขาก็ได้มันมาถึงสามเม็ดด้วยกัน “แล้วเรื่องราคาล่ะครับ?”

 

“ไม่คิดครับ ผมให้คุณเลย” หวังเย้าพูด

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณมากครับ นี่เป็นเบอร์ติดต่อของผมครับ” หวูถงชิ่งพูด “ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลืออะไรในอนาคต คุณสามารถโทรหาผมได้เลย”

 

“ขอบคุณครับ” หวังเย้ารับกระดาษที่มีเบอร์โทรเขียนเอาไว้

 

เลขาของหวูถงชิ่งเหลือบดูและเห็นว่า มันคือเบอร์ส่วนตัวของหวูถงชิ่ง เขาคิดในใจ เขาใจกว้างมากจริงๆ!

 

หวูถงชิ่งจากไปอย่างรีบร้อน เขาเดินทางไปห่ายชิวด้วยรถยนต์ และจากนั้นก็บินต่อไปที่ปักกิ่ง ในเย็นของวันนั้น หลังจากที่เดินทางกลับมาอย่างเร่งรีบ เขาก็โทรเฉินเหล่า และขอให้มาพบเขาที่บ้าน

 

“ดูนี่สิครับ” หวูถงชิ่งพูด

 

“ยาตัวนี้แหละ!” เฉินเหล่าแสดงสีหน้ายามที่เห็นตัวยาออกมาอย่างชัดเจน เขาเคยแบ่งตัวยาออกมาเล็กน้อยและทำการวิเคราะห์หาส่วนประกอบ แต่โชคร้ายที่เขาทำไม่สำเร็จ “เอาไปให้พ่อของเธอซะ”

 

หวูถงชิ่งไปหาพ่อของเขา แล้วเอายาให้พ่อของเขาดื่มเข้าไปพร้อมกับน้ำอุ่น สามสิบนาทีหลังจากที่ดื่มยาเข้าไป การหายใจของชายชราก็ราบรื่นขึ้นมาก

 

เฉินเหล่านั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง ถึงแม้ว่าเขาจะเคยได้เห็นผลลัพธ์ของมันมาแล้วมากกว่าหนึ่งครั้ง แต่เขาก็ยังอดทึ่งไม่ได้อยู่ดี การเต้นของชีพจรดีขึ้น ประสิทธิภาพของตัวยานั้นเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว

 

หลังจากที่วินิจฉัยอย่างละเอียดแล้ว เฉินเหล่าก็ได้ผลลัพธ์เหมือนก่อนหน้านี้

 

“ผู้บัญชาการหวูครับ คุณพอจะแบ่งยาบางส่วนให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?” หมอถาม

 

“เธอไม่ต้องยุ่งยากหรอก” เฉินเหล่าพูด “ฉันเคยพยายามให้คนวิเคราะห์หาส่วนประกอบแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ผล”

 

“เฉินเหล่า เขายังให้ยาผมมาด้วยอีกสามเม็ดครับ” หวูถงชิ่งพูด พร้อมกับหยิบยาออกมา “มันคือยาอะไรเหรอครับ?”

 

เฉินเหล่าหยิบยามาเม็ดหนึ่งด้วยความระวัง และพิจารณาดูมัน จากนั้น เขาก็ลองดมดู

 

“เฉินเหล่า ใช่ยาตัวนี้รึเปล่า?” หวูถงชิ่งถาม

 

“เฮ้อ ฉันบอกไม่ได้หรอก ฉันแค่เคยเห็นเขาใช้มันก็เท่านั้น” เฉินเหล่าพูด “ฉันไม่ได้เห็นมันใกล้ๆ แต่มันดูคล้ายๆอยู่นะ มันชื่อว่าอะไรเหรอ?”

 

“เขาบอกว่า ยาตัวนี้ชื่อว่า เม็ดยาจิ่วเฉา และมันสามารถใช้ได้ในตอนที่อาการของพ่อเข้าขั้นวิกฤติครับ” หวูถงชิ่งพูด

 

“เม็ดยาจิ่วเฉาเหรอ?” เฉินเหล่าจ้องมองเม็ดยา