บทที่ 310 : คำโกหกของลิเลียน (1)
เรากำลังจะตาย…
ขณะที่พริสเลย์เดินเข้ามาใกล้ ๆ โรเอลก็เข้าใจได้อย่างถ่องแท้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ความรุนแรงของอาการบาดเจ็บทำให้สายตาของเขามืดลง แต่ก่อนที่เขาจะล้มลงกับพื้น จู่ ๆ ก็มีมือเอื้อมมาพยุงเขาไว้
มันเป็นมือของผู้หญิงที่มีเลือดไหลออกมาจากมุมริมฝีปากของเธอ
พวกเขาต้องเผชิญกับศัตรูที่น่าสะพรึงกลัว แต่ลิเลียนก็ไม่คิดที่จะถอยกลับ แม้จะรู้ดีถึงอันตราย เธอกลับยืนเผชิญหน้ากับมัน ตรงไปที่แหล่งกำเนิดของพลังเวทย์อันน่าสะพรึงกลัว
“โรเอลอาจจะยังไปไม่ถึง ระดับแก่นแท้ 3 แต่ฉันนั้นไปถึงแล้ว”
ลิเลียนกล่าว…
เธอส่งรอยยิ้มอันตึงเครียดให้กับโรเอล ก่อนจะเอื้อมมือขึ้นสู่ท้องฟ้า ทันใดนั้นเศษสีทองก็ไหลออกมาจากฝ่ามือของเธอ กระจัดกระจายไปสู่เหล่าอัศวินและจอมเวทย์ที่ยังหลงเหลืออยู่
นั่นคือ… เศษเสี้ยวมงกุฎงั้นเหรอ? โรเอลคิดด้วยจิตสำนึกที่เลือนลาง
“หยุดเขา!”
ลิเลียนสั่ง…
แสงสีทองที่กระจัดกระจายออกไปได้เพิ่มพลังให้กับเหล่าอัศวินของลิเลียนขึ้นไปถึงระดับแก่นแท้3 และพลังเวทย์ของจอมเวทย์เองก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน ถึงกระนั้นพริสเลย์ก็ยังคงไม่สะทกสะท้าน เป็นเวลาหลายสิบปีแล้วที่เขาไม่ได้เอาจริงถึงระดับนี้ แต่เขาก็ยังเป็นผู้เหนือกว่าในสนามรบ มันจึงไม่สำคัญว่าจะมีศัตรูยืนอยู่ต่อหน้าเขามากแค่ไหน…
“ดิ้นรนไปก็เปล่าประโยชน์ ช่างไร้ความหมายเสียจริง”
“มันอาจจะดูไร้ความหมายสำหรับราชาจอมเวทย์ แต่ฉันคือพี่สาวของเด็กคนนี้”
แม้แรงกดดันมหาศาลจะทำให้ลิเลียนรู้สึกราวกับว่าเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างได้หยุดลงไป เธอก็ยังยกมือที่สั่นเทาขึ้นสัมผัสใบหน้าของ โรเอลอย่างอ่อนโยน พลังเวทย์อันทรงพลังจากพริสเลย์ดึงผมสีดำของเธอ ทำให้ดวงตาสีอเมทิสต์ของเธอก็หรี่ลงจากความเจ็บปวด
เมื่อเด็กสาวเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงความมุ่งมั่น
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือฉันเห็นความหมายของมัน”
“…ช่างเป็นความรู้สึกที่ไร้ประโยชน์สิ้นดี เจ้ากำลังนำความตายมาสู่ตัวของเจ้าเอง”
ราชาจอมเวทย์ตอบอย่างเฉยเมย
เขายกนิ้วขึ้นและยิงพลังเวทย์ทำลายล้างไปยังลิเลียน
ทันใดนั้นสายตาของลิเลียนก็ถูกปกคลุมไปด้วยพลังทำลายล้างของพลังเวทย์ที่พุ่งเข้ามาหา มันเป็นคาถาเวทย์ที่พริสเลย์ร่ายออกมาอย่างเฉยเมย แต่พลังของมันนั้นเหนือกว่าคาถาใด ๆ ที่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 2 จะร่ายออกมาได้
เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีที่น่ากลัวนี้ ลิเลียนจึงถอยกลับไปในทันที โดยมีโรเอลอยู่ในอ้อมแขน อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเธอจะไม่สามารถเอาชนะคาถาเวทย์ของเขาได้
“ป้อมปราการ10ทิศ!”
ลิเลียนร่ายคาถาเวทย์ในช่วงเวลาอันวิกฤตนี้
ดวงตาสีอเมทิสต์ของเธอเปล่งประกายเจิดจ้า พร้อมคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดที่สั่นเทาอย่างรุนแรง ป้อมปราการสามแห่งที่แตกต่างกันผุดขึ้นมาจากพื้นดิน ก่อตัวเป็นกำแพงสูงตระหง่านระหว่างเธอกับพริสเลย์
พริสเลย์ เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
ป้อมปราการ10ทิศเป็นคาถาเวทย์ที่จะสามารถร่ายได้โดยผู้ที่เคยปกครองมนุษยชาติทั้งหมดหรือก็คือตระกูลแอคเคอร์มันน์ โดยว่ากันว่าเคยมีป้อมปราการ 10 แห่งที่เคยปกป้องมนุษย์จากภัยคุกคามภายนอก ซึ่งทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังในยุคอันวุ่นวาย
นี่คือไพ่ตายของลิเลียน และมันก็สามารถป้องกันพลังเวทย์อันเอ่อล้นที่โจมตีเข้าใส่เธอได้
“…ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะสามารถเรียกสิ่งนั้นออกมาได้ เจ้าเป็นลูกครึ่ง ตระกูลแอคเตอร์มันน์สินะ”
พริสเลย์ตั้งข้อสังเกตด้วยความประหลาดใจ แต่อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเขาก็ส่ายหัว…
“ถึงแม้จะเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งในตำนาน แต่มันก็ถูกอัญเชิญโดย ระดับแก่นแท้3 ซึ่งก็ยังไม่สามารถหยุดข้าได้”
พริสเลย์ยกมือขึ้นเป็นครั้งที่สองและปล่อยคาถาเวทย์แบบเดิมออกมา ทว่าคราวนี้รุนแรงกว่าครั้งก่อนมาก…
พลังเวทย์ที่ท่วมท้นทำลายล้างทหารทั้งหมดที่พุ่งเข้ามาในทิศทางของเขา และป้อมปราการในตำนานก็เริ่มพังทลายลงมาทีละแห่ง ลิเลียนรีบถอยหนีอย่างกระวนกระวายใจให้เร็วที่สุด ขณะที่โอบกอดโรเอลที่แทบจะหมดสติเอาไว้ในอ้อมกอด พร้อมคำสัญญาที่ดังก้องอยู่ในหัวของเธอ
ฉันจะปกป้องเธอเอง!
ความรู้สึกของลิเลียนแปรเปลี่ยนเป็นความมุ่งมั่นแน่วแน่ เธอจับสองนิ้วด้วยมืออีกข้างหนึ่งแล้วสะบัดนิ้วออกโดยไม่ลังเล
ครึก!
ด้วยเสียงแตกดังมาจากกระดูกที่หักของลิเลียน ทันใดนั้นป้อมปราการทั้งสามที่เพิ่งถูกทำลายโดยพริสเลย์ก็เปล่งแสงวาบวับออกมา ป้อมปราการที่สี่ พาร์ดูโล่ และป้อมปราการที่ห้า…โคลิน ผุดขึ้นจากพื้นดิน…
ขณะเดียวกันจอมเวทย์ในชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงินทั้งเจ็ดก็ปรากฏตัวขึ้นข้าง ๆ ลิเลียน พวกเขาร้องเพลงประสานเสียงพร้อมกัน ปล่อยพลังเวทย์พุ่งออกมาอย่างหนาแน่น
ใบหน้าของพริสเลย์มืดมนลง
“เข้าใจแล้ว เจ้าไม่ได้พยายามที่จะหยุดข้า แต่พยายามซื้อเวลาสำหรับคาถาเคลื่อนย้ายสินะ?”
ดวงตาของพริสเลย์เปล่งประกายเจิดจ้าในขณะที่เขาพูด
เขาคิดว่าโรเอลเป็นสิ่งน่าตื่นตาตื่นใจเพียงอย่างเดียวที่เขาจะได้เจอที่นี่ แต่การแสดงของลิเลียนเองก็น่าประหลาดใจไม่แพ้กัน…
ป้อมปราการทั้งสิบเป็นคาถาที่ลบล้างความเสียหายของคาถาเวทย์ภายนอกทั้งหมด ให้การป้องกันที่สมบูรณ์แก่ผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังป้อมปราการ นับเป็นปาฏิหาริย์ที่ลิเลียนสามารถอัญเชิญป้อมปราการแห่งที่ 5 ขึ้นมาได้ทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในระดับแก่นแท้3
ความสงบและความแน่วแน่ของลิเลียนในการเผชิญกับอันตราย ตลอดจนพรสวรรค์ของเธอล้วนน่ายกย่อง ท่ามกลางความสิ้นหวัง เธอยังสามารถพบเศษเสี้ยวของความหวังได้
“ข้าไม่เคยคิดว่าจะมีผู้ครอบครองพลังสายเลือดตระกูลแอสคาร์ดที่โดดเด่นสองคนในยุคเดียวกัน”
พริสเลย์กล่าวอย่างลึกซึ้ง
เขารวบรวมพลังเวทย์แล้วจึงปล่อยสายฟ้าแห่งหายนะไปยังลิเลียนด้วยจิตสังหารอันท่วมท้น
“ด้วยเหตุนี้แล้ว ข้าคงไม่สามารถอนุญาตให้พวกเจ้าหนีออกจากที่นี่ไปได้ !”
ทั้งท้องฟ้าและแผ่นดินร้องไห้ต่อหน้าสายฟ้าของพริสเลย์ นี่เป็นการโจมตีที่เหนือสามัญสำนึกทั้งหมด และพลังเวทย์ที่เข้มข้นในนั้นดูเหมือนจะมากเกินกว่าที่เมืองเลนสเตอร์จะทนไหว…
ทว่าป้อมปราการที่สี่และห้าก็ยังคงสามารถยืนหยัดต่อสายฟ้าที่ฟาดลงมาได้
ด้านหนึ่งของป้อมปราการ มีสายฟ้าฟาดอย่างรุนแรงขณะที่มันพยายามจะทำลายสิ่งกีดขวางที่กล้ามาขวางทาง อีกด้านหนึ่งมีลิเลียนที่กำลังคุกเข่าลงบนพื้นและนั่งลงข้าง ๆ โรเอล เธอซ่อนนิ้วมือที่หักบนมือขวาไว้ด้านหลัง ขณะลูบผมของเขาเบา ๆ ราวกับพยายามจะประทับใบหน้าของเขาไว้ในใจ
“รุ่นพี่…”
โรเอลที่สติเลือนรางพึมพำก่อนจะพ่นเลือดออกมาอีกครั้ง ในการมองเห็นที่พร่ามัวของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นความท้อแท้บนใบหน้าของลิเลียน แต่มันเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนในวินาทีต่อมา
เสียงแตกดังสนั่นและแสงวาบวาบ ๆ แวบ ๆ ส่องสว่างอยู่รอบตัวพวกเขา สถานการณ์อันเลวร้ายที่พวกเขาเผชิญได้ทำให้ลิเลียนพูดไม่ออก แต่ทว่าใจของเธอกลับรู้สึกสงบอย่างน่าประหลาดเมื่อเธอพูดคำโกหกออกไป เพื่อปลอบโยนน้องชาย…
“ทำใจดี ๆ เอาไว้นะ พวกเราจะหนีออกไปได้ในไม่ช้า”
“แค่ก แค่ก รุ่นพี่… พวกเขาคือ…?”
“พวกเขาเป็นจอมเวทย์ผู้เชี่ยวชาญคาถาเคลื่อนย้ายจากจักรวรรดิออสทีนโบราณ ฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการทำสัญญากับพวกเขา เก็บมันไว้เป็นทางเลือกสุดท้ายเสมอ ไม่เคยคิดเลยว่าฉันจะต้องตกอยู่ในตำแหน่งอันสิ้นหวังเช่นนี้”
“เข้าใจแล้ว…แล้วเกราะพลังเวทย์ของสถาบันการศึกษาล่ะ…?”
“ลืมไปแล้วเหรอ? ฉันเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยนะ”
ลิเลียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม เธอลูบใบหน้าของโรเอลเบาๆ
“ดังนั้นเธอควรไปก่อนล่วงหน้า รอฉันอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่ง”
“อา? ไม่ ผม…”
“ฉันสามารถเคลื่อนย้ายบุคคลได้ครั้งละหนึ่งคนเท่านั้นด้วย การเคลื่อนย้ายจากระยะไกล เธอไม่สามารถช่วยอะไรฉันได้แล้ว จากอาการบาดเจ็บที่เธอได้รับ”
“…”
การโต้แย้งเชิงตรรกะของลิเลียนไม่มีที่ว่างสำหรับการโต้แย้งของโรเอล แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ขณะเดียวกัน ป้อมปราการที่กำบังพวกเขาก็เริ่มพังทลายลง
ครึก!
ลิเลียนหักนิ้วอีกข้างหนึ่งลงโดยไม่ลังเล ความเจ็บปวดอันแสนสาหัสและการสูญเสียพลังเวทย์อย่างรวดเร็วทำให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้าน แต่การเสียสละของเธอก็ประสบความสำเร็จในการสร้างป้อมปราการที่หกครูเยอร์ขึ้นตรงหน้าพวกเขา…
เสียงร้องประสานเสียงร่ายเวทย์ของจอมเวทย์กำลังจะจบลง
ทันใดนั้นโรเอลก็สังเกตเห็นจุดบอดบางอย่างในแผนของเธอ…