บทที่ 309 : ราชาแห่งเผ่าพันธุ์ (2)
“ช่างเป็นคาถาเวทย์ระดับกองทัพที่หาดูได้ยากเสียจริง…”
ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ส่องประกายระยิบระยับ พริสเลย์มองดูดวงอาทิตย์สีขาวค่อย ๆ หายไปเหนือหัวเขาในขณะที่กล่าวคำชม
“เป็นคาถาเวทย์ที่วิเศษมาก ด้วยการร่ายมนตร์ซับซ้อน ข้าคิดว่าคงมีเพียงยักษ์ใหญ่อย่างจักรวรรดิออสทีนโบราณเท่านั้น ที่จะมีทรัพยากรในการสร้างกองทัพจอมเวทย์ที่มีระเบียบวินัยมากพอที่จะทำเช่นนั้นได้ น่าเสียดายที่คาถาเวทย์นั้นมันใช้ไม่ได้ผลกับข้า…”
ราชาจอมเวทย์พึมพำกับตัวเองอย่างสบาย ๆ ราวกับว่ากำลังเดินอยู่ในสวนสาธารณะ แต่แล้วเขาก็ได้รับการตอบกลับมาโดยไม่คาดคิด
“ถ้าคาถาเวทย์นั้นใช้ไม่ได้…แล้วนี่ล่ะ?”
ดวงตาสีทองคู่หนึ่งเปล่งประกายเจิดจ้าท่ามกลางฝุ่นผงและความมืดมิด
พลังเวทย์น้ำแข็งหนาแน่นพุ่งทะลุกำแพงฝุ่นและกระแทกร่างกายที่ผอมบางของพริสเลย์
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้คาดเดาว่าการโจมตีนี้จะสามารถทำลายสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ของตนได้ ก่อนที่พริสเลย์จะได้เคลื่อนไหวใด ๆ เขาก็กลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งไปแล้ว
ต้นไม้ใหญ่สูงตระหง่านอยู่ตรงกลางของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สัมผัสได้ถึงสภาพที่ไม่ปกติของเจ้าของอย่างรวดเร็ว และมันก็เริ่มเปล่งแสงขึ้นอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามภายใต้คาถาเวทย์ระดับกองทัพของลิเลียนและการโจมตีของโรเอลด้วยสัมผัสแห่งธารน้ำแข็งอย่างเต็มที่ แม้แต่ต้นไม้ลึกลับที่ดูเหมือนจะอยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์ก็เริ่มพังทลายลง หลังจากหยุดนิ่งไปหลายวินาที ในที่สุดมันก็ถูกแช่แข็งไปพร้อมกับเจ้านายของมัน
วิญญาณกระจัดกระจายออกไป และทุ่งหญ้ากลายเป็นธารน้ำแข็ง เมื่อทุกอย่างถูกแช่แข็งในที่สุดโรเอลก็วางมือลงแล้วหายใจหอบอย่างรวดเร็ว
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ…
ลิเลียนรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของโรเอลอย่างรวดเร็ว ทั้งสองจ้องไปที่ประติมากรรมน้ำแข็งที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาอย่างเงียบๆ
แม้ว่าการต่อสู้จะตึงเครียด แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามมาตรการรับมือที่พวกเขาได้พัฒนาเอาไว้ล่วงหน้า ไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่ได้วางแผนล่วงหน้า เมื่อพวกเขาคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าอาจจะต้องเผชิญหน้ากับพริสเลย์
กลยุทธ์ของพวกเขาคือให้ลิเลียนแสร้งทำเป็นโจมตี ในขณะที่โรเอลใช้พลังของศิลามงกุฏเพื่อคว้าชัยชนะอย่างรวดเร็ว
พลังเวทย์น้ำแข็งจาก ผู้สร้างธารน้ำแข็งสามารถกระจายออกไปได้อย่างง่ายดายด้วยพลังเวทย์ แต่ผลของมันจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อโรเอลสามารถโจมตีเป้าหมายได้ตรง ๆ เท่านั้น นี่เป็นวิธีเดียวที่พวกเขาจะสามารถใช้โค่นล้มผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 1 ได้
อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องที่เหนือเกินกว่าจินตนาการสำหรับพวกเขาที่จะเอาชนะชายที่รู้จักกันในชื่อ ‘ราชาจอมเวทย์’ ในการต่อสู้ด้วยคาถาเวทย์ และความเป็นจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาคิดถูก…
แม้ว่าแผนของพวกเขาจะบรรลุผลแล้วก็ตาม แต่โรเอลก็ยังไม่ละสายตาจากพริสเลย์ เขาเริ่มใช้พลังเวทย์ของเขาอีกครั้ง เพื่อแช่แข็งพริสเลย์ไว้ แต่แล้วลางสังหรณ์ร้ายก็เข้ามาในหัวใจของเขาทันที
เขาก้มศีรษะลงมองก่อนจะต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจในวินาทีต่อมา
จู่ ๆ เงาของพริสเลย์ก็ได้แยกออกเป็นห้าส่วน
“อึ่ก!”
โรเอลตระหนักได้โดยสัญชาตญาณว่า พริสเลย์มีวิธีการรับมือคาถาเวทย์ของเขา และสิ่งต่าง ๆ ก็กำลังจะเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี…ซึ่งเขาก็คิดถูก
เงาทั้งสี่ได้กระจายออกจากร่างของชายชราที่ถูกแช่แข็ง และเริ่มมาบรรจบกันที่อื่น
โรเอลรวบรวมพลังเวทย์น้ำแข็งทุกหยดที่มี ระเบิดใส่เงาทั้งสี่โดยไม่ลังเลเลย แต่มันก็ไร้ประโยชน์ มันเป็นไปไม่ได้ที่น้ำแข็งจะดักจับเงา แม้ว่าจะเป็นน้ำแข็งของผู้สร้างธารน้ำแข็งก็ตาม
ลิเลียนสั่งจอมเวทย์ของเธอโจมตีเงาทั้งสี่ทันที แต่มันก็ไร้ประโยชน์เช่นกัน แม้แต่การร่ายเวทย์มนตร์อย่างเข้มข้น พริสเลย์ก็ยังสามารถสร้างร่างกายของเขาขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง
ทันทีที่ร่างกายของเขาได้รับการสร้างใหม่ เขาก็ปล่อยแสงออกมาเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ เพื่อปัดเป่าพลังเวทย์น้ำแข็งและคาถาเวทย์
“ช่างน่าประหลาดใจนัก ไม่เคยคิดว่าข้าจะต้องมาถูกฆ่าตายที่นี่ เจ้าหนูเอ๋ย…ความสามารถของเจ้ามาจากศิลามงกุฏใช่ไหมล่ะ?”
“!”
การแสดงออกของพริสเลย์ ไม่ได้ดูผ่อนคลายเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้อีกต่อไป เขาจ้องไปที่ใบหน้าของโรเอลอย่างเคร่งเครียดเป็นเวลานานก่อนจะเอ่ยคำที่เปี่ยมไปด้วยจิตสังหารอย่างล้นหลาม…
“เจ้ามันอันตรายเกินไป… รู้สึกโล่งใจจริง ๆ ที่เจ้ายังเด็กเกินไป”
พริสเลย์กล่าว…
วินาทีต่อมา ชายชราก็ก้าวขึ้นไปข้างหน้าเป็นครั้งแรกในการต่อสู้…
…จากนั้นทั้งโลกก็เปลี่ยนไป
การระเบิดของพลังเวทย์อันทรงพลังอย่างสุดจะพรรณนาพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา ราวกับระเบิดนิวเคลียร์ ดวงตาที่ขุ่นมัวของพริสเลย์เปล่งประกายเจิดจ้า ทันใดนั้นร่างกายที่ผอมบางของเขาก็ดูสูงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เกือบจะเหมือนยักษ์สูงตระหง่าน…
โรงตีเหล็กจำนวนนับไม่ถ้วนที่วางอยู่รอบ ๆ ภายในรัศมีหนึ่งพันเมตรถูกระเบิดขึ้นสู่ท้องฟ้า แม้แต่เมฆด้านบนก็แยกออกเป็นสองส่วนราวกับกำลังสักการะกษัตริย์ของพวกเขา
กลัว…
นี่เป็นครั้งแรกที่โรเอลรู้สึกมีอารมณ์เช่นนี้หลังจากการตื่นขึ้นของพลังสายเลือด
ไม่ว่าเขาจะต้องเผชิญกับศัตรูประเภทใดในอดีต แม้กระทั่งต่อหน้าหกภัยพิบัติหรือบิดาแห่งความมืดเขาไม่เคยรู้สึกถึงความกลัวโดยกำเนิดลึก ๆ เช่นนี้มาก่อน
แรงกดดันที่ไม่สามารถจินตนาการได้กดทับโรเอลจากทุกทิศทุกทาง ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ สภาพแวดล้อมของเขากลายเป็นความว่างเปล่าสีขาวในทันที
พริสเลย์ยืนอย่างทรงพลังต่อหน้าเขา ราวกับพระเจ้าที่มีทุกสิ่งอยู่ในกำมือ แม้แต่การมองดูของเขาก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้โรเอลเจ็บปวดลึกๆ
“ความคิดของเจ้า คือสิ่งที่นำเจ้าไปสู่การล่มสลาย เจ้าน่าจะได้รับชัยชนะเหนือความเป็นไปได้ และประสบความสำเร็จด้วยความสามารถทางสายเลือดมาแล้วหลายครั้ง บางทีเจ้าอาจเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองได้มามาก”
“น่าแปลกที่มันกัดเซาะความรู้สึกกลัวของเจ้าไป เจ้าไม่ได้ประเมินขีดจำกัดของตัวเองเลย ระดับแก่นแท้ 4 แบบเจ้าไม่ควรปรากฏตัวต่อหน้าข้า อย่างน้อยเจ้าก็ควรไปให้ถึงระดับแก่นแท้3 ก่อนเป็นอย่างน้อย…”
คำพูดของพริสเลย์ลึกซึ้งและทรงพลัง มันเป็นคำพูดง่าย ๆ ที่ดังขึ้นราวกับฟ้าแลบในหัวของโรเอล ทำให้เขาตระหนักถึงความผิดพลาดร้ายแรงของตน
หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการโค่นล้ม ผู้ใช้พลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 2 ด้วยความช่วยเหลือจากเทพเจ้าโบราณและพลังของศิลาแห่งมงกุฎ โรเอลเริ่มประเมินศัตรูของเขาต่ำไป
เด็กหนุ่มคิดว่าเนื่องจากเขาสามารถโค่นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับ 2 ลงได้ ในขณะที่เขาอยู่ที่ระดับแก่นแท้ 5 ย่อมมีความหวังอย่างแน่นอนที่เขาจะเอาชนะผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับ 1 ได้ที่ระดับแก่นแท้ 4
แต่นั่นมันจะเป็นไปได้จริง ๆ งั้นเหรอ?
คำตอบนั้นชัดเจนแล้วในวันนี้…
ความแข็งแกร่งของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติไม่ได้เป็นเส้นตรง มันขยายเป็นทวีคูณ ช่องว่างระหว่างระดับแก่นแท้ 2 และระดับแก่นแท้ 5 ไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับช่องว่างระหว่างระดับแก่นแท้ 1 และระดับแก่นแท้ 4
ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 1 คือจุดสูงสุดของมนุษยชาติ ศักดิ์ศรีของมนุษย์ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มนุษย์สามารถต่อสู้กับเผ่าพันธุ์อื่นได้เพื่อความอยู่รอด มันเป็นจุดสูงสุดที่เข้าถึงได้โดยผู้ที่มีพรสวรรค์ที่สุดในหมู่มนุษย์หลายพันล้านคน พวกเขาเป็นเทพเจ้าที่อยู่ในร่างมนุษย์!
ไม่ว่าพวกเขาจะดีหรือชั่ว ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาเป็นราชาแห่งเผ่าพันธุ์ สิ่งที่พวกเขาเป็นตัวแทนไม่ใช่อาณาจักรหรือเชื้อชาติ แต่เป็นตัวแทนของมวลมนุษยชาติทั้งหมด
พวกเขาเป็นจุดสูงสุดของมนุษยชาติ!
แม้แต่เทพเจ้าที่แท้จริงก็ยังต้องหลีกทางให้เมื่อจักรพรรดิแห่งมนุษยชาติคำราม และโรเอลจะต้องจ่ายราคาสำหรับการประเมินตัวตนดังกล่าวต่ำเกินไป…
“จงตายไปพร้อมกับความเย่อหยิ่งของเจ้าเสียเถอะ!”
พริสเลย์กล่าว
ด้วยการยกไม้เท้าของเขา พลังที่มองไม่เห็นก็เริ่มกระเพื่อมออกมาจากร่างของเขา มันดูอ่อนโยนเหมือนก้อนกรวดที่ตกลงไปในทะเลสาบ แต่สิ่งที่โรเอลประสบนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
“โรเอล !”
ลิเลียนตะโกนเรียกชื่อของเขา แต่โรเอลนั้นไม่สามารถขยับหรือพูดได้เลย เขาทำได้เพียงปลดปล่อยพลังเวทย์น้ำแข็ง เพื่อปกป้องตัวเองอย่างสิ้นหวัง แต่นั่นก็ไร้ความหมาย…
ระลอกคลื่นทะลุผ่านปราการพลังเวทย์เยือกแข็งของเขา ความเจ็บปวดที่แหลมคมฉีกผ่านร่างกายของเขา อวัยวะภายในแตกออก เลือดและเนื้อกระจายไปทั่ว โรเอลไม่เคยได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้มาก่อน ทำให้เขากระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ด้านหลังเขา ลิเลียนคร่ำครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด
ในขณะเดียวกัน พริสเลย์นั้นยังคงจ้องมองดูทั้งคู่ด้วยสายตาอันเย็นชา
สถานการณ์พลิกตาลปัตรจากหน้ามือเป็นหลังมือในเวลาเพียงไม่กี่วินาที…