หม้อสือฟางสีใส มีวงแหวนสิบสี สว่างขึ้นมา ส่องสว่างประตูคุ้มครองด้านหน้า

ลู่ฝานสัมผัสได้ว่า พลังของตัวเองโดนหม้อสือฟางสูบไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งแสงสว่างขึ้นมากเท่าไร ลวดลายบนประตูคุ้มครองสว่างขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ลวดลายพวกนี้ เคลื่อนไหวเป็นตัวอักษรสือฟางสีทอง ต่อมา ประตูเปิดออกทันที

หานเฟิงตะโกนอย่างตกใจ

“เปิดแล้ว นายไม่ได้เจ๋งแค่ธรรมดาๆ แล้ว!”

ฉู่สิงพูดอย่างตกใจและสงสัย “ศิษย์น้องลู่ฝาน นายใช้มันยังไง เครื่องรางของผู้ฝึกชี่ นักบู๊อย่างเรา ก็ใช้ได้เหรอ”

ฉู่เทียนเห็นความเจ็บปวดบนใบหน้าลู่ฝาน จึงเดินเข้ามา ปัดหม้อสือฟางในมือลู่ฝานทิ้ง

ลู่ฝานเซถอยหลัง ปราณชี่บนตัวหายไป ลู่ฝานหันมามองฉู่เทียนแล้วพูดว่า “ขอบคุณศิษย์พี่รอง เกือบโดนมันสูบจนหมดแล้ว หม้อสือฟางอันนี้โดนสะกดเอาไว้ ดูเหมือนต่อไป ต้องค่อยๆ หลอมมัน”

ฉู่เทียนหยิบหม้อสือฟางขึ้นมา ยื่นให้ลู่ฝาน “สิ่งของของเซียนบำเพ็ญชี่ จะควบคุมได้ง่ายขนาดนั้นเหรอ แต่ทำไมนายถึงใช้มันได้ล่ะ”

ลู่ฝานกะพริบตา แล้วพูดว่า “อาจเป็นเพราะพลังปราณของผม ค่อนข้างพิเศษมั้งครับ”

ฉู่เทียนยิ้มบางๆ ไม่ถามอะไรมากอีก

ฉู่สิงได้ยิน ก็ยิ้มบางๆ เหมือนกัน “ไปเถอะ ประตูเปิดแล้ว”

ลู่ฝานเห็นว่า ฉู่เทียนกับฉู่สิงไม่มีท่าทีจะถามต่อ แอบรู้สึกตกใจขึ้นมา

พูดเบาๆ ว่า “ใครไม่มีความลับบ้างล่ะ ศิษย์น้องลู่ฝาน นายไม่ยอมพูด พวกศิษย์พี่ก็ไม่ถามมากหรอก เหอะๆ ดูเหมือนคณะหนึ่งเดียว ช่างแตกต่าง

คำพูดของหานเฟิงทำให้ลู่ฝานครุ่นคิด จากนั้นเก็บหม้อสือฟาง ทุกคนเดินต่อไปข้างหน้า

เดินออกจากห้องสมุนไพร ด้านหน้าเป็นพื้นที่โล่ง

พื้นด้านล่าง กลายเป็นแผ่นหินสีดำทนทาน หินชนิดนี้ ดำกว่าหินศิลาดำที่ใช้ทดสอบระดับนักบู๊ อีกทั้งยังดำสนิท เหมือนจะดูดวิญญาณของคนเข้าไปข้างใน

เมื่อเดินบนแผ่นหิน มีเสียงเท้าของพวกลู่ฝานดังสะท้อนขึ้นมารอบๆ

ด้านหน้ามีเสาหินขนาดใหญ่สี่ต้น มีอากาศไหลเวียนอยู่เหมือนหมอกควัน

เมื่อมองอย่างละเอียด ยังเห็นเงาคนกะพริบท่ามกลางหมอกควันพวกนี้ ราวกับภาพลวงตา

พวกลู่ฝานทั้งสี่คนเดินเข้าไป มองผ่านหมอกควัน เห็นคนที่ดูคุ้นตา

“ทำไมไอ้หมอนี่ ถึงมาอยู่ที่นี่”

หานเฟิงชี้เงาคนที่อยู่ท่ามกลางภาพลวงตา แล้วตะโกนออกมา คนที่ถูกเรียกว่าไอ้หมอนี่ ก็คือเฒ่าประหลาด

ลู่ฝานจำได้แล้ว เขาหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “นี่คือประตูแห่งความตาย ความจริงและภาพลวงตา ที่แท้เขาก็อยู่ที่นี่ด้วย ยังมีไอ้เด็กอีกคนด้วย……”

หานเฟิงถามอย่างไม่เข้าใจ “ศิษย์น้องลู่ฝาน นายกำลังพูดอะไร”

ลู่ฝานยังไม่ทันพูด ฉู่สิงมองรอบๆ แล้วพูดว่า “ศิษย์น้องลู่ฝานหมายความว่า อันที่จริงพวกเขาอยู่ที่นี่เหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกับอากาศเวิ้งว้างที่พวกเราอยู่ นายเข้าใจอย่างนี้ก็ได้ เราอยู่ในโลกแห่งความจริง แต่พวกเขาอยู่ในโลกแห่งวิญญาณ”

หานเฟิงตอบรับอย่างเข้าใจ “ก็คืออากาศเวิ้งว้างทับซ้อนกันไม่ใช่เหรอ ผมเข้าใจ งั้นสองคนนี้ลำบากแล้ว จากที่ศิษย์น้องลู่ฝานบอก เราเข้ามาในประตูเป็น พวกเขาเข้าไปในประตูตายฝั่งเราปลอดภัย ส่วนฝั่งพวกเขาน่าจะมีกับดักมากมาย ฮ่าๆ ค่ายกลหุ่นเชิด พวกเขาโดนหุ่นโจมตีแล้ว”

ลู่ฝานเพ่งมองไป เป็นไปตามคาด เฒ่าประหลาดในภาพลวงตา กำลังเผชิญกับค่ายกลหุ่นเชิดอันน่ากลัว

หุ่นหินขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่ง โจมตีเฒ่าประหลาดกับอีกคนหนึ่งอย่างบ้าคลั่ง หุ่นหินขนาดใหญ่แต่ละตัวขนาดใหญ่กว่าเฒ่าประหลาดหลายสิบเท่า

หานเฟิงขมวดคิ้วพูดว่า “ทำไมไอ้หนุ่มอีกคน รู้สึกคุ้นตาขนาดนี้ อ้อ ฉันนึกออกแล้ว เอี๋ยนชิงของคณะหยินหยาง ศิษย์พี่ฉู่สิง ศิษย์พี่ฉู่เทียน พวกพี่มาดูสิ ใช่เขาหรือเปล่า”

ฉู่สิงพยักหน้า “ใช่ เขานั่นแหละ เขาเข้ามาได้ยังไง”

ฉู่เทียนพูดว่า “ไม่ว่าเขาเข้ามาได้ยังไง ทางที่ดีเราอย่าปะทะกับเขา”

ลู่ฝานรู้สึกคุ้นหูชื่อของเอี๋ยนชิง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลู่ฝานนึกออก เหมือนฮ่วนเย่ว์เคยพูดถึงชื่อนี้กับเขา อีกทั้งยังให้เขาระวังด้วย

ลู่ฝานถามว่า “เอี๋ยนชิงคือใคร”

หานเฟิงกัดฟันพูดว่า “ไอ้เลวคณะหยินหยาง อีกทั้งยังเป็นคนเลวที่สุด เขาเป็นศิษย์พี่ใหญ่คณะหยินหยาง มีชื่อเรียกว่า หัตถเลือดเอี๋ยนชิง”

“หัตถเลือดเอี๋ยนชิงเหรอ”

ลู่ฝานขมวดคิ้วแน่น ได้ยินชื่อนี้ ก็พอรู้ว่าเอี๋ยนชิงเป็นคนยังไง

ฉู่เทียนพูดต่อ “ศิษย์น้องลู่ฝาน ต่อไปถ้าเจอคนคนนี้ นายต้องหลบ เขาไม่ฆ่านักเรียนของคณะหยินหยาง แต่นักเรียนคนอื่นในสถาบัน แค่เจอเขาข้างนอก อีกทั้งถ้ารอบๆ ไม่มีครู ต้องโดนเขาดูหมิ่นและฆ่าอย่างทารุณ แม้ตอนต่อสู้จัดอันดับของสถาบัน นักเรียนที่ตายคามือเขา มีอยู่มากมาย”

ลู่ฝานพูดอย่างตกใจ “พวกครูไม่สนใจเลยเหรอ”

ฉู่สิงพูดว่า “สนใจเหรอ จะสนใจยังไงล่ะ เขาเป็นนักเรียน ที่มีความสามารถที่สุด ในคณะหยินหยาง ตอนนี้ผลการฝึกตน คงใกล้ถึงปราณนอกชั้นสุดยอดแล้ว เป็นที่รู้จักในนาม อัจฉริยะที่เจอในรอบพันปี ของสถาบันสอนวิชาบู๊ ครูทั่วไป ยังเก่งไม่เท่าเขาเลย อาจารย์ซิงยวนของคณะหยินหยาง ให้ท้ายเขาเป็นอย่างมาก”

ลู่ฝานพยักหน้าเข้าใจ ดูเหมือนเอี๋ยนชิงเป็นคนไม่มีขื่อมีแปสินะ