บทที่ 166 ไม่มีน้ำใจ
เงียบไปสักแป๊บ เปลี่ยนเรื่องและถามว่า การพัฒนาของหลัวซิวจะเร็วผิดปกติ ต้องมีวิธีลับอะไรแน่นอน
แต่ความลับนี้จะเป็นอะไร นอกจากหลัวซิวคงไม่มีใครจะรู้
สำหรับเรื่องนี้ หลัวซิวเองก็ไม่มีอะไรที่จะปกปิด พยักหน้า “เล่อเผิงเฉิงคือเพื่อนร่วมตายของพ่อเธอ อาจจะดีกับเธอมากๆ แต่ในสายตาของเขาฉันคือคนนอก ที่เขาฝึกตนคือปรมาจารย์ฝึกจิต แต่ในตอนนั้นฉันไม่ถึงแม้กระทั่งชั้นพรสวรรค์”
“ขอโทษ เพราะฉันปากมากเอง” ลู่เมิ่งเหยาพูดอย่างรู้สึกผิด ถุงอายุของเธอจะมากกว่าหลัวซิว แต่ไม่ได้เข้าสังคมเยอะ ไม่รู้ความโหดร้ายของมนุษย์
แต่ก็หลังผ่านเรื่องมามากมาย ความคิดของลู่เมิ่งเหยาเริ่มเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใส่สาวน้อยที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว
“ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้โทษเธอ” หลัวซิวยิ้มและปลอบใจเธอ เรื่องที่เขาพัฒนาเร็ว คนในเขตการปกครองหยุนหลงคงรู้กันเยอะ ไม่อย่างงั้นลู่เมิ่งเหยาคงไม่พูด เรื่องแบบนี้กระดาษห่อไฟไม่ได้หรอก
ตามด้วยพลังของเขายิ่งอยู่ยิ่งแข็งแกร่ง ก็ถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะอยู่ในสายตาของผู้ฝกฝนเช่นเดียวกัน แค่มีคนตั้งใจไปสืบ ก็จะรู้ว่าผลการฝึกตนของเขาพัฒนาในเวลาที่สั้นมาก
หลัวซิวรู้ดีว่านี่ไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ สำหรับตนเอง เพราะไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งทุกคนใจกว้างเหมือนเหวินเซวียนหง เย่เซี่ยงโต่ว เสิ่นหยวนหนาน
เขาจะต้องแข็งแกร่งให้เร็วที่สุด ถ้าถูกโลกยุทธิ์สักแห่งคอยจ้องมองเขาเองจะมีอันตราย
หลังเงียบไปสักแป๊บ ลู่เมิ่งเหยาปรับอารมณ์และพูดว่า “เหตุผลที่ฉันหนีออกมาจากสำนักเหลยหวู่ ก็เพราะว่าสำนักเหลยหวู่บังคับให้ฉันแต่งงานกับคุฯชายเทียนซานเสว่ ฉันตายก็ไม่ยอม ก็เลยเสี่ยงหนีออกมาจากสำนักเหลยหวู่”
“เป็นอย่างที่คิดจริงด้วย!” แววตาของหลัวซิวเฉียบคม
พูดไปพูดมา สำนักเหลยหวู่ถึงแม้จะไม่เคยหาเรื่องตนเองโดยตรง แต่ความแค้นที่มีต่อกันไม่น้อยเลยแม้แต่น้อย
จากนั้นลู่เมิ่งเหยาเล่าเรื่องที่ หลายปีก่อนคุณพ่อลู่เฟยเฉินพาเธอไปหาที่คุ้มครองจากสำนักเทียนซานเสว่
“ไม่ต้องกังวล ที่องค์กรนักล่ายุทธ์นี้ อย่าว่าเขาเป็นคุฯชายเทียนซานเสว่เลย ถึงแม้จะเป็นรางวงศ์แห่งประเทศเทียนหวูก็ไม่กล้ามาโวยวายที่นี่” หลัวซิวพูดเช่นนี้
“อื่ม” ลู่เมิ่งเหยาพยักหน้า ก่อนหน้านี้ที่เธอหนีออกมา เธอคิดไว้แล้วถ้าถูกจับตัวกลับไปให้ตายก็จะไม่แต่งงานกับคุณชายเทียนซานเสว่
การปรากฏตัวของหลัวซิว ทำให้ใจเธอที่หลงทางนิ่งลงเยอะ เหมือนแค่มีหลัวซิวอยู่ เธอก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว เหมือนวันนั้นที่อยู่เขตการปกครองหยุนหลง หลัวซิวฆ่าโกวจินชวนเพื่อเธอ
ถ้าไม่ใช่เพราะหลัวซิวอยู่ ความบริสุทธิ์ของเธอคงจะถูกโกวจินชวนเอาไปตั้งนานแล้ว
เธอพึ่งจะรู้ว่า หลัวซิวสำคัญสำหรับตัวเองมากแค่ไหน ทำให้เธอรู้สึกเสียใจในการตัดสินใจของครั้งที่แล้ว ตอนนี้ก็เลยทำให้ทั้งสองเกิดความห่างเหิน
“หลัวซิวขอโทษ……” ลู่เมิ่งเหยายิ่งคิดยิ่งเสียใจ น้ำตาเริ่มไหล
“ผ่านไปแล้ว แค่มีฉันอยู่ จะรับปากเรื่องความปลอดภัยเธอ” หลัวซิวพูดกับเธออย่างปรอบใจ
พอได้ยินเช่นนี้ ลู่เมิ่งเหยายิ่งซึ่งไปใหญ่และยิ่งรู้สึกผิดด้วย
หลัวซิวรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “ในช่วงเวลานี้ ฉันจะเดินทางไปเข้าร่วมชิงรายชื่อที่เขตการปกครองชิงฮัว เธอรู้เรื่องนี้ไหม?”
“ที่นายพูดคือการแข่งขันชิงรายชื่อที่แดนปริศนาใช่ไหม?” ลู่เมิ่งเหยาเองก็รู้เรื่องนี้ “ได้ยินมาว่า ทั้ง13ฝ่ายต่างก็จะสั่งนักเรียนที่เก่งที่สุดเข้าร่วมการแข่งขันชิงรายชื่อนี้”
“ถึงเวลาเธอไปกับฉันละกัน แค่เธออยู่กับฉัน และยังมีหัวหน้าแก๊งเสิ่น เหลยเว่ยหลงก็ไม่กล้ามาแตะต้องตัวเธอแล้ว” หลัวซิวพูด
……
ประตูหน้าขององค์กรนักล่ายุทธ์ ปรมาจารย์ฝึกจิตผู้คุมกฎสามคนเป็นผู้นำ สำนักเหลยหวู่นักยุทธ์หลาย10ฝ่ายล้อมปิดอยู่ที่นี่
องค์กรนักล่ายุทธ์จะปกป้องนักยุทธ์ทั่วโลก แค่อยู่ในขอบเขตของสมาคม ก็ไม่สามารถที่จะลงมือกับใครทั้งนั้น
แต่เป็นไปไม่ได้ที่คนๆ หนึ่งจะซ่อนอยู่ในองค์กรนักล่ายุทธ์ได้ตลอด เพื่อป้องกันลู่เมิ่งเหยาและหลัวซิวใช้วาร์ปหนีออกไปจากที่นี่ อหลายคนอีกมากมายก็เข้ามาในองค์กรนักล่ายุทธ์ คอยจ้องมองที่รอบๆ ห้องค่ายวาร์ป
“ที่ห้องรับแขกสมาคมนี้ยังไม่มีใครเห็นพวกเขาสองคน”
ผ่านไปสักแป๊บ มีอเดินออกมา รายงานกับเล่อเผิงเฉิงว่า “ฉันไปสืบบ่อแสมาจากผู้ที่เฝ้าค่ายวาร์ปแล้ว วันนี้ยังไม่มีคนใช้ค่ายวาร์ปไปที่อื่น”
“หรือไอ้หนุ่มนั่นจะเป็นผู้อัจฉริยะที่องค์กรนักล่ายุทธ์ ต้องการ?”
เล่อเผิงเฉิงขมวดคิ้ว ในเมื่อคนไม่อยู่ที่นี่ งั้นอยู่ใมในแก๊งแน่นอน และมีแต่สมาชิกเท่านั้นที่จะเข้าไปในองค์กรนักล่ายุทธ์
ถึงแม้ สมาชิกอัจฉริยะไม่ได้ถูกผู้แข็งแกร่งขององค์กรนักล่ายุทธ์คอยคุ้มครองที่ลับ แต่ฐานะสมาชิกพรสวรรค์ขององค์กรนักล่ายุทธ์ก็ไม่ธรรมดาแล้ว
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ถูกองค์กรนักล่ายุทธ์ตั้งเป็น สมาชิกอัจฉริยะ ในตัวต้องมีความสามารถอันพิเศษมากๆ แน่นอน แค่มีโอกาสเติบโตต้องเป็นอันตรายแน่นอน
นอกแก๊งเต็มไปด้วยคนของสำนักเหลยหวู่ หลัวซิวรู้อย่างละเอียดดี
แค่เขาไม่สนใจ มีเสิ่นหยวนหนานที่อยู่ราชายุทธ์ขั้น5คอยเฝ้า ใครจะกล้าหาเรื่อง?
สามคนจากปรมาจารย์ฝึกจิตพาคนล้อมรอบหน้าประตู ทำให้นักยุทธ์มากมายที่เข้าออกแก๊งตกใจ และคนของสำนักเหลยหวู่จะตรวจสอบทุกคนที่ออกจากแก๊งอย่างละเอียด
การกระทำแบบนี้ ถือว่าเป็นการท้าทายองค์กรนักล่ายุทธ์อีกแบบแล้ว
มีคนมากมายรู้ว่าตำแหน่งขององค์กรนักล่ายุทธ์เกินพวก ไม่ธรรมดา แต่ปกติพวกของสำนักเหลยหวู่ก็ทำตัวอวดเก่งที่เขตการปกครองโตว้ไห่มาจนชิน ก็เลยไม่รู้สึกอะไร
โสว่หยวนโหย่วเดินออกจากองค์กรนักล่ายุทธ์ด้วยสีหน้าที่เย็นชา
คนของสำนักเหลยหวู่คุ้นเคยกับคนแก่ที่เดินออกมาอย่างดี รู้ว่าเขาคือผู้อาวุโสของย่อยของเขตการปกครองโตว้ไห่แก๊ง เป็นปรมาจารย์ฝึกจิตผู้แข็งแกร่ง
เห็นแต่โสว่หยวนโหย่วมองไปทางสำนักเหลยหวู่ด้วยสายตาที่เย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ผู้อาวุโสให้ฉันมาบอกคนของสำนักเหลยหวู่ ให้เวลาสามลมหายใจ ไสหัวไป!” ”
หลังจากคำนี้ออกมา นักยุทธ์ของสำนักเหลยหวู่หลายคนอึ้ง ผู้คุมกฎจิตที่เป็นคนนำสามคนก็ขมวดคิ้ว
“ผู้อาวุโส มีคนฆ่าคนของสำนักเหลยหวู่และหนีเข้าไปในแก๊ง ฝ่ายเราก็ไม่ได้ลงมือในเขตของแก๊ง ท่านทำแบบนี้ คงจะไร้น้ำใจเกินไปแล้วมั้ง?” ผู้คุมกฎจิตหนึ่งคนพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ
“หนึ่งลมหายใจ!” โสว่หยวนโหย่วไม่สนใจฝั่งตรงงข้าม นับเวลาอย่างเย็นชา
“พวกเราสำนักเหลยหวู่เป็นถึงอำนาจอันดับแรกของเขตการปกครองโตว้ไห่ แค่คำเดียวของท่านก็ให้พวกเราไสหัวไป คงจะเกินไปละมั้ง? จะให้พวกเราสำนักเหลยหวู่เอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”
“สองลมหายใจ!” โสว่หยวนโหย่วหัวเราะในใจ อำนาจอันดับหนึ่งในเขตการปกครองโตว้ไห่แล้วเป็นอะไร? ในสายตาขององค์กรนักล่ายุทธ์เป็นแค่เศษฝุ่น
“พวกเราไปเถอะ” เล่อเผิงเฉิง สังหรณ์ไม่ดี ก็เลยพูด
แต่พวกเขายังไม่ทันไป โสว่หยวนโหย่วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “สามลมหายใจแล้ว”
ในตอนที่เขาพูดสามลมหายใจ นัยน์ตาของทุกคนหดตัว อยากจะรอดูว่าพวกสำนักเหลยหวู่ไม่ได้จากไปหลังสามลมหายใจ องค์กรนักล่ายุทธ์จะจัดการยังไง
ผู้คุมกฎจิตสองคนที่อยู่ข้างๆ เล่อเผิงเฉิงมองไปรอบๆ รู้สึกว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ส่วนโสว่หยวนโหย่วที่อยู่ด้านหน้าจะเป็นปรมาจารย์ฝึกจิต?แต่ฝ่ายของตนเองมีสามคน และเป็นผู้ฝึกจิตเช่นเดียวกัน
ทันใดนั้น มีความกดดันอันมหาศาลเกิดขึ้นอย่าน่าตกใจ!